Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2554
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
13 พฤษภาคม 2554
 
All Blogs
 
บทที่ 9 ความหวัง

ภาพของชายร่างสูงที่เหยียดยิ้มเย้ยหยันพร้อมกับแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความสังเวช มันไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกเจ็บมากไปกว่าถ้อยคำร้ายกาจที่พรั่งพรูออกมาจากคนตรงหน้า ‘ก้องตกลงเป็นแฟนผมแล้ว’ ผมอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง สมองที่เคยประมวลผลได้อย่างรวดเร็วบัดนี้กลับเข้าใจประโยคที่ว่านั่นได้อย่างยากลำบาก เมื่อไหร่.....ก้องตกลงไปคบกับไอ้นั่นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ผมหันไปมองหน้าตัวต้นเรื่องที่ตอนนี้ผมยังคงจับมือเอาไว้แน่น ผมจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่นั้น พยายามที่จะมองเข้าไปให้เห็นถึงความรู้สึกที่แท้จริงในจิตใจของคนผู้ที่เป็นเหมือนชีวิต ดวงตาคู่ที่เคยมีแววบอกรัก ดวงตาคู่ที่เคยมีความห่วงใย ดวงตาคู่ที่เคยมีความไว้เนื้อเชื่อใจ บัดนี้ผมกลับเห็นเพียงแค่แววตาของความสำนึกผิด แววตาแห่งการขอโทษ ไม่มีอีกแล้ว..........แววตาบอกรัก แววตาแห่งความห่วงใยและไว้เนื้อเชื่อใจคู่นั้นที่ผมคุ้นเคย แค่นี้มันก็เป็นคำตอบที่ชัดเจนสำหรับผมแล้ว ก้องคบกับไอ้นั่นจริงๆ ความจริงที่ผมได้รู้ แทนที่จะทำให้ผมฟาดงวงฟาดงาไม่สนใจหน้าอินทร์หน้าพรม แต่มันกลับทำให้ผมนิ่งงัน นิ่ง......แบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ในใจผมเจ็บปวดและอ่อนแรงมากเกินกว่าจะทะเลาะกับใครได้ ผมหมดแรง หมดแรงแล้วจริงๆ ทุกอย่างมันจบสิ้นลงแล้ว เหมือนหมอกบางเบาที่ถูกลมพัดและจางหายไปในพริบตา

“คุณเคยรักผมบ้างมั๊ย” ผมพูดกับคนหน้าสวยด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ น้ำใสๆ ไหลลงมาจากดวงตาของผมอย่างไม่อาจต้านทานได้ ผมก้มหน้าลงเพื่อซ่อนความอ่อนแอเอาไว้ไม่ให้ใครเห็น แต่ผมก็ไม่สามารถสะกดกลั้นความเสียใจที่มันรุมทำร้ายหัวใจของผมได้อีกต่อไป ร่างของผมสั่นสะท้าน พยายามกลั้นสะอื้นไว้สุดความสามารถ แต่น้ำตาเจ้ากรรมก็พากันไหลออกมาเหมือนว่าไม่มีวันจะหมด ผมไม่นึกเลยว่ามันจะมีวันนี้ วันที่ก้องลืมความรักของผมไปจนหมดสิ้น เพราะอะไรกันก้อง........เพราะอะไร

“พี ผมขอโทษ” เสียงหวานเจือสะอื้นดังขึ้นทำลายความเงียบภายในห้องพักสุดหรู ผมมองหน้าผู้เป็นที่รักอีกครั้ง มือที่เคยสอดประสานกับมือของก้องบัดนี้ได้คลายออกแล้วเปลี่ยนมาจับไหล่ทั้งสองข้างของก้องแทน

“มันไม่จริงใช่มั๊ยก้อง บอกผมมาสิว่ามันไม่จริงใช่มั๊ย คุณบอกผมมาสิ บอกผมมา” ผมเขย่าตัวก้องเพื่อคาดคั้นคำตอบที่ผมรู้ว่าไม่มีทางเป็นไปได้ ก้องได้แต่ยืนนิ่งไม่ขัดขืนผมอย่างที่ผ่านมา ไอ้หน้าตี๋นั่นเข้ามากระชากผมให้ออกห่างไปจากก้องแล้วถือวิสาสะจับมือเรียวสวยของก้องไว้ มือที่เคยเป็นของผม มือที่ผมเคยทะนุทะนอมด้วยชีวิต ตอนนี้มือคู่นั้นกลับตกไปอยู่ในมือของคนอื่นโดยที่ผมไม่สามารถทำอะไรได้เลย

“อย่าทำร้ายก้องนะคุณพีรวิชญ์ คุณไม่มีสิทธิ์ ก้องไม่ได้รักคุณ คุณควรจะปล่อยก้องไปซะ ผมไม่อยากเห็นก้องต้องมาทรมานเพราะคุณอีก”

ผมมองหน้าคนที่ผมรักทั้งน้ำตา ก่อนที่จะเอ่ยถามคำถามกับคนตรงหน้าด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาจนเกือบเป็นเสียงกระซิบ

“คุณอยู่กับผมแล้วคุณทรมานมากขนาดนี้เลยเหรอก้อง”

“ไม่ใช่อย่างนั้นนะพี มันไม่ใช่...........” คนหน้าสวยส่ายศีรษะเบาๆ แววตาของก้องยังคงจ้องมองมาที่ผมตลอดเวลา

“ไม่ใช่ แล้วคุณไปคบกับไอ้นั่นทำไม”
“พี ผมขอโทษ”

“เลิกกับมันซะ แล้วเรากลับมาเป็นเหมือนเดิมนะก้อง” ผมถลาเข้าไปจับไหล่บอบบางของคนหน้าสวยไว้อีกครั้ง สายตาของผมถ่ายทอดความรักไปให้กับคนตรงหน้าจนหมดสิ้น แต่ดูเหมือนว่าก้องยังคงลังเลกับอะไรบางอย่างที่ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันคืออะไร

“ผม......................”

“ทำไมล่ะก้อง ทำไม คุณลังเลอะไร”

“ผมทำไม่ได้”

เกิดความเงียบปกคลุมอาณาเขตภายในห้องพักสุดหรูของผมอีกครั้ง ทำไม ทำไมก้องถึงเลิกกับมันไม่ได้ ถ้าไม่ใช่เพราะว่า..............

“คุณรักมันใช่ไหม คุณรักมันใช่มั๊ยก้อง........”

