Impossible Dreams ตอนที่ 2




บทที่ 2

ประมาณสองทุ่มครึ่ง ภายในเสี้ยววินาทีที่เขากระพริบตา ประตูร้านก็ปรากฏอยู่เบื้องหน้าอีกครั้ง

พีธ เนื้อตัวสั่น ดีใจจนแทบเสียสติ มีอะไรบางอย่างเข้ามาเติมเต็มเขา และเขาสงสัยว่านี้อาจเป็นความรู้สึกเดียวกับคนที่หายจากโรคที่ไม่มีทางรักษา หรือเป็นปรากฏการณ์เดียวกับรูปปั้นพระแม่มารีร้องไห้เป็นเลือด เขาหายใจเข้ายาวๆก่อนที่จะเดินเข้าไปในร้าน

พนักงานคนเดิมอยู่หลังเคาท์เตอร์ และเธอมองเขา "ฉันรอคุณอยู่เมื่อคืน"

“ผมขอโทษ" พีท เอ่ย เขาพยายามที่จะไม่มองเธอ เธอรู้หรือเปล่าว่านี้คือร้านวิดีโอมหัศจรรย์? เธอทำท่าเหมือนไม่รู้ เขาคิดว่าเธอเป็นส่วนหนึ่งของมัน ไม่ใช่คนนอกแบบเขา และสำหรับเธอแล้ว โลกที่มี The Magnificent Ambersons ฉบับสมบูรณ์ ไม่ใช่สิ่งที่พิเศษอะไร "ผมหาเงินไม่เจอ แต่คืนนี้ผมเอามาเยอะเลย"

“ฉันเก็บเรื่องนี้ไว้ให้คุณ" เธอพูด "คุณควรดูหนังเรื่องนี้ของ ออร์สัน เวลส์ มันจะเปลี่ยนความคิดทั้งหมดของคุณที่มีต่อผลงานของเขา"

“ขอบคุณครับ ผมว่าจะเดินดูรอบๆสักพัก บางทีอาจหยิบมาเพิ่มอีกสองสามเรื่อง"

“ตามสบายเลย คืนนี้เงียบๆอยู่แล้ว ถึงแม้จะเป็นวันอังคาร"

พีท เริ่มสงสัยเกี่ยวกับตัวเธอ เธอเป็นเจ้าของหรือแค่พนักงาน? "คุณทำงานคนเดียวตลอดเลยเหรอ?"

“ส่วนมากนะ นอกจากวันหยุด ปกติแล้วจะมีพนักงานอยู่สองคน แต่เจ้านายของฉันกำลังขาดทุนย่อยยับ คนเอาแต่โหลดหนังทางอินเตอร์เน็ต หรือซื้อผ่านออนไลน์ อะไรพวกนั้น" เธอส่ายหัว

พีท พยักหน้า เขาเองก็ซื้อหนังทางออนไลน์เหมือนกัน "เสียใจด้วยที่ได้ยินแบบนั้น แต่ผมคิดว่าร้านนี้มีหนังแปลกดี คุณอยู่ที่นี่ทุกคืนเลยรึเปล่า?"

เธอถอนหายใจ "ระยะหลังนี้ใช่ ฉันพยายามทำงานให้เยอะที่สุดเท่าที่ทำได้ บางทีควบสองกะเลย ฉันต้องการเงิน ฉันไม่มีเงินแม้กระทั่งซื้ออาหาร นอกจากแอปเปิ้ลช่วงเที่ยงและก๋วยเตี๋ยวมื้อเย็น รูมเมทของฉันก็หอบข้าวของหนีไปแล้ว ตอนนี้ฉันต้องจ่ายค่าห้องเป็นสองเท่า ชีวิตห่วยแตกมาก ฉันแค่... อ่ะ ขอโทษ ดูฉันจะพล่ามไม่หยุดเลย"

