|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
+-+-+-+5 ชอบ 5 ไม่ชอบในมุมมองของผมครับ+-+-+-+(ตอนสอง - 5ไม่ชอบ)
ก่อนอื่นขอสารภาพว่า ตอนแรกก็ว่าจะเขียนสั้นๆ นิดเดียว (ไม่งั้นคงไม่เอามาใส่ในหัวข้อ สั้นๆ ได้ใจความ หรอก)
แต่เขียนไปเขียนมาอีท่าไหนไม่รู้ เกิดอาการรั่วซะงั้น แถมพอลืมเอาที่เขียนเสร็จแล้วมาลงเมื่อวาน ทำให้วันนี้มีโอกาสเขียนเพิ่มเติม ทำไปทำมา 5 ไม่ชอบก็เลยออกมายาวยืดอย่างนี้แหละ
และ 5 ไม่ชอบตอนแรกก็กะจะทำเป็นแนวขำๆ อย่าง ไม่ชอบหอแต๋วแตก ไม่ชอบแนน อมิตดา แต่สุดท้ายก็เขียนออกมาซะเครียดเลย เครียดไม่เครียด คนเขียนเอามาอ่านเองยังปวดหัว คนอื่นมาอ่านยิ่งไม่ต้องพูดถึง ไปหาพารากินแก้ปวดหัวกันเองแล้วกันนะครับ
เนื่องจากเห็นว่ามันยาว ก็เลยขออนุญาตเอามาลงเป็นบลอกตอนใหม่เลยแล้วกัน ติดตามอ่านให้ดี ตอนท้ายมีเล่นทีเผลอ...
5ไม่ชอบ
1.หนังไทยเรื่องบอดี้การ์ดหน้าเหลี่ยม2 โกยเถอะเกย์ หอแต๋วแตก ผีไม้จิ้มฟัน ชุมทางรถไฟผี และหนังไทยประเภทดูถูกผู้ชมเรื่องอื่นๆ
พูดได้คำเดียว - "เสียดาย"
ความจริงมีอีกหลายเรื่อง แต่ที่ปรี๊ดขึ้นสุดๆ ก็ 5 เรื่องนี้ ดูจบแล้ว เสียดายเงิน เสียดายเวลา เสียดายทรัพยากรโลก เพราะรู้กว่าจะมาเป็นหนังแต่ละเรื่องนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ตีหัวเข้าบ้านของแท้ คิดแต่จะโกยเงินง่ายๆ อย่างเดียว ไม่เคยคิดจะคืนภูมิปัญญาหรือศิลปะหนังสู่สังคมเลย
โอเค ถ้าจุดประสงค์ของคุณคือ อยากสร้างความบันเทิง ความสนุก แล้วความสนุกมันไปอยู่ที่ไหนในหนังของคุณล่ะ ในความคิดผม หนังแย่ๆ ในตำนานอย่างผู้หญิง 5 บาปยังเพลิดเพลินกว่าหนังพวกนี้เลย
จริงอยู่ หนังห่วยๆมันมีทุกยุค ผมไม่มีปัญหากับหนังห่วย แต่ผมมีปัญหากับหนังที่ชุ่ยๆ ไม่ได้ใช้หัวใจทำ และดูถูกคนดู และที่แย่คือ ดูแนวโน้มแล้ว หนังประเภทนี้น่าจะมีการสร้างมากขึ้นเรื่อยๆ คนดูเขาไม่ได้อยากดูแต่อะไรง่ายๆ เขาก็พร้อมที่อยากดูอะไรที่มันท้าทายถ้าคนทำหนังพร้อมจะป้อนให้เขาทีละน้อย สาเหตุที่คุณไม่ทำเนื่องจากคนดูไม่อยากดูหรือผู้สร้างไม่อยากเสี่ยงกันแน่ ยิ่งคุณทำหนังอย่างนี้ไปเรื่อยๆ คนดูที่เจอแบบนี้บ่อยๆ สักวันก็คงจะหมดศรัทธากับหนังไทย แล้วหนังไทยก็จะกลับไปซบเซาอีกครั้ง สุดท้ายก็จะเดือดร้อนกันทั้งวงการนี่แหละ เฮ่อ...... ปล.เขียนข้อนี้หลังจากดูหอแต๋วแตกจบใหม่ๆ แล้วรู้สึกอัดอั้นมาก ข้อเขียนเลยอาจจะดุเดือดเล็กน้อย