ไม่มีคำตอบใดๆ หลุดออกมาจากเรียวปากบางสวยคู่นั่น ก้องบดินทร์ก้มหน้าหลบสายตาคมปลาบของผม เพียงเท่านี้ผมก็รับรู้แล้วว่าตั้งแต่วันนี้ผมคงจะไม่ใช่ผู้ชายที่มีความสำคัญในชีวิตของก้องอีกต่อไป มือที่ผมจับไหล่ของก้องไว้คลายออกในที่สุด ผมเหนื่อย เหนื่อยเหลือเกินแล้ว วันนี้ผมเจออะไรมามากเกินไป ผมอยากจะหนี หนีไปที่ไหนก็ได้ที่ไม่มีใครตามหาผมเจอ เร็วเท่าใจคิด ผมรีบหันหลังให้กับคนหน้าสวยแล้วเดินตรงไปที่ประตูห้องโดยไม่รอช้า ไม่สนใจเสียงของไอรินที่ร้องเรียกผมอยู่ข้างหลัง ผมแค่อยากขอเวลาได้อยู่กับตัวเอง ได้ทบทวนถึงอะไรหลายๆ อย่างที่มันเกิดขึ้น เพราะตอนนี้ผมกำลังมึนงงและสับสนไปหมด ผมแค่ต้องการเวลา แค่นั้นจริงๆ.............

ท่ามกลางผู้คนที่เคลื่อนไหวร่างกายโยกไปมาตามจังหวะเพลงที่ส่งเสียงดังกระหึ่มภายในผับดังย่านทองหล่อ ไม่ได้ทำให้ผมที่นั่งอยู่ที่โต๊ะริมในสุดรู้สึกดีขึ้นมาได้ น้ำสีอำพันถูกรินลงสู่แก้วบางใสโดยไม่มีอะไรมาผสม ผมรู้.....ว่าเหล้าไม่ได้ทำให้อะไรมันดีขึ้น แต่ผมก็ไม่รู้ว่าจะต้องใช้วิธีไหนที่จะทำให้ผมสบายใจขึ้นมาบ้าง แอลกอฮอล์อึกแล้วอึกเล่าที่ถูกส่งเข้าปากผมแทนที่มันจะทำให้ผมลืมเรื่องราวต่างๆ ที่มันเกิดขึ้น กลับกลายเป็นว่ายิ่งเป็นการตอกย้ำทุกๆ สิ่งให้ฝังลึกลงในจิตใจยิ่งกว่าเดิม

“พี.......ดูนี่สิ อัลบั้มใหม่ของ Il Divo ออกมาแล้ว” ภาพของก้องบดินทร์ที่มีดวงตาเปล่งประกายเมื่อค้นพบแผ่นซีดีของศิลปินในดวงใจที่ร้านค้าย่าน Greenwich Village ผุดขึ้นมาในความทรงจำ คนหน้าสวยเขย่าแขนผมอย่างตื่นเต้น ผมยิ้มขำให้กับอากัปกิริยาที่น่าเอ็นดูของคนรัก ก้องบดินทร์ดูมีความสุขมาก ผมเองก็มีความสุขเช่นกันที่ได้เห็นว่าก้องมีความสุข

“พีรู้มั๊ยว่าวงนี้เค้าร้องเพลงสุดยอดเลย”

“จริงเหรอ จะร้องเพราะสู้ผมได้หรือเปล่าล่ะ”

“คุณเนี่ยนะร้องเพลงเพราะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า.......โอ๊ย ขำ”
“น้อยๆ หน่อยก้อง คุณน่ะไม่รู้อะไรซะแล้วว่าผมร้องเพลงเพราะขนาดไหน”

“ขนาดเพี้ยนไปเพี้ยนมาหรือเปล่าพี”

“ปากดีนักนะก้อง รอให้กลับถึงห้องก่อนเถอะ ผมจะทำโทษคนปากดีให้พูดไม่ออกเลย”

ก้องบดินทร์เมื่อเถียงไม่ออกก็ทำตาโตปั้นหน้าเหวี่ยงใส่ผม เมื่อผมเห็นดังนั้นก็กลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ ดวงตาเจ้าเล่ห์ถูกส่งออกมาให้คนตรงหน้า คนหน้าสวยหน้าแดงก่ำยืนหันรีหันขวางทำอะไรไม่ถูก ก่อนที่จะเดินหนีไปจ่ายตังค์ค่าซีดีที่เค้าท์เตอร์อย่างรวดเร็ว

ภาพของความทรงจำแสนหวานผุดขึ้นมาในห้วงความคิด รอยยิ้มของผู้เป็นดวงใจยังคงประทับอยู่ในจิตใต้สำนึกของผมอย่างไม่รู้คลาย เหตุการณ์ที่เราสองคนมีความสุขในอดีตยังคงหลั่งไหลเข้ามาเรื่อยๆ ดุจสายน้ำที่ซัดสาดเข้ามาจนทำให้หัวใจของผมสั่นสะท้าน

“พี เร็วๆ หน่อยสิ” คนหน้าหวานที่ยืนกระสับกระส่ายอยู่กลางห้องในคอนโดที่อเมริกาเอ่ยเร่งเร้าผม เมื่อเห็นว่าผมยังแต่งตัวไม่เสร็จสักที แก้มนวลๆ ของก้องบดินทร์ป่องออกเล็กน้อยตามแรงอารมณ์เหมือนเช่นทุกครั้งเมื่อเกิดอาการ ‘เหวี่ยง’

“ใกล้เสร็จแล้วคร้าบ ใกล้เสร็จแล้ว” ผมที่กำลังง่วนอยู่กับเนคไทสีขาวเอ่ยขึ้นหลังจากเหลือบไปมองใบหน้ายุ่งเหยิงของก้องบดินทร์ สองมือของผมเพิ่มความรีบร้อนให้กับงานที่ยังคงทำไม่เสร็จ แต่ก็ไม่มีวี่แววว่าผมจะผูกเจ้าเนคไทนี่ได้สักที ทำไมมันผูกยากผูกเย็นอย่างนี้ว้า.......ยิ่งรีบยิ่งช้าแหะ

“ก้อง มาช่วยผมผูกเนคไทหน่อยสิ ผมผูกไม่ได้อ่ะ”

คนหน้าหวานหันมามองผมอย่างเหนื่อยหน่าย อดไม่ได้ที่จะแขวะผมซักทีสองที

“อะไรกันพี เรื่องแค่นี้ก็ทำไม่ได้ เฮอะ” คนหน้าสวยบ่นกระปอดประแปด แต่ก็ยอมเดินมายังหน้าโต๊ะเครื่องแป้งที่ผมยังคงยืนทะเลาะกับเนคไทเจ้าปัญหาอยู่ ท่อนแขนกลมกลึงของก้องโอบรอบคอผมเอาไว้ แล้วมือเรียวก็เริ่มจัดการกับเนคไทตรงหน้าด้วยความชำนาญ

“อย่าบ่นเลยน่าก้อง นี่........ยิ้มหน่อยสิ วันนี้วันดีนะ หืม” ผมใช้นิ้วหัวแม่มือคลึงไปมาระหว่างคิ้วที่ผูกเป็นโบว์ของคนหน้าสวย จากนั้นแขนทั้งสองข้างของผมก็ถือโอกาสโอบเอวของคนตรงหน้าเอาไว้ ใบหน้าของก้องบดินทร์เริ่มคลายลง แต่ก็ยังไม่วายบ่นผมด้วยน้ำเสียงที่ไม่จริงจังนัก

“ก็คุณนะชักช้า เสียเวลา”

