Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2554
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
23 ตุลาคม 2554
 
All Blogs
 
บทที่ 21 ความฝัน ความจริง

ทุ่งหญ้าเวิ้งว้างสีทองกว้างใหญ่กินอาณาบริเวณยาวไปไกลจนสุดสายตา สายลมพัดเอื่อยๆ ทำให้ต้นหญ้าสูงสะบัดไหวน้อยๆ ไปตามแรงลม ท้องฟ้าเบื้องบนมีสีหม่นด้วยกลุ่มเมฆกลุ่มใหญ่ รอบข้างไร้ซึ่งสรรพสิ่งและสรรพสำเนียงใดๆ ผมเดินไปข้างหน้าเรื่อยๆ อย่างไม่มีจุดหมาย เนิ่นนาน...แต่ดูเหมือนว่าเส้นทางที่ผมกำลังเดินอยู่ในขณะนี้จะทอดยาวไปไกลเหมือนไม่มีวันสิ้นสุด



ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเด็กตัวน้อยที่กำลังหลงทาง ไม่รู้เลยว่ากำลังอยู่ที่ไหนและต้องทำอย่างไรต่อไป ความโดดเดี่ยวอ้างว้างเข้ามาครอบคลุมอยู่ในห้วงมโนสำนึกเปรียบเสมือนน้ำเย็นจัดที่ทำให้หัวใจของผมเหน็บหนาว ความกลัวที่แฝงเร้นค่อยๆ เผยออกมาให้เห็นเด่นชัดทีละน้อย ถ้าผมออกไปจากที่นี่ไม่ได้ ถ้าผมหาทางออกไม่เจอ ผมก็คงต้องสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง


‘พี วันเกิดของผมปีนี้ผมอยากไปทำบุญเก้าวัดอ่ะ คุณพาผมไปนะ พาแม่ พี่แก้ว พี่ปอ พี่ตุ๋ม แล้วก็พี่เจ๋งไปด้วย’


‘อืม......เอาสิก้อง’ ผมตอบคำถามคนรักโดยที่ยังไม่เงยหน้าจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ ทำให้คนหน้าหวานส่งเสียงเหวี่ยงๆ มาให้ผม


‘พี คุณเลิกยุ่งกับคอมฯ สักแป๊บได้มั๊ย ผมเห็นคุณวุ่นวายกับมันมาตั้งหลายวันแล้วนะ หน้าจอคอมพิวเตอร์รุ่นใหม่ล่าสุดอะไรของคุณเนี่ยมันน่าสนใจมากกว่าผมนักหรือไงกัน’


‘โถ่......ก้อง ผมกำลังยุ่งอยู่ จริงๆ นะ’


‘พี ผมจะโกรธจริงๆแล้วนะ”


‘โอ๋ๆ ก้องบดินทร์สุดที่รัก อย่าโกรธผมเลยนะคร้าบ น๊า คนดี’ ปากผมงอนง้อก้องบดินทร์แต่มือและสายตาก็ยังคงง่วนอยู่กับคอมพิวเตอร์ตัวเก่ง ทำให้คนหน้าหวานอดรนทนไม่ได้ เข้ามาแย่งเม้าส์ออกไปจากมือของผม


‘คุณจะยุ่งอะไรนักหนาฮะพี ช่วงนี้ที่บริษัทก็ไม่ได้ยุ่งไม่ใช่เหรอ ผมขอดูหน่อยเถอะว่าคุณยุ่งจริงหรือกำลังแชทกับสาวที่ไหน’

‘เฮ้ย ก้อง อย่า ดูไม่ได้ นี่คุณ อย่านะ’ ผมรีบกันคนหน้าหวานออกไปให้พ้นจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ แต่ก้องบดินทร์ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ สุดท้ายผมก็สู้แรงของก้องไม่ได้ทำให้ก้องบดินทร์ครอบครองคอมพิวเตอร์ได้ในที่สุด


ภาพที่คนหน้าสวยเห็นทางหน้าจอคือโปรแกรม windows movie maker ที่เปิดค้างไว้ ในส่วน time line ของโปรแกรมมีภาพหลายภาพซ้อนๆกันอยู่ แต่ก็เห็นได้ไม่ชัดเพราะรูปมีขนาดเล็ก ก้องบดินทร์กด play ที่หน้าต่างด้านขวาของโปรแกรม ทำให้เสียงเพลงบ้านของหัวใจดังขึ้นพร้อมๆกับรูปของคนหน้าหวานในอิริยาบทต่างๆ ปรากฏขึ้นมาในวีดีโอทั้งแบบตั้งใจและแอบถ่าย ก้องบดินทร์นั่งนิ่งอย่างคิดไม่ถึง ผมเลยถือโอกาสโอบกอดก้องไว้จากทางด้านหลังแล้วโยกตัวไปมาน้อยๆ


