Whip It เป็นฮีโร่เพื่อตัวเองกันเถอะ !!

***ไม่อยากให้เพื่อนบล็อคต้องเสียใจ เวลากดชื่อจขบ.แล้วเจอแต่หน้าเอนทรี้เดิมๆ ก็เลยเอาภาพยนตร์ที่จะเข้าฉายต้นเดือนหน้า (บ้านเรา) มาพรีวิวกัน ส่วนจะเข้าโรงไหนยังไงบ้าง เดี๋ยวจะมาแจ้งกันให้ทราบอีกที***

***ส่วนเอนทรี้ "บลัดดี้มันเดย์ กับภารกิจตะลุยแหลกแ_กไม่เลี้ยง" ขอพลัดไปก่อนนะครับ แบบว่าขี้เกียจลงรูป แหะๆๆ***



มาเล่นสเก็ตไปกับ Whip It กันเถอะ!

บลิซ (แอลเลน เพจ จาก Juno) ใฝ่ฝันในการออกไปจากเมืองเล็กๆที่เธออาศัยมาตลอดชีวิต แต่โชคร้ายที่คุณแม่ (มาร์เซีย เกย์ ฮาร์เดน) ผู้ถูกครอบงำโดยเวทีประกวดนางงามคอยตอกย้ำ บลิซ เสมอว่า สิ่งเดียวที่จะทำให้เธอประสบความสำเร็จในชีวิตได้นั้น ก็คือการชนะงานประกวด มิส บลู บอนเน็ต เท่านั้น

แต่สาวน้อยที่อ่อนต่อโลกคนนี้รู้ว่ายังมีบางสิ่งที่ใหญ่กว่า บางสิ่งที่ดีกว่ารอเธออยู่โลกภายนอก บลิซ ตัดสินใจแอบแม่หนีไปเมืองออสตินกับ แพช (เอเลีย ชอล์แคท) เพื่อนสุดเลิฟของเธอ ซึ่งทำให้เธอได้พบกับสิ่งที่ไม่เคยคาดฝันมาก่อน "โรลเลอร์ ดาร์บี้" กีฬาที่เปี่ยมไปด้วยพลังของลูกผู้หญิง ผสมผสานกับจิตวิญญาณของชาวพังค์ร็อค

Whip It สร้างจากประสบการณ์จริงของ แม็กกี้ เมย์แฮม (ครินติน วิกก์) หัวหน้าทีม โรลเลอร์ ดาร์บี้ ที่ บลิซ แอบเข้าไปสมัครเป็นสมาชิก โดยใช้ชื่อในการแข่งว่า “เบ็บ รูธลิส” ซึ่งในทีมนั้นก็มีสาวสุดซ่าอย่าง สแมชลี่ย์ ซิมป์สัน (ดรูว์ แบร์รี่มอร์) ที่ถูกชะตากับ บลิซ เข้าอย่างจัง และอาสาในการนำเธอไปเจอกับประสบการณ์ใหม่ๆที่ตัวเองไม่เคยฝันถึง

บลิซ ต้องเผชิญหน้ากับ ไอร่อน เมเว่น (จูเลียต ลิวอิส) นักสเก็ตที่แสบที่สุดคนหนึ่งของวงการ และรวมถึงการตกหลุมรักกับหนุ่มนักร้องนำในวงดนตรีอินดี้ ในขณะที่เธอกำลังสวมบทเป็นฮีโร่เพื่อตัวเองและเพื่อนใหม่ ความลับของเธอก็ถูกเปิดโปง บลิซ ต้องเผชิญหน้ากับการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เพื่อที่จะได้ควบคุมอนาคตด้วยแรงใจของตัวเอง





----------------------------------------------------------------------


บทสัมภาษณ์ ดรูว แบร์รี่มอร์

ดรูว แบร์รี่มอร์ เกิดในตระกูลนักแสดง และถือเป็นบุคลากรในวงการอุตสาหกรรมภาพยนตร์ ที่ประสบความสำเร็จที่สุดทั้งด้านการแสดงและการอำนวยการสร้าง เกือบสามทศวรรษแล้วที่เธอแจ้งเกิดกับภาพยนตร์เรื่อง E.T.: Extra Terrestrial ก่อนที่จะมีผลงานตามมาอย่าง Firestarter และ Cat’s Eye ก่อนที่จะหันไปแสดงหนังที่เผยให้เห็นด้านมืดเช่น Poison Ivy, Gun Crazy, Bad Girls

อาชีพนักแสดงของเธอดูจะประทุขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากการรับบทเป็นเหยื่อคนแรกใน Scream จากนั้นเธอได้แสดงในหนังโรแมนติด-คอมเมดี้อีกมากมาย เช่น The Wedding Singer, 50 First Dates และ Music and Lyrics โดยเธอและ แนนซี่ จูวาเน็น ได้ก่อต่อบริษัทภาพยนตร์ Flower Films เพื่อที่จะสร้างภาพยนตร์ตามที่ตัวเองต้องการ โดยเริ่มจากนักข่าวสาวสตึที่ปลอมตัวเข้าไปเป็นนักเรียนมัธยมใน Never Been Kissed จนถึงเป็นหนึ่งในสามนางฟ้าที่ต้องต่อกรกับผู้ก่อการร้ายใน Charlie's Angels ทั้งสองภาค

ในภาพยนตร์เรื่องล่าสุด Whip It แบร์รี่มอร์ ได้ขยายขอบเขตของตัวเองด้วยการเป็นผู้กำกับเป็นครั้งแรก ซึ่งแสดงนำโดย เอลเลน เพจ รับบทเป็นนักเรียนมัธยม ที่พบกับครอบครัวที่สองในทีมโรลเลอร์สเก็ตหญิงล้วน โดยตัว แบร์รี่มอร์ เองก็ได้เข้ามารับบทเป็นหนึ่งในสมาชิกของทีมอีกด้วย




คุณรับหน้าที่เป็นผู้อำนวยการสร้างมาเป็นทศวรรษแล้ว ทำไมคุณถึงเลือกหนังสือ Derby Girl ของ ชอว์น่า ครอส มาเป็นผลงานการกำกับเรื่องแรกของตัวเอง

เพราะว่ามันมีองค์ประกอบทุกอย่างที่ฉันต้องการเล่า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความสัมพันธ์ของครอบครัว เรื่องเด็กวัยรุ่นที่อาจมีแนวคิดแตกต่างออกไป จากสิ่งที่ผู้ปกครองมองเห็นในอนาคต และเรื่องความพยายามในการต่อสู้ เพื่อเป็นในสิ่งที่พวกเราต้องการเป็น โดยหวังว่าจะได้รับการยอมรับด้วยความเต็มใจไปจนตลอดรอดฝั่ง รวมถึงอุปสรรคที่ครอบครัวต้องเผชิญเมื่อลูกๆของพวกเขาเติบโตขึ้น

