ฉันเป็นดั่งนกไร้ขา บินไปบินมาไร้จุดหมาย โอกาสลงดินนั้นไซร้ ต่อเมื่อความตายมาเยือน
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2550
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
1 สิงหาคม 2550
 
All Blogs
 
+-+-+-+-+เอาโครงการเก่ามาให้ดูอีกครั้ง-ใครอยากอ่านหนังสือฟรีเชิญทางนี้ครับผม!!+-+-+-+-+


หายไปจาก bloggang หลายวันมากครับ
มิได้มีสาเหตุแปลกประหลาดอันใด
พอดีหลบไปชาร์ทแบทที่ต่างจังหวัดมาครับ


แต่ไม่รู้แบทเสื่อมหรือที่ชาร์ทแบทเสียหรืออย่างไร
ชาร์ทยังไงไฟก็ไม่เต็มสักที
อย่างนี้สงสัยต้องเปลี่ยนอุปกรณ์ใหม่ยกเซ็ทแล้วมั้งเนี่ย


ก่อนจะนอกเรื่องไปมากกว่านี้ เข้าเรื่องเลยดีกว่า


เอาโครงการเก่ามาแสดงให้ดูอีกครั้งครับ เผื่อใครตกข่าวไม่เคยเห็น


สนใจก็หลังไมค์มาได้นะครับ
ถ้าฟีดแบกดี อาจจะเอาหนังสือ bakery and I กับ เดินสู่อิสรภาพมาเข้าร่วมในโครงการด้วย




*************************************************************



โครงการแลกเปลี่ยนหนังสือ


มีหนังสือมาให้ยืมครับ
มีข้อแลกเปลี่ยนแค่ เอาหนังสือคุณมาแลกกับผมด้วย เท่านั้นเอง


เรื่องของเรื่อง คือ ผมเห็นโครงการ book tag ของเพื่อนสมาชิกแล้วสนใจมาก อยากเข้าร่วมมากๆ
แต่ด้วยหลายปัจจัยทำให้ผมเข้าร่วมไม่ได้ครับ

ทั้งไม่สะดวกในการส่งไปรษณีย์
มีหนังสือที่อยากให้แลกเยอะมากจนกลัวว่าจะยุ่งในการทวงคืน
ด้วยประการฉะนี้ ผมจึงขอแยกตัวทำโครงการเดี่ยวแล้วกันนะครับ


กติกาง่ายๆ คือ ผมมีหนังสือของอ.เสกสรรค์บางส่วนที่อยากจะเอามาแลกเปลี่ยนกับเพื่อนๆ ดังนี้ครับ

(ขอบคุณรูปและคำบรรยายจาก //www.tinhub.net)


-วันที่ถอดหมวก
ศิลปะในการปล่อยวาง
ราคา 150 บาท





-เพลงเอกภพ
บันทึกการเดินทางที่ไมไ่ด้เพียงแต่บอกเล่าเรื่องราวที่ผ่านตา แต่สำรวจลงไปดินแดนลึกสุดของหัวใจ
จัดเป็นหนึ่งในผลงานเชิงจิตวิญญาณที่ดีเด่นที่สุดของเสกสรรค์ ประเสริฐกุล
ทั้งในแง่ของชั้นเชิงทางภาษาและกลวิธีการนำเสนอ
ราคา 190 บาท





-ฟองเวลา กาพย์กลอนและคำรำพัน
ราคา 100 บาท





-ก่อนสิ้นศตวรรษ รวมบทสัมภาษณ์และคำปราศรัยในช่วงห้าปี พ.ศ.2539-2543
ราคา 210 บาท





-บางสิ่งที่หายไป รวมบทความเกี่ยวกับสัตว์ป่าและธรรมชาติ
ราคา 125 บาท





-มหาวิทยาลัยชีวิต
เหตุการณ์ในเดือนตุลาคม 2516 เป็นการหักมุมครั้งใหญ่ในชีวิตของประเทศชาติ แต่ในนั้นก็มีการหักมุมของชีวิตคนหลาย ๆ คน รวมทั้งตัวผมด้วย
อันที่จริงการต่อสู้ดังกล่าวเป็นสิ่งที่จะต้องเกิดขึ้น ไม่ว่าผมจะเข้าไปเกี่ยวข้องหรือไม่ ผมเพียงแต่บังเอิญเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ซึ่งส่งผลกำหนดชีวิตผม มากกว่าที่ผมมีส่วนกำหนดมัน
บางส่วนจากเนื้อเรื่อง
ราคา 110 บาท