‘ว้า.....หมดกัน ความลับแตกหมดเลย’


‘พี นี่คุณถ่ายรูปผมไว้ตลอดเลยเหรอ ตอนอยู่ที่อเมริกาก็มี ตอนไปเที่ยวกับแม่ฟองก็มี แล้วนี่...รูปนี้เป็นรูปเมื่อปีที่แล้วไม่ใช่เหรอ’ เสียงของก้องอ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด แถมยังมีแววหวานเจือปน ผมยิ้มน้อยๆแล้วกระซิบที่หูของคนหน้าหวาน


‘ผมกะว่าจะทำวีดีโอนี้เซอร์ไพรซ์คุณในวันเกิดน่ะ แหะๆ แต่คุณก็มาเจอซะก่อน’


‘พี ผมรักคุณจัง’ ก้องบดินทร์หันมาสบตาผมพร้อมกับจรดปลายจมูกโด่งลงมาที่ข้างแก้มสากเร็วๆ หนึ่งที คนหน้าหวานหน้าแดง หูแดงไปหมด ทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะยั่วเย้าคนตรงหน้าให้ได้อาย


‘อะไรกันอ่ะก้อง ผมทำตัวน่ารักขนาดนี้คุณให้รางวัลผมแค่นี้เองเหรอ’

‘ฮึ่ยยย ได้คืบจะเอาศอก’


‘ศอกอ่ะไม่เอา อยากเอาอย่างอื่นมากกว่า’ ว่าแล้วผมก็จับหน้าเรียวให้หันมาหาผมอีกครั้งแล้วประกบริมฝีปากลงไปบนกลีบปากนุ่มอย่างแผ่วเบา สัมผัสอบอุ่นอ่อนโยนถูกส่งผ่านไปยังคนตรงหน้า ก้องบดินทร์หลับตาพริ้มเก็บเกี่ยวทุกความรู้สึกที่ได้รับจากผม เนิ่นนานกว่าที่ผมจะตัดใจผละออกจากความหอมหวานที่ชวนให้ลุ่มหลงนั่นแล้วกระซิบเสียงแผ่วชิดริมฝีปากบาง

‘ผมก็รักคุณนะครับ ก้องบดินทร์’




คลื่นอารมณ์ระลอกแล้วระลอกเล่าพากันซัดสาดใส่ผมไม่หยุด ความทรงจำแสนหวานในอดีตกับความหวาดกลัวในปัจจุบันพากันรุมเร้าเข้ามาจนทำให้ผมสับสนไปหมด จะมีหนทางไหนบ้างที่จะทำให้ผมออกไปจากสถานที่แห่งนี้ได้ จะมีบ้างไหม สักทาง..........


ท่ามกลางกอหญ้าสูงที่อยู่รายรอบตัว น้ำใสๆ หยดหนึ่งหยดลงมาที่ต้นแขนของผม กระแสอบอุ่นแล่นวาบเข้าไปถึงขั้วหัวใจ ความเหน็บหนาวที่เคยมีอันตรธานหายไปอย่างน่าอัศจรรย์ ก้องบดินทร์.......คนรักของผมกำลังคอยผมอยู่ นั่นเป็นแรงผลักดันที่เร่งเร้าให้ผมพยายามออกไปจากที่นี่ให้ได้ แต่ก็เหมือนมืดแปดด้าน เพราะทิวทัศน์รอบตัวไม่มีทีท่าว่าจะเปลี่ยนไปเลยแม้แต่เพียงนิดเดียว


ผมเดินต่อไปเรื่อยๆ อย่างไม่ลดละ จนกระทั่งเบื้องหน้ามีแม่น้ำสีเงินขนาดใหญ่ขวางกั้นอยู่ ที่ริมฝั่งมีเรือพายลำหนึ่งจอดเทียบเหมือนรอให้ใครสักคนพายมันออกไป อะไรบางอย่างกระตุ้นให้ผมเดินไปที่เรือลำนั้น แต่แล้วผมก็ต้องชะงัก เมื่อสียงหวานใสของผู้หญิงคนหนึ่งหยุดผมเอาไว้

“พี.......อย่าไป”


ผมหันกลับไปมองด้วยความสงสัยระคนแปลกใจ ผู้หญิงร่างบางสวยหวานคนหนึ่งยิ้มให้ผมอย่างเป็นมิตร ผมยาวดำขลับทอประกายต้องแสงสลัวของดวงอาทิตย์ที่อยู่หลังเมฆ ผมเดินเข้าไปหาเธอด้วยความรู้สึกที่หลากหลาย ผมไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าจะได้เจอเธอที่นี่


“พี่กิ่ง.........”