ฉันอยากลงไปสำรวจสิ่งที่บ่งบอกถึงตัวตนของคุณ รวมถึงมิตรภาพระหว่างคุณกับเพื่อนที่ออกไปเฮ้วด้วยกัน ได้ร้องเพลงไปกับวงที่ชอบเหมือนๆกัน และคอยเตือนสติคุณเมื่อตัวเองออกนอกลู่นอกทาง ฉันชอบคำโปรยในหนังที่ว่า "จงเป็นฮีโร่เพื่อตัวคุณเอง" และ "จงค้นหากลุ่มของคุณ" นั้นคือสองสิ่งที่สำคัญในชีวิตฉัน และฉันก็หลงไหลการแข่งโรลเลอร์ดาร์บี้ เพราะว่ามันเปรียบเสมือนตัวแทนของพลังงานแห่งมิตรภาพ มันเป็นกีฬาที่ทั้งมันส์, ดุเดือด, เท่ และสาวๆเหล่านี้ก็คือเพื่อนกันทั้งหมด ถึงแม้ว่าจะเป็นคู่แข่งกันในสนาม แต่พวกเธอก็สนิทเป็นเหมือนครอบครัวเดียวกันเมื่ออยู่นอกสนาม


สำหรับความสัมพันธ์ของคนในครอบครัว คุณได้รับแรงบันดาลใจมาจากที่ไหนหรือเปล่า

ฉันคิดว่าพื้นฐานของครอบครัวถูกตีแผ่ได้อย่างดีในหนังของ จอห์น ฮิวจ์ เขาสร้างตัวละครผู้ปกครองที่ยอดเยี่ยม จนทำให้คุณรู้สึกอยากมีพ่อแม่แบบนั้นบ้าง อย่างเช่นใน Sixteen Candles ที่ พอล ดูลี่ย์ รับบทเป็นพ่อที่เจ๋งที่สุด หรืออย่างใน Pretty in Pink ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับนางเอกก็ดูมีความจริงใจมาก และอารมณ์ที่ออกมาก็ดูนุ่มนวลและสวยงาม

ฉันก็ยังชอบการที่ จอห์น ฮิวจ์ มักให้ตัวละครหญิงรับบทนำ เขาได้เสนอในแง่มุมของหนังตลก ที่มีพื้นฐานอยู่บนความจริงซึ่งทุกคนเชื่อมถึงได้ เขาเปรียบเสมือนฮีโร่ของฉัน นบัดนี้ฉันก็ยังไม่เข้าใจเลยว่า ผู้ชายอย่างเขาทำไมถึงสามารถเข้าใจผู้หญิงอย่างพวกเราได้ถึงขนาดนี้ (หัวเราะ)


ส่วนมากแล้วผู้กำกับมักเลือกบทที่สวยหรูให้กับตัวเอง แต่ตัวละครของคุณเริ่มต้นมาก็สะบักสะบอมแล้ว

ไม่นะ เพราะฉันเองก็อัดคนอื่นจนสะบักสะบอมเหมือนกัน (หัวเราะ) ฉันรัก สแมชลี่ย์ ซิมป์สัน และทุกตัวละครในทีมต่างก็มีบุคลิกที่โดดเด่นเป็นของตัวเอง ฉันชอบความเป็นฮิปปี้อารมณ์ร้ายของ สแมชลี่ย์ และฉันเองก็สามารถเชื่อมความสัมพันธ์ถึงเธอได้


ก่อนหน้านี้คุณได้รับบทที่ต้องการสภาพร่างกายที่แข็งแรง ซึ่งดูเหมือนคุณจะพัฒนาตัวเองขึ้นเรื่อยๆ และผู้ชมก็มีความสุขที่ได้เห็นคุณในบทแอ็คชั่นอีกครั้ง คุณจำถึงการเปลี่ยนแปลงของตัวเองได้ไหม

จำได้ค่ะ ฉันดีใจที่คุณถาม ตอนที่ฉันอำนวยการสร้างและแสดงใน Charlie's Angels ทั้งสองภาค จุดประสงค์ของฉันก็คือ อยากให้ผู้หญิงมีโอกาสได้แสดงฉากแอ็คชั่นอย่างที่ผู้ชายทำ ฉันชอบให้ผู้หญิงได้เผชิญหน้ากันตรง ๆโดยไม่ต้องมีการซุบซิบนินทาหรือการแอบแทงหลัง ฉันว่าผู้หญิงคนหนึ่งมีความแข็งแกร่งอยู่แล้ว แต่ถ้าผู้หญิงรวมตัวกันเป็นทีมนั้นก็จะไม่มีใครสามารถหยุดได้ ดังนั้นฉันจึงรักการแสดงให้เห็น ถึงกลุ่มผู้หญิงมีพลังเกื้อหนุนซึ่งกันและกัน

ฉันยังชอบการเล่นตลกเจ็บตัว จำได้ว่ามีฉากหนึ่งที่ลงเอยด้วยการที่ฉันเอวเคล็ด และทำให้ฉันต้องเดินกระเพลกไปสามอาทิตย์ ตอนนั้นฉันคิดในใจว่า "พระเจ้า ใครบอกว่าตลกนั้นไม่เจ็บปวด" แต่มันก็เป็นความสนุกในการได้เหวี่ยงตัวคุณไปมา ไม่ว่าการทำให้คนดูหัวเราะเพราะคุณเป็นตัวตลก หรือการอัดใครบางคนเพราะคุณเป็นพวกโหดเอาจริง มันคือการแสดงที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงและฉันก็ชอบทั้งสองแบบ ฉันคิดว่ารอยฟกช้ำและการเจ็บตัว ก็เหมือนกับการได้เหรียญกล้าหาญในการแสดงนะ




คุณคิดว่าผู้หญิงในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ถูกครอบงำโดยค่านิยมของผู้ชาย และเป็นผู้ถูกกระทำโดยที่พวกเธอเต็มใจที่จะนิ่งเฉยไหม

ถ้ามันมีอยู่จริงฉันก็คงไม่รู้จักเลยสักคน และฉันก็ไม่ต้องการเป็นเพื่อนกับพวกเธอ ฉันแน่ใจว่ายุคสมัยนี้ก็คงยังมีเรื่องแบบนี้อยู่ แต่ฉันจะไม่ลงไปเล่นในเกมส์นี้อย่างแน่นอน และฉันก็จะไม่ไปสุงสิงกับคนประเภทนั้นด้วย


คุณใช้เวลานานไหมในการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับกีฬาโรลเลอร์เดอร์บี้

โอ้ แน่นอนค่ะ ฉันเป็นคนชอบค้นหาข้อมูลก่อนที่จะทำอะไรทุกอย่างเสมอ พวกเราเริ่มต้นจากการตั้งแคมป์ฝึก ซึ่งฉันเรียนรู้มาจาก Charlie's Angels คุณต้องเลือกนักแสดงที่สามารถแสดงฉากสตันท์, เล่นสเก็ต และแสดงฉากแอ็คชั่นได้ ฉันไม่ชอบการใช้มุมกล้องหรือการตัดต่อเข้าช่วย หรือการใช้นักแสดงแทน มันเป็นเรื่องเยี่ยมที่ได้เห็นพวกเธอออกไปฝึกร่วมกัน เรียนรู้เทคนิคการสเก็ตและได้รับบาดเจ็บ พวกเธอโห่ร้องเชียร์เมื่อสามารถทำเทคนิคเฉพาะสำเร็จ ซึ่งมิตรภาพของกลุ่มนักแสดงหญิง ก็ส่งผ่านเป็นเคมีที่น่าดึงดูดบนจอภาพยนตร์

