|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
ดีได้....ร้ายเสีย โดย พระพิจิตรธรรมพาที
การพูดการเจรจาที่จัดว่าสร้างสรรค์ ต้องเข้าลักษณะ พูดจาอ่อนหวาน พูดประสานสามัคคี พูดมีสาระ นี่แหละเป็นวาจาที่จะไม่เกิดทุกข์เกิดโทษ พูดแล้วเกิดความกลมเกลียว รักกันเหมือนพี่ ดีกันเหมือนน้อง ปรองดองกันเหมือนญาติ ไม่แตกแยกแตกสามัคคีกัน
ถ้าสามัคคี เรียกว่า กลมเกลียว แตกสามัคคี เรียกว่า ปีนเกลียว เข้าหน้ากันไม่ติด เรียกว่า เขม็งเกลียว
เพราะฉะนั้น การที่สังคมแตกแยกร้าวฉาน ก็เกิดจากการที่เราใช้ปากไปในทาง ทำลายไม่สร้างสรรค์ ชอบยุให้รำตำให้รั่ว ติฉินนินทาด่าว่าส่อเสียด ไม่ยกย่องให้เกียรติซึ่งกันและกัน คอยจ้องจับผิดซึ่งกันและกัน เป็นสามีภรรยา เป็นนาย เป็นบ่าว เป็นเจ้า เป็นข้า สุดท้ายต้องร้าวฉานทะเลาะขัดแย้งมีปัญหาต่อกันและกัน ขึ้นชื่อว่าทะเลาะวิวาท บาดหมางกันแล้วไม่มีผลดีใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะไหน และเป็นอะไรก็ตาม เพราะ
ทะเลาะกับเมีย เพลียใจที่สุด ทะเลาะกับผัว ปวดหัวที่สุด ทะเลาะกับแฟน แค้นใจที่สุด ทะเลาะกับพ่อแม่ แย่ที่สุด ทะเลาะกับลูก ทุกข์ใจที่สุด ทะเลาะกับเพื่อนบ้าน รำคาญที่สุด ทะเลาะกับผู้ร่วมงาน ฟุ้งซ่านที่สุด ทะเลาะกับลูกน้อง มัวหมองที่สุด ทะเลาะกับนาย ฉิบหายที่สุด
นี่แหละท่านทั้งหลาย สิ่งที่บ่อนทำลายความรักความมั่นคงที่พึงระวัง อันวาจา ชั่วตัวอุบาทว์ช่างร้ายกาจเสียสุดที่แม้นเป็นลูกพ่อแม่ก็ไม่ดี เป็นน้องพี่เขาก็รำคาญ หากเป็นเมียผัวก็หน่าย ใครเข้าใกล้ก็ร้าวฉาน ชอบยุแยงให้แหนงกันทำลาย ผลาญสามัคคี ฉะนั้นทุกท่านจึงควรที่จะได้ใช้ปากให้เป็นไปในทางที่เกิดสันติสุข เกิดความเข้าใจ อย่าพูดให้เกิดความไขว้เขว ต้องวิเคราะห์แล้วค่อยวิจารณ์ บางท่านวิจารณ์โดยไม่วิเคราะห์ จึงเกิดวิตกเกิดฟ้องร้องเป็นคดีความเสียก็มาก ต้องเสียชื่อเสียงเงินทอง เสียเวลา เสียไมตรี ก็เพราะเหตุนี้
Create Date : 15 กันยายน 2553 |
Last Update : 2 มิถุนายน 2554 13:35:43 น. |
|
0 comments
|
Counter : 802 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|