-เดินป่าเสาะหาชีวิตจริง
จากคืนวันแห่งราวไพรสู่นาคร
เหตุการณ์เดือนตุลา 2516 ไม่เพียงกำหนดอนาคตของสังคมไทย
หากแต่กำหนดชีวิตหลากหลาย ไม่เว้นแต่เสกสรรค์ ประเสริฐกุล
"เดินป่าเสาะหาชีวิตจริง" จึงมีความหมายอีกนัยหนึ่ง เป็นดั่งเอกสารสำคัญทางประวัติศาสตร์ของสังคมไทยสมัยใหม่
ราคา 95 บาท





-เร่ร่อนหาปลา สัมพันธภาพระหว่างชีวิตและสายน้ำ
ราคา 120 บาท





แถมด้วย
-ฉันจึงมาหาความหมาย-วิทยากร เชียงกูล ที่เขียนไว้ในหัวข้อกวีเมื่อนานมาแล้ว อ่านได้ใน//www.bloggang.com/viewdiary.php?id=birdwithnolegs&month=04-2007&date=17&group=4&gblog=4
ราคา 140 บาท





-open 52 Matisse Issue
รวมนักเขียน ราคา 250 บาท





-ลม ฟ้า อาหาร (ความเรียงว่าด้วยอาหารและอากาศ)
โตมร ศุขปรีชา ราคา 180 บาท





- ที่เกิดเหตุ: บันทึก 1 ปี ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
วรพจน์ พันธุ์พงศ์ ราคา 195 บาท





หลักเกณฑ์การแลกเปลี่ยนหนังสือ

1.จะไม่ส่งไปรษณีย์ไปให้ ไม่ว่าจะกรณีใดๆ ทั้งสิ้น แต่จะใช้วิธีแลกกับเจ้าตัวหรือฝากใครมาให้หรือฝากของไว้ที่ที่หนึ่งมีคนดูให้แล้วเอาไปแลกกับคนนั้น
สถานที่ที่สะดวกในการแลกที่สุดคือ ที่โรงหนังเซนจูรี่ อนุสาวรีย์ชัยหรือไม่ก็ตามสถานีรถไฟฟ้าทุกที่ครับ
2.ไม่ให้ยืมฟรีนะครับ แต่อยากรบกวนให้เพื่อนๆเอาหนังสือที่ราคาใกล้เคียงกันมาแลก (ถ้าเอารายชื่อหนังสือมาให้จขบ.เลือกผ่านหลังไมค์จะดีมากๆ)
ถ้าราคาขาดเกินกันเยอะ ก็ให้คนที่มีหนังสือราคาน้อยกว่ามัดจำเป็นเงินส่วนต่างของราคา เวลาหนังสือหายจะได้ไม่เสียใจมาก
3.ติดต่อขอแลกผ่านหลังไมค์หรืออีเมลที่ให้ไว้พร้อมบอกชื่อหนังสือของผมและของคุณเองที่อยากเอามาแลกเปลี่ยน
แล้วทางเราจะติดต่อถึงวัน เวลา สถานที่และวิธีมาเอาที่สะดวกทั้งสองฝ่ายอีกที
4.เอาไปอย่าให้เกินเดือนนะครับ เผื่อมีคนต่อคิวเยอะ

ใครสนใจติดต่อได้ที่ otto2py@yahoo.com หรือหลังไมค์มาหาผมก็ได้

ขอบคุณครับ



*************************************************************



ไหนๆ ก็มาโพสต์แล้ว ขอคุยต่ออีกหน่อยแล้วกันนะครับ
ขอออกตัวไว้ก่อนว่าเนื้อหาที่คุยอาจจะเรื่อยเปื่อย หาสาระอะไรไม่ค่อยได้เท่าไร
ถ้าไม่ว่างจริงๆ ไม่ต้องอ่านก็ได้นะครับ
(แต่ถ้าว่าง อ่านหน่อยก็ดีครับ แหะๆๆ)