2.กระแสจตุคามรามเทพและการเรียกร้องให้ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ
พูดได้คำเดียว - "เพี้ยน"
อะไรคือสิ่งสำคัญของพระพุทธศาสนาครับ หลักคำสอนของพระศาสดาคืออะไรครับ
การศรัทธาจตุคามนั่นไม่ใช่ปัญหา เพราะมันคือความเชื่อส่วนบุคคลที่ใครจะไปบังคับไม่ได้ ความเชื่อใคร ความเชื่อมัน อยาทำให้คนอื่นเดือดร้อนเป็นพอ แต่การใช้วัด ใช้พระสงค์เป็นเครื่องมือปลุกเสก การบอกว่าจตุคามเป็นส่วนหนึ่งของศาสนาพุทธ การที่พระมัวแต่ไปยุ่งกับจตุคามจนลืมไปว่าหน้าที่ของพระสงค์จริงๆ คือการเผยแพร่หลักธรรม ทีเรื่องอย่างนี้ล่ะไม่เคยมีสมาคมสงฆ์ไหนสนใจคิดจะแก้ไข ทีพระวิ่งหนีผี พระดีดกีตาร์ในหนังล่ะจะเป็นจะตาย
แถมสรรพคุณของจตุคามแต่ละรุ่น เน้นแต่ให้ร่ำให้รวย ดูแล้วเหมือนไม่ใช่ลัทธิความเชื่อใหม่ แต่เหมือนเป็นหนทางให้คนอยากรวยทางลัดมากกว่า แถมสโลแกนที่ว่า ถ้าทำความดี จตุคามจะช่วยคุณให้รวยก็ฟังดูแปลกๆ ยังไงไม่รู้ แปลกตรงที่ ต้องมีสิ่งตอบแทนด้วยหรือครับ คุณถึงจะทำความดีได้ ถ้าจะบอกว่า เพราะมีจตุคาม ทำให้มีเงินสร้างโบสถ์บำรุงวัดได้ นานาจิตตังนะครับ แต่ความเห็นส่วนตัวผมมองว่า มันคือการสร้างสิ่งที่ถูกจากสิ่งที่ผิด เหมือนกับกรณียอมรับรัฐธรรมนูญที่มาจากรัฐประหาร หรือรับเงินทักษิณช่วยน้ำท่วม เรื่องอย่างนี้มันอยู่ที่คนมองจริงๆ ครับ ผมก็ยังบอกไม่ได้เลยว่า มันถูกหรือมันผิด แต่ผมว่าแบบนี้ผลสุดท้ายจบไม่ดีสักราย
อีกอย่างที่อยากจะประณามคือ เจ้าภาพปลุกเสกบางกลุ่ม ผมเชื่อว่าบางคนก็ไม่ได้เชื่อในจตุคามหรอก แต่เห็นช่องทางรวย เก็งกำไรแล้วรวยกว่าเล่นหุ้น เลยขอเกาะกระแสสักหน่อย
คนอยากได้เยอะก็ทำแบบลวกๆ ปั๊มไม่ทัน ได้จตุคามไม่มีคุณภาพ เพราะอย่างนี้น่ะสิ เดี๋ยวนี้จตุคามจึงถูกเอาไปขายเลหลังเหลืออันละไม่ถึง 5 บาท
ส่วนเรื่องการเรียกร้องให้ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาตินั้น ผมถามจริงๆ นะครับ เพื่ออะไรครับ...เพื่ออะไร ถึงได้เป็นศาสนาประจำชาติแล้ว แต่ถ้าพระยังเดินพันธุ์ทิพย์ซื้อซีดีเหมือนเดิม สุดท้ายแล้วมันจะมีอะไรดีขึ้นไหม ศาสนาพุทธมันอยู่ที่ใจคน ทำไมต้องเอาไปผูกกับอำนาจรัฐด้วย เอาแค่ว่า เอาเวลาไปสอนถึงหลักคำสอนต่างๆ ทั้งมรรค8 ทางสายกลาง อิทัปปัจยตา ให้คนในสังคมรู้ดีกว่า เพื่อคนจะเห็นแก่ตัวกันน้อยลงมากกว่านี้
ผมขอร้องจริงๆ ครับ ใครก็ได้ช่วยมายกเครื่องศาสนาพุทธในประเทศนี้ให้ที ไม่งั้นผมกลัวศาสนาที่ผมศรัทธามันจะเสื่อมเข้าสักวัน
