Future is uncertain
<<
พฤศจิกายน 2549
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
10 พฤศจิกายน 2549

เศรษฐศาสตร์ในการจีบคนที่มีแฟนแล้ว

หลังจากร่ำเรียนวิชาการทางด้านเศรษฐศาสตร์มาได้สักพัก กอปรกับปัญหาส่วนตัวที่เจอในชีวิตจริงผมจึงอยากนำเสนอทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ในการจีบคนที่มีแฟนแล้วดังนี้ครับ

ฝ่ายหญิงนั้นเปรียบเสมือนผู้บริโภค (consumer) ส่วนแฟนเธอนั้นเปรียบเสมือนผู้ผลิต (producer) ที่คอยป้อนเวลาแห่งความสุข (goods)ให้เธอ เช่น การเทคแคร์ดูแลเอาใจใส่เธอ ซึ่งฝ่ายหญิงก็จะคอยดูแลตัวเองให้สวย น่ารัก ตามใจแฟนบ้างเพื่อดึงดูดใจแฟนเธอเอาไว้ ซึ่งนั่นก็คือราคา (price) ที่ฝ่ายหญิงต้องจ่ายในการซื้อเวลาจากแฟนเธอนั่นเองครับ

ณ ดุลยภาพแรกหัวใจของฝ่ายหญิง (market) มีแต่แฟนเพียงคนเดียวเท่านั้นซึ่งก็เท่ากับว่าเป็นลักษณะของตลาดผูกขาด (monopoly) ทางด้านฝ่ายชายเพื่อที่จะหาความสุขใส่ตัวให้มากที่สุด (maximize profit) ก็จะให้เวลากับเธอจนถึงระดับที่หน่วยสุดท้ายของความสุขที่ได้อยู่กับเธอเท่ากับหน่วยสุดท้ายของความทุกข์ที่เสียเวลาส่วนตัวไป (marginal revenue = marginal cost) ครับ ฉะนั้นแล้วฝ่ายหญิงจะต้องซื้อเวลาแห่งความสุขมา ณ ระดับราคาที่สูงกว่าต้นทุนเฉลี่ย (P>AC)

ต่อมาเมื่อมีมือที่ 3 (third hand ครับไม่ใช่ invisible hand) เข้ามาพยายามแบ่งหัวใจเธอ ซึ่งก็คงไม่ได้เข้ามาง่ายๆ เพราะอาจจะมีอุปสรรค (barrier to entry) อยู่บ้างเช่น ข้อมูลของฝ่ายหญิง (information cost) จำพวกว่า เบอร์โทรศัพท์ของเธอเบอร์อะไร หรือความซื่อสัตย์ของเธอที่มีกับแฟน (brand loyalty) เป็นต้น

เมื่อเริ่มจีบมือที่ 3 จะพยายามเสนอเวลาให้กับฝ่ายหญิงด้วยราคาที่ต่ำกว่าของแฟนเธอ ส่วนแฟนเธอเมื่อเห็นดังนั้นก็ต้องลดราคาของเวลาที่ให้ฝ่ายหญิงงลงมาเช่นกันเพื่อไม่ให้เสียฝ่ายหญิงไป ช่วงนี้ฝ่ายหญิงสามารถเล่นตัวได้มากขึ้นกว่าตอนที่หัวใจเธอถูกผูกขาดอยู่แค่แฟนคนเดียวครับ ราคาความสุขจากแฟนเธอและมือที่ 3 จะลดไปได้สูงสุดที่ระดับราคาเท่ากับต้นทุนฉลี่ย (P=AC) ซึ่งถ้าแฟนเธอและมือที่ 3 มีต้นทุนเท่ากันจะเข้าสู่ดุลยภาพใหม่ (Bertrand-Nash equilibrium) แต่ถ้าทั้งสองคนมีต้นทุนไม่เท่ากันแล้ว สงครามหัวใจครั้งนี้ก็จะจบลงโดยที่ต้องมีคนอกหักไปตามระเบียบ (คนที่มี AC สูงกว่า)

