ฉันเป็นดั่งนกไร้ขา บินไปบินมาไร้จุดหมาย โอกาสลงดินนั้นไซร้ ต่อเมื่อความตายมาเยือน
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2550
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728 
 
6 กุมภาพันธ์ 2550
 
All Blogs
 
^^^^^ความ "เบาหวิว" เหลือทนของชีวิต^^^^^

ก่อนที่จะจรดคีย์บอร์ดเขียนของวันนี้ ผมลองไปอ่านที่ผมเขียนอันเก่าๆ แล้วก็อดรู้สึกไม่ได้ว่า จากที่ตอนแรกกะจะเขียนแต่เรื่องสบายๆ ลงในบลอกซะหน่อย แต่ไหงทำไปทำมา เนื้อหามันเริ่มจะกลายเป็นพื้นที่ระบายอารมณ์ของเจ้าของบล็อกไปซะแล้ว


เพื่อไม่ให้น่าเกลียดไปมากกว่านี้ เอาเป็นว่า ครั้งหน้าผมสัญญาว่า จะพยายามเขียนเรื่องเศร้าๆ เซ็งๆ ให้น้อยลง และจะเขียนเรื่องเฮฮา น่ารัก สดใส วัยรุ่นให้มากขึ้นกว่านี้


แต่ที่สัญญาไว้มันครั้งหน้า คราวนี้จึงยังจะขอเขียนเรื่อง ชีวิตรันทดของผมอีกสักครั้งแล้วกัน อย่าเพิ่งเบื่อกันไปก่อนแล้วกันนะครับ


เรื่องของเรื่องคือ ช่วงนี้ผมเกิดอาการไม่รู้สึกยินดียินร้าย ไม่รู้ร้อนรู้หนาว ไม่รู้ดีรู้ชั่วกับอะไรสักเท่าไร ต่อให้เป็นเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ เรืองสำคัญหรือไม่สำคัญ ส่วนตัวหรือส่วนรวม อย่างไรก็ไม่สน และเมื่อตรวจเช็คทัศนะคติของตนเองแล้ว รู้สึกว่าช่วงนี้ตัวเองรู้สึก "ขวางโลก" อย่างไนไม่รู้


ท่านผู้อ่านเคยมีอาการเหมือนผมบ้างหรือเปล่า หรือว่าผมจะผิดปกติไปคนเดียวก็ไม่รู้นะ


ขนาดบอลไทย-สิงคโปร์ที่เขามีอารมณ์ร่วมทั้งประเทศ มาถามความเห็นผม ผมก็ได้แต่บอกว่า เหรอ แข่งๆไปเถอะ ใครจะแพ้ชนะก็ไม่ทำให้โลกน่าอยู่ขึ้นหรอก


มีคนชวนคุยเรื่องการเมืองที่ผมสนใจ ผมก็ได้แต่บอกว่า ผมเชื่อในอนาธิปไตย ไม่ชอบให้ใครมาปกครอง


เรื่องส่วนตัวยิ่งไม่ต้องพูดถึง หนังเรื่องตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ก็มีแต่คนชวนไปดูยิกๆ ผมก็ได้แต่บอกปัดปฏิเสธไปทั่วหน้า


ไม่นานมานี้ก็มีคนชวนไปงานเกษตรแฟร์ที่ตัวงานก็น่าดึงดูดแถมตัวคนชวนก็น่ารักน่าไปด้วยอย่างยิ่งจนนึกสาเหตุให้ไม่ไปไม่ออก


แต่สุดท้ายผมก็ไม่ได้ไป ที่ร้ายก็คือทุกวันนี้ผมก็ยังนึกสาเหตุที่ไม่ไปไม่ออกอยู่ดี


นึกว่าจะเกิดจากฮอร์โมนไม่ปกติ หรืออากาศไม่เป็นใจ เดี๋ยวมันก็จะหายไป แต่ไม่รู้ทำไม ผ่านไปนานแล้วทำอย่างไรก็ไม่ยอมหายซะที


ครั้งจะโทรไปปรึกษาเพื่อน ก็ไม่มีใครยินดียินร้ายด้วย แน่นอนว่าโทรไปปรึกษาเรื่องแบบนี้มันไม่เหมือนตอนที่โทรไปบอกว่า ตอนนี้อกหักว่ะ ชีวิตเศร้าว่ะ หรือตกงานว่ะ ยังดูมีอะไรให้ปลอบโยน แต่พอโทรไประบายว่า แย่แล้ว ช่วงนี้เฉยเมยว่ะ กลับมีแต่คนสมน้ำหน้า มากกว่าเห็นใจ