วันนี้ไม่รู้เกิดครึ้มอกครึ้มใจอะไรขึ้นมา
อยู่ดีๆ ผมก็ไล่อ่านบทความทั้งหมดที่ตัวเองเขียน
และที่คนอื่นคอมเมนต์ตั้งแต่ทำบลอกนี้ทั้งหมดซ้ำไปซ้ำมา


ใช้เวลาอ่านไม่นานหรอกครับ
แค่ 2 ชม.กว่าๆ เท่านั้นเอง


บางอันกลับมาอ่านก็อดนึกชมตัวเองไม่ได้ว่า ทำไมตูเขียนดีอย่างนี้ฟะ 555 (อย่าเพิ่งอ้วกนะครับ ท่านผู้ชม)
แต่บางอันอ่านแล้วก็อดคิดไม่ได้ว่า ทำไมห่วยแตกอย่างนี้ แทบอยากกลับไปลบทิ้ง ไม่ให้เหลือหลักฐานถึงรุ่นลูกรุ่นหลาน


บางอันอ่านแล้วก็ให้ละอายใจตัวเอง
เรื่องท่องเที่ยวเวียดนามที่เคยให้สัตย์ปฏิญาณในบลอกนี้ว่าจะเขียนให้เสร็จ
กระทั่งบัดนี้ก็ยังเขียนไม่เสร็จ
ตอนนี้ข้าพเจ้าก็กลายเป็นคนตะบัดสัตย์ไปเรียบร้อยแล้ว


ยังไม่นับไอ้พวกบทความที่เขียนแล้วกะทิ้งไว้ให้มีตอนต่อ
ซึ่งข้าพเจ้าก็ขอสารภาพโดยดีว่า
จนป่านนี้ก็ยังไม่ได้เริ่มจรดคีย์บอร์ดเขียนตอนต่อแม้แต่บรรทัดเดียว...


แต่อดีตก็ปล่อยให้เป็นเรื่องของอดีตแล้วกัน
เขาบอกว่าให้ใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบัน
ดังนั้นอะไรที่มันผิดพลาดก็ลืมๆ มันไปแล้วกัน
อะไรที่เคยให้สัตย์ปฏิญาณไว้ ก็ลืมๆ มันไปซะนะครับ (เล่นง่ายจริงๆนะคนเรา)


ยิ่งเขียนยิ่งเพ้อเจ้อ (อีกแล้ว) เข้าเรื่องเลยดีกว่า...


ผมแค่อยากจะบอกเพื่อนๆ ว่า
จากที่เคยเป็นคนนานๆ จะเข้าบลอกที
มาตอนนี้ผมกลายเป็นคนติดบลอกงอมแงมไปเรียบร้อยโรงเรียนpantipไปแล้วครับ
วันไหนถึงไม่ได้เขียนก็ต้องขอเข้ามาดูความเคลื่อนไหวสักหน่อย ว่ามีใครมาคอมเมนต์บลอกเพิ่มหรือเปล่าหนอ
คอมเมนต์ไหนมีคนตอบเกิน 20 อารมณ์ก็จะดีไปทั้งวัน (โรคจิตหรือเปล่าเนี่ยตู)


ตอนแรกก็พยายามคิดว่าจะอธิบายสาเหตุของการติดบลอกออกมาเป็นลายลักษณ์อักษรอย่างไร


แต่คิดไปก็คงไม่จำเป็นล่ะมั้ง เพราะคิดว่าทุกคนในที่นี้คงเข้าใจในสิ่งที่ผมอยากบอกหมดแล้ว เพราะเห็นอัพบลอกถี่ๆ กันทั้งนั้น 555


สุดท้ายขอสวมบทบาทพระเอกลิเก
ขอบคุณมิตรรักแฟนบลอกทุกคนที่มาอ่านและเข้ามาคอมเมนต์มากๆ นะครับ
ไม่มีคำพูดซึ้งๆ อะไรมากมาย แค่อยากจะบอกว่า
คุณเป็นเหตุผลอีกหนึ่งข้อที่ทำให้โลกของผมน่าอยู่ขึ้น
...บนโลกที่โหดร้าย ฮื่อ ฮือ ฮือ ฮื้อ เฮ้อ เหลือเกิน (กรุณาร้องเป็นทำนอง)



