โคลนติดล้อ

"โคลนติดล้อ"เป็นบทพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งเคยได้ลงตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ไทย ระหว่างวันที่ 28 เมษายนถึง 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2458 โดยทรงใช้พระนามแฝงว่า"อัศวพาหุ" โคลนติดล้อมีจำนวนทั้งหมด12 ตอน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือตอนที่ 4 "ความนิยมเป็นเสมียน"
ความนิยมเป็นเสมียนยังคงเป็นปัญหาที่คอยกีดขวางความเจริญของประเทศไทยจนปัจจุบัน จะเห็นได้จากคนรุ่นหนุ่มสาวที่มักละทิ้งถิ่นฐานเดิมเพื่อไปทำงานเป็นลูกจ้างหรือพนักงานบริษัทอยู่ร่ำไป เช่นเดียวกันกับโคลนที่ชื่อว่า"ประชาธิปไตย" ซึ่งมีมากเกินไปในหมู่ชนคนไทย โคลนในหลุมบ่อนี้เคยเป็นปัญหาเกินแก้ไขมาตั้งแต่อดีต จนปัจจุบันก็ยังคงมีอยู่ต่อไป อับราฮัม ลินคอล์น ประธานาธิบดีคนที่16 ของสหรัฐอเมริกา กล่าวไว้ว่า "การปกครองในระบอบประชาธิปไตยหมายถึง การปกครองโดยประชาชน ของประชาชน เพื่อประชาชน" เพราะฉะนั้นไม่ผิดหรอกที่เราคนไทยจะใช้สิทธิในการออกเสียง แต่บางครั้งเมื่อเราเห็นว่ามีสิ่งใดที่ไม่ถูกต้อง เราก็ควรที่จะฟังเสียงของผู้อื่นบ้าง ไม่ควรมั่นใจเสียเหลือเกินว่าความคิดของตนถูกแต่เพียงฝ่ายเดียว
ข้าพเจ้าหยิบยกมาว่าประชาธิปไตยคือโคลนที่ติดล้อ แต่นั่นก็มิได้หมายความว่าจะต่อต้านการปกครองระบอบประชาธิปไตยแต่อย่างใดเลย จึงขอใส่วงเล็บไว้เสียหน่อยว่าประชาธิปไตยที่ว่านั่นคือ ประชาธิปไตยที่มีมากเกินไปในหมู่คนไทย ดังจะเห็นได้จากการชุมนุมครั้งต่างๆ ซึ่งผลสุดท้ายที่จะนำพามาคือความเสียหายของบ้านเมือง และยิ่งไปกว่านั้นคือความร้าวฉาน ความแตกสามัคคีของคนไทยด้วยกันเอง การชุมนุมที่ว่านี้ข้าพเจ้ามิได้สื่อถึง การชุมนุมของฝ่ายเสื้อแดงและเสื้อเหลืองที่เป็นข่าวครึกโครมในหน้าหนังสือพิมพ์ปัจจุบันแต่อย่างเดียว หากยังหมายถึงเหตุการณ์การชุมนุมครั้งก่อนหน้า ยกตัวอย่างเช่น พฤษภาทมิฬ ระหว่างวันที่ 17-20 พฤษภาคม 2535,วันมหาวิปโยคเมื่อ 14 ตุลาคม 2516 หรือการสังหารโหดเมื่อ 6 ตุลาคม 2519 ทั้งสามเหตุการณ์สะท้อนถึงการเสียดุลของการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคมและการเมือง บ่งบอกถึงความไม่สามารถปรับตัวของสังคมเข้าสู่ดุลยภาพ แต่นั่นก็มิอาจสำคัญเท่ากับเหตุการณ์เหล่านี้กลายเป็นโศกนาฏกรรมทางการเมือง และเป็นจุดด่างดำของประวัติศาสตร์การเมืองไทย
เพราะเราอยู่ใต้ร่มพระบารมีขององค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวด้วยกันจึงควรรักและสามัคคีกัน ด้วยเหตุนี้ข้าพเจ้าจึงขอยกกระแสพระราชดำรัสเนื่องในวันขึ้นปีใหม่ปี 2494 ของพระองค์ตอนหนึ่งว่า"...ประวัติศาสตร์ได้แสดงให้ปรากฏตลอดมาว่า ชาติใดเสื่อมสูญย่อยยับอับปางไป ก็เพราะประชาชาติขาดสามัคคีธรรม แตกแยกเป็นหมู่คณะ เป็นพรรคเป็นพวก คอยเอารัดเอาเปรียบ ประหัสประหารซึ่งกันและกัน บางพรรคบางพวกถึงกับเป็นไส้ศึกให้ศัตรูเข้ามาจู่โจมทำลายชาติของตน ดังนี้ข้าพเจ้าจึงขอชักชวนพี่น้องชาวไทยทั้งหลายให้ระลึกถึงพระคุณบรรพบุรุษ ซึ่งได้กอบกู้รักษาบ้านเกิดเมืองนอนของเรานั้นให้จงหนัก แล้วถือเอาความสามัคคี ความยินยอมเสียสละส่วนตัว เพื่อประโยชน์ยิ่งใหญ่ของประเทศชาติ เป็นคุณธรรมประจำใจอยู่เนืองนิจ..."




Create Date : 16 กุมภาพันธ์ 2552
Last Update : 12 มีนาคม 2553 14:45:28 น.
Counter : 1516 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

pan_aeraymond
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



เป็นแค่คนธรรมดาๆคนหนึ่ง
ที่ได้เปิดใจยอมรับเทคโนโลยีเข้ามาสู่ชีวิตปะจำวัน
ทีแรกช่างเป็นอะไรไม่ตรงกับตัวเอง
เพราะรู้สึกว่าไม่ชอบความสะดวกและสบาย
อยากเป็นคนที่เรียกว่าศิลปิน
แต่ในที่สุดก็มีคนนำทางมาสู่เส้นทางนี้
ฉันได้รู้ว่าโลกไซเบอร์ก็เป็นอะไรที่น่าสนใจ
สามารถนำมาปรับใช้กับตัวเราได้
กุมภาพันธ์ 2552

1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
 
16 กุมภาพันธ์ 2552