Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2554
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
5 กรกฏาคม 2554
 
All Blogs
 
บทที่ 13 ภาพลวงตา (ตอนที่ 2)

“ก้อง.......คุณว่าไงนะ”

“พี........ผมขอโทษ แต่ผมจำเป็น”

“จำเป็น จำเป็นงั้นเหรอก้อง คุณมีความจำเป็นอะไรถึงเลิกกับมันไม่ได้น่ะหะ” สองมือแกร่งที่เคยโอบกอดคนตรงหน้าบัดนี้แปรเลี่ยนมาบีบไหล่สองข้างของคนหน้าหวานไว้จนแน่นตามแรงโทสะที่เกิดขึ้น

“พี......ผมบอกคุณไม่ได้จริงๆ ผมขอโทษที่ทำให้คุณต้องเสียใจ แต่ผมเองก็ไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนี้”

“แล้วเรื่องของเราล่ะก้อง คุณลืมเรื่องของเราไปหมดแล้วเหรอ.....คุณจะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วก็กลับไปหามันอย่างนั้นเหรอก้อง!!”

“ผมไม่ได้ลืมนะพี ผมก็ยังอยู่กับคุณ แต่ผมแค่เลิกกับพี่นิคไม่ได้เท่านั้นเอง”

“ไม่ได้ลืม แต่ก็เลิกกับมันไม่ได้ มันหมายความว่ายังไงก้อง คุณรู้มั๊ยว่าตอนนี้ผมเจ็บปวดมากแค่ไหน กับการถูกคนที่ตัวเองรักทรยศหักหลังซึ่งๆ หน้า”

“พี.....นี่คุณจะดูถูกผมมากเกินไปแล้วนะ”

“หรือมันไม่จริงล่ะก้อง คุณเก่งมากนะที่ทำให้ผมเชื่อได้ว่าคุณรักผมจริงๆ ผมคงเป็นไอ้โง่ในสายตาคุณสินะ สนุกมั๊ยล่ะก้อง สนุกมากมั๊ยกับการย่ำยีหัวใจคนอื่นเค้าเล่นแบบนี้”

“ทำไมคุณไม่ฟังอะไรผมบ้างเลยล่ะพี ไหนว่าคุณรักผมนักหนาไง แต่ทำไมคุณถึงปิดตาปิดใจไม่ยอมรับฟังอะไรจากผมเลย พี่นิคเค้ายังมีเหตุผลพูดจารู้เรื่องมากกว่าคุณเสียอีก ที่สำคัญ พี่นิคเค้าไม่เคยขึ้นเสียงหรือใช้อารมณ์กับผมแบบที่คุณทำอยู่ตอนนี้ด้วย”

“เข้าข้างกันเหลือเกินนะก้อง ถ้าคุณคิดว่ามันวิเศษวิโสนักคุณก็ไปอยู่กับมันเลยสิ มาอยู่กับผมทำไม”

“นี่คุณไล่ผมเหรอพี ได้.......งั้นผมจะไปหาพี่นิควันนี้เลยเป็นไง แล้วถ้าคุณยังไม่พอใจจะให้ผมหย่ากับคุณไปเลยก็ได้นะ”

ทันทีที่คนหน้าหวานพูดจบก็สะบัดตัวออกจากการเกาะกุมของผมอย่างแรง แต่ถึงแม้ก้องจะไม่สะบัดตัวออกก็คงจะหลุดจากการเกาะกุมของผมไปได้อย่างง่ายดาย เพราะตอนนี้มือที่เคยบีบไหล่ของก้องตกลงมาข้างตัวอย่างคนไม่มีแรง ผมช๊อคกับคำว่าหย่าที่ก้องพูดใส่หน้าผมอีกครั้ง ความเสียใจ ความเจ็บปวด ความสับสน ความไม่เข้าใจประดังประเดเข้ามาสุมอยู่ในหัวใจของผมจนมึนตื้อไปหมด ผมต้องเรียกสติของตัวเองกลับมาอีกครั้งก่อนที่จะเดินตามก้องขึ้นไปยังห้องนอนชั้นสอง

“นี่คุณจะทำอะไรน่ะ” ผมร้องออกมาอย่างตกใจเมื่อเห็นกระเป๋าเดินทางใบเล็กของก้องเปิดอยู่ ภายในมีเสื้อผ้าที่ถูกโยนลงไปแบบลวกๆ พร้อมกับของใช้จำเป็น

“เก็บของแล้วออกไปจากชีวิตคุณไงพี ในเมื่อเจ้าของห้องเค้าไล่แล้วผมจะหน้าด้านอยู่ทำไม”

“นี่คิดถึงกันจนทนไม่ไหวต้องออกไปหากันตอนดึกดื่นขนาดนี้เลยเหรอก้อง คุณอยากหย่ากับผมมากเลยใช่มั๊ย”

“พี.....ผมไม่มีอะไรจะพูดอีกแล้ว พูดไปคุณก็ไม่ยอมเข้าใจ ผมเหนื่อย ผมเคยคิดว่าคุณเป็นคนเดียวที่จะเข้าใจผม แต่เปล่าเลย คุณไม่เคยเข้าใจอะไรเลย ไม่เข้าใจเลยสักอย่าง”

“คุณจะให้ผมเข้าใจอะไรก้อง....ในเมื่อคุณเองไม่ยอมเลิกกับมัน แถมยังขอหย่ากับผม แล้วคุณจะให้ผมเข้าใจว่ายังไงเหรอก้อง ตอบผมมาสิ”