“ไม่คิดว่าเราจะเจอกันเร็วขนาดนี้นะพี” หญิงสาวคลี่ยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน


“ผม........ผมตายแล้วเหรอครับ”


“สักวัน เราทุกคนก็ต้องตาย” พี่กิ่งพูดเรื่อยๆ เหมือนเป็นเรื่องธรรมดาสามัญอย่างที่สุด


“แต่น้อยคนนะครับ ที่ก่อนตายจะได้ทำในสิ่งที่ตั้งใจครบทุกอย่าง”


“แล้วพีทำได้ครบหรือยังล่ะ”


“ผม......ผมแค่อยากใช้ชีวิตอยู่กับก้อง อยากอยู่ข้างๆ คอยดูแลปกป้องเค้าไปจนลมหายใจสุดท้ายของชีวิต ถ้าเลือกได้ ผมไม่อยากตายก่อน เพราะผมกลัวว่าสักวันถ้าไม่มีผมแล้วก้องจะอยู่ยังไง”


พี่กิ่งเอื้อมมือมาจับมือของผมอบ่างเบามือ กระแสความอบอุ่นแผ่ซ่านเข้ามาถึงหัวใจ รู้สึกได้จริงๆ ว่าพี่กิ่งคือพี่สาวแท้ๆ อีกคนของผม


“พี่ดีใจนะ ที่ได้พีมาดูแลน้องชายของพี่”


“ผมก็ดีใจครับ ที่ได้ดูแลก้อง”


“กลับไปเถอะพี”


“ครับ? พี่กิ่งว่าไงนะ”


“กลับไปดูแลก้อง ดูแลน้องชายของพี่ให้ดีนะ พี่ฝากก้องด้วย”


ความปิติยินดีเติมเต็มเข้ามาในใจของผมจนล้นปรี่ ผมกระชับมือของพี่กิ่งแน่นขึ้นเพื่อแสดงความขอบคุณ รอยยิ้มละมุมถูกคลี่ออกมาจากริมฝีปากเรียวสวย ผมส่งยิ้มให้พี่กิ่งเป็นการตอบแทนเช่นกัน จากนั้นลำแสงสว่างจ้าก็ส่องเข้ามาจนตาของผมพร่าเลือนไปหมด สัมผัสของพี่กิ่งเริ่มเลือนหายไป และ........


กลิ่นสะอาดของโรงพยาบาลลอยเข้ามาเตะจมูก ผมรู้สึกปวดหัวเหมือนมันจะระเบิดออกมาเป็นเสี่ยงๆ ความรู้สึกเจ็บแปล๊บที่ต้นแขนเกิดขึ้นมาเป็นริ้วๆ ผมพยายามจะลืมตาด้วยความยากลำบาก แต่บทสนทนาที่ผมได้ยินทำเอาผมไม่อยากจะตื่นขึ้นมาอีกเลย




‘พี่รักก้องนะ’


‘ก้องก็รักพี่นิคฮะ’




เมื่อทำใจให้ลืมตาขึ้นมาได้ ภาพที่เห็นตรงหน้าก็เล่นเอาผมจุกจนพูดไม่ออก คนรักของผมกับไอ้ตี๋นั่นกำลังกอดกันอย่างแนบแน่น น้ำตาของคนทั้งคู่เหมือนเป็นสักขีพยานว่าคำรักที่พร่ำรำพันกันก่อนหน้านี้ดูดดื่มลึกซึ้งขนาดไหน ผมไม่อาจทนมองภาพบาดตานั้นได้อีกต่อไปจึงหันศีรษะไปทางอื่นอย่างรวดเร็ว แต่นั่นยิ่งทำให้แผลที่ยังสดเจ็บแปล๊บมากขึ้นจนต้องร้องออกมา


“โอ๊ย”


“พี!!.......” ก้องบดินทร์ผละจากอ้อมกอดของนายนิคแล้วถลาเข้ามาหาผมทันที



“พี..พะ..พี คุณ..คุณตื่นแล้ว คุณตื่นแล้วจริงๆด้วย” ก้องละล่ำละลักเรียกผมด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นแล้วใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาตอนที่เห็นว่าผมฟื้น ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าผมรู้สึกดีใจอยู่ลึกๆว่าก้องเป็นห่วงผม แต่พอนึกไปถึงภาพที่ผมเห็นเมื่อครู่นี้ก็ยังอดรู้สึกคลางแคลงใจไม่ได้ ผมคิดมากไปเอง หรือว่ามันเกิดอะไรขึ้นในระหว่างที่ผมหลับ


