คบคนมันต้องใช้เวลา >>>>>>>>>>>> ไม่เหมือนเลือกซื้อเสื้อผ้าจะได้ดูที่ยี่ห้อ
Group Blog
 
<<
มกราคม 2551
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
16 มกราคม 2551
 
All Blogs
 
ข้อความบังเอิญ แต่อาจจะไม่บังเอิญ

ข้อความบังเอิญ....

พอดีมีเพื่อนส่งมาให้ อ่านแล้วรู้สึกดี ยาวไปนิ
แต่ก็อยากให้ทุกคนอ่าน

ข้อความบังเอิญ....

"มีคนเคยบอกว่า...ชีวิตคือความบังเอิญ..
แต่ความบังเอิญบางครั้งก็เปลี่ยนแปลง.
.มุมมองเราใหม่ทั้งชีวิต "

ผมไม่เคยเชื่อในข้อความนี้...จนกระทั่งวันธรรมดาวันหนึ่ง
ที่ผมเปิดมือถือขึ้นตอนเช้า
ผมได้รับข้อความ SMS บอกว่า ผมมีข้อความเสียงฝากไว้
ใน Voice Mail Box ของผมให้โทรเข้าไปฟัง...

ผมกด เข้าไปฟัง แต่พอฟัง...ผมกลับรู้สึกแปลกใจใหญ่เพราะ

เสียงของคนที่ฝากข้อความไว้นั้นผมไม่คุ้นเอาเสียเลย...
และยิ่งฟังข้อความที่ฝากไว้...
ยิ่งน่าจะไม่เกี่ยวกับผมเลยด้วยซ้ำ
แต่เสียงเศร้า ของชายสูงวัยนั้น ทำให้ผมสะดุดใจผมอย่างยิ่ง

"ชัย...นี่พ่อนะ พ่อพยายามติดต่อลูกหลายครั้ง แต่ติดต่อไม่ได้ คือ พ่อต้องเข้ารพ.ไปผ่าตัดอาทิตย์หน้า และหมอให้พ่ออยู่ที่

โรงพยาบาลตั้งแต่พรุ่งนี้..ที่บ้านไม่มีคนอยู่..ถ้าลูกว่างก็แวะมาได้ที่ โรงพยาบาลโคราช บางทีพ่ออาจจะเหลือเวลาไม่มาก...... "


เสียงปลายทาง..สิ้นสุดลง ผมอึ้งและ...งง กับข้อความที่เพิ่งฟังจบไป อยู่พักหนึ่ง

ผมไม่ได้ชื่อชัย...และผม ก็ไม่มีพ่ออยู่โคราช พ่อผมเสียไปนานมากแล้ว...

ผู้ชายคนนั้นคง..กดเบอร์โทรผิด ผมคิดแค่นั้น
และพยายามไม่ได้สนใจกับสิ่งที่ผมเพิ่งฟังมา
ทำไมต้องสนใจ ????..มันไม่เกี่ยวกับผม..!

แต่ตลอดวันนั้น เสียงล้าๆ เหนื่อยๆ ของชายคนนั้นที่ฝากไว้ใน Voice Mail Box
วนเวียนเข้ามารบกวนใจผมเป็นระยะ...
ผมได้แต่คิดว่า ผมมีสิทธิ์ที่จะลืมมัน ?
มันไม่ใช่หน้าที่อะไรของผมที่จะต้องสนใจ กับแค่การฝากข้อความผิดเบอร์...

แต่ประโยค " บางทีพ่ออาจจะเหลือเวลาไม่มากนัก......"
มันทำให้ผมรู้สึกแย่ หากไม่ลุกมาทำอะไรสักอย่าง
ผมตัดสินใจโทรกลับไปที่หมายเลขที่โทรมาฝากข้อความไว้....ซึ่งเป็นโทรศัพท์บ้าน...
ผมโทรไปหลายต่อหลายครั้ง ไม่มีคนรับสาย....
ใช่ป่านนี้เค้าคงอยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว
ผมได้แต่ถอนใจและพยายามบอกว่าตัวเองทำดีที่สุดแล้ว...

แต่ตอนเย็นของวันนั้น ในที่สุด ความสำนึกดี..
(ที่มีอยู่ไม่มากนักในตัวผม)
ก็(ดัน) ดลบันดาลในให้ผม หาทางออกได้ว่า
ผมน่าจะลองโทรไปหาเบอร์มือถือที่ใกล้เคียงกับผมดู
เผื่อบางที อาจจะมีเบอร์ใด...เบอร์หนึ่ง
ที่อาจจะเป็น ลูกชายของคนที่ฝากข้อความไว้ก็ได้
เพราะถ้ากดผิดได้แสดงว่าหมายเลขคงจะห่างกันไม่มาก
ผมตัดสินใจไล่...กดเบอร์มือถือ ที่ใกล้เคียงกับเลขหมายโทรศัพท์ของผม ตั้งใจว่าจะกด แค่สิบเบอร์แรก...เท่านั้น
โดยเรียงจากเลขที่ใกล้เคียงกันมากที่สุด...ผมทำมันด้วยความไม่เต็มใจเท่าไหร่นักหรอก..
เพราะมันไม่สนุกเลยที่คุณจะต้องโทรไปหาใครที่ไม่รู้จักแล้วบอกเค้าว่า