“ผมไม่มีอะไรจะพูดแล้วพี วันนี้เราคงคุยกันไม่รู้เรื่องแล้วล่ะ” ก้องบดินทร์คว้ากระเป๋าเสื้อผ้าแล้วเดินลงไปยังชั้นล่างอย่างรวดเร็ว ผมรีบวิ่งตามไปติดๆ แล้วฉวยข้อมือบางที่กำลังจะเปิดประตูออกไปจากห้องเอาไว้ได้ทัน แต่ก้องบดินทร์กลับมองหน้าผมก่อนที่จะสะบัดข้อมืออกแล้วเปิดประตูออกไปอย่างรวดเร็ว ผมรีบเดินตามคนหน้าหวานไปอย่างไม่รอช้า

“ก้อง กลับมาพูดกันให้รู้เรื่องก่อน อย่าหนีผมไปแบบนี้”

“ผมไม่มีอะไรจะพูดกับคุณ!!!”

คนหน้าหวานเมื่อเดินมาถึงลิฟต์ก็กดปุ่มรัวๆ เหมือนไม่อยากจะอยู่ที่นี่ต่ออีกสักเสี้ยววินาที ผมมองการกระทำของคนตรงหน้าด้วยความน้อยใจ เสียใจ และไม่เข้าใจ เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาเรายังมีความสุขด้วยกันอยู่เลย แต่ทำไม ทำไมตอนนี้เหตุการณ์มันถึงกลับตาลปัตรจากหน้ามือเป็นหลังมือแบบนี้

“ก้อง.....นี่คุณอยากไปจากผมมากเลยเหรอ”

“............”

ไม่มีเสียงตอบ หรือปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ จากก้องบดินทร์ จนเมื่อประตูลิฟต์เปิดออก คนหน้าสวยก็ก้าวเข้าไปข้างใน พร้อมกดปุ่มปิดประตู แต่ผมเข้าไปขวางประตูลิฟต์ไว้เพื่อไม่ให้มันปิดได้โดยง่าย เราทั้งสองสบตากันชั่วครู่ก่อนที่ผมจะเป็นฝ่ายทำลายความเงียบที่น่าอึดอัดนั้น

“คุณเลิกกับมันได้มั๊ย ผมขอร้อง”

“ผมทำไม่ได้จริงๆ พี ผมจำเป็น”

“ก้อง..........” ผมเงียบไปชั่วอึดใจ ก่อนที่จะยอมรับความจริงในที่สุด

“โอเค........ผมเข้าใจแล้ว ในเมื่อคุณอยากไปผมก็จะให้คุณไป อะไรที่มันเป็นความสุขของคุณผมก็จะทำ”

หยาดน้ำใสๆ ที่คลออยู่ในดวงตาของผมตอนนี้ทำให้ผมมองเห็นใบหน้าของก้องบดินทร์ไม่ชัด น้ำตาที่ผมพยายามสะกดกลั้นเอาไว้ไหลระสองข้างแก้มของผมโดยที่ผมไม่คิดจะเช็ดมันออก

“ผมขอเวลาคุณหนึ่งเดือนเพื่อเคลียร์งานที่บริษัทให้เสร็จ จากนั้นเราจะไปอเมริกาด้วยกัน ผมจะเซ็นต์ใบหย่าให้คุณตามที่คุณต้องการ”

ผมสบตาคนหน้าหวานอีกครั้งพร้อมกับเดินถอยหลังออกไปให้พ้นจากประตูลิฟต์ ใบหน้าของก้องบดินทร์ค่อยๆ หายไปจากสายตาตามจังหวะการเลื่อนปิดของประตูเหล็ก ครึ่งชีวิตของผมเดินจากไปแล้ว สุดท้ายผมก็ไม่สามารถเหนี่ยวรั้งก้องบดินทร์ให้กลับมาอยู่เคียงข้างกับผมได้จริงๆ

ผมหมุนตัวกลับไปเพื่อที่จะเดินกลับห้อง แต่สองเท้าของผมก็ถูกตรึงเอาไว้กับที่เมื่อคนที่ไม่คาดคิดกำลังยืนอยู่ตรงหน้า

“ไอริน......”

นางเอกสาวเพียงแค่ยิ้มน้อยๆ ให้กับผมแล้วเอื้อมมือมาจับมือผมไว้

“กลับห้องกันเถอะค่ะพี”

ผมเดินตามไอรินไปอย่างว่าง่าย ในช่วงเวลานี้ผมเหมือนคนไร้เรี่ยวแรงที่จะทำอะไรได้ทั้งสิ้น ใครจะให้ทำอะไรก็ทำ ชวนไปไหนก็ไป สติของผมหลุดลอยกระเจิดกระเจิง หึ!!! ตอนนี้ผมเหมือนคนบ้า ผมกำลังจะบ้าเพราะหัวใจของผมมันกำลังร้องไห้ ผมเดินตามแรงฉุดของไอรินไปเรื่อยๆ จนกระทั่งกลับมาถึงห้องและนั่งลงบนโซฟาเรียบร้อย นางเอกสาวเดินเข้าไปในครัวแล้วรินชาร้อนๆ มาให้ผมก่อนที่จะทรุดตัวลงนั่งข้างๆ

“ดื่มสักหน่อยนะคะพี ชาร้อนๆ มันจะทำให้คุณรู้สึกดีขึ้น”

ผมหันไปมองหน้าไอรินเพียงชั่วขณะ แล้วก็เห็นรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าของเธอ ผมหันหน้ากลับมายังทิศทางเดิมก่อนที่จะเอ่ยตอบเธอกลับไป