3.ทักษิณกับพวก คมช.กับพวก นปก. สสร. กกต. ครม. รมต. รมช. อบต. และบรรดาผู้มีอำนาจที่สนุกกับการเอาบ้านเมืองมาเป็นเครื่องต่อรองส่วนตัว
พูดได้คำเดียว - "เซ็ง"
แย่งอำนาจกันไปกันมา ไม่รู้ว่าคุณท่านลืมไปหรือเปล่าว่า ประชาชนนั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้ทั้งคน เบื่อๆๆๆๆๆๆ จนไม่อยากเขียนอะไรมาก เอาสั้นๆ ง่ายๆ แล้วกัน
หลักพื้นฐานของการปกครอง คือ สิทธิ เสรีภาพของประชาชนจะถูกริบไปบางส่วนเพื่อ ให้ผู้ปกครองที่ผ่านการถูกเลือกสามารถออกคำสั่งและกฏระเบียบต่อประชาชนได้ โดยไอ้ที่สั่งๆ ไปนั้น จะต้องทำไปด้วยจุดมุ่งหมายหลักคือ ประโยชน์ของประชาชนและสังคม
นิติรัฐ คือ รัฐที่จำกัดตนเองอยู่ภายใต้กฎหมายโดยจะกระทำการก็ต่อเมื่อมีกฎหมายให้อำนาจและกระทำไปได้เท่าที่ไม่ขัดต่อกฎหมาย กฎหมายเช่นว่าต้องเป็นกฎหมายที่ดี และการกระทำเหล่านั้นต้องอยู่ภายใต้การควบคุมขององค์กรตุลาการ คอลัมน์นิติรัฐ-ปิยบุตร แสงกนกกุล จาก //www.onopen.com
พูดง่ายๆ คือ ประชาชนคือผู้เป็นใหญ่ที่สุดในแผ่นดิน ไม่ใช่กลุ่มคนแค่ไม่กี่คนเป็นใหญ่ มาดูสภาพความเป็นจริงตอนนี้ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า ยังห่างไกลอีกหลายล้านปีแสง ใครตั้งพรรคการเมืองที่มีนโยบายเป็นอนาธิปไตย(ไม่มีผู้ปกครอง) วานบอกที ผมจะขอสมัครเข้าเป็นสมาชิกคนแรกเลย
4.การเซ็นเซ่อร์ภาพยนตร์ และอินเตอร์เน็ท
พูดได้คำเดียว - "ปัญญาอ่อน"
ขอพูดเรื่อง ภาพยนตร์ก่อนแล้วกัน
อยากจะบอกท่านคณะกรรมการกองเซนเซอร์ที่เคารพว่า ศิลปะโว้ย ศิลปะ เข้าใจไหม ไม่ใช่เอะอะก็หั่น ไม่พอใจก็เบลอร์ ไม่เข้าตาก็แบน กระทำชำเราเสร็จสรรพเสร็จแล้ว หนังที่เหลือมาให้เราดูก็มีสภาพแบบไม่ครบ 32
ความจริงผมเข้าใจว่า พวกท่านทำไปด้วยหวังดีต่อลูกหลาน ไม่อยากให้ได้รับข้อมูลไม่ดีใส่หัวซึ่งบางอย่างก็ไม่เหมาะจริงๆ แต่ผมไม่เข้าใจในบรรทัดฐานของพวกท่านจริงๆ บางเรื่องก็เห็นนมได้ บางเรื่องเห็นไม่ได้ บางทีเรื่องเดียวกัน บางฉากก็ไม่เห็น บางฉากก็เห็น เซนเซอร์ไม่ทัน อย่างนี้เขาเรียก ตาดีได้ตาร้ายเสีย หรือเปล่าเนี่ย แถมบางเรื่องเอาดาบฟันคอกันหัวขาดกระจุย เลือดทะลักไม่เป็นไร แต่พอเห็นหัวนมหรือจุกโผล่มานิดหน่อยล่ะจะแบนท่าเดียว หนังบางเรื่องไม่มีใครหนุนหลัง หรือฉายกันเล็กๆ ก็โดนแบน แต่หนังบางเรื่องที่มีแบ็คอัพใหญ่มีฉากคล้ายๆ กันดันปล่อยผ่านได้ แถมเหล้าบุหรี่น่ะ บังกันเข้าไป ควันออกปุ๋ยๆ นั่นน่ะ ดูไม่ออกเล้ยว่ามันคือบุหรี่