“ไม่ ไม่เป็นไร" พีท กล่าว ขณะที่เธอพูดเขาจ้องมองดูเธออย่างพินิจพิจารณา เขาสังเกตุเห็นว่านอกจากเธอจะเป็นส่วนหนึ่งของความมหัศจรรย์แล้ว เธอยังน่ารักอีกด้วย แบบสาวพังค์รุ่นปลายออะไรประมาณนั้น ซึ่งไม่ใช่แนวของเขาเลย แต่ดูแล้วเธอเป็นคนที่รักหนังเหมือนกัน

“ลองหาต่อไปสิ” เธอกล่าว ก่อนที่จะเปิดหนังสืออ่านหลังเคาน์เตอร์ พีท ไม่สงสัยอะไรอีกต่อไปแล้ว เมื่อคืนเขาได้ตั้งสมมุติฐานขึ้นมา เขาคิดว่าร้านนี้อยู่ในโลกคู่ขนาน โลกที่เหมือนกับของเขา ถึงแม้จะมีความแตกต่างที่มองไม่เห็น แต่ในโลกของหนังมันแตกต่างกันอย่างมหาศาล หนังมีองค์ประกอบมากมาย ความตั้งใจของผู้กำกับ การแทรกแซงของสตูดิโอ ทัศนคติของนักแสดง นักแสดงคนไหนที่ยอมหลับนอนกับผู้อำนวยการสร้าง ทุกองค์ประกอบสามารถเปลี่ยนชะตากรรมของหนังเรื่องหนึ่ง ประวัติศาสตร์ของฮอลลิวู้ดเต็มไปด้วยซากศพของโปรเจ็คที่ “เกือบ” ถูกสร้าง และในโลกของเธอมันก็ถูกสร้าง พีท สามารถอดนอนได้เป็นอาทิตย์ เพื่อที่จะได้ดูมันให้มากที่สุด

บนชั้นหนังเต็มไปด้วยความมหัศจรรย์ มี The Death of Superman กำกับโดย ทิม เบอร์ตัน นำแสดงโดย นิโคลลัส เคจ ในโลกของ พีท นั้นทั้ง เบอร์ตัน และ เคจ ตัดสินใจล้มเลิกโปรเจ็คนี้ มันมี Total Recall กำกับและเขียนบทโดย เดวิด โครเน็นเบิร์ก ไม่ใช่ พอล เวอร์โฮเว่น มันมี The Terminator นำแสดงโดย โอเจ ซิมป์สัน ไม่ใช่ อาร์โนลด์ ชวาร์เซเน็กเกอร์ ที่ไปรับบทเป็น ไคล์ รีส ในเรื่อง มันมี Raiders of the Lost Ark ที่แสดงโดย ทอม เซลเล็ค ไม่ใช่ แฮร์ริสัน ฟอร์ด ซึ่งน่าเสียดายที่ไม่มีภาคต่อเหมือนในโลกของเขา

มือของ พีท เต็มไปด้วยแผ่นดีวีดี เขาหอบหนังพะรุงพะรังในขณะที่อีกมือก็ยังหยิบแผ่นจากชั้นวาง มีหนังสงครามโลกครั้งที่สองของ จอห์น เวนน์ ที่เขาไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน ปกหลังมันเป็นเรื่องการรุกรานทางบกของญี่ปุ่น เขาไม่เจอหนังเรื่อง Dr. Strangelove ของ สแตนลี่ย์ คูบริก ซึ่งทำให้เขาสรุปได้ว่าระเบิดปรมาณูไม่เคยเกิดขึ้นในโลกนี้ แต่ในโลกนี้ คูบริก มีชีวิตอยู่จนได้ทำ Artificial Intelligence และ พีท ก็ดีใจที่เขาจะได้ดูเวอร์ชั่นที่ไม่ได้กลายเป็น พีน็อคคิโอ้ ของ สปีลเบิร์ก

“คุณเช่าได้แค่สามวันเท่านั้นนะ" พนักงานพูดด้วยน้ำเสียงแปลกใจเมื่อเห็นแผ่นดีวีดีกองโต พีท กระพริบตาให้เธอประหนึ่งว่าตัวเองกำลังอยู่ในโลกแห่งความฝัน "คุณมีเวลาดูหนังพวกนี้เหรอ" เธอถาม

