ปฎิบัติการซื้อคืนพันธบัตร

ผ่านไปแล้วสำหรับการลุ้นแบบใจหายใจคว่ำกับมติการช่วยเหลือกลุ่มประเทศที่มีปัญหาของกลุ่มยูโรโซนโดยประธานธนาคารกลางของยุโรป (ECB) ได้ออกมาประกาศว่า “จะทำทุกอย่าง” เพื่อปกป้องกลุ่มยูโรโซนหรือพูดๆง่ายก็ คือ จะทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้กลุ่มแตกนั่นเอง

จากข่าวหลายกระแสที่ว่ากันว่าการอุ้มหนี้เน่าของรัฐบาลกรีซ นั้นสร้างความไม่พึงพอใจให้แก่ประชาชนชาวเยอรมันพอสมควรเนื่องจากต้องนำภาษีของพวกเขาไปอุ้มรัฐบาลของประเทศที่ใช้จ่ายเกินตัวและก็ไม่ได้มีท่าทีจะสำนึกในการรัดเข็มขัดเลยสักนิด (อันนี้ความรู้สึกส่วนตัวของผมเอง)โดย THE ECONOMIST ก็ได้กล่าวถึงความเป็นไปได้ที่ เยอรมันจะยอมให้กรีซและประเทศที่มีปัญหานั้นล้ม โดยยอมที่จะไม่เอาเงินที่ได้ปล่อยกู้ไปแล้วคืนซึ่งก็เป็นเงินจำนวนหลายพันล้านยูโรเหมือนกัน

แต่ท่าทีของประธานธนาคารกลางยุโรปที่บอกว่าจะปกป้องยุโรโซนทุกวิถีทางสุดนั้นได้ผ่านความเห็นชอบของธนาคารกลางเยอรมันเรียบร้อยแล้ว ซึ่งนั่นก็หมายความว่าทางเยอรมันเองก็ได้ตัดสินใจอย่างหนักแน่นเหมือนกันแล้วว่ายังมีความจำเป็นที่จะต้องอุ้มกลุ่มยุโรโซนต่อไป(สงสัยจะทำใจไม่ได้ที่ต้องโยนเงินหลายพันล้านยุโรทิ้งน้ำ)และในอนาคตเราคงไม่ต้องมากังวลว่า กลุ่มยุโรโซนจะแตกกันอีกแล้ว

และหลังจากมีมติอุ้มกันต่อไปทาง ECB ก็มีมาตรการที่จะซื้อคืนพันธบัตรเน่าของรัฐบาลประเทศที่มีปัญหา เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและลดภาระดอกเบี้ยการกู้ยืมของรัฐบาลที่มีปัญหาอันได้แก่ กรีซ อิตาลี และสเปน

ผมได้ลองเข้าไปในเวบไซด์ของธนาคารกลางกรีซเพื่อดูอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรของประเทศต้นตอปัญหา พบว่า พันธบัตรอายุ 10 ปีนั้นปัจจุบันดอกเบี้ยอยู่ที่ 23 เปอร์เซ็นต์กว่าๆต่อปีโดยในเดือน ม.ค. ปีนี้ดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลกรีซอยู่ที่31 เปอร์เซ็นต์

อัตราดอกเบี้ยของกรีซปัจจุบันมันพอๆกันกับดอกเบี้ยการเบิกเงินจากบัตรเครดิตในบ้านเรามาใช้เลยเพียงแต่อาจจะไม่โดนหัก 3% ค่ากดเงินสดเท่านั้น

และในประเทศของเราคนที่ยอมกู้เงินในอัตราดอกเบี้ย 20 กว่าเปอร์เซ็นต์นั้นถ้าไม่ร้อนเงินกันจริงๆก็คงไม่ทำกัน

การประกาศซื้อคืนพันธบัตรของ ECB คงช่วยกดให้ดอกเบี้ยที่สูงของรัฐบาลกรีซลดต่ำลงแต่ผมก็ยังรู้สึกกังวลว่าการซื้อคืนครั้งนี้เป็นการซื้อคืนพันธบัตรเก่าๆที่ได้ออกไปแล้วแล้วถ้าหากกรีซอยากจะออกพันธบัตรใหม่เพื่อไปใช้จ่ายต่อไปล่ะทางยูโรโซนจะทำยังไงต่อ แต่ก็แว่วๆมาว่า ทางธนาคารยูโรก็จะปล่อยเงินกู้ให้กับกรีซเสียเองแต่มีข้อแม้ว่าทางกรีซก็ต้องรัดเข้มขัด และประหยัดค่าใช้จ่ายลงซึ่งคงไปกระทบกับรัฐสวัสดิการที่ภาครัฐมีให้กับประชาชนและผมสงสัยว่าในกรีซคงได้มีการประท้วงกันอีกรอบ

หากจะว่าไปแล้ว สถานการณ์ในยูโรโซน ก็น่าจะยังลากยาวไปอีกสักพักผมคิดว่าน่าจะยังต้องรอลุ้นกันอีกว่า กรีซจะรัดเข็มขัดได้หรือไม่และสถานการณ์นี้จะลากเพื่อนๆในกลุ่มยูโรลงเหวด้วยกันมั๊ยประกอบกับทางจีนก็มีอาการชะลอตัวทางเศรษฐกิจให้เห็น และสหรัฐก็ยังไม่ฟื้นเต็มที่

เศรษฐกิจในปีหน้าน่าจะยังได้ลุ้นกันอีกยาวแม้ว่าการซื้อคืนพันธบัตรของกลุ่มยูโรจะเป็นปัจจัยบวกแต่ก็คงไม่ส่งผลให้เสรษฐกิจทั้งโลก บวกกันแรงๆหรือหลุดจากภาวะถดถอยไปได้ง่ายๆ

ปล.บทความนี้เขียนขึ้นจากความทรงจำอันกระท่อนกระแท่นบวกกับจินตนาการส่วนตัวเล็กน้อย ไม่สามารถนำไปใช้อ้างอิงใดๆได้นะครับ