ผมเคยแต่งกลอนไว้ในบลอกนี้เอาไว้ว่า




ฉันเป็นดั่งนกบินได้แต่ไร้ขา
ได้แต่บินไปมาไร้จุดหมาย
กระพือปีกร่อนเร่อยู่มิรู้วาย
จวบวันตายจึงจะได้ลงสู่ดิน


คนอื่นมองชีวิตนี้มีสีสัน
ออกเดินทางทุกวันไม่จบสิ้น
แต่ใจแท้ปรารถนาลงสู่ดิน
มีที่กินที่นอนพักผ่อนกาย


แม้เคยเจอที่พักกายอย่างใจหวัง
กลับเกาะเกี่ยวเหนี่ยวรั้งไว้ไม่ได้
อาจเพราะปีกอ่อนแอเกินจับไว้
หรือเพราะใจชินในพเนจร


ใช่อยากทำคนข้างหลังนั่งร้องไห้
ใช่หัวใจด้านตายไม่หนาวร้อน
แม้อยากหยุดท้ายที่สุดต้องจากจร
เก็บความจำครั้งก่อนไว้ในใจ



(ได้แรงบันดาลใจจากภาพยนตร์เรื่อง Days of Being Wild ของหวังเจียเหว่ย)



นกไร้ขาจะอยู่เป็นที่ได้ไม่นาน
ต่อให้อยากอยู่ด้วยแค่ไหน สุดท้ายก็ต้องบินจากไป
ไม่มีความผูกพันลึกซึ้งกับอะไร อยู่ที่ไหนได้แค่เป็นพักๆ


แม้สุดท้ายสักวันผมอาจจะบินจากไป
แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วล่ะครับว่า
ถ้าผมเกิดบาดเจ็บหรือปีกเกิดหัก
ที่รักษาตัวที่แรกที่ผมจะคิดถึงคือที่ไหน


ขอบคุณเพื่อนๆ ทุกคนครับ




ปล.ผมอยากสารภาพอย่างนึงว่า บทความที่คุณอ่านไปทั้งหมด
ผมใช้เวลาเขียนประมาณ 20 นาที
รวดเดียวไม่มีแก้ไข


แต่ความจริง ก่อนที่จะมาเป็นบทความนี้
ผมได้โพสต์อีกบทความนึงซึ่งใช้เวลาเขียนหนึ่งวันเต็มๆ แต่สุดท้ายก็เกิดเปลี่ยนใจ ลบทิ้งไปทั้งหมด
แล้วเอาบทความนี้ขึ้นมาใส่แทน


สาเหตุไม่ใช่อะไรหรอกครับ
ผมแค่คิดว่า ในวันที่เลวร้ายที่สุดวันหนึ่งของผม
ยิ่งเราโพสต์แต่เรื่องร้ายๆ ชวนให้หดหู่ของตัวเองให้คนอื่นอ่านแล้วล่ะก็ มันจะยิ่งเป็นการตอกย้ำตัวเรา
กลัวว่าถ้าตัวเองย้อนกลับมาอ่านอีกครั้งแล้วล่ะก็จะยิ่งทำให้เราสลัดทิ้งเรื่องเก่าๆ ออกจากสมองไปไม่ได้สักที


แผลบางประเภท
การหลบไปรักษาเองเงียบๆ
ก็น่าจะทำให้หายเร็วกว่าการกู่ก้องร้องป่าว


ตอนนี้ มีคำพูดนึงที่แวบเข้ามาในหัวผม
อาจารย์ทางด้านการใช้ชีวิตของผมคนหนึ่ง เคยบอกกับผมว่า
ถ้าเห็นใครดูร่าเริงผิดปกติ ดูร่าเริงมากที่สุด คนนั้นล่ะกำลังเศร้ามากที่สุด


บุญรักษาครับ



*************************************************************






Create Date : 01 สิงหาคม 2550
Last Update : 24 มีนาคม 2551 2:16:43 น. 31 comments
Counter : 1112 Pageviews.

 
รูปข้างล่างสุดมาจาก

//foureyes.deviantart.com/


โดย: ฟ้าดิน วันที่: 1 สิงหาคม 2550 เวลา:6:00:41 น.  

 
ผมก็ติดเหมือนกัน 555+


โดย: nanoguy วันที่: 1 สิงหาคม 2550 เวลา:6:58:27 น.  