“พี..คุณเจ็บตรงไหนมั้ย เจ็บรึเปล่า เจ็บมากมั้ย เมื่อกี๊คุณร้องนี่นา เจ็บใช่มั้ย” ก้องถามคำถามซ้ำไปซ้ำมาเหมือนว่าดีใจจนทำอะไรไม่ถูกแล้วหันไปกดกริ่งเรียกพยาบาล มือคู่สวยแตะไปทั่วตัวของผมอย่างลนลานเพื่อดูว่าผมเจ็บตรงไหน สัมผัสเบาๆราวกับกลัวว่าผมจะเจ็บ ผมเห็นสายตาของความเป็นห่วงและกังวลของก้องอย่างชัดเจน หยาดน้ำใสที่คลออยู่ที่ดวงตาคู่สวยอีกไม่นานก็คงจะหยดลงมาอีกครั้ง



“ผมไม่เป็นไร แค่ปวดหัวนิดหน่อย” ผมได้ยินเสียงอ่อนระโหยของตัวเองตอบกลับไป อดจะใช้หางตาเหลือบมองไม่ได้ว่าก้องเป็นยังไงบ้าง ทั้งตัวก้องดูเหมือนปลอดภัยดีไม่มีบาดแผลอื่นๆนอกจากแผลที่ศีรษะที่มีผ้าสีขาวพันเอาไว้ รู้สึกหัวใจกระตุกเมื่อดูแล้วเหมือนก้องจะซูบๆลงเล็กน้อย ก้องดูเป็นห่วงผมมากเหลือเกิน แต่คำบอกรักที่ก้องพูดกับไอ้นิคเมื่อสักครู่มันทำให้ผมสับสน แต่ก่อนหน้านั้นก้องก็บอกรักผมเหมือนกัน หรือว่าจะไม่ใช่........หรือนั่นเป็นแค่ความคิดของผมเองในช่วงเวลาที่มีสติไม่ครบสมบูรณ์ ผมคิดอย่างนั้นแล้วก็ต้องรีบหลบสายตาที่ก้องมองมา


ผมเลือกที่จะหนีจากความสับสนด้วยการเบือนหน้าหนีจากคนหน้าหวานและหลับตาลงเพื่อบ่งบอกว่าผมยังไม่พร้อมที่จะคุยกับใครในตอนนี้ จนกระทั่งหมอและพยาบาลเข้ามาตรวจอาการของผมและกลับออกไป ผมขอร้องก้องบดินทร์ให้กลับไปก่อนทั้งๆ ที่ก้องอาสาจะนอนเฝ้าผมในคืนนี้ ผมรู้ว่าก้องสงสัยและมีคำถามมากมายอยากจะถาม แต่ผมก็ใช้มุกเดิมๆ คือการหลับตาเพื่อเป็นการตัดบททุกสิ่งทุกอย่างทำให้ก้องจำยอมต้องกลับออกไป ห้องพักฟื้นคนไข้ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง เงียบเหงาเหมือนหัวใจของผมในตอนนี้




ก้องบดินทร์ ตกลงว่าคุณยังรักผมอยู่ หรือเปล่า..........


++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



ผมไม่เข้าใจและกำลังสับสน มันเกิดอะไรขึ้นคำพูดและแววตาที่พีใช้มองผมมันถึงได้ดูเย็นชาและเฉยเมยนัก ตอนที่ผมได้ยินเสียงร้องของเค้าหัวใจของผมมันกระตุกวาบ พอหันไปเห็นว่าเป็นเสียงของพีจริงๆผมดีใจจนทำอะไรไม่ถูก สุดท้ายก็ร้องไห้ออกมาทั้งๆที่ตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะไม่ให้พีเห็นน้ำตาของผมอีก ใครจะไปทนได้ ในเมื่อคนที่ผมเฝ้ารอมาตลอดสัปดาห์ตื่นขึ้นมาจากการหลับใหลที่ยาวนานเกินไปจนทำให้ผมและใครหลายคนกังวลจนกินไม่ได้นอนไม่หลับ ผมรีบปรี่ไปหาเค้า กวาดตามองรอบๆตัวเค้าว่าเค้าเจ็บตรงไหน มองไปที่แผลของเค้าว่ามีเลือดซึมออกมารึเปล่าแต่ก็พบว่ามันปรกติ ทำอะไรไม่ถูกจนสุดท้ายก็เลยกดกริ่งเรียกพยาบาล ผมมีเรื่องอยากจะพูด อยากจะคุยกับเค้าเยอะแยะเต็มไปหมด อยากจะขอโทษ อยากจะปรับความเข้าใจ อยากจะบอกกับเค้าว่าผมคิดถึงและเป็นห่วงเค้ามากแค่ไหน แต่สิ่งหนึ่งที่ทำเอาผมอึ้งไปก็คือการเบือนหน้าหนีและปฏิเสธที่จะให้ผมอยู่เฝ้าเค้า ผมหันไปมองหน้าพี่นิคแต่พี่เค้าเองก็นิ่งๆไปเหมือนกับว่ารู้สึกงุนงงไม่ต่างกัน ผมยกยิ้มที่มุมปากบางๆมองโลกในแง่ดีว่าพีคงจะเหนื่อยและอยากพักผ่อนจริงๆ



