Review: Au Revoir Taipei



Au Revoir Taipei เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นรอบตัว ไค ในค่ำคืนอันแสนวุ่นวาย ทุกอย่างเริ่มต้นจากความพยายามในการบินไปหา เฟย์ คนรักของเขาที่ปารีส เมื่อเขายืนส่งแฟนสาวขึ้นรถแท็กซี่ไปสนามบิน สีหน้าของเธอบ่งบอกให้ผู้ชมรู้ว่านี่คือการลาจากอย่างถาวร ก็เว้นเสียแต่ ไค บางทีเขาอาจจะรู้แต่ไม่อยากยอมรับ ไค เริ่มแกร่วอยู่ในร้านหนังสือเพื่อศึกษาภาษาฝรั่งเศส คาดหวังว่าจะได้พบกับ เฟย์ อีกครั้งที่ปารีสและครองรักกันดั่งเทพนิยาย

ภาพยนตร์เรื่องนี้หยิบยืมบรรยากาศมาจาก Chungking Express เมื่อ ไค ทำตัวคล้ายกับ นายตำรวจหมายเลข 223 การฝากข้อความถึง เฟย์ ด้วยภาษาฝรั่งเศสที่เขาอุตส่าห์ร่ำเรียน ก็เหมือนกับ นายตำรวจหมายเลข 223 ที่พร่ำเพ้อถึง เมย์ แฟนเก่าของเขาตัวคนเดียว แน่นอนที่ทั้งคู่ไม่เคยได้รับเสียงตอบรับจากปลายทาง แถมทั้งคู่ก็ยังได้ใช้เวลากับผู้หญิงแปลกหน้าที่พวกเขาไม่เคยนึกเคยฝันมาก่อน

ก่อนจะถึงค่ำคืนแห่งความทรงจำ ไค ได้รับโทรศัพท์จาก เฟย์ บอกถึงสิ่งที่คนดูรู้มาตั้งแต่แรกแล้วว่า เรื่องราวของพวกเขามันจบลงตั้งแต่วินาทีที่เธอก้าวขึ้นรถแท็กซี่ แต่ยังไงเสีย ไค ก็ไม่ยอมรับความจริง เขาไปยืมเงิน พี่เปา เจ้าถิ่นเพื่อบินไปหา เฟย์ และเปลี่ยนใจเธอ พี่เปา ตกลงที่จะให้ยืมโดยมีข้อแม้ว่าให้ ไค เอาของสิ่งหนึ่งติดตัวไปปารีส แต่แล้วก็เกิดการเข้าใจผิด ลูกน้องตัวเอ้ของ พี่เปา ที่หวังจะฮุบกิจการ การนัดพบกันของเพื่อนสนิท การพบสาวที่แอบชอบโดยบังเอิญ และตำรวจที่กำลังติดตามคดี ในที่สุดค่ำคืนอันแสนวุ่นวายก็เริ่มต้น




จุดเด่นของ Au Revoir Taipei คือในขณะที่ ไค เป็นตัวเดินเรื่อง เขาก็ถูกห้อมล้อมไปด้วยตัวละครที่มีสีสันและน่าสนใจ แต่ละคนต่างมีเรื่องราวเป็นของตัวเอง มีโอกาสในการเรียกรอยยิ้มจากคนดูได้ตลอด พี่เปา หัวหน้าม็อบที่ต้องการวางมือจากธุรกิจ หง หลานชายสุดลื่นของ พี่เปา ที่อยากฮุบธุรกิจของลุงจนทำเรื่องผิดพลาดสำคัญ ซึ่งกลายเป็นสาเหตุของค่ำคืนที่แสนวุ่นวาย เกา เพื่อนสนิทของ ไค ที่ไม่กล้าบอกรักสาวร้านสะดวกซื้อที่ทำงานด้วยกัน จียง ตำรวจหนุ่มที่มัวแต่ตามจับผู้ร้ายจนเมียทิ้ง และที่ขาดไม่ได้คือ ซูซี่ สาวประจำร้านหนังสือที่ ไค ไปนั่งศึกษาภาษาฝรั่งเศส ไม่รู้ว่าโชคชะตาหรือความบังเอิญที่ทำให้เธอร่วมผจญภัยไปกับเขา