 
ชอบงานอาจารย์เสกทุกเล่มครับ
อ่านหมดทุกเล่มแล้ว
ตอนนี้ติดหนึบในนิตยสาร ค.คน
เพราะรู้สึกเหมือนอาจารย์บวชแล้วโดยไม่ต้องหามเหลือง
แถมยังเป็นพระที่ก้มกราบได้โดยไม่ต้องตะขิดตะขวงใจ


งานเขียนคุณอ่านเพลินครับ
แถมยังมีคำคมๆมาทิ่มแทงใจเล่น

ชอบประโยคสุดท้ายที่สรุปว่า

คนไหนที่ร่าเริงที่สุด อาจเป็นเพราะเขากำลังเศร้าที่สุดอยู่ก็ได้

จริงแท้และแน่นอน


โดย: กะว่าก๋า (กะว่าก๋า ) วันที่: 1 สิงหาคม 2550 เวลา:7:29:30 น.  

 

เห็นด้วยกับอาจารย์ทางด้านการใช้ชีวิตของคุณ


โดย: p_tham วันที่: 1 สิงหาคม 2550 เวลา:8:51:11 น.  

 
คุณนกไร้ขา ทำไมตัดพ้อตัวเองขนาดนั้นล่ะคะ
ฟังบ่น เอ๊ย เขียนเพลินจะตายไปค่ะ
เราก็บ้าบล็อกเหมือนกัน
เห็นเม้นท์จากหน้าใหม่อย่างคุณงี้
กระโดดเข้าใส่มาเลย เห็นมะ

ชอบงานเขียนอ.เสกสรรค์เป็นที่สุด
เสมือนเป็นเฮมมิ่งเวย์เมืองไทย
ลุ่มลึกกับชีวิต ถ้อยคำมีพลัง ใช้ชีวิตในแบบฉบับตัวเอง
ชอบฤดูกาล กับ ดอกไผ่
สามเล่มล่างอ่านแล้วเช่นกัน
ลูกชาย แทนไท ประเสริฐกุล
ก็เขียนหนังสือแหวกกระแสดีเหมือนกันเนอะ

เอ่อ กิจกรรมหนังสือลูกโซ่เนี่ย คงไม่ได้ร่วมด้วย
แค่บ้าบล็อกนี่ก็จะแย่แล้วค่ะ


โดย: ยิปซีสีน้ำเงิน วันที่: 1 สิงหาคม 2550 เวลา:8:55:34 น.  

 
หนังสือน่าสนใจมาก แต่ติดที่กติกา
คงไม่สะดวกจริงๆค่ะ


โดย: printcess of the moon วันที่: 1 สิงหาคม 2550 เวลา:10:34:29 น.  

 
อาการติดบล็อก ผมว่าคนในนี้ก็เป็นเหมือนกันหมดแหละครับ ผมก็เป็นครับ

พองานเยอะเข้า มันก็จะทำให้เราสร้างระบบควบคุมความอยากขึ้นมาได้เอง เว้นแต่บางวันที่ระบบมันเสีย ก็นั่งเล่นบล็อกได้ทั้งวันโดยที่งานไม่เดินเลยก็มี


ผมเป็นเหมือนกันนะครับ บางทีนั่งเขียนอะไรอย่างตั้งใจ เสร็จแล้วก็เก็บเอาไว้อ่านคนเดียวดีกว่า เพราะบางทีมันก็ดูเป็นเรื่องส่วนตัวมากๆ ถ้าเอามาลง คนอื่นมาอ่านแล้วก็คงจะเซ็งว่าหมอนี่มันพูดเรื่องอะไร (ฟะ)


ทำงานต่อไปครับ เพื่อสู้กับภาวะจิตตก (ซึ่งผมว่าตอนนี้สภาพภายในประเทศมันพาให้ประชาชนจิตตกกันอย่างถ้วนหน้าแล้ว... )


โดย: คนทับแก้ว วันที่: 1 สิงหาคม 2550 เวลา:10:53:32 น.  

