ดี l เลว มีแค่เส้นกั้น

<<
ธันวาคม 2559
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
1 ธันวาคม 2559
 

Bird move schools



150 Day 6 Year

หลายๆปัจจัยทำให้ผมและน้องต้องย้ายโรงโรงเรียน

ทั้งพ่อที่ทำงานอยู่ภาคกลางตอนล่าง ก็ถูกย้ายไปภาคใต้

แม่อยู่ภาคกลาง ก็ถูกย้ายไปภาคกลางตอนบน

การทะเลาะเบาะแว้งระหว่างพ่อกับแม่ก็ถี่มากขึ้น มีหลายๆเรื่องที่ผมเข้าใจ และไม่เข้าใจ

ทุกอย่างเหมือนถูกบีบให้สถานการณ์ในครอบครัวผม มันย่ำแย่ลงเรื่อยๆ

เมื่อแม่ไปบน พ่อไปล่าง พวกผมกับน้องอยู่ตรงกลาง จึงขาดคนดูแล

จะตาม"โกวนิด" มาช่วยแก้ขัดก็ไม่ได้ เมื่อ"โกวนิดก็มีลูกอ่อนแล้วเช่นกัน"

แล้วคำตอบสุดท้ายของพ่อกับแม่ผมคือ ส่งไปอยู่กับอาม่า(ย่า) อากง(ปู่)

ถ้าถามผมกับน้อง คำตอบคือไม่อยากย้ายอยู่แล้ว แต่เมื่อพ่อแม่ตัดสินใจแล้ว จะไปคัดค้านได้อย่างไร

กระบวนการย้ายโรงเรียนได้เริ่มขึ้น

ผมย้ายตอนกลางเทอม ตอนอยู่ป.2 ส่วนน้องย้ายตอนกลางเทอม ตอนอยู่ป.1

"ช่างแสนสุขสันต์และกะทันหันจริงๆ"

เพื่อนๆก็ไม่ได้ร่ำลา จากมาเฉยๆ แล้วก็มาเริ่มเทอมสองของโรงเรียนใหม่ทันที

จากโรงเรียนเอกชนที่ขึ้นชื่อ"ด้านคณิตฯ" และโรงเรียนรัฐฯที่ไม่แพ้ใครด้าน"ภาษาอังกฤษ"

มาเป็นโรงเรียนบ้านนา ชื่อแปลกๆ อยู่ต่างอำเภอนอกตัวจังหวัด

จากนักเรียน 40 คนต่อห้อง อาจารย์สอนประจำแต่ละวิชา แยกกันอย่างชัดเจน มีอาจารย์ประจำชั้นต่างหาก

กลายเป็นนักเรียน 10 กว่าคน คุณครูหนึ่งคนสอนทุกวิชา และควบเป็นคุณครูประจำชั้นอีกต่างหาก

มาตรฐานระหว่างโรงเรียนช่างต่างกันเหลือเกิน ทั้งที่โรงเรียนทั้งสองโรงเรียนอยู่ห่างกันแค่ 30 กว่ากิโลเมตร 

ซึ่งปัจจุบัน บางโรงเรียนที่ผมรู้จักก็ยังเป็นระบบนี้อยู่ คุณครู 1 ท่าน ดูเด็กทั้งชั้นหรือหลายชั้นปีเลยก็มี ผ่านไปเกือบสามสิบปี หลายๆอย่างที่ไม่ได้มาตรฐาน ก็ยังคงเดิม ก็ไม่รู้จะโทษอะไรดี จึงได้แต่ทำใจ ยอมรับว่า "สมกับเป็นประเทศสารขัณฑ์ ดินแดนมหัศจรรย์อย่างแท้จริง"

วันแรกที่มาเรียนก็ไม่แปลกใจ เป็นตัวประหลาดของโรงเรียนอยู่แล้ว

เด้กอ้วน(ผมเอง) 1 คน เด็กผอม(น้องผม) 1 คน หวีผมแสกกลางเรียบแปล้(แม่หวีให้) ทาหน้าขาว  ต้องเป็นตัวประหลาดที่ใครๆต้องมองอยู่แล้ว ประมาณเพลงประกอบรายการชิงร้อยชิงล้้าน ตอนหนึ่งที่ร้องว่า

"เค้าเป็นใครหนอ เค้ามาจากไหน เค้ามาทำอะไร ยังไง หรือเมื่อไหร่" อารมณ์คงประมาณนั้น 

ยิ่งอาหารการกินจากที่ซื้อกินที่โรงเรียน(ต่างคนต่างกิน) เปลี่ยนเป็นต้องเตรียมมาจากบ้าน แล้วมากินพร้อมๆกันกับเพื่อน

ขนมหวานไทยๆ(พวกเปียกปูน ข้าวเหนียวตัด) กินข้าวเสร็จคุณครูขาย ชิ้นละ 25-50 สตางค์

และหลังอาหารกลางวัน จากสนามฟุตบอลใหญ่ๆให้วิ่งเล่น ก็กลายเป็นสนามเล็กๆรายล้อมด้วยต้นสนพุ่มเตี้ยๆ(ซึ่งต่อมา เด็กอ้วนคนนี้ก็เป็นหัวโจกพาเพื่อนเตะบอลจนต้นสนพุ่มเตี้ยพังราบเป็นหน้ากลอง)

ส่วนเรื่องเรียนไม่ต้องพูดถึง ผมเรียนนำไปไกลมาก เพื่อนบางคนยังอ่านไม่ออก บวกลบเลขไม่ได้ ผมเรียน ป.2 ถึง ป.3 อย่างสบายๆไม่เคร่งเครียด จะเริ่มหนักและจริงจังก็ ป.4 นู่น


ถึงโรงเรียนจะเป็นอย่างไร ไม่หน้าอภิรมย์แค่ไหน แต่เรื่องราวมากมากมายก็เกิดขึ้นที่นี่ 

"อบรมบ่มเพาะให้เด็กคนหนึ่งรู้จักและยอมรับสังคมที่แตกต่าง"

"สั่งสอนด้านวิชาการและภาคปฏิบัติให้เด็กคนหนึ่งสอบเข้าโรงเรียนมัธยมประจำจังหวัดได้"

ตอนมัธยมผมอายที่ต้องบอกใครๆว่าผมจบจากโรงเรียนบ้านนา ชื่อแปลกๆ

แต่พอผมจบปริญญาตรี ผมกลับภูมิใจในโรงเรียนบ้านนาชื่อแปลกของผม

"ซึ่งชื่อโรงเรียนยังไม่ต้องสนใจ"

"แต่รับประกันความมันส์ตลอดสี่ปีที่ผมได้เจอ เข้มข้นกว่าน้ำพริกกะปิที่ผมชอบกินแน่นอน"












 

Create Date : 01 ธันวาคม 2559
0 comments
Last Update : 1 ธันวาคม 2559 21:59:02 น.
Counter : 386 Pageviews.

 
Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

สมาชิกหมายเลข 3528394
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ดี l เลว มีแค่เส้นบางๆกั้น
[Add สมาชิกหมายเลข 3528394's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com