“ผมว่าจะจัดเทศกาลหนังเล็กๆ" พีท กล่าว เขาวางแผนที่จะลาป่วยอยู่ที่บ้านเพื่อดูหนัง และถ้าเป็นไปได้เขาก็อยากจะอัดเก็บให้หมด ใครจะรู้ว่ามันมีการป้องกันการก็อปปี้ในโลกนี้หรือเปล่า

“เจ้านายของฉันคงไม่ต้องการให้ลูกค้าใหม่เช่าหนังเป็นสิบเรื่องแบบนี้หรอก คุณช่วยลดให้เหลือสี่ห้าเรื่องได้ทั้ย ฉันจะได้ไม่ต้องรับมือกับเขา คุณอยู่แถวนี้ใช่ไหม ยังไงก็เอากลับมาคืนและเช่าใหม่ได้เรื่อยๆอยู่แล้ว"

“ก็ได้" พีท กล่าว เขาไม่พอใจ แต่เขากลัวว่าจะดื้อดึงยังไง เธอคงไม่เปลี่ยนใจ เขาเลือกออกมาสี่เรื่อง The Magnificent Ambersons, The Death of Superman, I, Robot, และ Casablanca และเก็บเรื่องอื่นๆ ยังไงถ้าเขากลายเป็นลูกค้าประจำ เธออาจให้เขายืมครั้งละสิบยี่สิบเรื่อง พีท กำลังวางแผนว่าเขามีลาป่วยได้อีกกี่วัน นี่คือโอกาสเหมาะที่เขาจะติดไข้หวัดใหญ่แล้วลางานสักสองสามอาทิตย์

เธอยิงบาร์โค้ดบนกล่อง เอานิ้วกระแทกแป้มพิมพ์ บอกเขาว่าทั้งหมด 12.72 เหรียญ แบงค์ 5 สองใบ แบงค์ 1 สองใบ เหรียญ 50 เซนท์ และ เหรียญเพนนีอีกมากมาย ครั้งนี้เขาเอาเงินติดตัวมาด้วย

เธอมองดูเงินที่วางอยู่บนเคาน์เตอร์ จากนั้นก็เงยมองเขาด้วยสีหน้าประหลาดใจ เธอเอานิ้วเคาะแบงค์ "ฉันรู้ว่าคุณไม่ใช่พวกต้มตุ๋น เพราะอย่างน้อยพวกเขาก็ทำแบงค์ให้ดูเหมือนของจริง แต่นี้มันอะไร แบงค์กาโม่งั้นเหรอ นี่ไม่ใช่แบงค์ต่างชาติแน่ๆ เพราะฉันจำประธานาธิบดีของตัวเองได้ ยกเว้นผู้ชายบน... นี่คืออะไร เหรียญ 10 เซนต์งั้นเหรอ"

พีท พยายามรวบรวมสติ แม้แต่เงินก็ยังแตกต่าง เขาไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้เลย เขาเริ่มมีความคิดที่จะปล้นร้านดีวีดี

“เดี๋ยวนะ คุณมีเหรียญนิกเกิลอยู่หนิ" เธอกล่าว และหยิบเอานิกเกิลสองเหรียญออกมาจากกลุ่ม "เหลือแค่ 12.62 เหรียญที่คุณต้องจ่าย"

“ผมรู้สึกงี่เง่ามาก" พีท กล่าว "ใช่ นี่คือเงินจากเกมกระดานที่ผมเล่นเมื่อวาน ผมคงหยิบผิดมา เขากวาดแบงค์และเหรียญขึ้นมาเก็บ"

“พีท คุณเป็นผู้ชายที่ประหลาดดี หวังว่าคงไม่ถือถ้าฉันจะพูดแบบนั้น"