“พี วันนี้ผมให้พี่ตุ่มทำซุบเห็ดมาให้ จำได้ว่าคุณเคยทานแล้วบอกว่าชอบเพราะว่าซุบเห็ดฝีมือพี่ตุ่มอร่อยและไม่เหมือนกับตามร้านอาหาร ยังร้อนอยู่เลย เมื่อกี๊ผมถามพยาบาลเค้าบอกว่าคุณทานอาหารอ่อนๆได้ ทานเลยมั้ยพี” ผมเทซุบเห็ดสีครีมขุ่นในกระติกเก็บความร้อนใส่ชามแล้ววางไว้บนโต๊ะที่เลื่อนมาตรงหน้าพี พียังคงนั่งเฉยไม่แม้แต่จะมองมันแต่กลับเอนหลังพิงกับหมอนแล้วหันหน้าไปอีกทาง



“ทำไมเหรอพี ยังไม่หิวเหรอ แต่เดี๋ยวจะได้เวลายาแล้วนะ ทานหน่อยดีมั้ย” ผมยกชามขึ้นใช้ช้อนคนเบาๆแล้วตักซุบขึ้นมาเป่าให้หายร้อนยื่นไปที่ปากพี พีหลับตาลงเหมือนไม่สนใจ ทำเอาหัวใจของผมหล่นวูบ หลายวันมานี้เค้าแทบไม่ได้คุยกับผมเลย ถามคำตอบคำ ทุกครั้งที่ผมมาหาเค้าก็จะเงียบแล้วก็หลับตาเพื่อบอกอ้อมๆว่าเค้าต้องการพักผ่อน เป็นแบบนี้มาสามสี่วันแล้ว จนผมได้ออกจากโรงพยาบาลมาสามวันแล้วพีก็ยังมีท่าทีเมินเฉยเหมือนไม่ใช่พีคนเก่า


“พี่นิคว่า...พีเค้าแปลกๆไปรึเปล่าฮะ” ผมถามในขณะที่ตาก็ยังคงมองไปที่ประตูห้องของพี ผมออกมานั่งคุยกับพี่นิคที่หน้าห้องส่วนคนข้างในน่ะหลับไปแล้ว อาจจะง่วงเพราะฤทธิ์ยา อาจจะเพราะเพลียจากการเจ็บแผล หรืออาจจะเพราะ..เพราะผม


“เค้าอาจจะเหนื่อยจริงๆก็ได้ครับก้อง อย่าเพิ่งคิดมากเลย” หลังจากที่เรากลับมาเป็นเพียงพี่น้องกันพี่นิคก็เป็นที่ปรึกษาที่ดีให้กับผมมาตลอด เหมือนได้พี่ชายเพิ่มเข้ามาในชีวิต


“ไม่รู้สิฮะ ก้องคงคิดมากไปเองมั้ง” ผมตอบด้วยน้ำเสียงแหบพร่า เบ้าตาร้อนผ่าว ไม่อยากคิดอะไรมาก แต่พีเปลี่ยนไปมากจริงๆ


วันนี้อาหารเย็นของโรงพยาบาลคือไข่ตุ๋น ผัดผักรวมกับแกงจืดลูกรอก พีทานไปน้อยมากเพราะข้าวสวยพร่องไปไม่ถึงครึ่งผมก็เลยอาสาตักอาหารป้อนพี อยากให้พีทานมากๆร่างกายจะได้กลับมาแข็งแรงเหมือนเดิมเร็วๆ ไข่ตุ๋นสีเหลืองอ่อนหน้าตาน่ากินวางโปะบนข้าวสวยในช้อนขนาดพอดีคำ พีถอนหายใจออกมาเบาๆเป็นการปฏิเสธแบบกลายๆผมเลยหันไปมองหน้าพี่นิคที่นั่งอยู่ใกล้ๆ พี่นิคทำเพียงยิ้มบางๆคงเพราะไม่รู้ว่าจะทำยังไงดีเหมือนกัน ได้ยินเสียงถอนหายใจฮึดฮัดแรงๆเหมือนหงุดหงิดจากคนป่วยที่นั่งอยู่บนเตียง พอหันกลับไปมองก็เห็นเพียงว่าพีกำลังนั่งทำหน้ายุ่งเหมือนกำลังไม่พอใจก่อนจะเอนหลังแล้วหลับตาลงทั้งๆที่คิ้วยังชนกันอยู่
ปรกติแล้วผมจะมาเยี่ยมพีแค่คนเดียวหรือไม่ก็จะมากับแม่ พี่ตุ่มแล้วก็พี่เจ๋งแต่ว่าวันนี้พี่นิคมาทำธุระแถวๆนี้พอดีกับที่ผมโทรไปปรึกษาเรื่องพี พอพี่นิคเสร็จงานก็เลยถือโอกาสแวะมาเยี่ยมพีด้วย แต่ดูเหมือนพีจะไม่อยากรับแขกเท่าไหร่