ใครมีเงินสักหมื่นล้าน ช่วยเจียดทุนมาทำวิจัยหน่อยสิครับว่า เซนเซอร์กันขนาดนี้ สังคมเรามันดีขึ้นกี่เปอร์เซนต์ หรือยิ่งเพิ่มขึ้น เพราะคนยิ่งท้าทายก็ไม่รู้
แน่นอนครับ เซนเซอร์เป็นสิ่งที่จำเป็นต้องมี เพื่อสังคมที่ดี เพราะใช่ว่าทุกคนจะมีวิจารณญาณในระดับเดียวกัน แต่ทุกอย่างมันต้องมีความพอดี ตอนนี้ในความคิดของผม ขอบอกว่า ทีมีอยู่ตอนนี้มันทะลุเกินขีดพอดีไปเยอะแล้ว
สุดท้าย เราก็ได้รู้ว่า ไม่ว่าจะเรื่องสิทธิ เสรีภาพ หรือศิลปะ ประชาชนไทยก็ยังปฏิบัติเหมือนเป็นเด็ก 5 ขวบเหมือนเดิม
ส่วนเรื่องอินเตอร์เนทนั้น ไม่อยากพูดอะไรมาก แค่อยากเตือนท่านนายกด้วยความปรารถนาดีแบบสุดๆ ว่า ท่านครับ เปลี่ยนคนดูแลเรื่องนี้ใหม่หน่อยเถอะครับ เอาที่เข้าใจโลกไอทีและสังคมมนุษย์ดีกว่านี้หน่อย
อินเตอร์เนทมีขึ้นเพื่อข้อมูลข่าวสารที่เชื่อมต่อกันได้อย่างรวดเร็ว เปรียบเหมือนกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวเชื่อมโยงต่อกัน ต่อให้คุณทำเขื่อนกั้น สุดท้ายสายน้ำมันก็จะหาทางไปต่อของมันได้เอง การที่คุณเที่ยวไปไล่เซนเซอร์เวบที่ไม่เห็นด้วยกับคุณ หรือออกกฏหมายเกี่ยวกับการห้ามฟอร์เวิร์ดเมลล์โป๊นั้น ทำให้รู้เลยว่าการมองโลกของคุณอยู่ในยุคไหน ที่ไดโนเสาร์แข็งแรงตัวใหญ่ยังสูญพันธ์ได้ มนุษย์อย่างพวกเราน่าจะเอามาเป็นอุทาหรณ์นะครับ
5.การลงประชามติ
พูดได้คำเดียว - "ช่างกล้า"
อันนี้สดๆ ร้อนๆ มาแรงแซงทางโค้งมาเลย ผมจะไม่แตะต้องประเด็นที่ว่า ควรรับหรือไม่ควรรับนะครับ เพราะนั่นเป็นความเห็นของแต่ละคน และเชื่อว่า ใครจะเลือกกาช่องไหน สุดท้ายทุกคนต่างก็หวังดีต่อประเทศชาติกันทั้งนั้น
แต่สิ่งที่ผมเห็นว่ามันมีปัญหา คือ ขั้นตอนกระบวนการของมัน แจกแจงเป็นข้อๆ เลยแล้วกัน
-ไม่มีใครยอมบอกให้แน่นอนว่า ถ้าเกิดผลออกมาเป็น ไม่รับ ชนะ จะเกิดอะไรขึ้น อย่างนี้มันน่าลองของนักเชียว
-โฆษณา "รับธรรมนูญเพื่อให้มีการเลือกตั้ง" อย่างนี้เขาเรียกขู่ประชาชนหรือเปล่าครับ หน้าที่ของคุณคือการเขียนรัฐธรรมนูญ จะรับหรือไม่รับก็เป็นเรื่องของเรา เล่นทำเอง เชียร์แขกเองอย่างนี้ มันใช้ได้กับร้านอาหารครับ แต่อย่าเอามาใช้กับประเทศชาติเลย
-เล่นให้ลงมติต่อรัฐธรรมนูญกันยกเล่ม เอาก็เอา ไม่เอาก็ไม่ต้องเอาแบบนี้ ถ้าผมเอาด้วยบางมาตรา ไม่เอาด้วยบางมาตราอย่างนี้ ผมควรจะทำยังไงดีครับ