เขาพยักหน้ายอมรับ หยิบเงินทั้งหมดใส่กระเป๋า "ผมคงเป็นแบบนั้นจริงๆ" เขามีเหรียญนิกเกิลที่สามารถใช้ในโลกนี้ได้ เขาเอาออกมานับบนเคาน์เตอร์ รวมทั้งหมด 3.35 เหรียญ พอสำหรับเช่าหนังเรื่องนึง เขาจะไปแบงค์วันพรุ่งนี้เพื่อแลกเงินทั้งหมดของตัวเองเป็นนิกเกิล มากเท่าที่เขาสามารถแบกได้ และเขาก็จะเช่าหนังที่อยากดูทั้งหมด แน่นอนที่เขาสามารถคว้าหนังทั้งสี่เรื่องและวิ่งออกจากร้าน แต่นั้นหมายความว่าเขาจะกลับมาไม่ได้ ดังนั้นคืนนี้เขาจึงยอมดูแค่ The Magnificent Ambersons “งั้นเอาเรื่องนี้" เขากล่าว เธอกวาดเหรียญนิกเกิลพลางส่ายหัวอย่างอารมณ์ดี ใส่แผ่นดีวีดีในถุงพลาสติกใส และทอนด้วยเหรียญเพนนีที่มีรูปร่างแปดเหลี่ยม

“งั้นฉันจะเก็บเรื่องที่เหลือไว้ก็แล้วกันนะ คุณนิกเกิล" เธอเล่นมุข และเอาหนังที่เขาหยิบมาลงจากเคาน์เตอร์ "ขอให้สนุก บอกฉันด้วยว่าคุณคิดยังไงกับมัน"

พีท งืมงำก่อนที่จะเดินออกจากร้าน เขากอดแผ่นหนังเอาไว้แน่น วิ่งสลับเดินไปจนถึงอพาร์ทเม้นท์ และรีบเปิดเครื่องเล่นแผ่นทันที เขาเปิดกล่องดีวีดีแล้วเอาแผ่นสีดำที่มีตัวหนังสือสีเงินใส่เข้าไป แผ่นดีวีดีเล็กกว่าแผ่นในโลกนี้นิดนึง แต่ดูเหมือนจะใส่เข้าไปได้ เมื่อปิดถาดแผ่นก็เริ่มหมุน ส่งเสียงหึ่ง ที่จอมีแสงแว่บไม่กี่ครั้งก่อนที่จะมืดสนิท มันแจ้งให้เขาทราบว่า "ไม่มีแผ่น" พีท สบถและพยายามเปิดปิดเครื่องอีกครั้ง แต่มันก็ไม่เป็นผล เขานั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวเก่ง เอามือกุมหัว ไม่ใช่เพียงแค่เงินเท่านั้นที่แตกต่างไป แต่ยังรวมถึงโค้ดดีวีดีอีกด้วย ถึงแม้ว่าเครื่องดีวีดีของเขาจะเล่นได้ทุกโซน สามารถเล่นแผ่นได้ทั่วทั้งโลก แต่มันก็ไม่สามารถอ่าน The Magnificent Ambersons จากโลกคู่ขนานได้

แต่ พีท ก็ยังไม่ยอมแพ้ เขารีบวิ่งออกจากที่พัก โดยหยิบเอา The Magnificent Ambersons มาด้วย เพราะเขาไม่สามารถปล่อยมันละสายตาไปได้ เขากลับไปที่ร้าน Impossible Dreams “คุณมีเครื่องดีวีดีให้เช่าหรือเปล่า" เขาหายใจแทบไม่ทัน "เครื่องของผมเสีย"

“เรามี พีท" เธอกล่าว "แต่คุณต้องมัดจำเอาไว้ 300 เหรียญ คุณจะจ่ายเป็นเหรียญนิกเกิลหรือเปล่าล่ะ"

“ไม่ๆ" เขากล่าว "ผมมีเงินอยู่ที่บ้าน ขอผมดูเครื่องหน่อยได้ไหม" ช่างหัวความมีเหตุมีผลแล้ว ทันใดที่เธอหยิบเครื่องขึ้นมาเขาจะคว้าและวิ่งหนีไป เธอมีที่อยู่ของเขา แต่นี่ไม่ใช่โลกของเธอ อีกแค่ไม่กี่นาทีสถานที่แห่งนี้ก็จะหายไปอีกครั้ง เขาจะกลับมาคืนพรุ่งนี้พร้อมกับปืนเด็กเล่น และจะขโมยดีวีดีไปให้ได้มากที่สุด เขาจะเอากระเป๋าเดินทางมา เขาจะ...