“นี่.............ที่คุณเร่งผมขนาดนี้เป็นเพราะว่าคุณอยากจดทะเบียนสมรสกับผมเร็วๆ ใช่ม๊า” ผมใช้มือข้างหนึ่งเชยคางของคนหน้าหวานให้เงยขึ้นสบตากับผม ก่อนที่จะเอ่ยกระเซ้าคนตรงหน้าให้ได้อาย

“มามะ อย่างนี้ต้องให้รางวัลสักฟอดสองฟอด”

ว่าแล้วผมก็ก้มหน้าลงจนปลายจมูกของเราสัมผัสกัน ก้องบดินทร์หลับตาปี๋หลบสายตาคมๆ ของผม ผมอมยิ้มด้วยความพึงพอใจก่อนที่จะใช้มืออีกข้างจับต้นคอของก้องไว้แล้วประทับริมฝีปากของตัวเองเข้ากับกลีบปากนุ่มของคนหน้าหวานอย่างแผ่วเบาราวกับสัมผัสของปุยนุ่น ก้องบดินทร์ลืมตาขึ้นช้าๆ ทำให้พบกับสายตาอ่อนเชื่อมของผมที่ทอดมองคนรักอย่างอบอุ่น ผมโน้มใบหน้าเข้าไปหาก้องอีกครั้ง บรรจงจรดริมฝีปากหนานุ่มเข้ากับกลีบปากสวย หยอกล้อ และดูดดึงอย่างหวงแหน เนิ่นนาน......กว่าที่ผมจะยอมผละจากรสสัมผัสอ่อนหวานนั้นก่อนที่จะเอียงไปกระซิบที่ข้างหูของคนรักด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบาแต่ทว่าชัดเจน

“ขอบคุณมากนะครับ ที่คุณตกลงแต่งงานกับผม ต่อจากวันนี้ไป ผมจะดูแลคุณให้ดีที่สุด จะทำให้คุณมีความสุขในทุกๆ วัน เราจะมีกันและกันอย่างนี้ไปตลอดชีวิตนะครับ ผมสัญญา”

ผมจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาคู่สวยที่บัดนี้รื้นขึ้นด้วยหยาดน้ำตา ผมบรรจงเกลี่ยหยดน้ำใสๆ ที่ไหลระแก้มเนียนนั่นออกไป เราสองคนสื่อความรู้สึกทั้งหมดทั้งมวลต่อกันโดยไม่ต้องใช้คำพูด ก่อนที่จะโผเข้ากอดกันอย่างแนบแน่น ต่อจากนี้ไปชีวิตของผมทั้งหมดขอฝากไว้อยู่ในอ้อมแขนของก้องบดินทร์คนนี้เพียงคนเดียวเท่านั้น ตราบจนลมหายใจสุดท้ายของชีวิต

เสียงเพลงภายในผับชื่อดังยังคงดังกระหึ่มอย่างต่อเนื่อง แอลกอฮอล์ขวดแล้วขวดเล่าถูกยกมาเสิร์ฟอยู่ตรงหน้าผม ผมกระดกแก้วทรงสูงที่บรรจุน้ำสีอำพันไว้รวดเดียวจนหมดเมื่อคิดถึงคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับก้องในวันแต่งงาน หึ......’เราจะมีกันและกันไปตลอดชีวิต’ ตอนนี้คำพูดที่ว่านั่นไม่ได้มีความสลักสำคัญอะไรแล้ว ในเมื่อตอนนี้ก้องเองก็เลือกที่จะอยู่กับไอ้ตี๋นั่น ผู้ชายอย่างผมมันก็คงเป็นได้เพียงแค่อดีต อดีตที่ไม่แม้แต่จะอยู่ในความทรงจำของก้องเลยด้วยซ้ำ

“อย่ามายุ่งกับก้อง ก้องเป็นคนของฉัน นายไสหัวกลับบ้านไปได้แล้ว แล้วอย่ามาที่นี่อีก” นั่นคือคำพูดของผมหลังจากที่ผมเดินออกมาจากห้องนอนชั้นสองแล้วพบว่าไอ้นิคนั่นมันกำลังกอดคนรักของผมไว้เต็มอ้อมแขน ผมต้องควบคุมอารมณ์อย่างหนักเพื่อไม่ให้ตัวเองปล่อยหมัดออกไปชกหน้าขาวๆ นั่นที่จ้องผมตอบอย่างไม่กลัวเกรง

“คุณต่างหากที่ไม่มีสิทธิ์ ก้องเป็นคนชวนผมมาที่นี่ คนที่จะไล่ให้ผมกลับไปได้คือก้องเพียงคนเดียวเท่านั้น” นายนั่นแกะมือผมออกจากคอเสื้อของมันพร้อมกับเดินห่างจากผมไปเพียงไม่กี่ก้าว ก่อนที่มันจะลอยหน้าลอยตาหันกลับมายียวนผมด้วยน้ำเสียงที่กวนอารมณ์เป็นที่สุด

“ผมไม่รู้นะว่าเมื่อก่อนคุณกับก้องจะเป็นยังไง แต่เท่าที่ผมรู้ตอนนี้ก็คือ คุณน่ะ.........ตกกระป๋องแล้วล่ะ”

ทันทีที่เสียงห้าวกวนโทสะนั้นสิ้นสุดลง หมัดหนักๆ ของผมก็พุ่งเข้าใส่คนตรงหน้าอย่างเหลืออด เฮอะ........สงสัยมันคงอยากมีเรื่องผมก็ต้องสนองมันสักหน่อย แต่ผมไม่คาดคิดเลยว่าทันทีที่ไอ้นั่นล้มลงไปกองกับพื้นก้องบดินทร์จะรีบถลาเข้าไปหามันอย่างรวดเร็ว สีหน้าแววตาของก้องเหมือนกับว่าจะเป็นห่วงมันซะเต็มประดา ผมอดรนทนไม่ได้ต้องรีบเข้าไปกระชากแขนของก้องให้ออกมาห่างๆ ผมไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าทำไมก้องต้องเป็นห่วงมันมากขนาดนั้น คำพูดของก้องที่ตอกย้ำชัดเจนว่าก้องเป็นห่วงมันมากแค่ไหนมันทำให้ใจของผมเจ็บจนชา

‘ใช่!! ผมเป็นห่วงเค้ามาก มากที่สุดในชีวิต แค่ผมเห็นรอยแผลที่อยู่บนหน้าของเค้าหัวใจของผมมันก็เหมือนจะแตกสลายลงไปแล้ว คุณไม่เคยเป็น คุณไม่รู้หรอกว่าแบบนี้มันทรมานมากแค่ไหน’

น้ำสีอำพันถูกส่งเข้าปากผมอีกครั้ง ผมยังจำได้ดีถึงคำพูดของไอ้ตี๋นั่นที่กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงของผู้ที่ถือไพ่เหนือกว่า คำพูดที่ตอบคำถามผมได้เป็นอย่างดี ว่าทำไมก้องถึงต้องเป็นห่วงมันเสียมากมาย