 
ช่วงนี้ทำงานประจำ สอนหนังสือทุกวันเลยค่า
จันทร์-ศุกร์ สอน รร. มัธยม
เสาร์อาทิตย์สอน รร. กวดวิชาที่ลาดพร้าว 64


อยากร่วมกิจกรรมนะคะ แต่ไม่รู้จะไปเจอตอนไหนดี


โดย: แพนด้ามหาภัย วันที่: 1 สิงหาคม 2550 เวลา:11:00:02 น.  

 
หนังสือน่าสนใจ
แต่กติกา..คนอยู่ต่างจังหวัด..อดอ่าน



โดย: gripenator วันที่: 1 สิงหาคม 2550 เวลา:13:02:01 น.  

 
อ่านเเล้วรู้สึกว่าคุณฟ้าดินวันนี้อารมณ์ดีนะ

คนที่ร่าเริงที่สุด อาจจะเป็นคนที่เศร้าที่สุด...อืม...หวังว่าคุณคงไม่เศร้าอยู่นะคะตอนนี้

ความรู้สึกเรื่องติดบลอก เราเองก็เป็นเช่นกัน


โดย: This road is mine วันที่: 1 สิงหาคม 2550 เวลา:14:00:40 น.  

 
อาการติดบล๊อกผมเคยเป็นแต่ก็หายแล้วครับ

ผมรู้สึกยังโชคดีที่ยังได้อยู่ในระบบการศึกษาแบบมหาวิทยาลัยอยู่ ข้อดีมาก ๆ เลยคือมีห้องสมุดฟรีให้ได้ใช้


โดย: I will see U in the next life. วันที่: 1 สิงหาคม 2550 เวลา:15:04:12 น.  

 
เด็ก(แก่) ต่างจังหวัดอดเลยจิแบบนี้คุณฟ้าดิน
อาการติดบล้อกเป็นเหมือนกันค่ะ
แต่เดี๋ยวนี้อาจน้อยกว่าเมื่อก่อน
เพราะตอนที่เข้ามาใหม่ๆนะ
นั่งเป็นวันๆได้เลยค่ะ
แต่เดี๋ยวนี้จะพยายามปรับตัวเองและกำหนดเวลาให้ตัวเองแล้วค่า



โดย: fonrin วันที่: 1 สิงหาคม 2550 เวลา:16:42:01 น.  

 
หวัดดีตอนดึกๆ ค่า..
หนังสือน่าอ่านทั้งนั้นเลยอ่ะค่า


โดย: chichiro วันที่: 1 สิงหาคม 2550 เวลา:22:43:05 น.  

 
เข้ามาเยี่ยมค่ะ รอให้เน็ตปกติก่อนแล้วค่อยอัพบล็อก ราตรีสวัสดิ์ค่ะ


โดย: แซนด์ซี วันที่: 1 สิงหาคม 2550 เวลา:23:48:48 น.  

 
ผมใจอ่อนแล้วครับ

คนที่อยู่ต่างจังหวัดที่อยากอ่านจริงๆ ผมจะส่งไปรษณีย์ไปให้

หลังไมค์มาได้เลยครับ

***คุณยิปซีสีน้ำเงิน

งานของคุณแทนไท ผมก็ชอบครับ ติดตามอ่านทั้งหนังสือ คอลัมน์และไดอารี่ออนไลน์ของเขาตลอด
ทั้งฮาทั้งได้สาระ
ใครอยากลองอ่านดูบ้าง ง่ายๆ คลิกตรง "โลกนี้มันช่างยีสต์" ตรงขวามือได้เลยครับ

แต่งานของคุณวรรณสิงห์นั้น ขอบอกว่า อ่านยังไงก้ไม่ปลื้มครับ


โดย: ฟ้าดิน วันที่: 2 สิงหาคม 2550 เวลา:3:46:41 น.  

 
แต่ละเล่มน่าสนใจทั้งน้านเลย


โดย: เจ้าชายไร้เงา วันที่: 2 สิงหาคม 2550 เวลา:11:02:34 น.  

 
เป็นเรื่องที่น่าสนใจมากค่ะ แต่ยังไม่มีเวลานั่งอ่านหนังสือแนวนี้เลย คิดว่าต้องใช้เวลามากพอสมควร


โดย: ป้ามด วันที่: 2 สิงหาคม 2550 เวลา:11:42:43 น.  

 


ภาพบัวจาก https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=khunnai...