เธอวางเครื่องเล่นดีวีดีบนเคาน์เตอร์ ซึ่งมีสายระโยงระยางอยู่ด้านบน ปลั๊กทั้งสองด้านรูปร่างแปลก ตัวเสียบทำมุมตั้งฉากกัน พีท จำได้ว่าหัวปลั๊กแบบนี้ไม่มีในยุโรปและอเมริกา มันเป็นเรื่องตลกที่ถ้าจะหาเครื่องมือมาดัดแปลงในจักรวาลนี้ และถึงแม้เขาจะหาทางเชื่อมต่อกันได้ กระแสไฟฟ้าที่แตกต่างกันก็อาจไปทำลายเครื่องเล่นดีวีดี เหมือนกับที่เครื่องคอมของอเมริกาไหม้เมื่อคุณเสียบไฟในประเทศแถบยุโรป

“ช่างมันเถอะ" เขาถอดใจ แสดงให้เธอเห็นด้วยการตบกระเป๋ากางเกง "ผมลืมเอากระเป๋าสตางค์มา"

“คุณเป็นอะไรไหม พีท" เธอถาม

“ไม่เป็นไร ผมแค่ตื่นเต้นที่จะได้ดูมัน" เขาคิดว่าเธอจะตอบกลับมาประมาณว่า "มันก็แค่หนัง" ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาได้ยินจากเพื่อนๆและครอบครัวของเขามาตลอดชีวิต

แต่เธอกลับพูดว่า "เฮ้ ฉันเข้าใจ อย่ากังวลเลย ฉันแน่ใจว่ามันจะยังอยู่หลังจากคุณซ่อมเครื่องดีวีดีเสร็จ หนังของ ออร์สัน คงไม่ใช่อะไรที่ฮ็อตฮิตอยู่แล้ว"

“ก็คงหยั่งงั้น" พีท กล่าว แล้วส่งแผ่นดีวีดีคืนให้เธอ

“อยากได้เงินคืนไหม คุณเช่าไปแค่ 20 นาทีเอง"

“ไม่เป็นไร" พีท กล่าว จากนั้นเขายืนอยู่ด้านนอก มองดูจากอีกฟากของถนน 10 นาทีหลัง 4 ทุ่มหลังจากเธอปิดร้าน เมื่อเขากระพริบตาร้านเช่าหนังก็อันตรธานหายไป พีท เดินลากขากลับบ้านไปตลอดทาง

ในคืนนั้นเขานั่งดู The Magnificent Ambersons ที่บ้าน เวอร์ชั่นที่ถูกชำแหละและไม่มีความต่อเนื่อง ถูกสตูดิโอบังคับให้จบอย่างมีความสุข เพื่อจะไม่ทำให้คนดูหดหู่ในช่วงสงครามโลก หลังจากนั้นเขาก็นอนไม่หลับเพราะคิดถึงฟุตเทจที่เขาไม่มีวันได้เห็น


อ่านต่อบทที่ 3


Create Date : 21 มิถุนายน 2554
Last Update : 21 มิถุนายน 2554 21:20:32 น. 1 comments
Counter : 483 Pageviews.

 
อา... สนุกจัง แล้วมันจะได้ดูมั๊ยเนี่ย?


โดย: แฟนผมฯ IP: 49.48.50.48 วันที่: 21 มิถุนายน 2554 เวลา:22:03:23 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

BloodyMonday
Location :
Imaginationland, Valley of Bliss China

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]






-= M & M in Nutshell =-


Gentlemen Broncos (2009)


You could have brain tumor by watching this contaminated turd. Nothing in Gentlemen Broncos pays off, it’s incoherent mess, and chock-full of incredibly annoying characters. You will not only loath this movie, but it also makes you want to punch someone who responsible for this abomination in the face.