ฉันได้ไปดูการแข่งขันจริงหลายครั้ง และได้เข้าไปทำความรู้จักนักกีฬาตัวจริง และผู้หญิงที่ฉันเลือกให้มาออกแบบฉากการแข่งขันชื่อว่า อเล็ค โคเฮน ซึ่งทำงานเป็นประชาสัมพันธ์ตอนกลางวัน แต่ตอนกลางคืนเธอก็เปลี่ยนเป็นนักกีฬาเดอร์บี้ที่ชื่อ “เอ็กเซล ออฟ อีวิว” ซึ่งก็ทำให้ฉันรู้สึกสนใจในมุมมอง ที่ว่าด้วยเรื่องของการใช้ชีวิตสองด้าน เหมือนกับว่าพวกเธอคือซุปเปอร์ฮีโร่หญิงเลย


มิตรภาพระหว่างคุณกับสาวๆในเรื่องดูเป็นธรรมชาติมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งแนวทางที่ทุกสิ่งทุกอย่างลงเอยในตอนจบ

ฉันหลงไหลการได้พบกับสถานที่ที่วิเศษไปพร้อมกับผู้คนที่วิเศษ และการได้พบกับความสุขในชีวิตหลังจากการต่อสู้อย่างหนัก เพื่อที่จะได้อยู่ในโลกที่ตัวเองรู้สึกว่าเหมาะสม ซึ่งเป็นสิ่งที่เสริมสร้างกำลังใจให้กับฉัน ถึงแม้ว่าชีวิตต้องดำเนินต่อไป ความท้าทายใหม่ๆอาจเดินทางมาหาคุณในอนาคต แต่ฉันต้องการให้หนังเรื่องนี้ ได้เล่าถึงช่วงเวลาที่เธอได้พบกับช่วงเวลาที่ดีที่สุด


คุณสร้างบรรยากาศในกองถ่ายยังไง

ฉันใช้วิธีการเดียวกับตอนถ่าย Charlie’s Angels คือคุณเข้ากองถ่ายในตอนเช้าและทำงานอย่างเต็มที่ หลังจากนั้นทุกคนต้องมากินอาหารเที่ยงร่วมกัน จากนั้นก็ทำงานอย่างเต็มที่ในช่วงบ่ายอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ฉันมีความท้าทายที่แตกต่างออกไป เพราะว่าตัวเองไม่สามารถนั่งกินข้าวเที่ยงกับทุกคนได้ เพราะฉันต้องไปพบปะกับทีมโปรดักชั่น และอยู่ทำงานหลังจากทุกคนกลับไปพักผ่อนแล้ว

แต่อย่างไรก็ตาม ฉันก็ได้ออกไปเล่นสเก็ตและเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ซึ่งทำให้ตัวเองสามารถลืมทุกสิ่งทุกอย่าง และทำตัวสนุกไปกับช่วงเวลาในการฝึก และเมื่อการถ่ายทำสิ้นสุดลง ฉันก็คิดว่า "โอ้ พระเจ้า ฉันยังต้องทำงานช่วงโพสโปรดักชั่นด้วยนี่หน่า" การทำงานทั้งสองฝากเป็นเรื่องที่ยุ่งเหลือเชื่อจริงๆ แต่มันก็ยังเป็นเรื่องที่สนุกและน่าตื่นเต้นอีกด้วย




บทเรียนที่คุณได้รับในการเป็นผู้กำกับคืออะไร

ฉันคิดว่าสำหรับตัวเองแล้ว ฉันไม่ใช่ผู้กำกับที่นั่งอยู่แต่หน้าจอมอนิเตอร์ ฉันชอบยืนอยู่ข้างกล้องและเอาใจใส่ในเรื่องการแสดงก่อนเสมอ เพราะว่าการแสดงคือทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับฉัน ไม่ว่าจะเป็นมุขตลก หรือฉากที่สร้างอารมณ์สะเทือนใจ รวมถึงความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ระหว่างบรรทัด ฉันรักการทำงานร่วมกับนักแสดงแบบใกล้ชิด เพราะฉันคิดว่าเมื่อคุณจ้องแต่จอมอนิเตอร์แล้ว มันก็อาจมีบางสิ่งที่หลุดหายไป

ฉันชอบสไตล์ของผู้กำกับที่ลงไปอยู่ในสถานการณ์จริง เฝ้าสังเกตุการทำงานของทุกแผนกด้วยตัวเอง และพยายามทำให้อารมณ์ของนักแสดงปลอดโปร่งตลอดเวลา เพื่อให้พวกเธอให้ความสนใจอยู่แต่เฉพาะการแสดง ก็เหมือนกับการที่คุณสามารถเล่นเครื่องดนตรีได้ทุกชนิด คุณก็จะสามารถควบคุมวงดนตรีได้อย่างราบรื่น


คุณต้องออกไปโปรโมตภาพยนตร์เรื่องนี้อีกนานเลย การต้องเป็นทั้งผู้กำกับ นักแสดง และออกโปรโมตแบบนี้ คุณอยากจะหลบไปพักหลังจากทุกอย่างหรือเปล่า

สำหรับฉันแล้วมันสำคัญที่ได้เดินทางไปทั่วประเทศ และมอบภาพยนตร์เรื่องนี้ให้กับผู้ชมโดยเฉพาะ เพราะว่านี้คือประสบการณ์ส่วนตัวสำหรับฉัน ฉันไม่ต้องการที่จะออกรายการทอล์คโชว์แล้วพูดว่า "ได้โปรดทุกคน จงมาดูหนังเรื่องนี้" ฉันใช้เวลาสามปีในชีวิตไปกับภาพยนตร์เรื่องนี้ ดังนั้นฉันจึงอยากเดินทางจากเมืองนึงไปอีกเมือง และฉายหนังเรื่องนี้ให้กับทุกคนด้วยมือของตัวเอง

Whip It เปรียบเสมือนลูกรักของฉัน และตอนนี้มันก็จะกลายเป็นลูกรักของคนดูทุกคน ฉันสร้างมันขึ้นมาเพื่อความหวังที่ว่าจะทำให้ทุกคนมีความสุข นี้เป็นการเดินทางที่ทั้งสนุกและเหน็ดเหนื่อย ดังนั้นฉันเองก็ยังไม่รู้เลยว่า เมื่อไรที่ตัวเองจะมีโอกาสสวมชุดสบายๆ และนอนพิงไฟอยู่ในบ้าน..... คงสักวันหนึ่งนะ


----------------------------------------------------------------------


บทสัมภาษณ์ แอลเลน เพจ




แอลเลน เพจ ได้สั่งสมชื่อเสียงและประสบการณ์ จนกลายเป็นหนึ่งในนักแสดงดาวรุ่งพุ่งแรงที่สุดในขณะนี้ โดยปี 2008 เธอได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์, แบฟต้า และลูกโลกทองคำ ในสาขานักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจากภาพยนตร์เรื่อง Juno

