* ข้อมูลจาก brightside.me
1. ไม่ปล่อยให้เด็กได้มีประสบการณ์การเสี่ยง
เพราะเราอาศัยอยู่ในโลกที่เกิดอันตรายได้ทุกขณะความกลัวที่จะสูญเสียลูกๆ จึงทำให้เราฝังใจกับคำว่า ปลอดภัยไว้ก่อน และป้องกันพวกเขาจากพฤติกรรมการเสี่ยงทุกชนิด นักจิตวิทยาหลายคนในยุโรปพบว่าถ้าเด็กๆ ไม่ได้ออกไปเล่นนอกบ้าน ไม่เคยล้มเข่าถลอกเขามักจะมีความกลัวติดไปจนถึงตอนเป็นผู้ใหญ่ เด็กๆต้องเคยหกล้มบ้างเพื่อที่จะได้เรียนรู้ว่ามันเป็นเรื่องปกติพอโตขึ้นเป็นวัยรุ่นก็ต้องเคยอกหักเพื่อให้มีวุฒิภาวะเพิ่มขึ้นซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งต่อความสัมพันธ์อันยาวนานถ้าเด็กไม่ได้เสี่ยงซะเลยเขาจะเติบโตมาเป็นคนที่มีความเย่อหยิ่งสูงและมีความภาคภูมิใจในตัวเองต่ำ
2.ช่วยเหลือพวกเขาเร็วเกินไป
เด็กๆทุกวันนี้ไม่ได้พัฒนาทักษะการดำรงชีวิตมากเท่ากับเด็กๆ เมื่อ 30ปีก่อนเพราะผู้ใหญ่เข้าไปจัดการปัญหาให้ทุกอย่างการให้ความช่วยเหลือที่เร็วเกินไปหรือมากเกินไปทำให้เด็กไม่อยากที่จะค้นหาวิธีจัดการปัญหาด้วยตนเองและกลายเป็นสิ่งเคยชินว่าถ้าเขาผิดหวังหรือทำไม่ได้อย่างที่หวังไว้ก็จะมีผู้ใหญ่มาคอยแก้ไขให้ซึ่งในโลกของความเป็นจริงแล้วมันไม่ได้เป็นอย่างนั้น
3.ชมเชยง่ายเกินไป
การชมเชยให้เด็กๆดีใจและรู้สึกพิเศษเป็นสิ่งดีแต่จากการวิจัยพบว่าการชมเชยมากเกินจริงนั้นมีผลเสียแอบแฝงอยู่เพราะสุดท้ายเด็กก็จะรู้ว่ามีแต่พ่อและแม่ของเขาเท่านั้นที่พูดว่าเขาเก่งในขณะที่ไม่มีใครคนอื่นพูดเลยจากนั้นเขาก็จะเริ่มหาเหตุผลที่พ่อแม่ชมเขาแบบนั้นการชมเชยมากเกินไปและมองข้ามพฤติกรรมแย่ๆของเด็กจะทำให้พวกเขาเรียนรู้ที่จะหลอกลวง พูดเกินจริง และโกหกเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาต่างๆ
4.รู้สึกผิดต่อพวกเขา
ลูกของคุณไม่ต้องรักคุณตลอดเวลาหรอกพวกเขาผ่านพ้นความไม่พอใจได้แต่ไม่สามารถก้าวข้ามผลจากการถูกตามใจดังนั้นคุณต้องรู้จักบอกว่า ไม่ หรือ ไม่ใช่ตอนนี้และปล่อยให้เขารู้จักต่อสู้เพื่อสิ่งที่มีค่าหรือสิ่งที่เขาต้องการจริงๆพ่อแม่มักพยายามให้รางวัลกับเด็กๆ ยิ่งถ้ามีเด็กหลายคนพ่อแม่จะรู้สึกไม่ยุติธรรมถ้าจะให้รางวัลกับเด็กที่ทำดีเพียงคนเดียว ซึ่งถ้าเราให้รางวัลเด็กทุกคนเท่ากันทั้งที่ทำและไม่ทำดีพวกเขาจะไม่รู้จักเรียนรู้ว่าความสำเร็จนั้นเป็นเรื่องของใครของมันขึ้นอยู่การกระทำของแต่ละคนที่สำคัญต้องระวังอย่าใช้สิ่งของเป็นตัวล่อให้เรียนเก่งถ้าความสัมพันธ์ของคุณกับลูกขึ้นอยู่กับสิ่งของ เด็กจะไม่ได้สัมผัสกับแรงบันดาลใจจากภายในและความรักที่ไม่มีเงื่อนไข