“ขอโทษนะครับคุณพีรวิชญ์ คุณเองก็ไม่มีสิทธิ์จะมายุ่งกับก้องเหมือนกัน คุณอาจจะยังไม่รู้ว่า ‘ก้องตกลงเป็นแฟนผมแล้ว’..... ”

น้ำตาของผมไหลออกมาอีกครั้งอย่างห้ามไม่อยู่ ทีแรกผมคิดว่าเมื่อผมประกาศความสัมพันธ์ของผมกับก้องให้ทุกคนได้รับรู้เรื่องวุ่นวายทั้งหลายนี่มันจะจบลง แต่ผมคิดผิด ใบทะเบียนสมรสนั่นมันไม่ได้มีความหมาย ไม่ได้มีความสำคัญอะไรเลยที่จะรั้งให้ก้องอยู่กับผม ผมลืมไป ว่าตอนนี้ก้องจำผมไม่ได้แล้ว จำความรักของเราไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ใบทะเบียนสมรสแผ่นนั้นมันก็คงมีค่าแค่เพียงเศษกระดาษแผ่นหนึ่งในสายตาของก้องสินะ

‘คุณคิดเหรอว่าไอ้ทะเบียนสมรสบ้าๆ นั่นจะสามารถรั้งตัวผมไว้ได้ถ้าผมคิดจะไป แล้วถ้ามันยุ่งยากนัก คุณจะเก็บผมเอาไว้ทำไม คุณก็หย่ากับผมสิเรื่องมันจะได้จบๆ’

ผมเข้าใจแล้วว่าเพราะเหตุใดที่ผ่านมาก้องถึงเอ่ยปากขออย่ากับผมอยู่ตลอด เป็นเพราะอย่างนี้สินะ ไอ้นิคอะไรนั่นมันคงจะมีความสำคัญกับก้องมาก มากกว่าผม คนที่ได้ชื่อว่าเป็นคู่ชีวิต สองปีที่ผ่านมาผมฝ้าดูแลทะนุถนอมก้องเป็นอย่างดี ยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ก้องมีความสุขมากที่สุด ไม่ว่าจะต้องแลกกับอะไร เหนื่อยยากแค่ไหน ถ้าสิ่งนั้นมันจะทำให้ก้องยิ้มได้ ผมพร้อมและยินดีที่จะทำเสมอ แต่ผมไม่คิดเลยว่าอุบัติเหตุในครั้งนั้นมันจะทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปได้มากขนาดนี้ ก่อนที่ก้องจะถูกรถชน เราทะเลาะกันรุนแรงมากจนอาจจะทำให้ก้องไม่ชอบขี้หน้าผมตั้งแต่ฟื้นขึ้นมา แต่ผมก็ไม่คิดเลยว่าความทรงจำที่เลือนหายมันจะบั่นทอนความรักของเรา แต่ในวันนี้มันก็พิสูจน์ได้แล้วว่าผมคิดผิด นอกจากความทรงจำของก้องที่เลือนหายไปแล้ว ความรักในจิตใจของก้องก็เลือนหายไปด้วยเช่นกัน

ผมรีบปาดน้ำตาอีกหยดที่ไหลระลงมาข้างแก้มด้วยความรวดเร็ว ผมเงยหน้าขึ้นเพื่อหวังว่าน้ำใสๆ ที่คลออยู่ในหน่วยตาจะไหลกลับเข้าไปข้างในอีกครั้ง ไม่ว่าก้องจะเป็นยังไง จะทำร้ายผมเสียจนเจ็บเจียนตายขนาดไหน ผมก็ยังคงรักผู้ชายหน้าหวานจอมเหวี่ยงคนนั้นอยู่ดี ถึงแม้ตอนนี้ผมจะเจ็บปวดทรมานกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ผมก็โทษว่าทุกสิ่งเป็นเพราะความผิดของก้องไม่ลง ผมรักก้องมากเกินกว่าจะโยนความผิดทุกอย่างไปให้คนที่ผมรักได้ จะว่าไปแล้วการที่ก้องตัดสินใจคบกับไอ้หมอนั่นมันก็อาจจะเป็นเพราะตัวของผมเอง มาคิดดูอีกทีถ้าผมไม่เจ้าอารมณ์และโมโหร้ายกับก้องจนเผลอทำเรื่องไม่ดีออกไป ก้องก็คงจะไม่เดินจากผมไปแบบนี้ มันเป็นเพราะความใจร้อนของผมเองแท้ๆ แต่เมื่อผมเห็นก้องอยู่กับไอ้หมอนั่นทีไรจิตใจของผมมันก็ร้อนรนจนแทบจะทนไม่ได้ คนรักของผม ดวงใจของผม ผมก็ต้องหวงเป็นธรรมดา ก้องจะรู้บ้างไหมว่าที่ผมเป็นแบบนี้ก็เพราะคุณ ผมรักคุณมากนะก้อง คุณเข้าใจผมบ้างหรือเปล่า...........

ทำนองเพลงช้าที่ดังขึ้นมาแทนที่เพลงจังหวะกระชั้นทำให้หนุ่มสาวหลายคนเปลี่ยนจากการโยกตัวไปมาตามจังหวะเร้าใจมาเป็นการจับคู่เคลื่อนไหวอย่างเนิบช้า หญิงสาวบางคนซุกตัวอยู่ภายในอ้อมกอดของคนรักที่กระชับอ้อมแขนโอบกอดเธอไว้อย่างอ่อนโยน จะมีสักกี่คนที่รับรู้ว่าเสียงเพลงที่ทำให้ใครหลายๆ คนมีความสุขอยู่ในขณะนี้กลับยิ่งซ้ำให้รอยแผลในหัวใจของผมลึกลงและเจ็บปวดมากขึ้นกว่าเดิม

‘เพราะว่ารัก จึงเปรียบเธอนั้น เป็นดั่งชีวิต
เพราะว่ารัก จึงเปรียบเธอนั้น เป็นดวงใจ
เพราะว่ารัก จึงเปี่ยมจึงล้น ไปด้วยความหมาย
ทุ่มเททั้งใจ ทุ่มเททั้งกาย
และหวังให้เป็น ดั่งความฝัน

ไม่คิดว่าเธอ จะเปลี่ยนแปรผัน ไปได้เพียงนี้
ไม่คิดว่าเธอ จะให้สิ่งนี้ เป็นรางวัล
ไม่คิดว่าเธอ จะกลับทอดทิ้ง ไปจากใจฉัน
ได้แต่เสียใจ ได้แต่เสียใจ
บอกว่าฉันเสียใจ ได้ยินไหม

หวังจะเป็น ที่พึ่งสุดท้าย ให้กับชีวิต
เมื่อต้องสูญไป เมื่อต้องเสียไป
ฉันก็คล้ายเหมือนคน ที่สิ้นหวัง
ฉันกับเธอ นับจากวันนี้ เป็นแค่ความหลัง
แต่ยังเสียใจ แต่มันเสียใจ
บอกว่าฉันเสียใจ ได้ยินไหม