แต่ไม่ว่าใครจะต้องอกหักฝ่ายหญิงจะมีความสุขมากขึ้นครับ (consumer surplus เพิ่มขึ้นเพราะหาซื้อความสุขได้มากขึ้นในราคาที่ลดลง) โอกาสที่ทั้งแฟนเธอและมือที่ 3 จะสมคบคิด (collude) เพื่อร่วมมือกันจีบสาว (cooperative game) นั้นเกิดขึ้นได้ยากครับ เป็นเพราะว่าไม่ว่าใครก็ต้องการหัวใจของฝ่ายหญิงไปทั้งหมด (100% market share)

อย่างไรก็ดีฝ่ายหญิงก็อาจจะคบสองหนุ่มไปพร้อมๆกันเลยก็เป็นได้เพราะทั้งมือที่ 3 และแฟนเธอไม่ได้เหมือนกันซะทีเดียว โดยมือที่ 3 ที่เข้ามาอาจจะเสนอความสุขให้เธอในรูปแบบที่ต่างไปจากแฟนเธอ (product differentiation) เช่นพาไปเที่ยวที่ใหม่ๆดูบ้าง ทำให้ความสุขจากแฟนเธอและมือที่ 3 ไม่สามารถทดแทนกันได้อย่างสมบูรณ์ (imperfect substitute)

ดุลยภาพนี้จะดำเนินไปได้นานเท่าไหร่ขึ้นอยู่กับฝ่ายหญิงครับว่าจะสับรางยังไง รวมถึงการเล่นนอกเกม (illegal) ที่อาจจะเกิดขึ้นเช่นเมื่อแฟนเธอหมดความอดทน ฝ่ายมือที่ 3 ก็อาจจะโดนดักตีหัวได้ง่ายๆ

แต่เมื่อฝ่ายหญิงเลือกคนใดคนหนึ่งในที่สุดก็จะต้องมีคนที่เสียใจซึ่งอาจจะเสียใจมากถึงขั้นไปปรับทุกข์กับสุราจนไม่ได้สติ (random walk) ในสถานการณ์เช่นนี้เพื่อนๆต้องเข้าไปปลอบใจ โดยแนะนำให้ไปหาสาวอื่นแทน (new market) ครับ




Create Date : 10 พฤศจิกายน 2549
Last Update : 10 พฤศจิกายน 2549 19:12:58 น. 12 comments
Counter : 1965 Pageviews.  

 
คิดได้ไง...ฮ่าๆๆ
เก่งมากค่ะ
ขอส่งต่อเพื่อนๆค่ะ


โดย: กำลังใจมีให้..จากใครบางคน IP: 203.113.50.137 วันที่: 10 พฤศจิกายน 2549 เวลา:20:35:22 น.  

 
ฮาดีครับ


โดย: Tony Almeida วันที่: 10 พฤศจิกายน 2549 เวลา:22:20:22 น.  

 
สุดยอดเลยเพ่ คิดได้ไงเนี่ย

ว่าแต่มันจะเวิร์คจริงหรือ


โดย: Mr.Learning วันที่: 10 พฤศจิกายน 2549 เวลา:22:37:19 น.  

 
ทฤษฎีที่สร้างขึ้นจากชีวิตจริง แต่ถูกจำกัดให้อยู่บนสมมุติฐาน มุมมองน่าสนใจแต่อยากให้คำนึงถึงความพึงพอใจของผู้บริโภคในแง่สังคมด้วย ถึงแม้จะมีมือที่สามเข้ามาตัดราคาแต่อาจจะทำให้เกิด negative externality มากกว่า positive benefit บางทีผู้หญิงอาจจะไม่ชอบผู้ชายที่เข้ามาจีบก็ได้เพราะอาจจะตามรังควานเหมือนพวกโรคจิต ดังนั้นฝ่ายผู้บริโภคจึงต้องคำนึงถึง net social gain ด้วยก่อนที่จะเลือกซื้อสินค้าของมือที่สาม