นอกจากความเฉยเมยจะเกิดปัญหาต่อจิตใจตัวเองแล้ว มันยังสร้างปัญหาให้ผมอีกหลายด้าน


มันทำให้ช่วงนี้ผมไม่กระตือรือร้นในการทำงานเท่าที่ควร ไม่ค่อยอยากคุยกับคนที่ไม่สนิท ไม่ค่อยอยากทำกิจกรรมอะไร ไม่อยากสร้างสรรค์อะไรใหม่ ไม่อยากพบปะใคร


จนทำให้ความสัมพันธ์กับเพื่อนฝูงไม่ค่อยราบรื่นเท่าไร ส่วนความสัมพันธ์กับคนที่จีบอยู่ก็ไม่ต้องพูดถึง เจออย่างนี้ถ้ายังไปรอดอยู่ก็แปลกล่ะ


พอมาดูสภาพตัวเองตอนนี้แล้วก็มานั่งคิด เออ ถ้ามีคนทำตัวอย่างผมสักล้านคน ป่านนี้ ประเทศชาติคงล่มจมไปแล้วมั้ง


ตอนแรกแอบคิดในแง่ดีว่า เออ หรือว่านี่เหมือนเป็นการนิ่งเฉยแบบเซน บรรลุธรรมแล้ว ไม่วูบวาบไหวไปกับสังคม ปล่อยวางแล้วกับทุกสิ่ง


แต่คิดไปคิดมาก็ไม่น่าใช่ เพราะกิเลสผมยังหนาเตอะยิ่งกว่าฝุ่นที่บ้าน เรื่องบรรลุธรรมนั้นคงไม่กล้าอาจเอื้อม คงตายไปสัก 3-4 ชาติถึงพอมีหวัง


ครั้นความเฉยเมยเริ่มส่งผลเสีย แถมปรึกษาใครไม่ได้ ก็เลยได้แต่มาแอบหลบเลียแผลตัวเอง เพื่อทบทวนว่าสาเหตุมันเกิดจากอะไร


อาจเป็นเพราะเจอเรื่องราวมากมาย ทั้งร้ายและดี (แต่ค่อนข้างไปทางแบบหลังมากกว่า) ซึ่งเรื่องที่เจอก็เดิมๆ เรื่องที่เคยมีความสุขก็เดิมๆ เรื่องที่ทำให้ทุกข์ก็เรื่องเดิมๆ ปัญหาเดิมๆ กับคนเดิมๆ เวลาเดิมๆ อย่างไม่รู้จะหาความใหม่ได้ที่ไหน


ถึงผมจะไม่ใช่หมอหยองแต่ผมชักเริ่มจะคาดเดาอะไรได้หลายๆ อย่างว่าจะเกิดอะไรต่อไป เหตุการณ์จะลงเอยอย่างไรและผมจะลงเอยอย่างไร


เดาง่ายจนรู้สึกว่าชีวิตคนเรามันก็มีแค่นี้เองนะ ไม่กี่อย่างวนไปเวียนมา สุข-ทุกข์ กิน-ขี้-ปี้-นอน วนไปวนมา


จนรู้สึกว่าชีวิตเป็นเรื่องเบาหวิวเหลือเกิน


เบาหวิวจนอดคิดไม่ได้ว่า คนเราเกิดมาเดี๋ยวก็ตายแล้ว แล้วเรายังจะมาทำร้ายกันทำไม ยังจะเอาเปรียบกันทำไมนะ


ผมรู้สึกว่า ถ้าเราไม่เอาอะไรมาคิดมาก มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่


บางทีที่เรากังวลใจว่า เมียมีชู้ ตกงาน เพื่อนไม่คบ เงินไม่มี


อยากให้คุณลองคิดดูว่า สาระแก่นแท้ของชีวิตมีแค่นี้หรือไม่


นี่คือสิ่งที่คุณต้องการจริงหรือไม่


คนละความหมายกับไม่ทะเยอทะยาน แต่ผมก็เห็นความดีของการไม่รู้ร้อนรู้หนาวแล้ว


ไม่ได้มีแต่แง่ร้ายอย่างเดียว อย่างน้อยความเฉยเมยนี้ มันก็ยังส่งผลดีกับผมอย่างหนึ่ง ตรงที่มันทำให้ผมคิดเรื่องพวกนี้ได้นี่แหละ


คนที่รู้สึกชีวิตเหนื่อยเหลือเกิน มีโน่นเกิดนี่เต็มไปหมด ว่างๆ ลองมาทำตัวเฉยๆ เหมือนผมสิครับ เผลอๆ จะติดใจ


แต่อย่าติดใจทำนานล่ะ เดี๋ยวประเทศเจ๊งกันพอดี


ขอให้มีความสุขในวันแห่งความรักนะครับ...