-เห็นคนต่อต้านรัฐธรรมนูญเป็นศัตรูหมด หาว่ารับเงินบ้าง หาว่าถ่วงความเจริญบ้าง ห้ามไม่ให้ลงโฆษณาบ้าง ห้ามชี้นำคนอื่นบ้าง แต่ทีตัวเองล่ะชี้นำได้แถมทำเอาๆ เด็ก 5 ขวบเล่นเกมแข่งกัน ผมว่ายังแข่งกันยุติธรรมกว่านี้เลย
-กกต.ที่มีหน้าที่ควบคุมการลงประชามติบางคนกลับมีส่วนร่วมในขั้นตอนการร่างรัฐธรรมนูญด้วย เป็นทั้งคนทำและคนจัดการตัดสินอย่างนี้ เปรียบไปก็เหมือนผู้พิพากษาคนหนึ่งไปตัดสินคดีที่เมียตัวเองเป็นลูกความ แม้จะรับรองว่า ตัดสินยุติธรรมจริง แต่ประเด็นมันอยู่ที่ มันควรหรือไม่ต่างหาก
ตอนแรกก็ไม่คิดอะไร แต่พอพวกท่านเล่นทำอย่างนี้ ผมก็เลยอดมองโลกในแง่ร้ายไม่ได้(อีกแล้ว)ว่า ที่ท่านผู้มีอำนาจจัดให้มีประชามตินั้น พวกท่านไม่ได้อยากฟังเสียงประชาชนจากใจจริงหรอก ท่านแค่เอาเสียงประชาชนมาเป็นแฟ้บ เอามาซักฟอกพวกท่านให้สะอาดจากคราบมลทิน เอามารับรองรัฐประหารต่างหาก
จริงหรือเปล่าครับ เจ้านาย!!!
อยากจะบอกว่า ที่บ่นๆ มาเนี่ย ใจจริงแล้วผมหวังดีต่อท่านผู้มีอำนาจทั้งหลายนะครับ ไม่ใช่อะไร ผมกลัวว่า เกิดวันดีคืนดีมีคนไปบ้าจี้ฟ้องศาลว่า การลงประชามติที่ผ่านมาไม่ชอบด้วยกฏหมาย ให้ถือว่าเป็นโมฆะ (ตัวอย่างแบบนี้ก็เคยมีให้เห็นแล้ว ไม่นานมานี้) ระวังพวกท่านจะหัวเราะไม่ออก ร้องไห้ไม่ได้นะครับ
หมดแล้วครับ อยากจะบอกว่า ความจริงผมไม่ได้บ้าการเมืองขนาดนี้นะ แต่ช่วงนี้การเมืองมันเข้มข้นอลวน ชวนติดตามยิ่งกว่าหนังแอคชั่นเรื่องไหนๆ แล้วอย่างงี้จะให้หนีไปไม่ชอบแนน อมิตดา มันก็ไม่ได้ ใช่ไหมครับ
อย่างที่ออกตัวไว้แล้ว ที่คุณอ่านไปทั้งหมดเป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ อาจมีเอียงข้างโน้นข้างนี้บ้าง ตามธรรมชาติของความคิดเห็น
พอเขียนเสร็จ ผมก็เริ่มคิดอะไรดีๆ (หรือไม่ดีหว่า) ออกแล้ว
จะว่าไหมครับ ถ้าผมจะเอาหัวข้อ 5 ชอบ 5 ไม่ชอบนี้เอามาทำเป็น tag ไม่ได้อยากให้ใครยุ่งยาก เหตุผลแค่อยากอ่านความเห็นของเพื่อนๆ ชาวบลอกคนอื่นบ้างเท่านั้นเอง จะสั้นจะยาว จะเร็วจะช้าไม่เป็นไร ขอแค่เขียนสิ่งที่ท่านชอบ 5 ข้อ ไม่ชอบ 5 ข้อ ในช่วงเวลานี้ จะเป็นอะไรก็ได้พร้อมเหตุผลประกอบ และแล้วเหยื่อ 5 รายแรกที่ผมจะขอ tag คือ
1.คุณ calcium_kid 2.คุณ กะว่าก๋า 3.คุณ คนทับแก้ว 4.คุณ nanoguy 5.คุณ I will see U in the next life.
แล้วจะรออ่านนะครับ
ขอบคุณครับ
จบหักมุมซะงั้น...