ความคิดเห็นส่วนตัวคิดว่าเศรษฐศาสตร์เป็นเพียงแค่โลกจำลอง ชีวิตรักที่แท้จริงแล้วไม่สามารถคำนวนจุดกำไรขาดทุนได้ แต่ต้องอาศัยเสียงจากภายในของทั้งผู้บริโภคและผู้ผลิตมากกว่า ดังนั้นภาษาของหัวใจเป็นสื่อสำคัญที่ทำให้คนสองคนครองรักกันอย่างมั่นคงโดยปราศจากมือที่สาม

ขอให้เพื่อนผู้เขียนที่เต็มไปด้วยความลุ่มลึกในความคิดจงพบแต่ความรักที่เปี่ยมไปด้วยความสุขที่แท้จริง

เพื่อนที่ปรารถนาดี


โดย: seenyao IP: 58.136.229.249 วันที่: 11 พฤศจิกายน 2549 เวลา:9:27:01 น.  

 
ขอบคุณครับพี่ seenyao กับข้อคิดดีๆที่มีให้เสมอ


โดย: birgo วันที่: 11 พฤศจิกายน 2549 เวลา:11:03:28 น.  

 
พยายามทำความเข้าใจแล้ว แต่ก้อยังรู้สึกติดๆขัดๆอยู่หลายๆจุดเหมือนกันค่ะ

ประเด็นแรก ที่ทำให้คิดว่าทฤษฏีเสดสาดอธิบายเรื่องความรักไม่ได้ ก้อคือ ในเรื่องความรัก producer ควรจะ maximize consumer' s utility ไม่ใช่ maximize profit ของตัวเอง เพราะนั่นไม่ใช่ความรัก แต่เป็นความเห็นแก่ตัวต่างหาก
ทฤษฏีเสดสาดได้แต่บอกให้ economic agent กอบโกยผลประโยชน์ตัวเองให้ได้มากที่สุด Consumers (HHs)maximize utility เล็งแต่จะซื้อสินค้าราคาถูกที่สุด เพื่อ cs ได้เยอะที่สุด แต่ไม่ได้คำนึงว่าถ้าตัวเองซื้อของถูกแล้ว profit ของ producer จะน้อยแค่ไหน ส่วน producer (Firms) ก้อพอกันอะ ไม่ต้องพูดถึงเลย จะมีก้อแต่ government เท่านั้นล่ะ ที่คิดถึง social welfare

ข้อสอง เห็นด้วยกะพี่ seenyao ว่าไม่มีใครสามารถบอกดุลยภาพที่ชัดเจนในเรื่องความรักได้ และส่วนตัวคิดว่า producer ที่จะชนะใจ consumer ได้ น่าจะเป็นผู้ที่ยอมลด price ลงมาต่ำวกว่า ac ยอมผลิต ณ จุดที่ mc สูงกว่า mr ยอมเปลี่ยน status เป็น government หรือยอม... อะไรก้อแล้วแต่เพื่อ maximize consumer utility ดังที่ได้กล่าวไว้ในข้อแรก

ข้อสาม ในทางเสดสาด ผู้บริโภคต้อง prefer perfect competition มากกว่า monopoly อยู่แล้ว ซึ่งนั่นถือเป็นเรื่องปกติ แต่ในเรื่องของความรัก หากผู้บริโภคผูกติดอยู่กับตลาดผูกขาดตั้งแต่เริ่มแรก และยอมปล่อยให้ระดับการแข่งขันสูงขึ้นได้.... ถือว่าผู้บริโภคผู้นั้น..... ไม่พิมพ์ดีกว่า เพราะ commentator จะโดนด่าเปล่าๆ
ถ้าผู้บริโภคอ้างว่า new entry อาจจะดีกว่า ผู้ผลิตที่กำลังจะเข้าสู๋ตลาดก้อน่าจะเตรียมใจสำหรับ new entry ในอนาคตที่จะดียิ่งๆขึ้นไปเช่นกัน

ข้อสี่ หากมือที่สามเห็นด้วยกับความเห็นของเพื่อนๆ ที่ว่าให้ไปหาตลาดใหม่ ก้อไปเถอะ เพราะการที่ความคิดเช่นนี้แล่นเข้ามาในหัว ก้อเป็นข้อยืนยันที่ชัดเจนแล้วว่า คุณเบื่อตลาดเก่าเสียแล้ว