วันหยุดยาวได้ไปปฏิบัติธรรมที่เสถียรธรรมละก็อ่านหนังสือให้น้องตาบอดค่ะ ..หนุกมากๆ ค่ะ

ว่างๆ ลองไปดูนะคะ


โดย: d.. diary วันที่: 2 สิงหาคม 2550 เวลา:14:55:14 น.  

 
เอ.. ว่าแต่ถ้าเราอ่านหนังสือคนละแนว คุณจะยอมแลกกับเราไม๊คะ


โดย: d.. diary วันที่: 2 สิงหาคม 2550 เวลา:14:55:51 น.  

 
2 เล่มที่ยืมมา
อ่าน "มหาวิทยาลัยชีวิต" จบแล้ว
ส่วน "เพลงเอกภพ" เหลืออีกนิดนึง

ชอบเล่มแรกมากกว่า อารมณ์ประมาณคนหนุ่มหัวดื้อเลือดร้อน ชอบๆ อ่านแล้วเปลี่ยนความคิดของเราไปในบางเรื่อง

ส่วนเล่มหลังอ่านแล้วยังไม่ค่อยมีอารมณ์ร่วมซักเท่าหร่ โดยเฉพาะเรื่องเดินป่า ออกเรือโต้คลื่นลม หรือว่าเรายังมีวุฒิภาวะทางอารมณ์ไม่ถึงขั้นนั้น วะ

ส่วน "ที่เกิดเหตุ" ชอบงานของพี่วรพจน์อยู่แล้ว โดยเฉพาะเล่มนี้ ถ่ายภาพได้ดีจริงๆ แนะนำครับทุกท่าน

ว่าแต่ช่วงนี้ ชีวิตมันเลวร้ายขนาดนั้นเลยหรือท่าน มาสนทนากันที่น่านมั้ย เพราะช่วงนี้คงไม่ได้เข้ากรุงเทพฯ อีกนาน


โดย: calcium_kid วันที่: 2 สิงหาคม 2550 เวลา:18:02:24 น.  

 
ฟองเวลา...น่าสนใจครับ...


โดย: katoy วันที่: 2 สิงหาคม 2550 เวลา:20:16:10 น.  

 
สวัสดีค่ะ

เมื่อก่อนก็เป็นคนนาน ๆ เข้าบล็อกทีหนึ่ง
เหมือนกันค่ะ
และเดี๋ยวนี้
กลายเป็นคนติดบล็อกไปแล้ว
เช่นกันค่ะ

กลับไปอ่านบทความเก่า ๆ
ก็คิดเหมือน จขบ. นะคะ
บางเรื่องภูมิใจ
บางเรื่องก็..เออ ช่างเขียนไปได้
อิอิ



วีแวะมาบอกว่า

ความรักคะ..ฉันมีเรื่องจะฟ้องค่ะ ตอนที่ 7
ของ "โสดในซอย"

เสร็จแล้วนะคะ
คลิกตามไปอ่านได้ค่ะ

ขอบคุณนะคะที่ติดตาม
ปลื้มไม่เสร็จจริง ๆ ค่ะ


คลิกเพื่ออ่าน
ความรักฯ ตอนที่ 7 ค่ะ



โดย: โสดในซอย วันที่: 4 สิงหาคม 2550 เวลา:18:49:29 น.  

 
ผมก็รู้สึกครับ..

เวลาอยู่ใน Bloggang

เหมือนอยู่กับเพื่อนๆ

เลยติดงอมแงมเหมือนกัน

แต่ไม่เคยเข้า Blog คนแปลกหน้านะ


โดย: กายแก้ว วันที่: 5 สิงหาคม 2550 เวลา:9:12:12 น.  

 
วันนี้คุณฟ้าดินดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษเนอะ 55
ล้อเล่นน้า

จะเข้ามาบอกว่าเราซื้อวันที่ถอดหมวกของอ.เสกมาแล้วเน้อ
อ่านไปได้ไม่กี่ตอน แต่รู้สึกว่าน่าจะเป็นหนังสือที่ชอบอีกเล่มหนึ่ง
ขอบคุณที่แนะนำจ้า


โดย: idLer วันที่: 6 สิงหาคม 2550 เวลา:21:33:55 น.  