โดยขณะนี้ แอลเลน กำลังถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง Inception ของผู้กำกับ คริสโตเฟอร์ โนแลน (The Dark Knight) ที่เธอร่วมแสดงกับ ลีโอนาโด ดิคาปริโอ, โจเซฟ กอร์ดอน เลวิทท์, มาริยง โกติยาร์ด และ เคน วาตานาเบ้ และยังมีผลงานที่กำลังจะลงโรงฉายอย่าง Peacock ที่เธอร่วมแสดงกับ ซิลเลียน เมอร์ฟีย์ และ ซูซาน ซาแรนดอน

Whip It ที่มีกำหนดเข้าในเดือนธันวาคมนี้ เป็นหนัง Coming-of-Age ที่เข้าไปสำรวจเรื่อง ความสัมพันธ์คนในครอบครัว, มิตรภาพระหว่างนักกีฬา และรักครั้งแรกของหญิงสาว เมื่อ บลิซ (แอลเลน เพจ) ใฝ่ฝันที่จะออกไปจากเมืองเล็กๆซึ่งเธออาศัยมาตลอดชีวิต แต่โชคร้ายที่คุณแม่ (มาร์เซีย เกย์ ฮาร์เดน นักแสดงที่ได้รับออสการ์ จาก Pollack) ผู้คลั่งไคล้โลกการประกวดนางงามมักคอยตอกย้ำ บลิซ เสมอว่า สิ่งเดียวที่จะทำให้เธอประสบความสำเร็จในชีวิตได้นั้น ก็คือการชนะงานประกวด มิส บลู บอนเน็ต

แต่ บลิซ หวังเสมอว่ายังมีบางสิ่งที่ใหญ่กว่า บางสิ่งที่ดีกว่ารออยู่ในโลกภายนอก เธอตัดสินใจแอบหนีไปเมืองออสตินกับ แพช (เอเลีย ชอล์แคท) เพื่อนสุดเลิฟ ซึ่งทำให้เธอได้พบกับสิ่งที่ไม่เคยคาดฝันมาก่อน "โรลเลอร์ ดาร์บี้" กีฬาที่เปี่ยมไปด้วยพลังงานของลูกผู้หญิง ผสมผสานกับจิตวิญญาณของชาวพังค์ร็อค และเป็นตัวแทนของคำว่า “อิสระภาพ”

ก่อนที่เธอตัดสินใจสวมรองเท้าสเก็ต แอลเลน เพจ รู้ดีว่านี้จะเป็นโปรเจ็คที่ท้าทายที่สุดในอาชีพนักแสดงของเธอ "นี้อาจเป็นการผจญภัยที่ตื่นเต้นที่สุดที่ฉันเคยทำ เพราะว่ามันมีส่วนผสมที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นโลกโรลเลอร์ ดาร์บี้ พลังงานของความสัมพันธ์ ทุกช่วงเวลาสำคัญต่อการเติบโตและการพัฒนาตัวเองของ บลิซ"

เพจ เล่าต่อว่า "จุดเด่นของภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คือ การเล่าเรื่องผ่านมุมมองของเกมส์กีฬาได้อย่างตื่นเต้นเร้าใจ ขณะเดียวกันมันก็เล่าเรื่องวัยรุ่น ที่ต้องผ่านการเปลี่ยนแปลงในชีวิต โดยทั้งสองได้ถูกหล่อหลอมกันเป็นหนึ่ง ซึ่ง ดรูว์ เองก็สามารถสร้างมันด้วยความกระตือรือล้น และนำแนวคิดเรื่องการมองโลกในแง่ดีมาใช้ได้อย่างยอดเยี่ยม"


สำหรับการเป็นผู้กำกับครั้งแรก คุณคิดว่า ดรูว์ แบร์รี่มอร์ ทำหน้าที่เป็นยังไงบ้าง

ยอดเยี่ยมมากค่ะ ดรูว์ เป็นผู้กำกับประเภทที่เปิดรับความคิดของทุกคน เธอมีวิสัยทัศน์ในการเล่าเรื่องที่ชัดเจน รู้ดีว่าตัวเองต้องการอะไร และอยู่กับพวกเราทุกคนตลอดเวลา เธอเข้ามาทำงานก่อนทุกคน และเลิกงานหลังจากที่ทุกคนกลับไปแล้ว สำหรับฉันแล้ว ดรูว์ เป็นแรงบันดาลใจให้ผู้กำกับหน้าใหม่ทุกคน เธอน่าทึ่งจริงๆ




ช่วยเล่าถึงตัวตนของ ดรูว์ แบร์รี่มอร์ ในสายตาคุณหน่อย

ฉันเจอ ดรูว์ ครั้งแรกที่ประเทศฝรั่งเศส มันถือเป็นเรื่องที่เซอร์เรียลที่สุดในชีวิต คุณจะรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นและความเป็นผู้หญิงใจดี เธอเป็นซุปเปอร์สตาร์ที่มีความติดดิน เธอมีแรงใจและเอาใจใส่กับทุกเรื่อง เธอเป็นผู้หญิงที่มีพลังงานล้นเหลือ และฉันคิดว่าเธอเป็นผู้ร่วมงานที่ดีมาก เพราะแค่คุณมองตาเธอ คุณก็จะเห็นคำว่า "ไม่ต้องห่วง ทุกอย่างจะต้องราบรื่น" ลอยออกมาเลย


Whip It มีความแตกต่างจากภาพยนตร์ที่คุณเคยเล่น อะไรเป็นสิ่งที่ดึงดูดคุณเข้ามา

หลายอย่างเลยค่ะ เริ่มแรกเลยก็คือมันมีบทภาพยนตร์ที่ยอดเยี่ยม คุณจะรู้สึกได้ถึงความจริงใจและความสัมพันธ์ของตัวละครที่บริสุทธิ์ รวมถึงการกลับมาอยู่ในเทรนด์ของการแข่งขันโรลเลอร์ ดาร์บี้ ฉันคิดว่ามันเป็นเรื่องดีสำหรับผู้หญิงอย่างเรา ในโลกที่พวกเราสามารถใช้เพื่อปลดปล่อยอารมณ์ ในการแข่งขันที่แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่ง โดยไม่คำนึงถึงกรอบของสังคมปัจจุบัน ที่สนใจแต่เรื่องของหน้าตาและสัดส่วนร่างกาย


การฝึกเล่นสเก็ตล่ะเป็นยังไง แดเนี่ยล สเติร์น (ผู้รับบทเป็นพ่อนางเอกในเรื่อง) บอกว่าเมื่อเข้าไปในกองถ่าย ก็เห็นแต่ผู้หญิงวิ่งไปวิ่งมาบนสเก็ตรายรอบตัว คุณต้องฝึกฝนหนักแค่ไหน

ฉันต้องฝึกเล่นสเก็ตเพื่อถ่ายทำการแข่งขันโรลเลอร์ ดาร์บี้เป็นเวลาสามเดือน และมีเทรนเนอร์ส่วนตัว ที่คอยเสริมสร้างความแข็งแกร่งร่างกายให้กับฉัน แต่ฉันก็ชอบกระบวนการฝึกนะ มันเป็นเรื่องเยี่ยมที่คุณไม่ต้องจ่ายเงิน แถมยังได้ค่าจ้างเพื่อเรียนรู้การแข่งขันโรลเลอร์ ดาร์บี้


ระหว่างการได้เล่นสเก็ตกับความสัมพันธ์ของตัวละคร สิ่งไหนในภาพยนตร์ที่ดึงดูดคุณมากกว่ากัน