คิดได้แค่นี้เองอะค่ะ นี่คือความเห็นสส่วนตัวนะคะ ถ้ามีข้อบกพร่องหรือความรุนแรงใดๆก้อขอโทษไว้ ณ ที่นี้ด้วย
อย่างไรก้อดี ขอปรบมือดังๆให้กับความสามารถอันน่าทึ่งในครั้งนี้ และขอให้ผู้เขียนเปลี่ยนตลาดแข่งขันสมบูรณ์ ให้กลายเป็นตลาดผูกขาดให้ได้นะคะ เอาใจช่วยค่ะ


โดย: Kob IP: 58.136.224.217 วันที่: 12 พฤศจิกายน 2549 เวลา:0:11:58 น.  

 
ขอตอบกบดังนี้ครับ
ประเด็นแรกที่กบพูดถึงก็คือทั้งสองฝ่ายต่างจะพยายาม maximize ประโยชน์ของตัวเองโดยไม่ได้นึกถึงอีกฝ่ายซึ่งมันน่าจะเรียกว่าการเห็นแก่ตัวมากกว่าความรัก ผมขอเสนอแย้งดังนี้ครับ

1) ในแบบจำลองนี้มีสมมุติฐานว่าฝ่ายชายเป็นคนจีบสาวครับ ฝ่ายหญิงไม่สามารถไปจีบฝ่ายชายได้ ฉะนั้นฝ่ายชาย (producer) จึงเลือกที่จะ maximize profit โดยที่ฝ่ายหญิง (consumer) ต้องยอมรับปริมาณเวลา (quantity)ที่ฝ่ายชายกำหนดให้ซึ่งฝ่ายหญิงจะเลือกไม่รับก็ไม่ได้ครับ ไม่งั้น welfare จะเป็น 0 !!

กรณีที่จะ maximize consumer surplus นั่นก็คือการที่จะยกเวลาให้กับฝ่ายหญิงทั้งหมดนั้นคงเป็นไปไม่ได้ เพราะฝ่ายชายก็ยังต้องมีภาระเช่นเรียนหนังสือ แม้จะบอกว่าฝ่ายหญิงคงไม่คิดจะเอาเวลาเรียนหนังสือของฝ่ายชายมาทั้งหมดหรอก แต่เอาเข้าจริงๆแล้วฝ่ายหญิงกับฝ่ายชายเป็นคนละคนกันครับ ฝ่ายหญิงไม่สามารถรู้ได้อย่างแน่ชัดว่าวันๆนึงฝ่ายชายต้องทำอะไรบ้าง (asymmetric information) เช่น ฝ่ายหญิงอาจจะคิดว่าฝ่ายชายมีเวลาวันละสี่สิบชม.ก็ได้ ฉะนั้นประเด็นก็คือว่า consumer surplus เท่าไหร่จึงจะเรียกว่าพอดีไม่มากไปไม่น้อย ซึ่งฝ่ายชายจะไม่ทราบครับ ฝ่ายชายจึงเลือกที่จะ maximize profit ไปก่อน

2) ต่อมาฝ่ายหญิงอาจจะบ่น (exogenous) ที่ฝ่ายชายให้เวลาน้อยเกินไป ในกรณีนี้อยู่ที่ฝ่ายชายครับว่าจะสามารถตัดใจจากเวลาส่วนตัวเพื่อแฟนได้รึเปล่า ถ้าทำได้ เส้น AC จะ shift ลงซึ่งจะทำให้ความสุขของทั้งคู่เพิ่มขึ้นครับ แต่แน่นอนครับว่าไม่มีอะไรได้มาฟรีๆแม้ความสุขจากความรักจะเพิ่มขึ้น สิ่งที่เสียไปก็คือเวลาที่ฝ่ายชายจะได้อยู่กับเพื่อนๆ หรืออ่านหนังสือสอบเป็นต้น

3) ถ้าตกลงกันไม่ได้จริงๆในที่สุดแล้วก็ต้องเลิกกัน...