รักเธอมากเกิน รักเธอมากไป
รักเหลือเกิน รักจนไม่มีให้ใคร
หวังจนมากเกิน หวังจนมากไป
สูญเสียเธอ เหมือนจะขาดใจ’*

“พี่.....พี่ พี่ครับพี่” ผมสะบัดตัวด้วยความรำคาญ เมื่อรู้สึกได้ว่ามีใครบางคนมาเขย่าตัวผม ผมปรือตาขึ้นตามเสียงเรียกที่ไม่เบานัก แต่แล้วความง่วงงุนก็เอาชนะทุกอย่าง ทำให้หนังตาของผมปิดลงอีกครั้ง


“พี่ พี่ครับ ผับปิดแล้วครับ” สัมผัสที่ว่าเพิ่มระดับความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ผมปัดมือเจ้าปัญหานั่นออกไปเพื่อไม่ให้รบกวนการนอนของผม หืม? มือ.......มือใครวะ

“พี่ ผับปิดแล้วพี่ พี่ไปนอนต่อที่บ้านเหอะ ผมจะเก็บของ” อะไรวะ......เรียกอยู่ได้ คนจะหลับจะนอน แต่เอ๊ะ....เมื่อกี้ว่าไงนะ ผับปิดแล้ว........ นี่ผมยังอยู่ในผับเหรอเนี่ย ผมปรือตาขึ้นมาอีกครั้งเพื่อหาคำตอบให้กับตัวเอง แล้วก็ต้องพบว่าผมกำลังนอนฟุบอยู่บนโซฟาหนานุ่มที่โต๊ะริมในสุดตัวเดิม บริกรชายคนหนึ่งกำลังเขย่าตัวผมให้ตื่นขึ้นการการหลับใหลด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ ผมพยายามลุกขึ้นนั่งด้วยความทุลักทุเล บริกรหนุ่มช่วยเหลือผมเล็กน้อยก่อนที่ผมจะทรงตัวนั่งบนโซฟาได้สำเร็จ

“ขอโทษว่ะไอ้น้อง ว่าแต่ทั้งหมดเท่าไหร่”

เด็กหนุ่มคนนั้นยื่นใบเสร็จมาให้ผมอย่างรวดเร็วพร้อมกับบอกราคาค่า “ของ” ที่ไม่ถูกนัก บัตรพลาสติคที่มียี่ห้อของธนาคารชื่อดังถูกยื่นไปตรงหน้าของเด็กหนุ่ม เพียงแค่ไม่นานเจ้าบัตรที่ว่านั่นก็ถูกส่งคืนมาให้ผมด้วยบริกรคนเดิมอย่างรวดเร็ว ผมลุกยืนขึ้นเพื่อที่จะออกไปจากร้าน แต่เดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าวก็ต้องเซถลาไปจับโต๊ะตัวที่อยู่ใกล้สุดเมื่ออาการปวดศีรษะเกิดขึ้นมาเป็นริ้วๆ บริกรอีกคนที่อยู่ใกล้ๆ รีบเข้ามาประคองผมเอาไว้ทันก่อนที่ผมจะทรุดลงไปกองกับพื้นพร้อมกับถามขึ้นด้วยความเป็นห่วง

“ไหวมั๊ยเนี่ยพี่ มีใครไปส่งหรือเปล่าครับ”

“ไหวน่าน้อง สบายมาก” ผมสะบัดตัวออกให้พ้นจากการเกาะกุมของเด็กเสิร์ฟที่อยู่ตรงหน้า ก่อนที่จะเดินตุปัดตุเป๋ไปยังลานจอดรถเพื่อก้าวขึ้นไปนั่งบนรถคันสวย ผมรีบสตาร์ทเครื่องยนต์ด้วยความรวดเร็วก่อนที่จะพาเจ้าเลคซัสคันเก่งห้อตะบึงไปตามท้องถนนอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง

ท้องถนนในช่วงเวลาตีสองกว่าแทบจะร้างลาจากยานพาหะทุกชนิด ผมเหยียบคนเร่งพาเจ้ารถคู่ใจของผมวิ่งไปบนถนนด้วยความรวดเร็ว มีเพียงแสงสลัวบนท้องถนนในยามค่ำคืนเท่านั้นที่ส่องให้เห็นเส้นทางการจราจรที่อยู่ตรงหน้า แอร์เย็นฉ่ำจากเครื่องปรับอากาศภายในรถประกอบกับฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่อยู่ในกระแสเลือด ทำให้เปลือกตาของผมเริ่มจะปิดลงอีกครั้ง และแล้วสติสัมปชัญญะที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดของผมก็ถูกตัดขาดไปเมื่อความง่วงงุนเข้ามาครอบงำในที่สุด

เสียงแตรที่ดังสนั่นหวั่นไหวปลุกผมให้ตื่นขึ้นมาจากภวังค์ แสงไฟจากรถยนต์วีออสสีดำส่องเข้ามากระทบตาผมจนพร่าเลือนไปหมด ผมรีบหักพวงมาลัยหลบรถยนต์คันที่ว่าเพื่อหลีกเลี่ยงการชนประสานงาในทันที แต่เมื่อผมรอดพ้นจากการปะทะนั่นได้ผมก็ต้องพบกับมอเตอร์ไซค์ซิ่งอีกคันที่วิ่งออกมาจากปากซอยด้วยความรวดเร็วทำให้ผมต้องหักพวงมาลัยหลบอีกครั้งจนรถของผมแฉลบลงข้างทาง เจ้าเลคซัสพุ่งตรงไปยังต้นไม้ใหญ่ที่ยืนตระหง่านอยู่ท่ามกลางพงหญ้า ผมเหยียบเบรกสุดแรงเกิดเพื่อลดแรงปะทะที่เกิดจากการพุ่งเข้าชนของรถยนต์คันสวยกับลำต้นตะปุ่มตะป่ำของต้นไม้สูง เสียงของโลหะกระทบกับของแข็งดังขึ้นในโสตประสาท ศีรษะของผมกระแทกเข้ากับพวงมาลัยอย่างแรงจนรู้สึกมึนชาไปหมด ผมเงยหน้าขึ้นมองออกไปภายนอกก็พบกับกันชนหน้าของรถญี่ปุ่นระดับพรีเมี่ยมที่บุบเข้ามาไม่ใช่น้อยแต่ก็ยังไม่ลึกจนกระทั่งถึงห้องโดยสาร ผมถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ถึงรถจะเสียหายไปมากพอดู แต่อย่างน้อยผมก็ยังรักษาชีวิตของตัวเองเอาไว้ได้ ผมซบหน้าลงกับพวงมาลัยอย่างอ่อนล้าก่อนที่เปลือกตาของผมจะเริ่มหรี่ลงและปิดสนิทในที่สุด