ทั้งสองสิ่งเป็นส่วนสำคัญที่ดึงดูดฉัน พวกเราสร้างหนัง Coming-of-Age ที่มาพร้อมกับความสนุกในเกมส์กีฬา และมันก็เป็นเรื่องดีที่ความสัมพันธ์ในเรื่อง ไม่ได้ถูกคลี่คลายตามขนบธรรมเนียม Whip It มองถึงความสัมพันธ์ระหว่าง บลิซ กับแม่อย่างจริงใจ เธอไม่ได้ทำตัวเป็นขบถและตระโกนใส่แม่ว่า "อย่ามายุ่ง นี้คือสิ่งที่หนูอยากทำ" เพราะเธอเป็นคนที่เทิดทูนและรักแม่ เธอไม่อยากขัดกับสิ่งที่แม่ต้องการ แต่พบว่ามันมีบางสิ่งที่ดึงดูดเธอมากกว่า มันทำให้เธอรู้สึกผิดและเจ็บปวดจากภายใน เพราะการตัดสินใจนั้นจะต้องทำให้แม่เสียใจ

ฉันคิดว่ามันเป็นช่วงเวลาที่น่าสนใจ ที่ชีวิตของหลายตัวละครได้พัฒนาไปสู่ความมีอิสระภาพ และเติบโตกลายเป็นผู้มีวุฒิภาวะ ความสัมพันธ์เก่าจะเป็นอย่างไรเมื่อคุณหันไปพัฒนาความสัมพันธ์ใหม่ มันเป็นช่วงเวลาที่น่าสนใจสำหรับชีวิตของทุกคน แน่นอนว่ามันยังมีเรื่องของมิตรภาพระหว่างเธอและเพื่อนสนิท ที่ลึกซึ้งและมีความพิเศษระหว่างพวกเธอ ทั้งหมดนั้นเป็นสิ่งที่ดึงดูดฉัน




คุณมีเพื่อนที่พิเศษแบบนั้นบ้างหรือเปล่า

แน่นอนค่ะ ฉันมีเพื่อนสนิทหลายคนในแต่ละช่วงเวลาของชีวิต ช่วงเรียนมัธยมต้นฉันมีเพื่อนผู้ชายชื่อ อเล็ค และพวกเราก็ไม่สามารถแยกกันได้เลย จากนั้นช่วงมัธยมปลายฉันก็มีเพื่อนสนิทอยู่สองสามคน และมันก็กลายเป็นมิตรภาพที่สำคัญที่สุดในชีวิตของฉันตอนนี้


แม่ของคุณเป็นแรงบันดาลใจให้กับคุณมากแค่ไหน

แม่ของฉันคือคนที่มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ที่สุดคนหนึ่ง เธอเป็นคุณครูมาตลอดชีวิตและเพิ่งเกษียญในปีนี้ เธอคอยเป็นห่วงว่าฉันจะมีความสุข หรือมีสมดุลในชีวิตไหม เธอเป็นคนน่ารักมาก เธอคอยสนับสนุนในสิ่งที่ช่วยเสริมสร้างจิตวิญญาณของฉัน และเธอก็ไม่พยายามบุกรุกหรือยึดติดกับโลกที่ฉันอาศัยอยู่


คุณต้องการให้ผู้ชมได้อะไรกลับไปหลังจากการดูภาพยนตร์เรื่องนี้

ฉันอยากให้ผู้ชมใช้เวลาในการดูหนังอย่างมีความสุข เพราะว่าคุณทุ่มเทแรงกายและแรงใจ และมีความสุขไปกับการแสดงในหนังเรื่องนี้ ฟังดูอาจน้ำเน่านะ แต่ฉันคิดว่า Whip It คือการเดินทางในการตามหาอะไรบางอย่างในชีวิต ที่จะช่วยจุดประกายความฝันขึ้นมา แสดงให้เห็นศักยภาพที่แท้จริง และช่วยทำให้คุณค้นพบความมั่นใจ แรงใจ และความแข็งแกร่ง สำหรับใครก็ที่ได้รับชม มันไม่เกี่ยวกับอายุ ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง ฉันว่าภาพยนตร์เรื่องนี้สื่อถึงทุกคน


คุณคิดว่าเสียงวิจารณ์มีผลกระทบต่อการแสดงของคุณหรือเปล่า

ฉันคิดว่าการแสดงของตัวเอง ขึ้นอยู่กับแค่ช่วงเวลาที่รู้สึกในขณะนั้น แน่นอนที่มันคงเป็นเรื่องดีถ้าผู้คนชอบสิ่งที่ฉันทำ แต่ไม่ว่าพวกเขาจะชอบหรือเกลียดฉัน มันก็ไม่ได้สร้างผลกระทบอะไรอยู่แล้ว ฉันรู้สึกมีความสุขที่สามารถทำในสิ่งที่ตัวเองทำแล้วสบายใจ ฉันใช้เวลาที่มีอย่างมีค่าใ นการตักตวงประสบการณ์จากการแสดงเรื่องนี้ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิต


----------------------------------------------------------------------


ตัวอย่างภาพยนตร์






Create Date : 11 พฤศจิกายน 2552
Last Update : 11 พฤศจิกายน 2552 23:53:30 น. 23 comments
Counter : 2618 Pageviews.

 
อะแฮ่ม ประธานสมาคมดองบล็อกเข้ามาเยี่ยมชมสมาชิกรุ่นน้องหน่อย

หลังๆไม่ค่อยรีวิวอะไรนอกจากน้องวาเนสซ่ากับน้องเอลเลนเลยนะ แต่เนื้อเรื่องถูกจริงเรามากเลย หวังว่าคงสร้างได้ไม่แอ๊บแบ๊วเกินไป เคยดูหนังแคนาดา-ฝรั่งเศสที่นางเอกเป็นฮีโร่นักปั่นจักรยาน ชีวิตจริงมากก บดมด.ดูยัง ที่ตอนหลังนางเอกผันตัวเองไปเป็นเด็กปั่นจักรยานส่งเอกสารอ่ะ

อืม...เห็นภาพสเก็ตแล้วตาซ้ายกระตุกนึกถึงหนังโรลเลอร์สเกตห่วยๆเรื่องนึงที่เอาพี่ล่ำLLcoolJของอป.ไปตายต้นเรื่อง(อุ๊บบส์ ไม่ได้บอกชื่อ ไม่ได้สปอยล์ ขอโทษค่า) ห่วย..มาก..มาก..ดูไม่จบด้วยง่ะ

อ้อๆ ขอแนะนำให้บดมด.ไปร้านหนังสือการ์ตูนใกล้บ้านท่านตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วไป โรลเลอร์สเก็ตไฟต์เตอร์ของแท้ต้อง GUNNM!! เป็นการ์ตูนที่แนะนำมากๆเลย

Photobucket

พูดถึงน้องเอลเลนนึกถึงสาวอินดี้อีกคนคือโทร่า เบิร์ชอ่ะ(เขียนถูกป่าว) ไม่รู้เธอหายไปไหนแล้ว

เดอะโรดอ่านถึงตอนสยองแล้วยัง


โดย: อป (apple_cinnamon ) วันที่: 11 พฤศจิกายน 2552 เวลา:23:45:00 น.  