“ขอบคุณคุณมากนะไอริน แต่ตอนนี้ผมอยากอยู่คนเดียว”

“โธ่......พีคะ ช่วงเวลาแบบนี้จะให้ไอรินทิ้งคุณไปได้ยังไง”

“ไอริน ผมขอเถอะ คุณกลับไปก่อนได้มั๊ย”

“โอเคค่ะพี แต่ก่อนกลับไอรินขอพูดอะไรหน่อยได้มั๊ยคะ”

ผมพยักหน้าให้ไอรินเป็นเชิงอนุญาต

“พีคะ ตลอดเวลาที่ไอรินรู้จักกับคุณ ไอรินเป็นห่วงคุณมาโดยตลอด ไอรินรู้ค่ะว่าบางครั้งไอรินทำตัวไม่น่ารัก ทำให้คุณไม่พอใจ แต่ที่ไอรินกลายเป็นคนไม่ดีในสายตาของคุณก็เป็นเพราะว่าไอรินรักคุณมากไม่ใช่เหรอคะ”

นางเอกสาวเงียบไปเพียงชั่วอึดใจ ก่อนที่จะเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง

“พีคะ ไอรินเป็นห่วงคุณ รักคุณมากขนาดนี้ ขอโอกาสให้ไอรินอีกสักครั้งเถอะนะคะ ไอรินสัญญาว่าไอรินจะไม่ทิ้งคุณไปเหมือน......เหมือนคุณก้อง”

“ผมอยากอยู่คนเดียว กลับไปเถอะครับไอริน”

“พีคะ ไอรินรู้ว่าคุณกำลังเสียใจ แต่ขอให้ไอรินเป็นคนปลอบโยนคุณเถอะนะคะ”

ว่าแล้วนางเอกสาวก็เอื้อมมือมาลูบใบหน้าของผมแล้วจับให้หันไปสบตากับเธอ ไอรินโน้มตัวใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนริมฝีปากของเราเกือบสัมผัสกัน ฉับพลันใบหน้าของก้องบดินทร์ก็ผุดขึ้นมาในห้วงความคิด ผมรีบสะบัดตัวของไอรินให้ออกห่างจากผมก่อนที่จะผุดลุกยืนขึ้นอย่างรวดเร็ว

“ผมง่วงแล้ว อยากพักผ่อน ถ้าคุณจะกลับแล้วก็ช่วยล๊อคห้องให้ผมด้วยนะครับ” ผมรีบเดินขึ้นไปยังห้องนอนชั้นสองอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เสียงของไอรินจะหยุดสองขาของผมไว้

“เดี๋ยวสิคะพี เรื่องที่เราคุยกันเมื่อกี้ถ้าคุณไม่ปฏิเสธไอรินถือว่าคุณตกลงนะคะ”

“เอ่อ.....ผมไม่ได้........”

“น่ารักจังเลยค่ะพี ขอบคุณมากนะคะที่คุณให้โอกาสไอริน งั้นไอรินไม่อยู่กวนคุณแล้วล่ะค่ะ พักผ่อนมากๆ นะคะพี กู๊ดไนท์ค่ะ”

นางเอกสาวเดินเข้ามาจูบแก้มผมและเดินออกไปจากห้องไปอย่างรวดเร็วทิ้งให้ผมยืนอึ้งยู่ตรงนั้น ตกลงว่าวันนี้ ผมเลิกกับก้องแล้วกลับไปคบกับไอรินงั้นเหรอ ทำไมมันถึงเป็นแบบนี้ไปได้......ก้อง.....คุณกลับมาหาผมได้มั๊ย ผมรักคุณมาก มากเหลือเกิน.............
.
.
.
“ยิ้มหน่อยสิคะพี”

หลังจากที่ผมเลิกประชุมในช่วงเช้า เลขาคนเก่งของผมก็โทรเข้ามารายงานว่ามีแขกมาขอพบซึ่งก็คือไอริน เธอมาชวนผมไปทานข้าวเที่ยงด้วยตัวเอง ทำให้ผมตอบปฏิเสธเธอไปไม่ได้ ผมละสายตาจากหน้าจอโทรศัพท์แล้วหันไปยิ้มให้กับนางเอกสาวที่นั่งกินข้าวอยู่ตรงหน้าด้วยรอยยิ้มที่ผมคิดว่าเป็นธรรมชาติมากที่สุด แต่ก็ไม่วายได้ยินเสียงถอนหายใจของไอรินตอบกลับมา

“ไอ้ที่คุณทำอยู่น่ะ แถวบ้านไอรินเค้าเรียกว่าแยกเขี้ยวค่ะ”

“เหรอครับ”

“คิดอะไรอยู่คะพี ไอรินเห็นคุณนั่งมองแต่หน้าจอโทรศัพท์ รอให้ใครโทรมาอยู่หรือเปล่าคะ”

“ผมรอให้ก้อ....เอ่อ กรกนก เลขาของผมโทรมาน่ะครับ พอดีรอการคอนเฟิร์มจากลูกค้าอยู่”

“ไม่ได้รอให้คุณก้องโทรมาหรอกเหรอคะ”

“ไอริน!!!”