BloodyMonday Rating:



Fantastic Mr. Fox (2009)


Imagine if Akira got Live-Action treatment by... say Alfonso Cuarón, you know how awesome it might be? That’s what happened to "Fantastic Mr. Fox". Wes Anderson's auteur perfectly captured the quirkiness and blissful tone of the material. Its stop-motion technique might be a little crude and... somewhat unsophisticated, but that's the charm of it. You’ll feel like pop-up book unveiled before your eyes. This is an exceptional animation of the year.

BloodyMonday Rating:



Planet 51 (2009)


ถ้าถามว่าสนุกไหม? ก็โอเค ทุกอย่างถอดแบบมาจาก Shrek มุขที่อ้างอิงวัฒนธรรมป็อป ตัวละครสมทบที่น่าสนใจกว่าตัวเอก กราฟฟิคที่สอบผ่านฉลุย (ถ้าไม่ไปวัดกับพิกซาร์) แต่ถ้าถามว่าต้องดูไหม? ..... เอาเป็นว่าเวลาชั่วโมงครึ่ง ทำอะไรที่มีประโยชน์กว่านี้ได้เยอะแยะ

BloodyMonday Rating:



It's Complicated (2009)


รู้สึกสนุกกับการได้เห็นป้าเมอรีล เข้าโหมดแอ๊บเด็ก (อีกแล้ว) ในขณะเดียวกัน อเล็กซ์ บอลด์วิน และ จอห์น ครากินสกี้ ก็ขโมยซีนได้ตลอด แต่มันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าหนังยาว 2 ชั่วโมงมีเรื่องให้เล่าแค่ 15 นาที... It's Complicated อาจเหมือนคนกินไวอากร้าแล้วเข้านอน คึกตลอดคืนแต่มันจะมีประโยชน์อะไร?

BloodyMonday Rating:



Up in the Air (2009)


Up in the Air is a blockbuster movie for people who think blockbuster movies are dumb, as it chock full of brilliantly written dialogue, and acting showcase for three talented actors (especially star-making turn by Anna Kendrick). But in the end, there's little to love, not so much story to chew on (plus disappointing third act), and no real connection to the meaning of human interaction as it intended to be.

BloodyMonday Rating:



I Love You, Beth Cooper (2009)


Cliché-ridden plot about a bunch of annoying characters get together in one idiotic circumstance, "I Love You, Beth Cooper" is shameless exploitation & biggest insult to 80s teen flicks. It's like memorizing magic trick from internet, hoping to perform like David Copperfield. Neither sense of wonder nor magic flare happens here. Only good thing is, it makes me wanna cleanse my soul with genuine 80s teen movie night marathon.

BloodyMonday Rating:



Everybody's Fine (2009)


Meh. The movie serious lack of originality & characters development. Only Robert De Niro comes out fine in this schmaltzy, "Lifetime" movie-of-the-week plot.

BloodyMonday Rating:



Paper Heart (2009)


Twee delight... That's only two words I can think of right now.

BloodyMonday Rating:



Adam (2009)


A perfect companion to Mary & Max (one of the best animation of 2009), Adam is star-crossed love story (pun intended) between Adam, Asperger's Syndrome bearer, and Beth, free spirit woman. The picture wouldn’t be this intimate without stunning performance by Hugh Dancy. On the other hand, the lack of depth on why Beth would love someone like Adam, preventing me from wholeheartedly embraces her choice in the end (which is nice & perfect but requires a leap of faith). Otherwise, this is touching romantic film, which putting its feet firmly on the ground, making the world full of hope and seems nicer place to live.

BloodyMonday Rating:



The Invention of Lying (2009)


Expected to be like “Click” or “Yes Man”, where high-concept plot turned into endless gags, with moral lesson (forcefully) shoving down your throat. But "The Invention of Lying" is thinking man’s film. The whole concept is not seeing how first lying man exploits the ability. But it's about him finding the way not to lie, in order to find genuine happiness. Great stuff.

BloodyMonday Rating:



Give ‘Em Hell Malone (2009)


This is one damn frustrating experience. It’s like watching an infant trying to stand up and walk. They would take a few steps then fall their asses. In fact, kiddie film like “Bugsy Malone” has done better job paying a tribute to film noir than this borefest.