แสงสว่างที่กำลังแยงตาผมอยู่ในขณะนี้ทำให้ผมต้องลืมตาตื่นขึ้นมาช้าๆ แล้วก็พบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่บนเตียงสีขาวพร้อมกับมีผ้าห่มหนานุ่มคลุมกายไว้อย่างเรียบร้อย ผมกลับมาที่คอนโดได้ยังไง? ผมพยามยามยันกายลุกขึ้นแต่แล้วก็ต้องล้มตัวลงไปนอนที่เตียงอย่างเดิมเพราะอาการปวดหัวที่เกิดขึ้นมาเป็นริ้วๆ มือแกร่งของผมเอื้อไปสัมผัสที่ข้างขมับแล้วก็พบว่ามีผ้าพันแผลสีขาวพันเอาไว้อย่างแน่นหนา ผมพยายามทบทวนความทรงจำถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนแต่คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก ผมเหลือบตามองไปรอบๆ ห้องแล้วก็ต้องสะดุดเข้ากับร่างของคนหน้าหวานที่นอนฟุบหลับอยู่ข้างๆ เตียง มือเรียวสวยนั่นยังคงกำผ้าขนหนูผืนเล็กเอาไว้แน่น ผมก้มลงไปมองเสื้อผ้าของตัวเองแล้วก็พบว่ามันเป็นชุดนอนชุดที่ผมใส่อยู่เป็นประจำ ก้องคงจะเปลี่ยนเสื้อให้ผม เป็นครั้งแรกที่ผมเผยยิ้มได้ในช่วงรอบวันที่ผ่านมา ความเจ็บปวดและความเสียใจทั้งหมดทั้งมวลมลายหายไปสิ้น ถึงแม้ว่าผมจะจำไม่ได้ว่าผมกลับถึงห้องมาได้ยังไง และทำไมก้องถึงมานอนฟุบอยู่ตรงนี้ แต่สิ่งเดียวที่ผมรู้ก็คือก้องยังคงเป็นห่วงผม เสื้อผ้าชุดเดิมที่ยังไม่ถูกผลัดเปลี่ยนบนตัวของก้องทำให้ผมรับรู้ว่าก้องคงจะง่วนอยู่กับการดูแลผมจนไม่มีเวลาที่จะจัดการเรื่องของตัวเอง สิ่งที่ก้องได้ทำมันแสดงออกถึงความห่วงใยและความใส่ใจของคนตรงหน้า ผมเอื้อมมือไปลูบศีรษะได้รูปนั่นอย่างเบามือ แล้วก็เลยไปสัมผัสลูบไล้อยู่ที่บริเวณแก้มเนียนสวย ก้องบดินทร์ลืมตาตื่นขึ้นช้าๆ ทันทีที่ก้องสบตากับผมก้องก็ร้องออกมาอย่างดีใจ

“พี คุณฟื้นแล้ว”

คนหน้าสวยรีบเข้ามาจับมือผมไว้แน่นเหมือนกลัวว่าผมจะหายไปไหน ผมขยับลุกขึ้นนั่งพิงกับหัวเตียงอีกครั้งโดยมีคนหน้าสวยช่วยประคองเอาไว้ ก้องเลื่อนตัวขึ้นมานั่งอยู่บนเตียงข้างๆ ผม แววตาของก้องคลอไปด้วยหยาดน้ำตาก่อนจะที่มันจะหยดลงมาข้างแก้มเนียน ผมใช้นิ้วมือปาดซับน้ำตาให้พร้อมกับเอ่ยถามคนรักด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“ร้องไห้ทำไมครับ หืม”

“ผมขอโทษนะพี ผมขอโทษที่ทำให้คุณต้องแบบนี้ คุณรู้มั๊ยผมกลัวแทบตายตอนที่พยาบาลโทรมาบอกผมว่าคุณนอนไม่ได้สติอยู่ที่โรงพยาบาล ถ้าคุณเป็นอะไรไปผมคงไม่ให้อภัยตัวเองไปตลอดชีวิต”

“มันไม่ใช่ความผิดของคุณเลยนะ ผมเองนั่นแหละที่ประมาท ดื่มเยอะซะขนาดนั้นแล้วยังจะไปขับรถอีก นี่ผมไม่ตายก็บุญแล้วนะ” สิ้นเสียงของผมมือเรียวสวยก็รีบเอื้อมมาปิดปากผมเอาไว้ก่อนที่เสียงหวานๆ จะเล็ดรอดออกมาจากริมฝีปากคู่สวย

“อย่าพูดอย่างนี้อีกนะพี เรื่องความเป็นความตายใครเค้าเอามาพูดเล่นกัน” ก้องบดินทร์ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดใส่ผม คิ้วสวยๆ นั่นขมวดมุ่นอย่างขัดใจ ผมได้ทีจึงจูบหนักๆ ไปที่ฝ่ามือของคนตรงหน้า คนหน้าหวานทำตาโตก่อนที่จะเลื่อนมือให้ออกห่างจากปากผม ผมจึงถือโอกาสกุมมือนั่นไว้แล้วดึงร่างของคนที่พยายามหนีให้ลงมาพิงกับอกอุ่นๆ ของตัวเอง สองแขนแข็งแกร่งของผมโอบกอดคนตรงหน้าไว้ด้วยความรวดเร็ว ก้องบดินทร์ดิ้นขลุกขลักในตอนแรก แต่แล้วเมื่อผมฝังปลายจมูกโด่งเข้ากับแก้มเนียนสวย คนหน้าหวานก็เริ่มสงบนิ่งอยู่ในอ้อมแขนของผม

“ก้อง คุณเลิกคบกับไอ้พี่นิคอะไรนั่นเถอะนะ”

ก้องบดินทร์นิ่งไปจนผมรู้สึกกลัว หวังว่าก้องคงจะไม่...........

“คุณไม่ได้รักมันใช่มั๊ย”

คนหน้าสวยหันหน้ามาสบตากับผม แววตาของก้องดูสับสน ลังเล ไม่แน่ใจ แต่คำพูดที่ออกมาจากริมฝีปากบางนั้นกลับชัดเจนในความรู้สึกผมทุกคำ

“พี ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตอนนี้ตัวผมเองรู้สึกยังไง ผมไม่รู้ว่าผมรักพี่นิคหรือเปล่า ที่ผมตัดสินใจคบกับเค้าเพราะผมเห็นว่าเค้าดีกับผมมาตลอด ต่างจากคุณที่คอยแต่จะทำให้ผมเสียน้ำตา”

เมื่อก้องบดินทร์พูดมาถึงตรงนี้ผมก็กระชับอ้อมกอดของตัวเองให้แน่นขึ้น ก่อนที่จะก้มลงกระซิบข้างหูคนหน้าหวานด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

“ผมขอโทษนะก้อง ผมขอโทษ”

“ผมรู้แต่เพียงว่าตอนนี้ความรู้สึกที่ผมมีต่อคุณกับพี่นิคมันแตกต่างกัน แต่ผมก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร กับพี่นิค ผมรู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย แต่กับคุณผมมักจะใจเต้นรัวทุกทีที่คุณเข้ามาใกล้ ผมชอบที่จะเหวี่ยงวีนใส่คุณในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ทั้งๆ ที่ผมไม่เคยทำแบบนี้กับใคร ผมไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมต้องน้อยอกน้อยใจคุณในเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องทั้งๆ ที่คนอื่นก็ทำกับผมแบบเดียวกัน ผมไม่รู้จริงๆ ว่าตอนนี้ผมกำลังรู้สึกยังไง พี.......ผมขอเวลาอีกสักหน่อยได้มั๊ย อย่าเพิ่งเร่งรัดอะไรผมตอนนี้เลยนะ”