 
Typo: ถูกจริต ไม่ใช่ถูกจริงๆ

แล้วก็อยากอ่าน บลัดดี้มันเดย์ กับภารกิจตะลุยแหลกแ_กไม่เลี้ยงเร็วๆน้า


โดย: อป (apple_cinnamon ) วันที่: 11 พฤศจิกายน 2552 เวลา:23:47:40 น.  

 
^
^
อป.นอนดึกแฮะ เรื่อง GUNNM สนุกภาคแรก แต่หลังๆเริ่มงงอ้ะ ตามไม่ทัน (คือเราโง่นั่นเอง)

เท่าที่ดูจากงานที่ผ่านๆมาของน้องดรูว์คิดว่าหนังไม่น่าจะออกมาแอ๊บจนเกินไป รสนิยมน้องดรูว์ไม่น่าจะเป็นอย่างนั้น (เอาอะไรมามั่นใจเนี่ย) แต่ไม่ได้เห็นจูเลียต ลิวอิสมานานแล้วอ้ะ อยากดูๆ

รีบๆลงรูปการตะลุยแหลกแ_กไม่เลี้ยงเถอะ อยากอ่านมากกกกกกก (อย่านึกว่าเรื่องนี้จะช่วยให้ถ่วงเวลาได้นานนะ 5555++)


โดย: แฟนผมฯ IP: 142.103.23.32, 202.134.119.218 วันที่: 12 พฤศจิกายน 2552 เวลา:8:31:22 น.  

 
เออ ลืมถามเรื่อง 2012 ตกลงมันไม่ดีหรือเนี่ย (แถมยาวอีกต่างหาก) งี้ต้องลดระดับความคาดหวังก่อนดูสินะ (แต่จริงๆนอกจากเอ็ฟเฟคล้ำๆก็ไม่ได้หวังอะไรอยู่แล้วอ้ะ ลดมากกว่านี้จะเหลืออะไรล่ะนี่)



โดย: แฟนผมฯ IP: 142.103.23.32, 202.134.119.218 วันที่: 12 พฤศจิกายน 2552 เวลา:9:42:10 น.  

 
หนังเรื่องสาวนักปั่นอป.ดูมามาหลายสิบปีแล้ว..เมื่อวานดูหนังเอชบีโอเรื่องนึง ตอนนี้ลืมไปแล้วว่าชื่ออะไร..ในดีเอ็นเอมีสายพันธุ์ปลาทองจริงๆ

แล้วเมื่อไหร่เดอะโรดจะเข้าโรงล่ะเนี่ย แต่เราว่าจะซื้อแผ่นมาดูอยู่บ้านสองคนกับแมว จะได้ร้องไห้ได้สะดวกๆ เอาหางมู้มาสั่งน้ำมูก

อันเนื่องมาจากคอมเม้นต์ในบล็อกคุณแฟนผม

*PimpSlap*!!!



โดย: a fangirl who needs to get a life - - (apple_cinnamon ) วันที่: 12 พฤศจิกายน 2552 เวลา:17:11:37 น.  

 
ถ้าจะอยากดู เพราะว่าก็คิดถึง ดรูว์ แบรี่มอร์


โดย: cottonbook วันที่: 12 พฤศจิกายน 2552 เวลา:18:09:43 น.  

 
น่าสนใจครับ

เคยได้ยินว่าบทวิจารณ์ดีทีเดียว



โดย: navagan วันที่: 13 พฤศจิกายน 2552 เวลา:18:34:36 น.  

 
เอ็นทรี่คั่น แต่ยาวใช้ได้เลยครับ 555+

ผมเฉยๆกับดรูในช่วงหลังๆนะ (แต่ตกหลุมรักเธออย่างสุดใจจาก The Wedding Singer) แต่ผมคิดถึงแอลเลน อิอิ

แฟนผมชอบหนังแนวนี้ครับ คงโดนชวนไปดูตามระเบียบหากมีเวลา

ปล. อยากอ่านมากๆ "บลัดดี้มันเดย์ กับภารกิจตะลุยแหลกแ_กไม่เลี้ยง"


โดย: Seam - C IP: 61.90.110.91 วันที่: 13 พฤศจิกายน 2552 เวลา:20:52:57 น.  

 


ขอตั้งข้อสังเกตุอย่างนึงว่า คุณพี่แม็คคอนนาเฮ้ เป็นผู้ชาย "ขี้พิง" เพราะเอะอะแกพิงตลอด...


โดย: BloodyMonday วันที่: 13 พฤศจิกายน 2552 เวลา:21:46:26 น.  

 
"ผู้ชายขี้พิง" 5555++ คิดได้ไงเนี่ย

อย่าลืมไปดู 2012 นะ แล้ววันจันทร์มาเม้าท์กัน (แล้วตกลงได้ไปดู "เฉือน" รึเปล่าอ้ะ)


โดย: แฟนผมฯ IP: 117.47.195.252 วันที่: 13 พฤศจิกายน 2552 เวลา:22:29:33 น.  

 
เอลเลน เพจ, มาร์เซีย เกย์ ฮาร์เด้น, จูเลียต ลิวอิส!!!

โอ้โห น่าดูมาก ยังไม่นับดรูว์ แบร์รี่มอร์นะเนี่ย

ขำโปสเตอร์แมทธิว 5555


โดย: เอกเช้า IP: 124.122.153.31 วันที่: 14 พฤศจิกายน 2552 เวลา:2:19:15 น.  

 
เข้ามาตอบครับ

Oasis นี่ผมไม่ถึงกับเป็นแฟนตัวยงครับ ตอนมาเมืองไทยก็ไม่ได้ไปดู

ส่วนเพลงในบล็อคที่ได้ฟังโดยบังเิิอิญครับ ชอบมากเลยคิดไปเรื่อย ก็เลยได้เอ็นทรี่นั้นออกมา ^^


โดย: Seam - C IP: 61.90.110.91 วันที่: 14 พฤศจิกายน 2552 เวลา:10:08:37 น.  

 
+ Whip it! เพิ่งเห็นที่โปรแกรมเหลิมไทยเหมือนกันครับว่าเข้าเฉพาะค่าย SF เดือนหน้า ตอนแรกก็แอบอยากดูเหมือนกัน แต่ไม่นึกว่าจะได้มาฉายในโรงเมืองไทยด้วยอ่า

+ หนังมันน่าสนตรงสาวดรูเป็น ผกก. ครั้งแรกนี่แหละครับ (ช่วงหลังๆ เธอสำแดงพลังความเป็น "เพื่อนหญิง พลังหญิง" อย่างชัดเจน เฟมมินิสต้าแต๊ๆ ) ... แถมดาราแต่ละคน ทั้งนู๋เอลเลน, ป้ามาเซีย เกย์ฯ และที่สำคัญ จูเลียต ลูอิส กรี๊ดดดดดดดดดด (เธอหายไปทัศนาจรดาวนาเม็กมาเหรอไงกันเนี่ย )

+ ชอบนู๋เอลเลนตรงที่เธอมักเลือกบทฉลาดๆ หรือไม่ก็ท้าทายอ่ะครับ คงได้เติบโตเป็นดาราคุณภาพรุ่นต่อไปในอนาคต

+ เด๋วเย็นนี้ ผมว่าจะไปชิมลาง 2012 แหละครับ (จริงๆ หนังหายนะนี่ สมัยเด็กๆ เป็นแนวโปรดผมเลยนะนั่น ) ได้ผลยังไงจะมาสาธยายให้ทราบต่อไปเน้อ


โดย: บลูยอชท์ วันที่: 14 พฤศจิกายน 2552 เวลา:13:01:59 น.  