“เอาไว้ผมออกจากโรง’บาลแล้วจะจัดการเรื่องหย่าให้ทันที ไม่ต้องห่วง”


เกร๊ง!


ช้อนกลางในมือร่วงลงไปนอนแอ้งแม้งที่พื้น ผมหันไปมองคนที่พูดด้วยความรู้สึกสับสน ผมหูฝาดใช่รึเปล่า


“คุณ..ว่าอะไรนะ”



“ผมบอกว่า ทันทีที่ผมได้กลับบ้าน ผมจะเคลียเรื่องหย่าให้”


“พี..” รู้สึกเหมือนหายใจไม่ออก หรือว่าปัญหาขัดแย้งระหว่างผมกับพีในช่วงก่อนหน้านี้มันยังไม่ได้หมดไปอย่างที่ผมเข้าใจ หรือว่าคำพูดเหล่านั้นที่ผมเคยพูดมันกำลังจะกลับมาทำร้ายตัวผมเอง พีพูดเหมือนไม่ได้รู้สึกอะไร ไม่มีแม้แต่สีหน้าแสดงความอาลัยอาวรณ์ กระบอกตาของผมร้อนผ่าวและเริ่มพร่ามัว สุดท้ายเมื่อไม่รู้จะทำยังไงขาของผมก็พาตัวเองก้าวออกมาจากห้องนั้นแล้วตรงไปที่ลิฟต์จนสุดท้ายน้ำตามันก็ไหลออกมาโดยไร้ซึ่งเสียงสะอื้น


คืนนี้พระจันทร์เต็มดวง แสงของมันเป็นสีทองอร่ามเผื่อแผ่ไปทั่วท้องฟ้าสีน้ำเงินที่เข้มสนิทราวกับผืนผ้ากำมะหยี่ ดาวเล็กดาวน้อยจำนวนไม่มากเพราะมีแสงจากตึกรามบ้านช่องจากตัวเมืองเข้าบดบังแต่มันก็มากพอจะทำให้พระจันทร์มีเพื่อนอยู่เคียงข้าง ผมเองหากในเวลาปรกติตอนนี้คงจะกำลังนั่งอยู่กับพีที่โรงพยาบาล เราอาจกำลังนั่งคุยกันถึงเรื่องต่างๆในช่วงที่ผมความจำเสื่อม อาจจะกำลังขอโทษกันและกันและปรับความเข้าใจว่าจะไม่ทำให้ใครอีกคนต้องเสียใจอีก หรือเราอาจจะกำลังแอบนั่งทานขนมมื้อดึกด้วยกันในขณะที่คุณหมอหรือพยาบาลไม่ได้เข้ามาเห็น ในหัวยังคงสับสนและไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นพีถึงได้พูดเรื่องหย่า แต่สุดท้ายเมื่อคิดไม่ออกก็เลยต้องปัดความขุ่นมัวในใจทิ้งไปแล้วยิ้มให้กับตัวเอง ผมจะไม่ยอมแพ้ ขอแค่คุณให้โอกาส ผมก็พร้อมที่จะอธิบายทุกอย่างที่คุณคลางแคลงใจเพียงแค่ถามออกมา เราจะได้กลับไปเข้าใจกันเหมือนเดิม


“พี ทานอันนี้หน่อยสิ พี่แก้วเป็นคนทำนะ อร่อยมากเลยผมแอบชิมมาแล้ว” ผมหัวเราะคิกทั้งที่ในใจอยากจะร้องไห้ นั่นก็เพราะคนป่วยตรงหน้าไม่แม้แต่จะหันมาสนใจผมที่ถือช้อนค้างเอาไว้เลยซักนิด เค้ก ช็อคโกแลตหน้านิ่มที่พีชอบนอกเหนือจากเค้กชาเขียวถูกปฏิเสธโดยการเอนหลังพิงกับเตียงที่ปรับเอาไว้แล้วหลับตาเหมือนว่าต้องการพักผ่อน


“พี ลองชิ..”