Create Date : 06 กุมภาพันธ์ 2550
Last Update : 7 กุมภาพันธ์ 2550 3:13:33 น. 17 comments
Counter : 587 Pageviews.

 
ขอบคุณที่แวะไปบล๊อกผมนะครับ...

บางทีผมก็เป็นไอ้แบบคล้ายๆหยั่งคุณเนี่ย - -
แต่จะเป็นไม่ใช่ขวางโลกนะ เป็นเหมือนไม่ใส่ใจโลก(และตัวเอง)มากกว่า

อย่างเทอมนี้มีเรียนเช้าทุกวัน ก็ตื่นสายไปซะสามสี่วัน
บางวิชาตั้งแต่ต้นเทอมนี่ยังไม่เคยเข้าเลย - -*


โดย: nanoguy (nanoguy ) วันที่: 7 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:14:34:35 น.  

 
.. สงสัย จขบ. จะติดใจอ่ะป่าวว .. ท่าทางจะเป็นมานานแล้วมั้ง ..

..

อย่าเป็นนานไปนาคะ .. รีบๆหายน๊า . .

บางที อาจมีใครบางคน รอคุณอยู่ก็ได้นา ..


โดย: แมงป่องไร้พิษ วันที่: 7 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:22:31:13 น.  

 
รีบหายนะ (อย่าอ่านติดกันนะเฟ้ย) รีบ-หาย-นะ โลกนี้มีอะไรให้สนใจตั้งใจตั้งเยอะ มัวแต่เฉยเด๋วพลาดน๊า :) แต่มาคิดดูฉันว่าการได้อยู่เฉยๆนิ่งๆของคุณเจ้าบ้านอาจเป็นการเตรียมการของชีวิตสำหรับการเริ่มต้นอะไรดีๆใหม่ๆก็เป็นได้ ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วบนโลก ล้วนเป็นสิ่งดีเสมอ


โดย: ฉันเอง IP: 203.157.185.2 วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:10:56:29 น.  

 
เหมือนกัน....


โดย: calcium_kid IP: 125.24.162.243 วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:17:29:50 น.  

 
เป็นเหมือนกัน...แต่เท่าที่สังเกตุผมเป็นไม่มากเท่าคุณนะ...


โดย: Amnesia IP: 58.8.84.210 วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:20:25:18 น.  

 
โอเค...เรารับฟังได้...
ดูแลตัวเองนะ...(ก็อยู่ร้านยานิ)
แล้วก็ลองไปพักผ่อน เปิดหู เปิดตา
หรือไปนั่งเล่นที่สวนสาธารณะบ้างก็ดีนะ


โดย: อนันตลัย วันที่: 8 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:21:08:13 น.  

 
ไม่น่าแปลกที่คนเราจะเป็นแบบนี้ ไม่ใช่ไม่ใส่ใจอะไร มันเป็นเพียงแค่ทุกอย่างมันคงเดิม เหมือนเดิมดีเหมือนเดิม ไม่เปลี่ยนแปลงก้อแค่นั้น เป็นแค่ช่วงเวลาค่ะ..เดี๋ยวก้อผ่านไป..เข้มแข็งก้อพอค่ะ (ความสุขอยู่รอบ รอบตัวเรานี่เอง) ยิ้มใส่กระจกก่อนออกจากบ้านหน่ะ


โดย: วายเอมีนา IP: 203.157.185.2 วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:15:41:03 น.  

 
กินเหล้าดิ จะได้หายเฉย


โดย: MataroN IP: 125.24.28.116 วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:20:48:51 น.  

 
ชักสงสัยแล้วล่ะว่าอาการแบบนี้มันเป็นจากไวรัสพันธุ์ใหม่รึเปล่านะ
เราก็เป็นค่ะ เป็นมากเลยด้วยช่วงนี้ แล้วมันก็มีผลกับการทำงานซะด้วย วันๆนี่นั่งcountdown รอเวลาเลิกงานอย่างเดียว
เด็กๆที่คลินิกก็เป็น ไม่รู้ว่าเพราะติดเชื้อจากเรารึเปล่า
และประโยคนี้ของคุณนี่โดนใจมาก>>

"ตอนแรกแอบคิดในแง่ดีว่า เออ หรือว่านี่เหมือนเป็นการนิ่งเฉยแบบเซน บรรลุธรรมแล้ว ไม่วูบวาบไหวไปกับสังคม ปล่อยวางแล้วกับทุกสิ่ง