"สวัสดีครับ คุณชื่อชัยหรือเปล่าครับ...ผมเป็นคนที่มีเลขหมายโทรศัพท์มือถือ ใกล้เคียงกับคุณ คือ คุณพ่อคุณคงกดเบอร์ผิด
และฝากข้อความไว้ที่ Voice Mail ของผม คือ ท่านบอกว่า เค้ากำลังจะเข้าผ่าตัดที่โรงพยาบาลทีโคราชอาทิตย์หน้า.... "
ทายซิครับ...ผมได้รับคำตอบ....อะไรบ้าง ?
บ้างก็วางสายใส่อย่างไม่ปราณี...
บ้าง..ก็ถามกลับมาว่า คุณบ้าหรือเปล่า ?
แต่คำตอบยอดนิยมที่ผมได้รับ...คือ.... "ขอโทษนะค่ะ...ดิฉันไม่ซื้อประกันตอนนี้...และทำบัตรเครดิตครบทุกธนาคารแล้วค่ะ "

ผมอยากจะบ้าตาย..ผมไม่ได้พูดอะไรที่เกี่ยวกับเรื่องประกัน กับ บัตรเครคิตซะหน่อย..เฮ้อ...
บางที...คนสมัยนี้ คงยุ่งเกินกว่าที่จะ คุยกับคนแปลกหน้า..
ก็ได้...มั้ง……
ผมนึกโกรธ เจ้าความสำนึกดีในตัวเอง...ที่มันยังดึงดันพยายามต่อ...
จากที่ตั้งใจว่า จะโทรแค่ 10 เบอร์ที่ใกล้เคียงเท่านั้น
แล้วผมก็ลามปราม...โทรไปถึง..สามสิบเบอร์
แต่ในที่สุด..ผมก็ต้อง..ถอนใจ...หมดหวัง..เมื่อเบอร์สุดท้ายก็ติดต่อไม่ได้

ผม...ตัดสินใจฝากข้อความVoice Mail ของหมายเลขที่ผมลองสุ่มโทรไป...
ด้วยประโยคที่ผมพูดซ้ำกันมากกว่า 30 รอบ อย่างเชี่ยวชาญ
" สวัสดีครับ คุณชื่อชัยหรือเปล่าครับ...ผมเป็นคนที่มีเลขหมายโทรศัพท์มือถือ ใกล้เคียงกับคุณ คือ คุณพ่อคุณคงกดเบอร์ผิด
และฝากข้อความไว้ที่ Voice Mail ของผม คือ ท่านบอกว่า เค้ากำลังจะเข้าผ่าตัดที่โรงพยาบาลทีโคราชอาทิตย์หน้า.... "


ผมวางสาย...เบอร์โทรที่เป็น...เป้าหมายสุดท้าย...เสร็จสิ้นไปแล้ว...
ผมพยายามปลอบใจตัวเองว่า...ผมทำดีที่สุดแล้ว...และไม่ควรรู้สึกผิดอะไรอีก
ผมหลับตานึกภาพพ่อของคนที่ชื่อชัย....ที่ต้องนอนป่วยโดดเดียวที่โรงพยาบาล
ผมได้แต่หวังว่า เค้าจะมีช่องทางการติดต่อสื่อสารอย่างอื่นที่ทำให้สองคนนี้ได้คุยกันได้
แต่แล้ว...สวรรค์ ก็คงมีตาอยู่บ้าง...
(จริงๆผมว่า สวรรค์น่าจะมี CallCenterเพราะถ้ามีแค่ตาบางทีอาจจะมองไม่เห็นทุกคนที่เดือดร้อน...)

แล้วอยู่ๆ ก็มีเสียงโทรศัพท์จากเลขหมายหนึ่งเข้ามา.... นั่นคือ...เลขหมายสุดท้ายที่ผมฝากข้อความไว้ใน Voice Mail นั้นเอง
"ขอโทษนะครับ...คุณใช่คนที่ฝากข้อความไว้ใน Voice mail ของผมหรือเปล่า ? ผมชื่อชัย …"
และแล้ว...ภาระกิจอันยิ่งใหญ่...ของผมก็สำเร็จ...เมื่อคนที่ชัยโทรกลับมาจริงๆ

แม้ในน้ำเสียงของเค้าดูจะไม่ค่อยไว้วางใจกับเรื่องที่ผมเล่าเท่าไหร่...และยังสงสัยอยู่หลายประเด็น
แต่เมื่อผมบอกว่า...เขาสามารถโทรไปสอบถาม ที่โรงพยาบาลโคราชได้ว่ามีชื่อพ่อเค้าอยู่หรือเปล่า
เขาวางหูและเงียบหายไปพัก...และโทรกลับมาขอบคุณผม
เพราะที่โรงพยาบาลโคราชยืนยันว่ามีคนป่วยเป็นมะเร็งขั้นสุดท้ายที่ชื่อตรงกับคุณพ่อของเค้าจริงๆ
ผม...อึงไปพัก..เมื่อรู้ว่า...น้ำเสียงล้าๆ...ที่ผมได้ยินจาก Voice Mail Box นั้นเกิดจากการเป็นโรคร้ายระยะสุดท้าย..
ชัยรีบเดินทางกลับไปโคราช เขาไปถึงก่อนที่พ่อจะผ่าตัด..