ทั้งเค้กทั้งช้อนถูกปัดกระเด็นลงไปอยู่ที่พื้น ผมมองมันและกัดริมฝีปากแน่น เบ้าตาที่ร้อนผ่าวขับให้หยดน้ำใสๆออกมาคลอจนตาพร่ามัว


ผมไม่รู้ ไม่รู้เลย ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นจากอะไร ไม่รู้ว่าผมทำอะไรผิดพีถึงได้ทำกับผมแบบนี้


ผมพยายามควบคุมเสียงไม่ให้สั่น


“โอเค คุณคงอยากพักผ่อนแล้ว ผมกลับก่อนละกันนะ”

ผมสาวเท้าเร็วๆออกมาจากห้องทันกับที่น้ำตาไหลออกมาพอดี หรือว่าผมควรจะหยุด หรือว่าผมควรจะถอย หรือว่าระหว่างเรามันมาถึงได้แค่นี้จริงๆ



หลังจากนั้นอีกหนึ่งสัปดาห์หมอก็อนุญาตให้พีออกจากโรงพยาบาลได้ พีกลับไปทำงานที่บริษัทแล้วและผมเองก็ทำงานที่วิภารามตามปรกติ ยอมรับว่าตัวเองคงดูน่ารำคาญเพราะผมก็ยังคงคอยมาให้พีเจอหน้าอยู่ทุกวัน


“ผมดูตารางงานแล้ว วันที่ผมจะว่างทั้งวันคือวันอังคารหน้า เดี๋ยวผมไปรับนะ” มือที่เขี่ยอาหารในจานไปมาชะงัก ผมเงยหน้าขึ้นมอง ผมเองที่เป็นคนมาหาเค้าที่บริษัทเพื่อชวนเค้าออกมาทานข้าวด้วยกัน ท่าทีของพียังดูเย็นชาเหมือนเดิมแต่คำพูดเมื่อครู่ทำให้ผมยิ้มออกมาด้วยความดีใจ


“เราจะไปไหนกันเหรอพี”


“ไปหย่าไง รออยู่ไม่ใช่เหรอ” คำตอบของพีทำเอาผมสะอึก ผมสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วกลั้นใจถามออกไป


“เพราะอะไร” พีทำเพียงเงยหน้าจากจานอาหารขึ้นมาเลิกคิ้วเป็นคำถาม ผมจึงพูดต่อ


“ทำไมถึงต้องหย่า”


“มันคือสิ่งที่คุณต้องการไม่ใช่เหรอก้อง” ผมพูดอะไรไม่ออก ภาพเริ่มลางเลือนเพราะถูกน้ำใสๆออกมาบดบัง


“ผมไม่ได้อยากหย่า” ผมตอบด้วยเสียงแหบพร่า เบาจนแทบไม่ได้ยินเสียงของตัวเอง


พีชะงักไป


“ผมไม่ได้อยากหย่า” ผมพูดซ้ำคำเดิมด้วยเสียงที่หนักแน่นขึ้น


“คุณเข้าใจรึเปล่าว่าผมไม่ได้ต้องการจะหย่า ผมไม่รู้ว่าคุณเป็นอะไร ตั้งแต่ที่คุณฟื้นขึ้นมาคุณก็แปลกไป แม้แต่พี่นิคเองก็ยัง..”


“ผมไม่ได้อยากฟังเรื่องของคุณกับเค้า” พีพูดแทรกขึ้นมาทั้งที่ผมยังพูดไม่จบ น้ำเสียงของเค้ากระชากเสียจนผมตกใจ


“ระหว่างผมกับพี่นิคเรา..”


“ผมไม่อยากรู้” พีตอบเสียงห้วน เค้าวางธนบัตรสีเทาไว้ที่โต๊ะและก็ลุกออกไปต่อหน้าผม


อะไรของเค้าเนี่ย!


บ้าชะมัด ทำไมถึงเป็นคนแบบนี้ ลุกออกไปต่อหน้าต่อตาผมแบบนี้ได้ยังไง คิดจะทิ้งผมงั้นเหรอ ผมใช้ฝ่ามือเช็ดน้ำตาที่คลออยู่ออกอย่างลวกๆ สูดหายใจเข้าจนสุดปอดเพื่อรวบรวมสติ



คิดว่าผมจะยอมแพ้ง่ายๆงั้นเหรอ ไม่มีวันซะหรอกไอ้พีบ้าเอ๊ย




-----------------------------------




อย่า!!..อย่าเพิ่งบ่น มันไม่ไ่ด้ดราม่านานนักหรอกค่ะ จะจบแล้ว 55555

ขอให้สนุกกับการอ่านฟิคนะคะ




Create Date : 23 ตุลาคม 2554
Last Update : 23 ตุลาคม 2554 22:41:31 น. 5 comments
Counter : 390 Pageviews.