“ช่างเถอะค่ะ ว่าแต่ปกติคุณก้องเค้าเลิกงานกี่โมงล่ะคะ”

“ก็.....ถ้าไม่มีเคสนอกก็ห้าโมงเย็นครับ”

“คุณก้องรับเคสนอกด้วยเหรอคะ แล้วถ้ามีเคสนอกคุณก้องจะเลิกงานกี่โมงคะ”

“ประมาณทุ่มครึ่ง ถึงสองทุ่ม ว่าแต่......คุณถามทำไมเหรอ”

“เปล่าค่ะ ไม่มีอะไรหรอก ไอรินก็แค่อยากให้คุณเคลียร์กับคุณก้องให้เรียบร้อย จะได้ไม่มีอะไรค้างคากันอีก ตอนนี้คุณก้องก็คงกำลังอยู่กับคุณนิค ไอรินก็เลยคิดว่าถ้าไปคุยกันตอนที่คุณก้องเลิกงานน่าจะสะดวกกว่า”

“ผมกับก้องเราไม่มีอะไรต้องคุยกันแล้วล่ะ”

“ปล่อยให้เรื่องมันเป็นแบบนี้จะดีเหรอคะพี”

“ไอรินครับ ผมขอบคุณคุณมากนะที่เป็นห่วงผม แต่ถ้าคุณหวังดีกับผมจริงๆ คุณอย่าพูดถึงเรื่องนี้อีกเลยนะครับ”

“ไอรินขอโทษค่ะ ไอรินจะไม่พูดถึงมันอีก ว่าแต่อาหารหมดแล้ว เราจะสั่งของหวานกันต่อเลยมั๊ยคะ”

“แล้วแต่คุณสิครับ”

“งั้นไอรินไม่เกรงใจนะคะ”

เมื่อนางเอกสาวเรียกบริกรมารับออร์เดอร์ซึ่งเป็นบลูเบอร์รี่ชิสเค้ก และทับทิมกรอบ ไอรินก็มองหน้าผมด้วยความสงสัย ผมเข้าใจดีว่าทำไมเธอถึงแปลกใจจึงยิ้มน้อยๆ ให้กับเธอ

“ปกติพีไม่ชอบขนมไทยนี่คะ ทำไมถึงสั่งทับทิมกรอบ”

“คนเรามันก็ต้องมีอะไรเปลี่ยนแปลงบ้างสิครับ” ตั้งแต่ที่ผมกลับมาจากอเมริกาและได้เจอกับก้อง ก้องชอบทำทับทิมกรอบให้ผมทานอยู่เสมอ เวลาผมกลับมาจากที่ทำงานเหนื่อยๆ ก็ได้ทับทิมกรอบเย็นๆ นี่แหละช่วยคลายความเหนื่อยล้า เมื่อคิดมาถึงตรงนี้แล้วก็ให้นึกใจหาย ต่อไปนี้มันคงไม่มีอีกแล้ว

“ผมขอตัวไปเข้าห้องน้ำสักครู่นะครับ”

“ตามสบายค่ะ”

ผมไม่อยากแสดงความอ่อนแอให้ไอรินได้เห็น จึงใช้ข้ออ้างที่จะเข้าห้องน้ำผละออกมา ผมมองหน้าตัวเองในกระจกแล้วก็พบกับผู้ชายคนหนึ่งที่หน้าตาเหมือนผม ชายคนนั้นมีใบหน้าหมองคล้ำ แววตาอ่อนระโหย ท่าทางเหนื่อยล้าเต็มทีกับการต้องฝืนยิ้มแสดงให้ใครต่อใครเห็นว่าผมมีความสุข แต่จริงๆ แล้วมันไม่ใช่เลย หัวใจของผมมันเต้นเร้าด้วยความทรมานทุกครั้งที่ผมนึกถึงคนคนนั้น คนที่รอยยิ้มของเค้ายังคงประทับอยู่ในใจของผมเสมอ ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนอยู่ตัวคนเดียวในโลกทั้งๆ ที่รอบกายผมก็รายล้อมไปด้วยผู้คนมากมาย ผมยิ้มให้กับตัวเองอีกครั้งเพื่อเรียกกำลังใจก่อนที่จะก้าวออกไปเพื่อเผชิญโลกแห่งความเป็นจริง

“ฉันจัดการแยกมันออกมาให้นายแล้วนะ จะทำอะไรก็รีบๆ ทำ ถ้าขืนมันยังมายุ่งวุ่นวายกับคนของฉันอีก ฉันก็จะจัดการด้วยวิธีของฉันเอง”

เมื่อผมเดินมาถึงโต๊ะอาหาร ผมก็ได้ยินเสียงไอรินที่นั่งหันหลังให้ผมอยู่คุยโทรศัพท์กับใครบางคนท่าทางซีเรียส ผมรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างไม่ชอบมาพากลจึงยังไม่แสดงตัวออกไปให้ไอรินรับรู้ว่าผมมาถึงแล้ว

“ ไม่ต้องมาถาม ฉันมีวิธีของฉันก็แล้วกัน”

นางเอกสาวเงียบไปชั่วอึดใจก่อนที่จะกรอกเสียงลงไปในโทรศัพท์อีกครั้ง

“นายช่วยลืมเรื่องคืนนั้นไปสักทีได้มั๊ย สำหรับฉันมันก็แค่อารมณ์ชั่ววูบ ฉันจะนึกซะว่าให้ทาน!!!”

ว่าแล้วไอรินก็กดตัดสายทิ้งทันทีแล้ววางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะอย่างอารมณ์เสีย ผมเดินเข้าไปนั่งประจำที่อย่างเป็นปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“พี.....คุณมาตั้งแต่เมื่อไหร่” นางเอกสาวมีท่าทางตกใจเมื่อเห็นผมกลับมาในช่วงเวลานี้

“เมื่อตอนที่คุณกระแทกโทรศัพท์ลงบนโต๊ะนั่นแหละ ผมล่ะนึกหวาดเสียวกลัวว่ามันจะพัง”

“แล้ว......คุณได้ยินได้อะไรหรือเปล่าคะ”

“ได้ยิน!!!”