ทุกตัวละครในย่อหน้าที่แล้วมีเรื่องราวเป็นของตัวเอง มันมีเหตุผลเพียงพอที่จะทำให้พวกเขามีส่วนร่วมในเหตุการณ์ครั้งนี้ และคนดูก็ได้ใช้เวลากับพวกเขามากพอจนรู้สึกอยากรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในตอนจบ นั้นคือสิ่งที่ทำให้การดู Au Revoir Taipei เป็นประสบการณ์ที่รื่นรมย์ ความจริงแล้วด้วยตัวละครอย่าง ไค เพียงคนเดียวไม่สามารถแบกหนังทั้งเรื่องไว้เอา แต่สิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวเขาต่างหากที่ทำให้เราเต็มใจที่จะเฝ้าติดตามเขา

อีกตัวละครหนึ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือเมืองไทเป นี่ไม่ใช่หนังที่ทำเพื่อโปรโมตการท่องเที่ยว เพราะเราได้สัมผัสกับเมืองไทเปขนานแท้ ไม่ว่าจะเป็นคาเฟ่หลงยุค ร้านเกี๊ยวหัวมุมถนน โรงแรมจิ้งหรีด ถนนคนเดิน สถานที่ทุกแห่งทำให้เมืองนี้เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา (ซึ่งก็เหมือน Chungking Express ที่ทำให้ฮ่องกงกลายเป็นอีกหนึ่งตัวละคร) รวมถึงเพลงประกอบใสๆ ที่คอยเตือนสติให้ผู้ชมไม่ลืมบรรยากาศสบายๆของหนัง

Au Revoir Taipei ถือเป็นหนัง screwball comedy ตามขนบ ผู้หญิงผู้ชายพบกันในสถานการณ์คับขัน และพบรักกันในระหว่างการไล่ล่าที่ครึ้นเครง สุดท้ายแล้วทุกคนก็มีบทสรุปที่เหมาะสม โดยเฉพาะซีนสุดท้ายซึ่งเหมือนเป็นย้ำเตือนให้คนดูได้รับรู้ว่า สิ่งที่คุณเห็นในเวลา 80 กว่านาทีก็คือความบันเทิงที่นักแสดงทุกคนพยายามมอบให้อย่างเต็มที่

BloodyMonday Rating:




ตัวอย่างภาพยนตร์



เพลงประกอบ


Create Date : 29 กรกฎาคม 2553
Last Update : 29 กรกฎาคม 2553 0:26:05 น. 12 comments
Counter : 2720 Pageviews.

 
ขอถามก่อนว่าบทความนี้สปอยไหม
เพราะหนังแลดูน่าชมมาก (ได้ 3 ดาวจากบัลดดี้ด้วย)

รอฟังคำตอบก่อนมาอ่านนะ ^^


โดย: ขอรบกวนทั้งชุดนอน IP: 125.25.233.224 วันที่: 29 กรกฎาคม 2553 เวลา:5:26:48 น.  

 
^
^
^

ไม่น่าจะสปอยล์นะครับ (ตอบแทนคุณ BdMd )



เป็นหนังที่น่าดูมากๆครับ

ทั้งดนตรีประกอบแนว Jazz และเนื้อเรื่องที่เหมือนมองเมืองเมืองหนึ่งเป็นตัวละครหลักด้วยความรู้สึกผูกพัน

ทำให้นึกไปถึง Sparrow ของตู้ฉีฟงเลยครับ




ส่วน Chungking Express นั้นผมยังไม่เคยดูเลย


โดย: navagan วันที่: 29 กรกฎาคม 2553 เวลา:6:21:27 น.  