 
คร๊า!เชื่อนะคะ


โดย: miyukik IP: 110.49.237.19, 82.145.208.141 วันที่: 24 ตุลาคม 2554 เวลา:0:28:57 น.  

 
แง๊!!!!!!!!

ไร้ท์เตอร์ใจร้ายยยยย !!! T^T

น่าสงสารน้องก้องที่ซู๊ดดดดดด.....

ฮือออออ.....

โอ๊ยยๆๆๆ ดราม่าจัดหนักจริงๆ น่าสงสารทั้งพี่พีและน้องก้อง แต่ตอนนี้ สงสารน้องก้องมากกว่า พี่พีอ่ะ อย่างอนน้องก้องจิ่...พี่พีกะลังเข้าใจผิดนะค๊าาาา....

ขอให้เค้าสองคนปรับความเข้าใจในเร็ววัน ( ซึ่งอาจจะใช้วิธีปรับความเข้าใจตามแบบฉบับหนังไทย...ตบ จูบ ลูบ ไล้ เดี๋ยวก็เข้าใจกันเอง อิ อิ)

ขอบคุณน้องปอและน้องเอสมากค่ะ ชื่นชมการเขียนที่ดีวันดีคืนนะคะ ชอบการบรรยายมาก เห็นภาพชัดเจนเลย

รอตอนต่อไปค่ะ (แต่ไม่อยากให้เป็นตอนจบอ่ะ)


โดย: hunny IP: 180.210.216.74 วันที่: 24 ตุลาคม 2554 เวลา:9:11:41 น.  

 
ปวดหน่วงในใจยังไงไม่รู้ สงสารก้องจัง "ไอ้พีบ้าเอ๊ย " คำนี้โดน มาก writer แต่ก็ดีไปอีกแบบ ให้ก้องอดทนและง้อ บ้าง จะได้เข้าใจความรู้สึกของพีบ้าง แต่อย่าให้พีเข้าใจผิดนานนะคะ สาวก ใจจิขาด อิๆๆ^_____^".


โดย: lek^lek IP: 223.204.60.38 วันที่: 24 ตุลาคม 2554 เวลา:22:20:19 น.  

 
ว้ากกกก มันเศร้านะนี่ หง่า พีไม่สงสารก้องเรอะ


โดย: แป้ง วารุณี IP: 58.9.70.69 วันที่: 25 ตุลาคม 2554 เวลา:1:34:47 น.  

 
แง่ง~ อยากโดดงับหัวอิตาพี ทำไมถึงปากหนักนักยะ! มีอะไรข้องใจทำไมไม่ถามก้องตรงๆ พอก้องจะอธิบายความจริงก็ไม่ยอมฟังอีก มันน่างับไหม (เอ๊ะ! หรือควรโดดงับ 2 ผู้แต่งดีกว่าที่แต่งให้พระเอกเราทำตัวงอแงไร้เหตุผลแบบนี้ 555)
สงสารน้องก้อง Y^Y พีฟื้นแล้วแต่ก็ยังต้องคอยน้ำตาร่วงอยู่บ่อยๆอีก.....รีบๆปรับความเข้าใจกันเร็วๆนะคนอ่านทรมานใจที่ชักบาดหมางผิดใจกันนานเกินไปแล้ว


โดย: Lookwha IP: 58.10.85.246 วันที่: 25 ตุลาคม 2554 เวลา:12:18:30 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

biomedical_girl
Location :
สงขลา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เป็นนัก (หัด) เขียน ที่ได้แรงบันดาลใจในการแต่งเรื่องสั้นเรื่องแรกมาจากความน่ารักของตัวละคร พีรวิชญ์ และ ก้องบดินทร์ จากละครเรื่องพรุ่งนี้ก็รักเธอ โดยปกติจะเป็นนักศึกษาทุนในระดับปริญญาโทสาขาชีวเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ แต่เมื่อไหร่ที่ความเวิ่นเว้อบังเกิดก็จะแปลงร่างจากสาวเนิร์ด เป็นสาววายทันที ^^" นอกจากนี้ยังชอบร้องเพลงเป็นชีวิตจิตใจ และมีความใฝ่ฝันว่าสักวันฉันจะได้ออกเทป (หุหุ) บางครั้งในเวลาว่างๆ ก็จะแต่งเพลง แต่งกลอน ออกมาอยู่เสมอ จนบางครั้งคนรอบข้างถึงกับแซวว่าเธอน่าจะไปเรียนอักษรหรือนิเทศมากกว่าชีวโมเลกุลนะ --"
New Comments
Friends' blogs
[Add biomedical_girl's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.