 
ไม่ได้เข้าโรงมานานแล้วครับ ส่วนเรื่องนี้คงผ่านเช่นกัีน


โดย: McMurphy วันที่: 14 พฤศจิกายน 2552 เวลา:15:28:23 น.  

 
ชอบผู้กำกับ และรักดารานำมากครับ


โดย: คนขับช้า IP: 111.84.57.156 วันที่: 14 พฤศจิกายน 2552 เวลา:22:10:16 น.  

 
ชอบผู้กำกับ และรักดารานำมากครับ


โดย: คนขับช้า IP: 111.84.57.156 วันที่: 14 พฤศจิกายน 2552 เวลา:22:11:34 น.  

 

ได้โดดกำกับเองเสียทีนะป้าดรูว์

น้องหนูเอลเลน เพจ ก็น่ารัก แต่แอบไปสนใจเธอจาก Inception มากกว่าอ่ะ ^_^


โดย: renton_renton วันที่: 16 พฤศจิกายน 2552 เวลา:11:37:24 น.  

 
รอดูๆ
ทาทางจะเป็นหนังผู้หญิง


แต่ไม่ได้ติดใจเอเลน เพจนี่ดิ


โดย: grappa IP: 58.9.183.191 วันที่: 17 พฤศจิกายน 2552 เวลา:7:21:26 น.  

 
+ เอ๋! หมู่นี้เจอแต่คนชอบกินของดองแฮะ (พูดยังกะตัวแกเองอัพบ่อยตายล่ะ ) ... แต่ปกติถึงคุณ BdMd จะไม่อัพเอนทรี่ใหม่ แต่อย่างน้อยก็จะต้องมีการมาแปะเม้นต์ถึงหนังใหม่ๆ MV จ๊าบๆ อะไรประมาณนั้นมิใช่ฤาครับ แต่นี่เห็นเงียบฉี่เชียวอ่า


โดย: บลูยอชท์ วันที่: 19 พฤศจิกายน 2552 เวลา:23:39:04 น.  

 
^
^
พอดีเป็นสัปดาห์ New Moon เข้าครับ เลยบีซี่นิดหน่อย แถมยังต้องออกไปปุเลงๆอยู่ข้างนอกด้วย เฮ้อ...

แต่ผมก็ได้ดูแล้วนะ อืมม คงมีแต่ความเห็นสั้นๆ ที่ใส่เอาไว้ในทวิตเตอร์มาฝากกัน ^^

saw New Moon... truthfully? It's just mediocre (meaning: decent but not spectacular), a glimpse of cool fight hide between inconsistency hit or miss romance (there's thin line between heartfelt moment and unintentional funny scene). Not to mention it's way too long, less Wolfies, more Michael Sheen (& his scene chewing performance) would be far more interesting.

If you ask me, which one is better? I think it's a tie. I completely understand why it plays extremely well to target audience. And by that, I think it achieved its goal.

PS. I really feel pity for Jacob, he's just a kid! Boy, sometime life isn't what you've expected. Beside, forget that โลเล broad, plenty fishes in the pond!




โดย: BloodyMonday วันที่: 20 พฤศจิกายน 2552 เวลา:1:11:36 น.  

 
^
^
Your time hasn't come yet. อยากจะบอกทั้งเจคอบและเทเลอร์อย่างนี้ อย่าไปสนใจ Robsession มันเป็นกระแสนะน้อง...


โดย: อออ ผู้ลำเอียง IP: 202.176.89.115 วันที่: 20 พฤศจิกายน 2552 เวลา:9:36:50 น.  

 
+ อืม ... ดันหลงเข้ามาสู่วังวน Twilight ตั้งแต่ปีที่แล้วแล้วนี่ ผมก็คงต้องติดตามต่อไป ทำไงได้ แต่อลิซาเบธ สวอน เธอคงต้องมีเพลงประจำตัวเป็น (ใช่ชื่อนี้รึเปล่านะ?) อยากเก็บเธอไว้ทั้ง 2 ตน (คน) ของทาทา อ่ะครับ เหอๆ

+ ว่าแต่สงสัยอย่างว่าคุณ BdMd ก็ทำงานเกี่ยวข้องกับวงการ พอจะมีข่าวว่าค่ายหนังไหนได้ซื้อหนังสุดโปรดของคุณอาร์ต คือ 500 day(s) of Summer เข้ามาฉายบ้างรึเปล่าครับ? ... หรือคนไทยจะมิมีวาสนาได้ดูเรื่องนี้ในโรงอ่ะเนี่ย อยากดูเป็นที่ยิ่ง แง้ววววว


โดย: บลูยอชท์ วันที่: 20 พฤศจิกายน 2552 เวลา:11:00:57 น.  

 
ชอบย่อหน้าแรกในบทวิจารณ์ New Moon ของ Kyle Smith จาก the New York Post มั่นใจว่าเขาไม่ใช่แฟนทไวไลท์อย่างแน่นอน 55

Twilight, which was about a girl and a vampire who don’t hook up, is totally different from “The Twilight Saga: New Moon,” which is about a girl, a vampire and a werewolf who don’t hook up. And it’s not at all like the next sequel, in which a girl, a vampire, a werewolf and a mummy fail to find romance, nor the one after that, in which the girl gets unfriended by all of the above plus the Invisible Man and King Kong — yet finds her heart aflutter when she befriends the Bride of Frankenstein.



โดย: BloodyMonday วันที่: 20 พฤศจิกายน 2552 เวลา:17:50:56 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

BloodyMonday
Location :
Imaginationland, Valley of Bliss China

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






-= M & M in Nutshell =-


Gentlemen Broncos (2009)


You could have brain tumor by watching this contaminated turd. Nothing in Gentlemen Broncos pays off, it’s incoherent mess, and chock-full of incredibly annoying characters. You will not only loath this movie, but it also makes you want to punch someone who responsible for this abomination in the face.

BloodyMonday Rating:



Fantastic Mr. Fox (2009)


Imagine if Akira got Live-Action treatment by... say Alfonso Cuarón, you know how awesome it might be? That’s what happened to "Fantastic Mr. Fox". Wes Anderson's auteur perfectly captured the quirkiness and blissful tone of the material. Its stop-motion technique might be a little crude and... somewhat unsophisticated, but that's the charm of it. You’ll feel like pop-up book unveiled before your eyes. This is an exceptional animation of the year.