 
โฮ่..จิตวิญญาณอันแรงกล้าของบล็อกเกอร์

แอร๊...เห็นรูปซูซี่แล้วอยากไปเผาร้านทำผม เอาหน้าม้าของหนูคืนมา กระซิกๆ
ชอบเพลงประกอบมากเลยอ่ะ^^ ชอบเพลงในคลิปแรกที่มีพวกเครื่องสายด้วย เพราะดี เหมาะกับเนื้อเรื่องด้วย
หนังแนวนี้มันเด่นที่ตัวประกอบจริงๆเนอะ เราว่าหลายเรื่องได้ดีเพราะคาแรกเตอร์รองๆนี่แหล่ะ แต่อิชั้นก็ยังไม่ได้ดู chungking express เหมือนกัน
ตอนสุดท้ายพระเอกตัดใจจากแฟนเก่าได้ชิมิ ถ้าไม่ลงเอยกับน้องซูซี่จะโกรธ!

มาสปอยล์Nostalgia จริงๆมันก็เป็นหนังสืออารมณ์ละเมียดละไมนะ แต่อป.อ่านด้วยสายตาโรคจิต หุๆ... นึกภาพตาม ตอนสุดท้ายฮิยามะได้รับโทรศัพท์จากยานารุบอกว่า ตอนนี้หยิบโทรศัพท์ไม่ได้แล้ว ต้องวางหูโทรศัพท์ไว้ที่พื้นแล้วพูดคำอำลา จากนั้นเสียงก็ขาดหายไป มีแต่เสียงเหมือนนกกระพือปีกดังพั่บๆ โฮกก หลอนน แต่ถ้าจบได้แบบเดวิด ลินช์ที่เลือดสาดจันทร์สยองไปเขียนฟิคไว้55ก็จะถูกใจเรามากกว่านะ ตอนอ่านเรื่องนี้แรกๆที่มีโรคประหลาดอป.แอบลุ้นให้มันติดเชื้อซอมบี้กันทั้งเมือง (squeee<3 the walking dead)
แคสต์ผกก.เอาใครดี Terry Gilliam ก็ดูได้อยู่ ไม่งั้นก็ขอคุณ Sophie Coppola ให้ทำออกมาฟีลเดียวกับ virgin suicideอ่ะ:)



โดย: อป (apple_cinnamon ) วันที่: 29 กรกฎาคม 2553 เวลา:11:40:13 น.  

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


โดย: นนนี่มาแล้ว วันที่: 29 กรกฎาคม 2553 เวลา:16:06:20 น.  

 
น่าสนใจมากกกก น่าจะเข้าทางผมอยู่นะเนี่ย ^^
ถ้าเห็นที่ไหนรับรองไม่พลาดครับ


โดย: เอกเช้า IP: 115.87.73.185 วันที่: 29 กรกฎาคม 2553 เวลา:23:11:41 น.  

 
ดู Inception แล้ว~~ พึ่งกลับถึงบ้านเนี่ย โอเอ็มจี!!! สุดยอดมาก เดินออกมาจากโรงเหมือนยังไม่ตื่น มิกกี้ถึงขนาดขับรถเลยสี่แยก- -" หันมาถามเราอีกว่าโปรเจ็คชั่นจิตใต้สำนึกผิดทางรึเปล่า T^T
JGL โมเอ้!! squeeee!!! ^0^


โดย: อป (apple_cinnamon ) วันที่: 30 กรกฎาคม 2553 เวลา:0:04:10 น.  

 
อ่านแล้วคิดถึง Chungking Express และเถี่ยนมีมี่และ Family man ซึ่งเป็นหนังที่ชอบหมดเลย ฉะนั้นแล้ว "่น่าจะโดนจริตเรา" 555



โดย: Seam - C IP: 58.9.202.82 วันที่: 4 สิงหาคม 2553 เวลา:13:33:56 น.  

 
อ่านแล้วครับ


โดย: yoddel19 วันที่: 6 สิงหาคม 2553 เวลา:18:01:47 น.  

 

ดีจ้า

ท่าจะน่ารักดีนะเรื่องนี้ ส่วน จุงจิง นี่ก็ยังไม่ได้ดูเลยหนา หุหุ

ช่วงนี้ดูอยู่เรื่องเดียวอ่ะ lost
โหะ..พี่น้องชาวบ้านเขาก็ดูกันหมดแล้วใช่มั๊ย
นี่เพิ่งจะเข้าปี 2 กะลังหนุกเลยยยย

สบายดีน้า



โดย: renton_renton วันที่: 7 สิงหาคม 2553 เวลา:0:36:47 น.  