ขอสันติภาพและเสรีภาพจงปรากฏต่อทุกท่าน
Create Date : 11 สิงหาคม 2550 |
Last Update : 16 สิงหาคม 2550 3:17:35 น. |
|
35 comments
|
Counter : 454 Pageviews. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า (กะว่าก๋า ) วันที่: 11 สิงหาคม 2550 เวลา:8:07:33 น. |
|
|
|
โดย: กายแก้ว วันที่: 11 สิงหาคม 2550 เวลา:12:25:23 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า (กะว่าก๋า ) วันที่: 11 สิงหาคม 2550 เวลา:12:40:43 น. |
|
|
|
โดย: nanoguy วันที่: 11 สิงหาคม 2550 เวลา:13:27:36 น. |
|
|
|
โดย: chengake วันที่: 11 สิงหาคม 2550 เวลา:14:48:16 น. |
|
|
|
โดย: naigod วันที่: 11 สิงหาคม 2550 เวลา:19:03:29 น. |
|
|
|
โดย: shin chan (alei ) วันที่: 12 สิงหาคม 2550 เวลา:3:35:19 น. |
|
|
|
โดย: KungGuenter วันที่: 12 สิงหาคม 2550 เวลา:3:49:51 น. |
|
|
|
โดย: ฟ้าดิน วันที่: 12 สิงหาคม 2550 เวลา:4:38:22 น. |
|
|
|
โดย: shin chan (alei ) วันที่: 12 สิงหาคม 2550 เวลา:4:45:24 น. |
|
|
|
โดย: กายแก้ว วันที่: 12 สิงหาคม 2550 เวลา:10:16:19 น. |
|
|
|
โดย: calcium_kid วันที่: 12 สิงหาคม 2550 เวลา:13:03:34 น. |
|
|
|
โดย: คุณนายไปรษณีย์ (mrs.postman ) วันที่: 12 สิงหาคม 2550 เวลา:14:03:03 น. |
|
|
|
โดย: แซนด์ซี วันที่: 12 สิงหาคม 2550 เวลา:14:53:06 น. |
|
|
|
โดย: เล่งฮู้ IP: 58.9.169.175 วันที่: 12 สิงหาคม 2550 เวลา:17:57:26 น. |
|
|
|
โดย: weraj วันที่: 12 สิงหาคม 2550 เวลา:19:36:32 น. |
|
|
|
โดย: fonrin วันที่: 12 สิงหาคม 2550 เวลา:20:55:44 น. |
|
|
|
โดย: ShadowServant (ShadowServant ) วันที่: 12 สิงหาคม 2550 เวลา:21:00:14 น. |
|
|
|
โดย: nanoguy วันที่: 13 สิงหาคม 2550 เวลา:3:14:24 น. |
|
|
|
โดย: ลุงกล้วย วันที่: 13 สิงหาคม 2550 เวลา:7:02:30 น. |
|
|
|
โดย: คนทับแก้ว IP: 202.44.135.35 วันที่: 13 สิงหาคม 2550 เวลา:13:13:17 น. |
|
|
|
โดย: strawberry machine gun IP: 202.41.167.241 วันที่: 13 สิงหาคม 2550 เวลา:15:13:02 น. |
|
|
|
โดย: ฟ้าดิน วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:3:47:36 น. |
|
|
|
โดย: หทัยชนก (Nok_Noah ) วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:9:30:20 น. |
|
|
|
โดย: มณีไตรรงค์ วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:14:08:34 น. |
|
|
|
โดย: ป้ามด วันที่: 14 สิงหาคม 2550 เวลา:14:19:44 น. |
|
|
|
โดย: พลทหารไรอัน วันที่: 20 สิงหาคม 2550 เวลา:1:08:37 น. |
|
|
|
|
|
|
|
ยิ่งมองไปกลับไม่เจอ
ยิ่งคิดก็ยิ่งเพ้อ
ยิ่งพบเจอก็ยิ่งปลง
ยิ่งตัดใจยิ่งได้คิด
เดินตามทิศกลับยิ่งหลง
อยากลาลับกลับพะวง
ยิ่งอยู่คงในคำนึง
.................
^
^
^
มีใครบอกคุณรึยัง ว่ามันเจ๋งมากครับ
...................
รับงานด้วยความเต็มใจยิ่ง
แต่เดี๋ยวขอนั่งอ่าน 5 ไม่ชอบของคุณก่อน อิอิอิ
..................
โห...อ่านจบแล้วโดนใจ
แล้วกระผมจะเอาอะไรมาเขียนเนี่ย 555
ขอเวลาคิดสักหน่อยนะครับ