BloodyMonday Rating:



Zombieland (2009)


ถ้าอังกฤษมีหนังซอมบี้ฮาแตกอย่าง Shaun of the Dead แล้ว ทำไมอเมริกาจะมีบ้างไม่ได้... Zombieland คือการผสมผสานระหว่างบรรดาหนังซอมบี้เก่าๆ เข้ากับทัศนคติของคนสร้างที่อาจดูหนังแนวนี้มากเกินความจำเป็น จนสามารถสร้างหนังซอมบี้ที่เข้าใจสิ่งที่ตัวเองเป็น และเล่นสนุกไปกับกฏพื้นฐานของซอมบี้ได้อย่างเต็มที่ ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องยกความดีให้สี่นักแสดงนำ โดยเฉพาะ วู้ดดี้ ฮาเรลสัน (เขาเกิดมาเพื่อบทนี้) ที่ช่วยกันสร้างมนต์เสน่ห์ ให้กับการเดินทางในโลกไร้มนุษย์ได้อย่างเต็มที่

ถึงแม้พลังงานที่ขับเคลื่อนจะมาหมดเอาดื้อๆในองค์สุดท้าย เมื่อฉากใหญ่ในสวนสนุกถูกทำขึ้นเพื่อแสดงฉากการฆ่าซอมบี้เด็ดๆ (ซึ่งไม่ใช่จุดเด่นสำหรับเรื่องนี้เลย) แต่โดยรวมแล้วมันก็ไม่ใช่ข้อแก้ตัว ที่บรรดาแฟนซอมบี้จะมาพลาดหนังเรื่องนี้... อ้อ แล้วหนังยังมีดารารับเชิญสุดเซอร์ไพรซ์ ที่สร้างเสียงฮาที่สุดในเรื่องได้จากประโยคสุดท้ายอีกด้วย

BloodyMonday Rating:



Frequently Asked Questions About Time Travel (2009)


เมื่อเพื่อนสามคนก๊งเบียร์กันในผับแล้วเจอสาวฮ็อต (แอนนา ฟาริส) ที่อ้างว่ามาจากอนาคตจนเกิดรอยแยกของเวลา ทำให้ทั้งสามต้องท่องไปทั้งโลกในอนาคตและอดีตจนวุ่นวาย...

หนังมีไอเดียกิ๊บเก๋ ทำออกมาได้สนุกสนานสไตล์ซิตคอมอังกฤษ โดยเฉพาะการนำกฏเหล็กต่างๆจากหนังที่เกี่ยวกับการท่องเวลา (ดูเหมือนว่า Back to the Future จะเป็นแรงบรรดาลใจหลัก) มาปู้ยี้ปู้ยำอย่างเมามัน ถึงแม้ว่าตลอดเวลาการรับชมจะให้ความรู้สึก เหมือนตัวเองกำลังดูซีรี่ย์ทางโทรทัศน์ แต่มันก็คือตอนที่ฮาที่สุดของซีซั่น แถมเอฟเฟ็คที่ใช้ก็มีคุณภาพจนคาดไม่ถึง

BloodyMonday Rating:



Looking for Eric (2009)


มีความรู้สึกว่าหนังเรื่องนี้มองโลกในแง่ดีเกินบรรยากาศโดยรวม จริงอยู่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ลงเอยด้วยดีในตอนสุดท้ายนั้น สามารถสร้างความสุขและรอยยิ้มให้กับคนดู แต่จากสถานการณ์ในเรื่องและบริบทที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ มันยากที่จะทำใจเชื่อในสิ่งที่เห็น โดยเฉพาะพล็อตรองเกี่ยวกับปืน ซึ่งถ้าถูกตัดออกไปและหนังยังดำเนินเรื่องอย่างที่เป็นอยู่ Looking for Eric ก็น่าจะเป็นหนังฟีลกู้ดที่อบอุ่นที่สุดเรื่องหนึ่งของปีเลยทีเดียว

BloodyMonday Rating:


~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
Group Blog
 
 
มิถุนายน 2554
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
21 มิถุนายน 2554
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add BloodyMonday's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.