 
โอ้ อัพบล็อคแล้วทำไมไม่บอกกกกกกกกกกก

เนื้อเรื่องน่าดูมาก (น้องซูซี่ก็น่ารัก) ยิ่งบอกว่ามีบรรยากาศของ Chungking Express ยิ่งอยากดู

ว่าแต่ อัพบล็อคแล้วทำไมไม่บอกกกกกกกกก


โดย: แฟนผมตัวดำ วันที่: 7 สิงหาคม 2553 เวลา:21:51:28 น.  

 
พล็อตโดนใจ (จากประสบการณ์ส่วนตัวที่ต้องสูญเสียใครบางคนให้แกประเทศฝรั่งเศส)
หนังให้อารมณ์เหมือน “เดท ไนท์” เวอร์ชั่นคนโสด (คือไม่ได้ลุยพร้อมกันแบบสามีภรรยา แต่ตะลุยเดี่ยว 555+

อ่านแรกๆ นึกว่าจะออกแนวซึ้งสุดใจ บรรยากาศแนว Chungking Express แถมเพลงประกอบที่เอามาให้ฟังไพเราะสุดตัว (โหลดเก็บทันทีเลย) แต่พออ่านไปอ่านมาที่ไหนด้ ออกแนวตลกวายป่วงชวนหัวไปซะงั้น แต่แนวนี้ต้องกลับมาซึ้งตอนจบใช่ไหม หนังมีเข้าให้ดูไหมครับ? ตอนนี้อยากหาหนังเขียนเพื่อแก้ตัวใหม่ รู้สึกว่างานต้นฉบับหลังๆ ผมจะหลุดโลก บ.ก. ไม่ปลื้มยังไงชักกล

ล่าสุดไปจองขอเขียน “กวน มึน โฮ” (คิดว่าน่าจะเหมากับแนวของเรา) แต่บ.ก.ไม่รับปาก -*- ไม่รับปากก็แปลว่างานชักต่ำกว่ามาตรฐานเลยไม่มั่นใจให้เราเขียน แล้วตอนเขียน Hot tub ก็รู้สึกว่าใส่ไปไม่หมดยังไงชักกล เหมือนเขียนไปไม่ได้ดั่งใจ ใส่ใจความไปไม่ทันหมด ก็จบบทความซะแล้ว เลยต้องหาแก้ตัว เรื่องนี้ก็น่าสน ธีมเหมาะเลย 555+

ป.ล. ถ้าบทความ Hot tub ได้ลง อย่าลืมไปยืนอ่านตรงแผงนะ 555+ อยากรู้ว่าอ่านแล้วรู้สึกยังไง


โดย: ขอรบกวนทั้งชุดนอน IP: 118.172.41.95 วันที่: 8 สิงหาคม 2553 เวลา:17:24:17 น.  

 
สนุกมากกก ดูแล้วอมยิ้มทั้งเรื่องเลย เราเป็นคนหนึ่งนะที่ไม่ค่อยได้ดูหนัง แต่เห็นเรื่องนี้กวาดรางวัลมาเยอะเลยลองดู ไม่ผิดหวังจิงๆ ยิ้มตลอดตั้งแต่ต้นจนจบ อยากให้ทุกคนได้ดูนะ


โดย: บลาๆ IP: 180.183.205.6 วันที่: 5 มีนาคม 2554 เวลา:11:09:40 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

BloodyMonday
Location :
Imaginationland, Valley of Bliss China

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






-= M & M in Nutshell =-


Gentlemen Broncos (2009)


You could have brain tumor by watching this contaminated turd. Nothing in Gentlemen Broncos pays off, it’s incoherent mess, and chock-full of incredibly annoying characters. You will not only loath this movie, but it also makes you want to punch someone who responsible for this abomination in the face.