“คุณได้ยินอะไร คุณบอกไอรินมานะ” นางเอกสาวส่งเสียงดังด้วยความลืมตัวจนคนทั้งร้านหันมามองเธอเป็นตาเดียว

“ไอริน ใจเย็นๆ ก่อนสิ ทำไมคุณต้องส่งเสียงดังขนาดนั้นด้วย ผมแค่ได้ยินเสียงโทรศัพท์ของคุณกระแทกกับโต๊ะดัง ‘ปัง’ เท่านั้นเอง”

“เอ่อ......เหรอคะ สงสัยไอรินคงจะเครียดไปหน่อย ขอโทษนะคะพี เรามาทานกันต่อเถอะค่ะ เด็กเพิ่งยกของหวานมาเสิร์ฟให้เมื่อสักครู่นี่เอง”

หลังจากที่ผมเสร็จสิ้นมื้อกลางวันกับ ‘เพื่อนสนิท’ ของผมแล้ว ผมก็โทรไปสั่งงานกับคุณกรกนกและขับรถกลับคอนโดด้วยจิตใจที่ไม่เป็นปกติสุข ผมรู้จักกับไอรินมานานทำไมผมจะไม่รู้ว่าไอรินเป็นคนยังไง ผมยังจำได้ดีถึงคำพูดของไอรินตอนที่ผมยอมรับกับเธอว่าผมกับก้องเป็นแฟนกัน

‘ไอรินไม่มีวันยอมแพ้หรอกนะพี ตราบใดที่ไอรินยังอยู่ ก็อย่าหวังเลยว่าไอ้ก้องอะไรนั่นจะมาเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของไอรินได้ แล้วคุณจะได้รู้ ว่าผู้หญิงแท้ๆ กับผู้ชายความจำเสื่อม ใครมันจะดีกว่ากัน’

แล้วยังคำพูดของไอรินในร้านอาหารนั่นอีก.............

‘ฉันจัดการแยกมันออกมาให้นายแล้วนะ จะทำอะไรก็รีบๆ ทำ ถ้าขืนมันยังมายุ่งวุ่นวายกับคนของฉันอีก ฉันก็จะจัดการด้วยวิธีของฉันเอง’

ไอริน.......หวังคุณคงจะไม่ทำอะไรอย่างที่ผมกลัวหรอกนะ

ตั้งแต่ที่ผมกลับมาถึงคอนโด ผมก็ยังคงจ้องมองโทรศัพท์อยู่อย่างนั้นตั้งแต่บ่ายถึงหัวค่ำราวกับว่าจะสื่อความคิดถึงไปยังคนที่หัวใจต้องการได้ หลายครั้งที่ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดเบอร์ที่จำได้ขึ้นใจ แต่จนแล้วจนรอดผมก็ไม่กล้ากดโทรออกสักที ในเมื่อก้องบดินทร์พูดชัดเจนออกซะขนาดนั้นว่าจะไปอยู่กับไอ้ตี๋นั่น ผมเองก็ไม่อยากขัดขวางชีวิตที่กำลังจะมีความสุขของคนที่ผมรัก ถ้าถามผมว่าตอนนี้ผมเกลียดก้องหรือเปล่า ผมตอบได้ทันทีโดยไม่ต้องคิดว่าเปล่าเลย ผมรักก้องมากเกินกว่าที่จะเกลียดได้ลง แต่ตอนนี้ผมแค่เสียใจ เสียใจที่ความดีของผมไม่สามารถเอาชนะใจก้องได้ ผมเอนตัวลงนอนบนโซฟาตัวยาวด้วยความเหนื่อยล้า แล้วปิดเปลือกตาลงด้วยไม่อยากรับรู้รับทราบอะไรอีกต่อไป จนกระทั่งสติสุดท้ายของผมหลุดลอยไปพร้อมกับความง่วงงุนที่คืบคลานเข้ามาในที่สุด

‘คนคนนี้ไม่เคยถูกรักไม่เคยซักที แค่อยากถูกรักให้ใจดวงนี้ ไม่อ้างว้างเดียวดาย~ ใครพอจะมีมั้ยรักดีๆ หยิบยื่นให้ทีได้มั้ย~ ขอแค่พอหล่อเลี้ยงหัวใจ นิดนึง...’

‘คนคนนี้ไม่เคยถูกรักไม่เคยซักที แค่อยากถูกรักให้ใจดวงนี้ ไม่อ้างว้างเดียวดาย~ ใครพอจะมีมั้ยรักดีๆ หยิบยื่นให้ทีได้มั้ย~ ขอแค่พอหล่อเลี้ยงหัวใจ นิดนึง...’