5.ไม่เคยเล่าถึงความผิดพลาดของตัวเองในอดีตให้ลูกฟัง
เมื่อเด็กๆเติบโตขึ้น เขาย่อมต้องอยากทดลองทำสิ่งต่างๆ ด้วยตัวเขาเอง เราต้องปล่อยให้เขาทำแต่ก็สามารถชี้แนะได้ด้วยการเล่าถึงข้อผิดพลาดที่คุณเคยเจอเมื่ออายุเท่าพวกเขาเพื่อช่วยให้เขาตัดสินใจได้ถูกต้องแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องหลีกเลี่ยงบทเรียนจากความผิดพลาดที่เป็นเรื่องในแง่ลบเช่น การสูบบุหรี่ การดื่มแอลกอฮอล์ การใช้ยาเสพติด เป็นต้นเราไม่ได้เป็นสิ่งเดียวที่มีอิทธิพลต่อลูก แต่เราต้องเป็นสิ่งที่มีอิทธิพลที่ดีที่สุดให้กับลูก
6.เข้าใจผิดว่าความฉลาด พรสวรรค์ และการมีอิทธิพล คือภาวะความเป็นผู้ใหญ่
เพราะความฉลาดมักถูกใช้เป็นบรรทัดฐานของการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ของเด็กๆดังนั้นพ่อแม่หลายคนจึงเข้าใจว่าเด็กฉลาดมีความพร้อมที่จะออกไปเผชิญโลกแล้วดูอย่างนักกีฬาอาชีพเก่งๆ หรือดาราดังๆหลายคนที่ถูกจับในเหตุการณ์อื้อฉาวมีตั้งเยอะนั่นก็เพราะพรสวรรค์เป็นเพียงช่วงมุมหนึ่งของชีวิตเด็ก แต่ไม่ใช่ทั้งชีวิตมันไม่มีกำหนดว่าอายุเท่าไหร่จึงจะมีความรับผิดชอบหรือคู่มือที่จะบอกว่าเมื่อไหร่เด็กๆ จะมีอิสระทำอะไรได้ด้วยตัวเอง วิธีง่ายๆที่จะดูว่าลูกของคุณโตหรือยังก็คือ สังเกตเด็กคนอื่นๆ ในวัยเดียวกันถ้าเด็กคนอื่นทำอะไรด้วยตัวเองได้มากกว่าลูกของคุณก็อาจหมายความว่าคุณเองที่กำลังหยุดยั้งลูกของคุณจากการเติบโตเป็นผู้ใหญ่
7.ไม่ทำในสิ่งที่ตัวเองพร่ำสอน
ในฐานะผู้ปกครองเราต้องเป็นต้นแบบการใช้ชีวิตอย่างที่เราต้องการให้กับเด็กๆ เป็นเราสามารถเริ่มได้ง่ายๆ ด้วยการพูดอย่างซื่อสัตย์ถึงจะเป็นการโกหกเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาต่างๆ ก็ไม่ควรพูดแล้วก็ลองมองตัวเองในมุมที่คนอื่นเห็น เพราะลูกของคุณก็จะเห็นแบบนั้นเช่นกัน
จากผลการวิจัยของ ดร.ทิม เอลมอร์ผู้เชี่ยวชาญด้านความเป็นผู้นำและผู้เขียนหนังสือจิตวิทยาที่ขายดีที่สุดหลายเล่มเขาพบข้อผิดพลาดบางอย่างของพ่อแม่ที่เกิดขึ้นระหว่างการเลี้ยงดูลูกซึ่งข้อผิดพลาดเหล่านี้ทำให้เด็กขาดความมั่นใจในตัวเองตั้งแต่เล็กๆซึ่งจะลดโอกาสที่จะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานและชีวิตส่วนตัว
Download club music https://0daymusic.org MP3, FLAC, Music Videos.
0daymusic Team