BloodyMonday Rating:



Fantastic Mr. Fox (2009)


Imagine if Akira got Live-Action treatment by... say Alfonso Cuarón, you know how awesome it might be? That’s what happened to "Fantastic Mr. Fox". Wes Anderson's auteur perfectly captured the quirkiness and blissful tone of the material. Its stop-motion technique might be a little crude and... somewhat unsophisticated, but that's the charm of it. You’ll feel like pop-up book unveiled before your eyes. This is an exceptional animation of the year.

BloodyMonday Rating:



Planet 51 (2009)


ถ้าถามว่าสนุกไหม? ก็โอเค ทุกอย่างถอดแบบมาจาก Shrek มุขที่อ้างอิงวัฒนธรรมป็อป ตัวละครสมทบที่น่าสนใจกว่าตัวเอก กราฟฟิคที่สอบผ่านฉลุย (ถ้าไม่ไปวัดกับพิกซาร์) แต่ถ้าถามว่าต้องดูไหม? ..... เอาเป็นว่าเวลาชั่วโมงครึ่ง ทำอะไรที่มีประโยชน์กว่านี้ได้เยอะแยะ

BloodyMonday Rating:



It's Complicated (2009)


รู้สึกสนุกกับการได้เห็นป้าเมอรีล เข้าโหมดแอ๊บเด็ก (อีกแล้ว) ในขณะเดียวกัน อเล็กซ์ บอลด์วิน และ จอห์น ครากินสกี้ ก็ขโมยซีนได้ตลอด แต่มันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าหนังยาว 2 ชั่วโมงมีเรื่องให้เล่าแค่ 15 นาที... It's Complicated อาจเหมือนคนกินไวอากร้าแล้วเข้านอน คึกตลอดคืนแต่มันจะมีประโยชน์อะไร?

BloodyMonday Rating:



Up in the Air (2009)


Up in the Air is a blockbuster movie for people who think blockbuster movies are dumb, as it chock full of brilliantly written dialogue, and acting showcase for three talented actors (especially star-making turn by Anna Kendrick). But in the end, there's little to love, not so much story to chew on (plus disappointing third act), and no real connection to the meaning of human interaction as it intended to be.

BloodyMonday Rating:



I Love You, Beth Cooper (2009)


Cliché-ridden plot about a bunch of annoying characters get together in one idiotic circumstance, "I Love You, Beth Cooper" is shameless exploitation & biggest insult to 80s teen flicks. It's like memorizing magic trick from internet, hoping to perform like David Copperfield. Neither sense of wonder nor magic flare happens here. Only good thing is, it makes me wanna cleanse my soul with genuine 80s teen movie night marathon.

BloodyMonday Rating:



Everybody's Fine (2009)


Meh. The movie serious lack of originality & characters development. Only Robert De Niro comes out fine in this schmaltzy, "Lifetime" movie-of-the-week plot.

BloodyMonday Rating:



Paper Heart (2009)


Twee delight... That's only two words I can think of right now.

BloodyMonday Rating:



Adam (2009)


A perfect companion to Mary & Max (one of the best animation of 2009), Adam is star-crossed love story (pun intended) between Adam, Asperger's Syndrome bearer, and Beth, free spirit woman. The picture wouldn’t be this intimate without stunning performance by Hugh Dancy. On the other hand, the lack of depth on why Beth would love someone like Adam, preventing me from wholeheartedly embraces her choice in the end (which is nice & perfect but requires a leap of faith). Otherwise, this is touching romantic film, which putting its feet firmly on the ground, making the world full of hope and seems nicer place to live.

BloodyMonday Rating:



The Invention of Lying (2009)


Expected to be like “Click” or “Yes Man”, where high-concept plot turned into endless gags, with moral lesson (forcefully) shoving down your throat. But "The Invention of Lying" is thinking man’s film. The whole concept is not seeing how first lying man exploits the ability. But it's about him finding the way not to lie, in order to find genuine happiness. Great stuff.

BloodyMonday Rating:



Give ‘Em Hell Malone (2009)


This is one damn frustrating experience. It’s like watching an infant trying to stand up and walk. They would take a few steps then fall their asses. In fact, kiddie film like “Bugsy Malone” has done better job paying a tribute to film noir than this borefest.