“ไม่เป็นไรนะก้อง ไม่เป็นไร ผมให้เวลาคุณได้เสมอ เพราะเวลาของผมเป็นของคุณทั้งชีวิตอยู่แล้ว”

ผมสบตาของก้องบดินทร์อย่างลึกซึ้ง แววตาของคนหน้าหวานมีประกายวูบไหวอย่างเห็นได้ชัด เพียงแค่นี้ เพียงแค่คำพูดที่ออกมาจากใจของก้อง มันก็ทำให้ผมสบายใจขึ้นมามาก ผมจะให้เวลากับก้องสักระยะในเรื่องของไอ้ตี๋นั่น หวังว่าต่อไปนี้เรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างเราสองคนคงจะเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นกว่าที่ผ่านมา

ผมกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นอีกครั้งก่อนที่จะเอ่ยเปลี่ยนเรื่องเพื่อให้คนหน้าสวยสบายใจ

“เหนื่อยมั๊ยก้อง ที่ต้องมานั่งดูแลผมแบบนี้”

“ไม่เหนื่อยหรอกพี ผมเต็มใจ”

“ขอบคุณนะก้อง ขอบคุณจริงๆ”

ผมเลื่อนใบหน้าคมเข้าไปกระซิบที่ข้างหูของคนหน้าหวานอย่างแผ่วเบา ก้องบดินทร์ช้อนสายตาขึ้นมามองผมอย่างน่ารัก จนผมอดไม่ได้ที่จะบีบปลายจมูกโด่งสวยนั่นอย่างหมั่นเขี้ยว ก้องบดินทร์หัวเราะน้อยๆ ให้กับการกลั่นแกล้งของผม ดวงตากลมโตนั่นเปล่งประกายชวนมอง ริมฝีปากอิ่มเผยรอยยิ้มที่ทำให้โลกนี้สดใส ใจของผมหยุดเต้นไปชั่วขณะกับภาพที่เห็นตรงหน้า

น่ารักเหลือเกิน...............

เพียงครู่หนึ่งที่สายตาของเราสอดประสานกัน เหมือนเวลาหยุดนิ่งไปเสี้ยววินาที ผมค่อยๆ ก้มหน้าลงจนริมฝีปากของผมสัมผัสกับริมฝีปากของก้องอย่างแผ่วเบา ผมค่อยๆ จูบไล้ไปตามริมฝีปากเรียวเป็นเชิงขออนุญาตก่อนที่ก้องจะเปิดรับการรุกรานจากเรียวลิ้นของผม หวานเหลือเกิน..........ผมซอกซอน รุกเร้า และเกี่ยวกระหวัดเรียวลิ้นเล็กๆ ของก้องอย่างไม่รู้จักพอ คนหน้าหวานส่งเสียงครางออกมาจากลำคอผะแผ่วยิ่งเป็นการเพิ่มดีกรีในรสจูบของผมให้หนักหน่วงและร้อนแรงขึ้นกว่าเดิม เรียวลิ้นของก้องเริ่มตอบสนองผมอย่างกล้าๆ กลัวๆ แต่นั่นมันยิ่งทำให้ผมสติแตกกระเจิง ผมผลักก้องให้นอนราบไปบนที่นอนหนานุ่มโดยที่ผมยังคงประทับจูบชิดริมฝีปากบาง สองมือผมลูบไล้ไปบนหน้าอกแบนราบพร้อมกับซุกไซร้ไปตามซอกคอและลาดไหล่ขาวเนียน ผมวกกลับขึ้นมาจูบแก้มเนียนใสแล้วลากเรื่อยมาประกบกับริมฝีปากอิ่มอีกครั้ง สองมือแกร่งของผมสอดเข้าไปใต้ชายเสื้อพร้อมกับดันจนผ้าเนื้อบางถอยร่นขึ้นไปอยู่แถวหน้าอก ก้องบดินทร์สะดุ้งน้อยๆ กับสัมผัสของผมที่ปัดผ่านร่างกายของก้องอย่างแผ่วเบา คนหน้าหวานจับมือของผมไว้แน่นเพื่อเป็นการหยุดการกระทำดังกล่าว ผมจึงยินยอมที่จะรามือจากเสื้อยืดตัวบางแต่ก็ยังคงประทับฝีปากบดเบียดและเคล้าคลึงกลีบปากสวยอยู่เช่นเดิม เนิ่นนานกว่าที่ผมจะยอมตัดใจผละออกจากสัมผัสที่ชวนให้ลุ่มหลงตรงหน้าแล้วเลื่อนตัวลงไปนอนเคียงข้างคนหน้าหวานบนเตียงหนานุ่มสีขาวสะอาด สองมือแกร่งยังคงตระกองกอดก้องบดินทร์เอาไว้ทั้งตัว ก้องพลิกกายเข้ามาหาผมก่อนที่เสียงหวานๆ จะถูกเอ่ยออกมาจากริมฝีบางบาง

“พี ผมยังไม่พร้อม”

“ไม่เป็นไรก้อง ผมเข้าใจ แต่ตอนนี้ผมขอแค่นอนกอดคุณเอาไว้แบบนี้ได้มั๊ย”

ผมส่งรอยยิ้มละลายหัวใจไปให้กับคนตรงหน้า แก้มนวลๆ ของก้องบดินทร์ก็ซับสีเลือดขึ้นมาทันที คนหน้าหวานพยักหน้าอย่างเอียงอาย ดวงตากลมโตหลุบต่ำลงเพื่อหลบสายตาคมกล้าของผม ผมกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นแล้วคลี่ผ้านวมผืนใหญ่คลุมร่างของเราทั้งสองคนเอาไว้ ผมปิดเปลือกตาลงด้วยความรู้สึกที่เป็นสุข เพียงแค่ไม่นานลมหายใจที่สม่ำเสมอของเราทั้งคู่ก็ดังสอดประสานกันอยู่ภายในห้องนอนของคอนโดหรูใจกลางกรุงที่เปรียบเสมือนเป็นบ้านของเราทั้งสองคน




* เสียใจได้ยินไหม ของ ใหม่ เจริญ ปุระ











Create Date : 13 พฤษภาคม 2554
Last Update : 13 พฤษภาคม 2554 0:27:11 น. 8 comments
Counter : 472 Pageviews.