แต่คิดไปคิดมาก็ไม่น่าใช่ เพราะกิเลสผมยังหนาเตอะยิ่งกว่าฝุ่นที่บ้าน เรื่องบรรลุธรรมนั้นคงไม่กล้าอาจเอื้อม คงตายไปสัก 3-4 ชาติถึงพอมีหวัง"

เป็นเพราะสถานการณ์บ้านเมือง สถานการณ์โลกรึเปล่านะ ทำให้เรารู้สึกเนือยๆกับความเป็นมนุษย์แบบนี้
แต่พอคิดแบบนี้ก็รู้สึกว่า เราเอาเรื่องแย่ๆของโลกใบนี้มาเป็นข้ออ้างให้ตัวเองเฉื่อยชารึเปล่าเนี่ยะ (ลึกๆก็แอบอิจฉาคนอื่นๆที่แอคทีฟกับชีวิตอยู่เสมอ มีเรื่องราวใหม่ๆให้พูดคุนหัวเราะกันได้ทุกวัน)
อาการแบบนี้อย่าไปพูดให้พวกหมอฟังเด็ดขาดเลยค่ะ เค้าสามารถทำให้เรากลายเป็นคนป่วยทางจิตเวชได้ค่ะ
เราเองเคยโดนสั่งจ่าย fluoxetine มาแล้ว สุดท้ายก็ไม่ได้กินค่ะ รักษาตัวเองด้วยการหนีไปเจอสภาพแวดล้อมใหม่ๆ

เนี่ย ตอนนี้คิดอยู่ว่าจะลางานไปนั่งสมาธิที่ภูชี้ฟ้าซักอาทิตย์นึง




มีเรื่องไรก็มาบ่นให้ฟังอีกนะคะ จะได้รู้ว่ามีเพื่อน


โดย: walk in dream (walkin ) วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:21:59:08 น.  

 
เป็นบ้าง เป็นบ้าง
สำหรับเรา..จะว่าปล่อยวางก็ไม่ถูกนัก
มันเป็นช่วงๆอ่ะ
อาจขึ้นอยู่กับเราเจออะไรในช่วงนั้นด้วย
วันนึงเราก็ทำใจได้มากๆกับบางเรื่อง
แต่บางทีเราก็เซ็งสุดๆกับมันซะงั้น
ไม่รู้จะคิดวิเคราะห์อะไรนักหนาเหมือนกัน
ก็ 'มนุษย์เป็นเพียงสิ่งมีชีวิตเล็กๆ วันหนึ่ง ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะผ่านพ้นไป' นี่นะ


โดย: idLer IP: 210.203.182.46 วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:0:51:36 น.  

 
เป็นยังไงบ้างคะ
คิดเรื่องเฮฮาได้รึยังคะ...เป็นห่วงนะ


โดย: อนันตลัย วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:21:13:33 น.  

 
อ่า...อยากบอกว่าพักหลังๆนี่ก็มีเป็นบ้างค่ะ เรื่องที่เคยยินดียินร้าย เรื่องที่เคยเจอแล้วตื่นเต้นนี่พักหลังเฉยเรียบ(หัวเราะ)
แต่ก็อยากให้พี่หาตัวเองเจออย่างที่หวังนะคะ แต่พี่ที่เฮฮาจากใจย่อมดีกว่าแน่นอน ^_^

ปล. มาเยี่ยมบลอคตามสัญญาแล้วนา แต่เพิ่งกล้าเม้น เอิ้กก


โดย: turbuko IP: 124.121.107.71 วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:2:05:59 น.  

 


โดย: เจ้าชายไร้เงา วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:12:55:34 น.  

 



โดย: ทาสบอย วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:14:21:56 น.  

 
สวัสดีวันแห่งความรัก (ก็รักกันทุกวันอยู่แล้วเนอะ)


โดย: อนันตลัย วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:17:28:34 น.  

 


โดย: ฉะฉาน วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:0:53:37 น.  

 
ผมลองมาแล้วหละครับ ... อยู่เฉยๆ น่ะ ... เป็นปีเลย

จนเกือบจะเสียคนรักไป

เพราะเขาทนไม่ได้ ที่จะมีแฟนเป็นมนุษย์เบาหวิว


โดย: พลทหารไรอัน วันที่: 3 เมษายน 2550 เวลา:1:26:38 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ฟ้าดิน
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]




ความจำสั้น ความฝันยาว.....
Friends' blogs
[Add ฟ้าดิน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.