BloodyMonday Rating:



Zombieland (2009)


ถ้าอังกฤษมีหนังซอมบี้ฮาแตกอย่าง Shaun of the Dead แล้ว ทำไมอเมริกาจะมีบ้างไม่ได้... Zombieland คือการผสมผสานระหว่างบรรดาหนังซอมบี้เก่าๆ เข้ากับทัศนคติของคนสร้างที่อาจดูหนังแนวนี้มากเกินความจำเป็น จนสามารถสร้างหนังซอมบี้ที่เข้าใจสิ่งที่ตัวเองเป็น และเล่นสนุกไปกับกฏพื้นฐานของซอมบี้ได้อย่างเต็มที่ ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องยกความดีให้สี่นักแสดงนำ โดยเฉพาะ วู้ดดี้ ฮาเรลสัน (เขาเกิดมาเพื่อบทนี้) ที่ช่วยกันสร้างมนต์เสน่ห์ ให้กับการเดินทางในโลกไร้มนุษย์ได้อย่างเต็มที่

ถึงแม้พลังงานที่ขับเคลื่อนจะมาหมดเอาดื้อๆในองค์สุดท้าย เมื่อฉากใหญ่ในสวนสนุกถูกทำขึ้นเพื่อแสดงฉากการฆ่าซอมบี้เด็ดๆ (ซึ่งไม่ใช่จุดเด่นสำหรับเรื่องนี้เลย) แต่โดยรวมแล้วมันก็ไม่ใช่ข้อแก้ตัว ที่บรรดาแฟนซอมบี้จะมาพลาดหนังเรื่องนี้... อ้อ แล้วหนังยังมีดารารับเชิญสุดเซอร์ไพรซ์ ที่สร้างเสียงฮาที่สุดในเรื่องได้จากประโยคสุดท้ายอีกด้วย

BloodyMonday Rating:



Frequently Asked Questions About Time Travel (2009)


เมื่อเพื่อนสามคนก๊งเบียร์กันในผับแล้วเจอสาวฮ็อต (แอนนา ฟาริส) ที่อ้างว่ามาจากอนาคตจนเกิดรอยแยกของเวลา ทำให้ทั้งสามต้องท่องไปทั้งโลกในอนาคตและอดีตจนวุ่นวาย...

หนังมีไอเดียกิ๊บเก๋ ทำออกมาได้สนุกสนานสไตล์ซิตคอมอังกฤษ โดยเฉพาะการนำกฏเหล็กต่างๆจากหนังที่เกี่ยวกับการท่องเวลา (ดูเหมือนว่า Back to the Future จะเป็นแรงบรรดาลใจหลัก) มาปู้ยี้ปู้ยำอย่างเมามัน ถึงแม้ว่าตลอดเวลาการรับชมจะให้ความรู้สึก เหมือนตัวเองกำลังดูซีรี่ย์ทางโทรทัศน์ แต่มันก็คือตอนที่ฮาที่สุดของซีซั่น แถมเอฟเฟ็คที่ใช้ก็มีคุณภาพจนคาดไม่ถึง

BloodyMonday Rating:



Looking for Eric (2009)


มีความรู้สึกว่าหนังเรื่องนี้มองโลกในแง่ดีเกินบรรยากาศโดยรวม จริงอยู่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ลงเอยด้วยดีในตอนสุดท้ายนั้น สามารถสร้างความสุขและรอยยิ้มให้กับคนดู แต่จากสถานการณ์ในเรื่องและบริบทที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ มันยากที่จะทำใจเชื่อในสิ่งที่เห็น โดยเฉพาะพล็อตรองเกี่ยวกับปืน ซึ่งถ้าถูกตัดออกไปและหนังยังดำเนินเรื่องอย่างที่เป็นอยู่ Looking for Eric ก็น่าจะเป็นหนังฟีลกู้ดที่อบอุ่นที่สุดเรื่องหนึ่งของปีเลยทีเดียว

BloodyMonday Rating:


~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2553
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
29 กรกฏาคม 2553
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add BloodyMonday's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.