สรุปก็คือว่าฝ่ายชายเลือกที่จะ maximize profit ของตัวเองก่อนแล้วค่อยปรับทีหลังตามคำบ่นของฝ่ายหญิง แต่ condition MR=MC จะยัง hold อยู่เสมอ ในกรณีที่ฝ่ายหญิงกับฝ่ายชาย ตกลงกันไม่ได้ เพื่อนๆ(government) อาจจะเข้ามาช่วยไกล่เกลี่ยได้บ้าง แต่ท้ายสุดแล้วก็อยู่ที่ความสมัครใจของทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิงอยู่ดี


โดย: birgo วันที่: 12 พฤศจิกายน 2549 เวลา:10:51:15 น.  

 
ประเด็นที่สองกบบอกว่าฝ่ายชายต้องลดราคาลงมา (P < AC)เพื่อชนะใจ ฝ่ายหญิง ประเด็นนี้น่าสนใจ ผมขออนุญาตอธิบายดังนี้ครับในกรณีตลาดผูกขาด producer ไม่มีความจำเป็นใดๆที่จะต้อง dump ราคาลงมานะครับ เพราะยังไง consumer ก็ต้องซื้อ goods อยู่แล้ว แต่เมื่อมี new competitor เข้ามาแล้วการ dump ราคาอาจจะเกิดขึ้นได้ครับ (ยอม get loss เพื่อจะไล่อีกฝ่ายออกไป) แต่ก็เป็นสถานการณ์ที่”ฝ่ายชายทำเพื่อตัวเองครับ” ทำเพื่อรักษา market ของตัวเองไว้เพื่อจะ get profit ต่อไปในอนาคต ไม่ได้ทำเพื่อ maximize consumer surplus อยู่ดี

ประเด็นที่สามผมคิดว่าการที่จะเลิกกับแฟนเพราะเจอคนใหม่ที่ดีกว่าเป็นเรื่องปรกติครับ เพราะทั้งคู่ยังไม่ได้แต่งานกัน ต่างฝ่ายต่างยังมีสิทธิ์เลือก คนที่ถูกทิ้งคงจะเสียใจอยู่บ้างแต่ก็ต้องทำใจครับ คิดซะว่าเค้าได้ไปเจอคนใหม่ที่ดีกว่า

ประเด็นที่สี่อันนี้ไม่มีอะไรแย้งครับ แต่อยากเสริมว่า ถ้าอยากถอยก็ถอยไป แต่ถ้าอยากสู้ก็สู้ต่อไป ขอแค่อย่าทำให้ใครเดือดร้อนเป็นใช้ได้ และคนที่จะตัดสินใจว่าสู้หรือถอยดีก็อยู่ที่เจ้าตัวเท่านั้นเป็นคนตัดสินใจสุดท้าย เพื่อนๆได้แต่เสนอทางเลือกครับ ไม่สามารถบังคับจิตใจได้

ขอบคุณกบมากนะครับสำหรับความเห็นดีๆ ถ้ามีตรงไหนที่จะเสริมหรือแย้งอีกก็ยินดีครับ..


โดย: birgo วันที่: 12 พฤศจิกายน 2549 เวลา:10:53:05 น.  

 
เจ๋งดีนะผมเคยคิดเหมือนกันเเต่ออกเเนว xxx


โดย: Iconoclast IP: 71.110.254.158 วันที่: 15 พฤศจิกายน 2549 เวลา:16:13:04 น.  

 
ยิ่งอยากอ่านใหญ่เลยครับ คุณ Iconoclast อิอิ


โดย: birgo วันที่: 16 พฤศจิกายน 2549 เวลา:23:46:08 น.  

 
คุณลองเปลี่ยนจากผู้ผลิตเป็นผู้หญิง แล้วผู้บริโภคเป็นผู้ชายสิ กลายเป็นอีกประเด็นเลยนะเนี่ย


โดย: นาย IP: 58.8.181.67 วันที่: 17 พฤศจิกายน 2549 เวลา:13:32:54 น.  

 
น่าจะมี Elasticty อีกเรื่องด้วยนะ หุหุ
ขอดู sensitivity หน่อยสิ 555+


โดย: ArMuRo IP: 58.8.193.45 วันที่: 26 พฤศจิกายน 2550 เวลา:18:13:28 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

birgo
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add birgo's blog to your web]