BloodyMonday Rating:



Planet 51 (2009)


ถ้าถามว่าสนุกไหม? ก็โอเค ทุกอย่างถอดแบบมาจาก Shrek มุขที่อ้างอิงวัฒนธรรมป็อป ตัวละครสมทบที่น่าสนใจกว่าตัวเอก กราฟฟิคที่สอบผ่านฉลุย (ถ้าไม่ไปวัดกับพิกซาร์) แต่ถ้าถามว่าต้องดูไหม? ..... เอาเป็นว่าเวลาชั่วโมงครึ่ง ทำอะไรที่มีประโยชน์กว่านี้ได้เยอะแยะ

BloodyMonday Rating:



It's Complicated (2009)


รู้สึกสนุกกับการได้เห็นป้าเมอรีล เข้าโหมดแอ๊บเด็ก (อีกแล้ว) ในขณะเดียวกัน อเล็กซ์ บอลด์วิน และ จอห์น ครากินสกี้ ก็ขโมยซีนได้ตลอด แต่มันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าหนังยาว 2 ชั่วโมงมีเรื่องให้เล่าแค่ 15 นาที... It's Complicated อาจเหมือนคนกินไวอากร้าแล้วเข้านอน คึกตลอดคืนแต่มันจะมีประโยชน์อะไร?

BloodyMonday Rating:



Up in the Air (2009)


Up in the Air is a blockbuster movie for people who think blockbuster movies are dumb, as it chock full of brilliantly written dialogue, and acting showcase for three talented actors (especially star-making turn by Anna Kendrick). But in the end, there's little to love, not so much story to chew on (plus disappointing third act), and no real connection to the meaning of human interaction as it intended to be.

BloodyMonday Rating:



I Love You, Beth Cooper (2009)


Cliché-ridden plot about a bunch of annoying characters get together in one idiotic circumstance, "I Love You, Beth Cooper" is shameless exploitation & biggest insult to 80s teen flicks. It's like memorizing magic trick from internet, hoping to perform like David Copperfield. Neither sense of wonder nor magic flare happens here. Only good thing is, it makes me wanna cleanse my soul with genuine 80s teen movie night marathon.

BloodyMonday Rating:



Everybody's Fine (2009)


Meh. The movie serious lack of originality & characters development. Only Robert De Niro comes out fine in this schmaltzy, "Lifetime" movie-of-the-week plot.

BloodyMonday Rating:



Paper Heart (2009)


Twee delight... That's only two words I can think of right now.

BloodyMonday Rating:



Adam (2009)


A perfect companion to Mary & Max (one of the best animation of 2009), Adam is star-crossed love story (pun intended) between Adam, Asperger's Syndrome bearer, and Beth, free spirit woman. The picture wouldn’t be this intimate without stunning performance by Hugh Dancy. On the other hand, the lack of depth on why Beth would love someone like Adam, preventing me from wholeheartedly embraces her choice in the end (which is nice & perfect but requires a leap of faith). Otherwise, this is touching romantic film, which putting its feet firmly on the ground, making the world full of hope and seems nicer place to live.

BloodyMonday Rating:



The Invention of Lying (2009)


Expected to be like “Click” or “Yes Man”, where high-concept plot turned into endless gags, with moral lesson (forcefully) shoving down your throat. But "The Invention of Lying" is thinking man’s film. The whole concept is not seeing how first lying man exploits the ability. But it's about him finding the way not to lie, in order to find genuine happiness. Great stuff.

BloodyMonday Rating:



Give ‘Em Hell Malone (2009)


This is one damn frustrating experience. It’s like watching an infant trying to stand up and walk. They would take a few steps then fall their asses. In fact, kiddie film like “Bugsy Malone” has done better job paying a tribute to film noir than this borefest.

BloodyMonday Rating:



Zombieland (2009)


ถ้าอังกฤษมีหนังซอมบี้ฮาแตกอย่าง Shaun of the Dead แล้ว ทำไมอเมริกาจะมีบ้างไม่ได้... Zombieland คือการผสมผสานระหว่างบรรดาหนังซอมบี้เก่าๆ เข้ากับทัศนคติของคนสร้างที่อาจดูหนังแนวนี้มากเกินความจำเป็น จนสามารถสร้างหนังซอมบี้ที่เข้าใจสิ่งที่ตัวเองเป็น และเล่นสนุกไปกับกฏพื้นฐานของซอมบี้ได้อย่างเต็มที่ ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องยกความดีให้สี่นักแสดงนำ โดยเฉพาะ วู้ดดี้ ฮาเรลสัน (เขาเกิดมาเพื่อบทนี้) ที่ช่วยกันสร้างมนต์เสน่ห์ ให้กับการเดินทางในโลกไร้มนุษย์ได้อย่างเต็มที่

ถึงแม้พลังงานที่ขับเคลื่อนจะมาหมดเอาดื้อๆในองค์สุดท้าย เมื่อฉากใหญ่ในสวนสนุกถูกทำขึ้นเพื่อแสดงฉากการฆ่าซอมบี้เด็ดๆ (ซึ่งไม่ใช่จุดเด่นสำหรับเรื่องนี้เลย) แต่โดยรวมแล้วมันก็ไม่ใช่ข้อแก้ตัว ที่บรรดาแฟนซอมบี้จะมาพลาดหนังเรื่องนี้... อ้อ แล้วหนังยังมีดารารับเชิญสุดเซอร์ไพรซ์ ที่สร้างเสียงฮาที่สุดในเรื่องได้จากประโยคสุดท้ายอีกด้วย

BloodyMonday Rating:



Frequently Asked Questions About Time Travel (2009)


เมื่อเพื่อนสามคนก๊งเบียร์กันในผับแล้วเจอสาวฮ็อต (แอนนา ฟาริส) ที่อ้างว่ามาจากอนาคตจนเกิดรอยแยกของเวลา ทำให้ทั้งสามต้องท่องไปทั้งโลกในอนาคตและอดีตจนวุ่นวาย...

หนังมีไอเดียกิ๊บเก๋ ทำออกมาได้สนุกสนานสไตล์ซิตคอมอังกฤษ โดยเฉพาะการนำกฏเหล็กต่างๆจากหนังที่เกี่ยวกับการท่องเวลา (ดูเหมือนว่า Back to the Future จะเป็นแรงบรรดาลใจหลัก) มาปู้ยี้ปู้ยำอย่างเมามัน ถึงแม้ว่าตลอดเวลาการรับชมจะให้ความรู้สึก เหมือนตัวเองกำลังดูซีรี่ย์ทางโทรทัศน์ แต่มันก็คือตอนที่ฮาที่สุดของซีซั่น แถมเอฟเฟ็คที่ใช้ก็มีคุณภาพจนคาดไม่ถึง

BloodyMonday Rating:



Looking for Eric (2009)


มีความรู้สึกว่าหนังเรื่องนี้มองโลกในแง่ดีเกินบรรยากาศโดยรวม จริงอยู่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ลงเอยด้วยดีในตอนสุดท้ายนั้น สามารถสร้างความสุขและรอยยิ้มให้กับคนดู แต่จากสถานการณ์ในเรื่องและบริบทที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ มันยากที่จะทำใจเชื่อในสิ่งที่เห็น โดยเฉพาะพล็อตรองเกี่ยวกับปืน ซึ่งถ้าถูกตัดออกไปและหนังยังดำเนินเรื่องอย่างที่เป็นอยู่ Looking for Eric ก็น่าจะเป็นหนังฟีลกู้ดที่อบอุ่นที่สุดเรื่องหนึ่งของปีเลยทีเดียว

BloodyMonday Rating:


~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2552
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
11 พฤศจิกายน 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add BloodyMonday's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.