แค่หนึ่งวัน ชัย โทรมาขอบคุณผมอีกครั้ง

เขาเล่าว่าสาเหตุที่เขาต้องปิดมือถือ หนีหน้าครอบครัว..และคนอื่น..
เพราะธุรกิจที่เขาที่กรุงเทพมีปัญหา...เขาต้องหนีเจ้าหนี้...ที่ตามทวงอย่างหนัก

เขาบอกว่า...แต่สิ่งที่โชคดีที่สุดของเขา..ตอนนี้ อย่างน้อย เขาก็ได้มีเวลาได้ดูแลพ่อ แม้จะเป็นช่วงเวลาสุดท้ายก็ตาม
ผมยังเก็บข้อความเสียง ของคุณพ่อของชัยเอาไว้ และ แอบกด เข้าไปฟังอีกหลายครั้ง
เพราะ ท่ามกลางชีวิตที่ยุ่งวุ่นวาย..จนไม่มีเวลาจะสนใจคนอื่น..ของผม

ข้อความเสียงนั้น ใน Voice Mail Box ที่ผมได้รับโดยบังเอิญนั้น...คอยเตือนให้ผมรู้ซึ้ง ถึงความหมายของคำว่า
"การที่เรายอมลำบากเพียงเล็กน้อย...เพื่อคนอื่นบ้างนั้น
ใครจะรู้ว่า...บางที มันอาจจะหมายถึงสิ่งที่มีค่าที่สุดของอีกคนหนึ่งก็ได้"


___________________"



อ่านแล้วก็ เข้าใจ คนที่ได้รับ Voice Mail
ผมเองก็ไม่เคยเปิดฟังเลยครับ
สงสัยคราวหน้า คงต้องยอมเปิดฟัง Voice Mail แล้วมั้งครับ

แล้วคุณละครับ?????



Create Date : 16 มกราคม 2551
Last Update : 16 มกราคม 2551 20:33:15 น. 3 comments
Counter : 333 Pageviews.

 
อ่านแล้วน้ำตาจะไหลอ่ะค่ะ ฮือ~

ใช่ค่ะกับการที่เค้าบอกว่า

การที่เรายอมลำบากเพียงเล็กน้อย...เพื่อคนอื่นบ้างนั้น
ใครจะรู้ว่า...บางที มันอาจจะหมายถึงสิ่งที่มีค่าที่สุดของอีกคนหนึ่งก็ได้

แต่มันรวมถึงว่า เราควรที่จะดูแลสิ่งที่ตนเองรักให้ดีที่สุด

โดยเฉพาะผู้มีพระคุณ เพราะเราอาจจะไม่โชคดีอย่างคุณชัยก็เป็นได้นะคะ

ขอบคุณมากนะคะที่ทำให้ไอซ์ได้อ่านเรื่องราวดีๆแบบนี้


โดย: ~*_peppu_*~ วันที่: 16 มกราคม 2551 เวลา:17:34:08 น.  

 
อ่านแล้วขนลุกอ่ะค่ะ



โดย: ใครกัน...นั่งอยู่ตรงนี้ วันที่: 16 มกราคม 2551 เวลา:19:54:37 น.  

 
^ คุณ ~*_peppu_*~
บนความลำบากก็ นำพามาซิความ
ภาคภูมิใจ ในหลายๆ อย่างละครับ
^ ใครกัน...นั่งอยู่ตรงนี้
ถ้าเรื่องแบบนี้เกิดกับใครผมว่ายิ่งกว่า ขนลุกอีกครับ


โดย: redPoTatO วันที่: 16 มกราคม 2551 เวลา:20:39:19 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

redPoTatO
Location :
text Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ชีวิตคนเรามันสั้น ไม่ต้องแกล้งทำเป็นไม่รู้
เบื่อก็ไปเที่ยวกัน เอากำลังใจบ้างคนไทย!!

ณ วันนี้ก็นับถอยหลังให้กับเวลาที่ เหลืออยู่เพราะ

หนี้กำลังจะท่วมหัว....

[ บางครั้งกล้าคิด แต่ไม่กล้าทำ ก็คนมันกลัวงะ ]

Click เพื่อส่งหลัง ไมค์ ติดต่อ redPoTatOที่นี่ ครับ





Friends' blogs
[Add redPoTatO's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.