 
ถึง 20 คนยังอ่ะครับ ถ้าครบ คุณจะได้หน้าบาน ทั้งวันไง หนังสือน่าสนใจครับ แต่เอาไว้กลับไปก่อน จะหามาอ่านบ้าง


โดย: Tahno วันที่: 7 สิงหาคม 2550 เวลา:23:14:36 น.  

 
***คุณidLer

ไม่เป็นไรครับ คราวหลังอ่านหนังสืออะไรแล้วชอบก็อย่าลืมมาบอกกันบ้างล่ะครับเป็นการแลกเปลี่ยน


***คุณkatoy

ตอนนี้ฟองเวลายังไม่มีใครจับจอง สนใจก็มายืมได้เลยครับ
ขอแอบกระซิบบอกว่า คุณจะชอบฟองเวลาถ้าคุณเป็นคนชอบอ่านกลอนเปล่าหรือบทรำพึงสั้นๆ
แต่ในความคิดผมนั้น นี่เป็นหนังสือของอ.เสกสรรค์ที่ผมชอบน้อยที่สุด(คนละความหมายกับคำว่าไม่ดี)


***คุณ calcium_kid
ชอบมหาวิทยาลัยชีวิตเหมือนกันครับ อ่านแล้วมันมาก ยิ่งกว่าอ่านแฮร์รี่ พ็อตเตอร์(ไม่ได้โม้)
ส่วนเพลงเอกภพจะว่าลุ่มลึกก็ได้ แต่ผมกลับรู้สึกว่ามันน่าเบื่อหน่อยๆ ยิ่งถ้าเอาไปเปรียบเทียบกับความร้อนแรงของหนังสือของอ.เล่มอื่นๆด้วย


***d...diary

ยอมครับ


โดย: ฟ้าดิน วันที่: 8 สิงหาคม 2550 เวลา:3:57:34 น.  

 
เรื่องแมวนั้น จะแบ่งไปเลี้ยงจริงหรือเปล่าครับ


ได้เลยครับ ไว้ถ้ามีครอกใหม่จะมาส่งข่าวครับ ถึงเวลา ถ้าไม่แบ่งเอาไปเลี้ยงก็ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมก็ปล่อยให้มันวิ่งเล่นอยู่ในบ้านผมนี่แหละ


โดย: คนทับแก้ว วันที่: 8 สิงหาคม 2550 เวลา:10:41:26 น.  

 
แวะมาทักทาย สบายดีนะคะ


โดย: printcess of the moon วันที่: 8 สิงหาคม 2550 เวลา:20:15:19 น.  

 
เข้ามาทักทายเฉยๆนะ อิๆๆ


โดย: ทพ.ชายแดน IP: 58.9.55.244 วันที่: 19 สิงหาคม 2550 เวลา:7:23:33 น.  

 
ม่ายรุ้ทำไมอะ ชอบอ่านงานเขียนแนวชีวิตอย่างนี้มากๆอะ ชอบเห็นมุมมองในการใช้ชีวิตที่ต่างออกไปของแต่ละคน
อ่านทีรัยเหมือนว่าเราม่ายใด้เผชิญปัญหาอยุ่คนเดียว ขอบคุณมากน่ะคะ
ที่ทำให้รู้คุณค่าของการมีชีวิตมากยิ่งขึ้น


โดย: การ์ตูน IP: 202.12.74.76 วันที่: 7 กันยายน 2550 เวลา:14:17:36 น.  

 
อยากอ่าน ลมฟ้า อาหาร ของโตมร
กับ ที่เกิดเหตุ ของวรพจน์ ว่าแต่ว่า ถ้าฝากไว้ที่ขายตั๋วรถไฟฟ้าใต้ดินนี่เค้าจะรับฝากมั้ยอ่ะ ...เอ หรือว่าโครงการนี้ไม่มีอยู่จริง ลืมดู วันที่เลย

(เรามี ไม่มีโทรศัพท์และเครื่องปรับอากาศ, โลกของเราขาวไม่เท่ากัน ของวรพจน์มาแลก... และก้อมีช่อการะเกด เล่มล่าสุด)


โดย: amoderndog (amoderndog ) วันที่: 4 เมษายน 2551 เวลา:12:59:27 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ฟ้าดิน
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]




ความจำสั้น ความฝันยาว.....
Friends' blogs
[Add ฟ้าดิน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.