ไม่รู้ว่าผมหลับไปนานเท่าไหร่ แต่เสียงริงโทนจากโทรศัพท์ของผมที่แผดดังขึ้นมันก็เพียงพอที่จะทำให้ผมตื่นขึ้นจากนิทรา ผมหยิบเจ้าอุปกรณ์สื่อสารที่น่ารำคาญนั่นแล้วจ้องไปที่เบอร์โทรเข้า ผมตื่นเต็มตาขึ้นมาทันทีเมื่อได้เห็นว่าใครที่เป็นคนต่อสายมาหาผมในเวลาเกือบๆ เที่ยงคืนเช่นนี้

“ก้องคุณอยู่ที่ไหน คุณเป็นยังไงบ้าง คุณสบายดีมั๊ย เค้าดีกับคุณหรือเปล่า” ผมรัวคำถามใส่โทรศัพท์เป็นชุดด้วยความความคิดถึง แต่แล้วผมก็ต้องชะงักเมื่อเสียงปลายสายที่ตอบกลับมากลับไม่ใช่เสียงของคนที่ผมเฝ้ารอคอย

“เอ่อ....ใจเย็นๆ นะคะคุณพี ดิฉันทิพย์เพื่อนของก้องที่วิภารามค่ะ ตอนนี้ก้องเมามากอยู่ที่ผับที่ก้องบอกว่าคุณชอบมาบ่อยๆ คุณช่วยมารับก้องกลับคอนโดทีนะคะ”

“ได้ครับ แล้วผมจะรีบไป อีกไม่เกินสิบห้านาที”

ทันทีที่ผมขึ้นไปนั่งที่ตำแหน่งคนขับได้ ผมก็รีบพาเจ้าแลคซัสคู่ใจแล่นไปยังจุดหมายปลายทางด้วยความรวดเร็ว ไม่เกิดสิบนาทีซึ่งเร็วกว่าเวลาที่คาดคิดไว้ผมก็มาถึงผับชื่อดังที่คุณทิพย์ได้บอกกับผม ผมโทรเข้ามือถือก้องอีกครั้งเพื่อถามพิกัดที่ชัดเจนแล้วรีบสาวเท้าเข้าไปในทันที

เมื่อผมเดินมาถึงโต๊ะที่ก้องบดินทร์นั่งอยู่ ผมก็เห็นคนหน้าหวานกำลังนอนสลบไสลไม่ได้สติอยู่บนโซฟา ข้างๆ มีเพื่อนผู้หญิงที่มาด้วยกันอีกสองคนคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง คนแรกเป็นผู้หญิงตาคมรูปร่างสูงโปร่ง ผิวสีแทน ผมยาวสลวยถึงกลางหลัง ส่วนอีกคนรูปร่างค่อนข้างท้วม ผิวขาว ผมสั้น ท่าทางเป็นมิตร ผมเดินเข้าไปทักผู้หญิงคนแรกทำให้ผมได้รู้ว่าเธอคือทิพย์คนที่โทรศัพท์ไปบอกผมนั่นเอง

“ทิพย์ต้องขอโทษนะคะที่ปล่อยให้ก้องกินเหล้าจนเมามายแบบนี้ น้องปุยก็พยามยามห้ามแล้วเหมือนกัน แต่ก้องก็ไม่ยอมฟัง ไม่ทราบว่าคุณพีกับก้องมีปัญหาอะไรกันหรือเปล่าคะ”

ผมมองหน้าทิพย์เพียงชั่วขณะ ทำให้รู้ว่าทิพย์กับน้องปุยคงจะรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว แต่ก็คงจะถามไปตามมารยาท ยังไม่ทันที่ผมจะตอบว่าอะไร เสียงใสๆ ของคนที่ชื่อปุยก็เอ่ยขัดผมขึ้นมาเสียก่อน

“แหม!!! พี่แมวบกถ้าเค้าไม่มีปัญหากันพี่ก้องจะมานั่งร่ำสุราอย่างนี้เร๊อะ เจ๊ก็ถามไม่คิด”

“ย่ะ!!! ยัยแมวน้ำจอมฉลาด ฉลาดเว่อร์อ่ะ”

“เอ่อ....ขอโทษนะครับ คุณทั้งสองคนเป็นเพื่อนกับก้องที่วิภารามเหรอครับ ทำไมผมไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนเลย”

“อ่อ...ทิพย์เพิ่งย้ายมาทำงานที่นี่ได้หนึ่งสัปดาห์ค่ะพร้อมๆ กับน้องปุย ทิพย์เคยทำงานที่โรงพยาบาลอื่นมาก่อน ส่วนน้องปุยเป็นนักศึกษาจบใหม่ค่ะ”

“เป็นบัณฑิตหมาดๆ ยังไม่รับปริญญาเลยค่ะ” น้องปุยส่งยิ้มให้ผมด้วยท่าทางเป็นมิตร ทำให้ผมเริ่มคุ้นชินกับเพื่อนใหม่ของก้องมากขึ้น

“ว่าแต่ต้องขอโทษคุณพีด้วยนะคะที่ทำให้ต้องวุ่นวาย คือทิพย์กับน้องปุยคิดกันว่าถ้าคุณสองคนมีปัญหากัน ก็น่าจะคุยกันดีๆ”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ไม่ได้วุ่นวายอะไรเลย อีกอย่างเรียกผมว่าพีเฉยๆ ก็ได้นะครับ เพื่อนของก้องก็เหมือนเพื่อนของผม”

“ค่ะพี” ทิพย์พยักหน้าให้กับผมพร้อมกับส่งยิ้มบางๆ มาให้ด้วยความเป็นมิตร ลักยิ้มที่แก้มซ้ายของเธอทำให้เธอดูน่ารักขึ้นเป็นกอง

“งั้นปุยเรียกพี่ว่าพี่พีนะ โอมั๊ย”

“ได้เลยครับ ว่าแต่ทิพย์กับน้องปุยบอกผมหน่อยได้มั๊ยว่าทำไมก้องถึงเมาเละแบบนี้”
“พี่พี ปุยถามอะไรพี่พีสักอย่าง พี่พีห้ามปิดบังพวกเรานะ”