 
เเงะ ๆๆๆ โถ่ๆๆๆๆๆ ก้องเอ้ยยยยยย ไม่รู้ว่ารักหรือเปล่า ไม่รักเเล้วจะยอมให้พีจูบลูบคลำได้ไง คนไม่รักกัน เขาไม่ยอมกันร้อก พีก็ใจกว๊างกว้าง ยอมให้ก้องใช้เวลาตัดสินอีก โถ พ่อคุณ มาเป็นสามีเเป้งเถอะ เออะ นอกเรื่องเเระ ขอบคุณเอสมากๆค่า ยังคงเอกลักษณ์ หวาน เเละเศร้า เปิดมาจะร้องเลยนะ ตอนพีถามว่ารักไหมอ้ะ เเป้งเบะปากไปเเล้วเรียบร้อย มาหวานๆตอนท้าย เเหม สุดท้ายเสื้อผ้ายังอยู่ครบ น่าผิดหวังตรงนี้นิดเดียว 5555 สนุก หวาน เเละ หวิว ยังคงรักษามาตรฐานสุดยอดของฟิคไว้ได้ มีความสุขมากที่ได้อ่านค่า


โดย: แป้ง วารุณี IP: 115.87.143.184 วันที่: 13 พฤษภาคม 2554 เวลา:1:18:37 น.  

 
ตามมาอ่านอย่างรวดเร็ว...
เฮ้อ..สถานการณ์คลี่คลายแล้ว..หายใจสะดวกขึ้น..อินจัด
และหวังว่าจากนี้ไป ทั้งสองคนน่าจะเข้าใจกันมากขึ้น..นะคร๊า
น้องก้องเริ่มรู้ใจตัวเองว่ารักพีร์มากแค่ไหน..
หวังว่าคงไม่มีใครมาแทรกกลางระหว่างเขาทั้งสองคนอีกเน้อ..
มีความสุขจังค่ำคืนนี้...


โดย: ไข่มุกดำ IP: 49.228.53.200 วันที่: 13 พฤษภาคม 2554 เวลา:2:49:21 น.  

 
อ่านมาถึงตอนนี้แล้ว....ค่อยโล่งใจหน่อย!!!!!!

ความรักและความรู้สึกที่เค้าสองคนเริ่มเปิดใจให้กันในตอนนี้

คนอ่านเริ่มจะมีรอยยิ้มไปด้วยแล้ว....

เสียดายอย่างเดียวที่ผ้ายังไม่หลุด...ฮิ๊ววววววววววว

(แอบหื่นนะแกรรรรร)


ขอบคุณและเป็นกำลังใจใหัค่ะ......

อยากให้ถึงวันศุกร์เร็วววววววววๆอ่ะ


โดย: Keamdeang1@smile IP: 58.9.189.133 วันที่: 13 พฤษภาคม 2554 เวลา:10:21:19 น.  

 
เมื่อก่อนไม่เคยชอบเพลงนี้เลยนะ..แต่หลังจากงานมิตฯคู่แล้ว..ชอบมากๆ

ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆที่มอบให้ด้วยนะคะ...

น้องก้องเริ่มรู้ใจตัวเอง..คุณพีร์ไม่รีบร้อน..โหย น่ารักมากค่ะ

รอตอนต่อไปนะคะ..


โดย: ไข่มุกดำ IP: 49.229.187.152 วันที่: 13 พฤษภาคม 2554 เวลา:11:30:43 น.  

 
วันศุกร์...วันสุข...วันสุข...แล้วก้อวันสุข 555 เอิ๊ก

ขอบคุณปุ๋ยชั้นพิเศษ...
ช่วยกระตุ้นต่อมรับรู้ รับรส รับทราบ...และอื่นๆอีกมากมายในการรับ...


เศร้าแทนคุณพีร์...แต่...
จบตอน...
ตะโกนบอกคุณพีรวิชญ์ว่า....สู้ๆ เพื่อความรัก...นะขอรับ 555 เอิ๊ก

รอติดตามผลงานอยู่นะ


โดย: auntieaui IP: 10.3.59.106, 10.1.5.12, 203.155.29.220 วันที่: 13 พฤษภาคม 2554 เวลา:12:47:26 น.  

 
มีความสุขจัง .. ที่เค้าสองคนเข้าใจกันซะที
ื~
~
เพราะว่ารักแหละคุณพีร์ ก้องเค้าถึงไม่ไปไหน
คุณพีร์ก็ใจเย็น ๆ นะคะ อย่าทำร้ายจิตใจก้องเค้าอีก
ค่อยเป็นค่อยไป ให้เวลาก้องเค้าหน่อย
แล้วทุกอย่างก็จะเป็นเหมือนเดิม ..ในไม่ช้า
~
~
ก้องเค้ายอมให้กอดทั้งคืนขนาดนี้ .. มีชัยไปกว่าครึ่งแล้วน๊า~~
รักก้องพีที่สุดเลย ^_^



โดย: sky@dpf IP: 124.121.96.37 วันที่: 14 พฤษภาคม 2554 เวลา:19:07:11 น.  

 
พี่เอสสสสสสส ดราม่าต่ออีกหน่อยด้ายม้ายยยยยยยยย หนูชอบอ่านซีนอารมณ์นะ ตอนแรกอ่านแล้วน้ำตาคลอเลย พอถึงฉากโดนรถชน ใจรีบภาวนาเลย ...เจ้าชายนิทรา เจ้าชายนิทราสิฟระ... (???) เหมือนตัวเองเป็นโรคจิตไงไม่รู้ ขำตัวเองเหมือนกัน หุๆ ตอนหน้ายังหวังให้มีมาม่าอีกนิด (แต่ได้ข่าวว่าพาร์ทปอ ไม่เป็นไร เดี๋ยวค่อยกดดันปอก็ได้ 55)


โดย: เนี้ยบเนี้ยบ^^ IP: 223.206.230.149 วันที่: 18 พฤษภาคม 2554 เวลา:12:02:18 น.  

 
อ่านตอนนี้แล้วมีความสุขสุดๆเลย

ในท่ีสุดก้องก้อเปิดจัย แอร๊ยยย
ดีจัยจังคะ


โดย: Lookpear IP: 49.237.99.244 วันที่: 27 ธันวาคม 2554 เวลา:22:45:29 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

biomedical_girl
Location :
สงขลา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เป็นนัก (หัด) เขียน ที่ได้แรงบันดาลใจในการแต่งเรื่องสั้นเรื่องแรกมาจากความน่ารักของตัวละคร พีรวิชญ์ และ ก้องบดินทร์ จากละครเรื่องพรุ่งนี้ก็รักเธอ โดยปกติจะเป็นนักศึกษาทุนในระดับปริญญาโทสาขาชีวเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ แต่เมื่อไหร่ที่ความเวิ่นเว้อบังเกิดก็จะแปลงร่างจากสาวเนิร์ด เป็นสาววายทันที ^^" นอกจากนี้ยังชอบร้องเพลงเป็นชีวิตจิตใจ และมีความใฝ่ฝันว่าสักวันฉันจะได้ออกเทป (หุหุ) บางครั้งในเวลาว่างๆ ก็จะแต่งเพลง แต่งกลอน ออกมาอยู่เสมอ จนบางครั้งคนรอบข้างถึงกับแซวว่าเธอน่าจะไปเรียนอักษรหรือนิเทศมากกว่าชีวโมเลกุลนะ --"
New Comments
Friends' blogs
[Add biomedical_girl's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.