ทั้งสองสาวมองหน้าผมอย่างคาดคั้น ผมพยักหน้าตกลงทำให้ทิพย์เอ่ยถามผมเสียงเครียด

“พีกลับไปคบกับไอรินเหรอ”

“แล้วทิพย์กับปุยรู้ได้ยังไง”

“ก็เมื่อตอนบ่ายพี่นิคมาหาก้องที่หอ แล้วบอกก้องว่าพีกับไอรินกลับไปคบกันเหมือนเดิมแล้ว”

“งั้นแสดงว่าเมื่อคืน ก้องพักอยู่ที่หอที่โรงพยาบาลหรอกเหรอ”

“ใช่ค่ะพี่พี น้องปุยกับพี่ทิพย์เป็นคนไปรับก้องมาจากหน้าคอนโดพี่พีเอง”

“ว่าแต่.....ไอ้พี่นิคอะไรนั่นมันรู้ได้ยังไงว่าผมกับไอรินกลับมาคบกันแล้ว”

“งั้นแสดงว่าพีกับผู้หญิงคนนั้น เฮ้อ...............” ทิพย์มองหน้าผมแล้วถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย

“น้องปุยก็ไม่รู้หรอกค่ะว่าพี่นิคเค้ารู้ได้ยังไง ว่าแต่พี่พีกับพี่ก้องรักกันมากไม่ใช่เหรอ แล้วไหงพี่พีถึงพูดเรื่องหย่าแล้วกลับไปคบกับยัยเบื๊อกไอรินอะไรนั่นอ่ะ”

“ก็ก้องไม่ยอมเลิกกับไอ้นิคนี่ครับ แล้วที่ผมกลับไปคบกับไอรินก็เป็นเพราะว่าผมตกกระไดพลอยโจน ใจจริงผมก็ไม่อยากกลับไปคบกับเธอหรอก”

“เฮ้อ.......จะยังไงก็ช่างเถอะค่ะ ทิพย์ว่าตอนนี้เรื่องมันชักจะวุ่นวายไปกันใหญ่แล้ว ทิพย์ว่าพีรีบพาก้องกลับคอนโดเถอะแล้วพอก้องฟื้นขึ้นมาก็อย่าลืมคุยกันดีๆ ล่ะ อย่าลืมนะว่าที่ก้องเมาแบบนี้ก็เพราะพี”

ผมพยักหน้ารับปากกับทิพย์แล้วพยุงก้องออกไปที่รถอย่างทุลักทุเล หลังจากที่พาก้องขึ้นไปนั่งในรถด้านข้างคนขับเรียบร้อยแล้วผมก็รีบสตาร์ทเครื่องยนต์พาก้องกลับคอนโดทันที

“พี.....คุณมันบ้า”

นั่งไปได้ไม่เท่าไหร่คนหน้าหวานก็ส่งเสียงอ้อแอ้ออกมาด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์

“ทำไมคุณต้องกลับไปคบกับไอรินด้วย.....เอิ้ก”

ผมรีบชะลอรถเข้าข้างทางแล้วตะล่อมถามคนเมาที่อยู่ข้างๆ ทันที

“ก้อง.....คุณหึงผมเหรอ”

เมื่อก้องบดินทร์ได้ยินเสียงของผม คนหน้าหวานก็ปรือตาขึ้นอย่างงัวเงีย ฉับพลันมือเรียวสวยก็ฟาดมาที่ต้นแขนผมเต็มแรง

“มาแล้วเหรอไอ้บ้าพี”

“คุณหึงผมเหรอ”

“ไอ้คนบ้า.........”

“คุณยังรักผมอยู่ใช่มั๊ย”

“คุณหายไปไหนมา เอิ้ก.........ผมนั่งรอโทรศัพท์คุณทั้งวัน”

ท่าทางก้องจะเมาหนักแฮะ ถามอย่างตอบอย่าง

“ทำไมคุณถึงเลิกกับไอ้นิคไม่ได้ล่ะก้อง”

“ไม่ได้ ไม่ได้ เลิกไม่ได้.......”

“ก้อง คุณรักผมมั๊ย”

“คุณไปคบกับไอรินทำไมหะ!!! ผมหึง..........”

ผมคลี่ยิ้มออกมาอย่างดีใจ ตกลงที่ก้องเมาก็เป็นเพราะว่าหึงผมกับไอริน ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่าก้องก็ยังรักผมอยู่ ใจของผมเต้นรัวด้วยความปิติแล้วโน้มใบหน้าเข้าไปหาก้องช้าๆ คนหน้าหวานไม่มีท่าทีขัดขืนหรือผลักไสผมออกไป ผมจึงได้ใจประทับริมฝีปากไปบนกลีบปากอิ่มของคนตรงหน้า ก้องบดินทร์ต้อนรับเรียวปากผมอย่างดี แต่แล้วผมก็ต้องชะงักเมื่ออยู่ๆ ก้องก็แน่นิ่งไป

“เฮ้อ.........หลับซะแล้ว ยังคุยกันไม่รู้เรื่องเลย”

ผมลูบหัวของก้องบดินทร์ด้วยความเอ็นดู แล้วอมยิ้มน้อยๆ ให้กับภาพที่เห็น คนหน้าหวานหลับตาพริ้ม ขนตางอนยาวเป็นแพ แก้มนวลมีสีแดงระเรื่อด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ ผมต้องตัดใจผละออกจากคนตรงหน้าแล้วตั้งสมาธิขับรถกลับคอนโด ไม่เป็นไร พรุ่งนี้ยังมีเวลาอีกถมเถที่จะปรับความเข้าใจกับคนข้างๆ ขอเพียงแค่วันนี้ก้องกลับมาอยู่ในอ้อมแขนของผม ผมก็มีความสุขแล้ว



Create Date : 05 กรกฎาคม 2554
Last Update : 5 กรกฎาคม 2554 0:52:22 น. 6 comments
Counter : 318 Pageviews.

 
ตกลงว่า น้องปุยกะน้องทิพย์เนี่ย คือน้องปอกะน้องเอสอ่ะป่าวค๊าาาา ฮ่าๆๆๆ

ทั้งพี่พีและน้องก้องอ่ะ น่าตีทั้งคู่เลย อุตส่าห์ดีกันได้ทั้งที ทำไมถึงทะเลาะกันอีกล่ะเนี่ย ที่จริง ก็ทั้งสองฝ่ายนั่นแหล่ะ ไม่ยอมเด็ดขาด โดยเฉพาะน้องก้อง ถ้ารักพี่พีจริง ต้องเลิกกะไอ้พี่นิค (อันนี้ซีเรียสนะคะ) คือถ้าทำเป็นจับปลาสองมือแบบนี้ มันไม่ยุติธรรมกับพี่พีอ่ะ ถึงตอนหลัง พี่พีจะรู้ว่าน้องก้องยังรักพี่พีอยู่ แต่น้องก้องคะ เลิกกะไอ้คุณนิคอย่างเด็ดขาดเถอะค่ะ เจ๊ขอร้องงง

เอิ่ม แล้วยัยไอรินกะพี่นิคเนี่ย เค้าปั่มปำปั๊มกันไปเรียบร้อยแล้วชิมิคะ...ถ้าอย่างนั้น ขออวยพรค่ะ...ไปเถิดทั้งคู่..ไปสู่ประตูสวรรค์...ชริ!!

ขอบคุณสำหรับฟิคนะคะ

คิดถึงและรอตอนต่อไปค่ะ


โดย: hunny IP: 180.210.216.74 วันที่: 5 กรกฎาคม 2554 เวลา:1:23:15 น.  

 
อร้าก ก้องทำไม่ถูกเรื่องไอ้นิคนะ หง่ะ ก้องนะก้อง ใจร้ายมากกก พีนี่เเสนดีจริงๆ อย่างว่า ก็คนมันรักนี่นะใช่ไหม ใจร้ายขนาดไหนใส่พีก็ยังรักก้องอยู่ดี

อ่านมาถึงตอนพีบอกว่าขอเวลาเดือนนีงเเล้วจะไปหย่าให้ โห เเป้งเเบบเศร้ามากอ่ะ ฮือ บีบๆๆหัวใจ

ขอบคุณน้องทิพย์น้องปุยมากสำหรับฟิคนะคะ


โดย: แป้ง วารุณี IP: 58.9.53.225 วันที่: 5 กรกฎาคม 2554 เวลา:2:17:08 น.  

 


โดย: vootb วันที่: 5 กรกฎาคม 2554 เวลา:4:32:32 น.  

 
อ๊ากกกก!!!!!
ยัยไอริณชั้นเกลียดแก.......
อิตานิคอีกคนไม่รู้จะวุ่นวายอะไรกับสองคนนี้นักหนาไม่เลิกราซักทีทำให้เค้าทะเลาะกัน
ทำให้จะหย่ากันอีกแน่ะ!!!!!
แต่ในที่สุดคุณพีร์ก็เริ่มรู้แผนการณ์อันชั่วร้าย
ของพวกแกซะแล้ว...5555
รอลุ้นตอนต่อไป.....
สนุกมากค่ะ....




โดย: Keamdeang1@smile IP: 58.9.43.181 วันที่: 5 กรกฎาคม 2554 เวลา:7:33:40 น.  

 
หัวใจจะวายยย!เกือบเศร้าซะแระ=_='


โดย: miyukik IP: 110.49.252.43, 82.145.210.35 วันที่: 6 กรกฎาคม 2554 เวลา:22:47:16 น.  

 
แรงทั้งคู่ เฮ้อ!!! เหนื่อยใจ สาวก แล้วจะทำยังไงกันต่อไปล่ะเนี่ย ทั้งรักทั้งเหนื่อย จริงๆ มาต่อไวๆ นะคะสาวกเครียด^___^".


โดย: lek^lek. IP: 110.49.225.190 วันที่: 9 กรกฎาคม 2554 เวลา:2:04:29 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

biomedical_girl
Location :
สงขลา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เป็นนัก (หัด) เขียน ที่ได้แรงบันดาลใจในการแต่งเรื่องสั้นเรื่องแรกมาจากความน่ารักของตัวละคร พีรวิชญ์ และ ก้องบดินทร์ จากละครเรื่องพรุ่งนี้ก็รักเธอ โดยปกติจะเป็นนักศึกษาทุนในระดับปริญญาโทสาขาชีวเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ แต่เมื่อไหร่ที่ความเวิ่นเว้อบังเกิดก็จะแปลงร่างจากสาวเนิร์ด เป็นสาววายทันที ^^" นอกจากนี้ยังชอบร้องเพลงเป็นชีวิตจิตใจ และมีความใฝ่ฝันว่าสักวันฉันจะได้ออกเทป (หุหุ) บางครั้งในเวลาว่างๆ ก็จะแต่งเพลง แต่งกลอน ออกมาอยู่เสมอ จนบางครั้งคนรอบข้างถึงกับแซวว่าเธอน่าจะไปเรียนอักษรหรือนิเทศมากกว่าชีวโมเลกุลนะ --"
New Comments
Friends' blogs
[Add biomedical_girl's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.