Group Blog
 
 
มีนาคม 2554
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
21 มีนาคม 2554
 
All Blogs
 
บทที่ 1 ความสุขเมื่อวันวาน

ภายในท่าอากาศยานที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และเป็นศูนย์กลางการบินในเอเชียอาคเนย์ ผู้โดยสารทั้งขาเข้าและขาออกต่างเดินสวนกันไปมาอย่างพลุกพล่าน บรรดาญาติพี่น้องส่งเสียงจอแจไปทั่วอาคารผู้โดยสาร ในความสับสนอลหม่านนั้น หนุ่มหล่อหน้าคมและหนุ่มน้อยหน้าหวานเดินเคียงกันออกมาจากประตูผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศ สีหน้าของคนทั้งคู่มีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าตลอดเวลา คนหน้าเข้มพูดอะไรบางอย่างข้างๆ หูคนหน้าหวาน ทำให้คนหน้าหวานหัวเราะขึ้นมาอย่างอารมณ์ดี อาการหยอกล้อต่อกระซิก และการเอาใจใส่ซึ่งกันและกันของคนทั้งคู่ ถ้ามองจากสายตาคนภายนอก สองหนุ่มนี้ช่างดูเป็นเพื่อนที่สนิทสนมกันมาก ทว่าในความเป็นจริงสองหนุ่มนี้คือคู่แต่งงานข้าวใหม่ปลามันที่เพิ่งจดทะเบียนสมรสกันที่อเมริกาต่างหาก

“ยินดีต้อนรับกลับสู่เมืองไทยคร้าบ คุณก้องบดินทร์” ผม หรือนายพีรวิชญ์ กิตติวรรณ หนุ่มหล่อไฮโซ นักแข่งรถมือวางอันดับต้นๆ ของประเทศ พูดกับคนหน้าหวานที่อยู่ตรงหน้าซึ่งเป็นคู่แต่งงานหมาดๆ ของผมด้วยความยินดี ผมส่งสายตาหวานๆ จ้องมองคนหน้าสวยอย่างไม่ปิดบัง จนทำให้คนรักของผมใบหน้าแดงระเรื่อ พร้อมกับเสมองไปทางอื่นด้วยความขวยเขิน.....หึ....หึ...ผมชอบจัง เวลาที่ก้องเขาเขินเนี่ย ผมว่ามันน่ารักดี

“ขอบคุณมากนะพีที่คุณช่วยพาผมไปรักษาตาจนหาย แล้วทำให้ผมได้มีโอกาสมองเห็นอีกครั้ง พี....ผมดีใจมากเลยที่ได้กลับมามองเห็นแผ่นดินเกิด ได้กลับมามองเห็นคุณ เห็นทุกๆคนที่ผมรัก ถ้าไม่มีคุณ ป่านนี้ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผมจะเป็นยังไง ขอบคุณมากนะพี ขอบคุณจริงๆ”

ผมได้ยินเสียงหวานๆ ของคนรักตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ น้ำใสๆ เอ่อคลอดวงตาสวยๆ คู่นั้น ก้องจับมือผมไปกุมไว้แน่นด้วยความซาบซึ้งใจ แววตาของก้องเต็มไปด้วยความรัก เทิดทูน ไว้ใจ และเชื่อมั่นในตัวผมอย่างเต็มเปี่ยม จนผมอดยิ้มให้กับแววตาบอกรักของก้องไม่ได้ ผมพลิกฝ่ามือของผมที่ถูกเกาะกุมเปลี่ยนมาจับมือของก้องไว้แน่น เฮ้อ....ลูกแมวจอมเหวี่ยงของผมกลายเป็นคนขี้แยไปตั้งแต่เมื่อไหร่กันเนี่ย

“ก้อง...คุณไม่ต้องขอบคุณผมอีกแล้วนะ ผมยินดีและเต็มใจที่จะดูแลคุณ ผมเคยบอกกับป้าฟอง...เอ้ย...แม่ฟอง และทุกๆ คนในครอบครัวของคุณไปแล้วไง ว่าผมอยากดูแลคุณ และผมก็สัญญากับพวกเขาว่าผมจะดูแลคุณให้ดีที่สุด แล้วผมก็รักษาสัญญา ไม่ทิ้งคุณไปไหน ก้อง...คุณเป็นคนเดียวที่ผมอยากดูแล อยากอยู่ด้วยไปตลอดชีวิต นี่.....ไม่ต้องดราม่าน่า เรารีบกลับบ้านกันดีกว่า ป่านนี้ที่บ้านคุณคงจัดงานฉลองที่ตาคุณหายควบกับงานแต่งงานของเราไว้เรียบร้อยแล้วล่ะ ผมคิดถึงทุกๆ คนจะแย่อยู่แล้ว ป่ะ....ก้อง กลับบ้านกัน” ผมพูดความในใจของผมให้ก้องได้ฟังเพื่อให้ก้องสบายใจขึ้น แต่เมื่อผมเห็นใบหน้าหวานๆ ของก้องใกล้จะเป่าปี่เต็มที ผมเลยจงใจขัดอารมณ์ซึ้งๆ ของก้องให้สะดุดลงซะอย่างนั้น นั่นๆๆๆ.....เห็นมั๊ย คนรักของผมทำหน้าเหวี่ยงใส่ผมตามที่คาดไว้จริงๆ แหะ หึ....หึ...เขี้ยวของผมค่อยๆ โผล่ขึ้นมาทีละนิด ผมอดหัวเราะให้กับท่าทางของก้องไม่ได้ แล้วนั่น.......พอผมหัวเราะเท่านั้นแหละ ดูซิ หน้าหวานๆ ของก้องก็เหวี่ยงยิ่งกว่าเดิมซะอีกแน่ะ ฮ่า...ฮ่า...ฮ่า...ผมรีบจูงมือก้องให้เดินออกไปจากสนามบินด้วยกัน ถึงยังไงผมก็ชอบหน้าเหวี่ยงๆ ของก้องมากกว่าหน้าที่เปื้อนน้ำตาอยู่ดี แม้ว่ามันจะเป็นน้ำตาจากความดีใจก็เถอะ
.
.
.
ผมกับก้องเดินลงมาจากเเท็กซี่พร้อมกับขนกระเป๋าของเราสองคนเข้ามาในเขตรั้วบ้าน เย็นวันนี้ที่บ้านของก้องคึกคักเป็นพิเศษ เพราะนอกจากสมาชิกในครอบครัวจะอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาแล้ว ก็ยังมีพี่ผึ้งเพื่อนสนิทของพี่แก้วกับแฟนหนุ่มซึ่งก็คือพี่ธันวาเพื่อนสนิทของพี่ปอมารวมตัวอย่างครบครัน ก้องบดินทร์ของผมรีบเข้าไปโผกอดแม่ฟองกับพี่แก้วด้วยความคิดถึง ท่าทางออดอ้อนเป็นเด็กๆ นั่น น่ารักน่าเอ็นดูชะมัด ทำไมก้องไม่เคยใช้มันกับผมบ้างเลยน๊า...เห็นมีแต่เหวี่ยงใส่ตลอด แต่ถึงจะเหวี่ยงยังไง ผมก็รักของผมนะคร้าบ

“สวัสดีครับแม่ฟอง สวัสดีครับพี่แก้ว” ผมกล่าวทักทาย ‘แม่ยาย’ และ ‘พี่สะใภ้’ พร้อมกับกระพุ่มมือไหว้ด้วยความนอบน้อม

“สวัสดีจ๊ะพ่อพี เดินทางมาตั้งไกล เหนื่อยมั๊ยลูก”

“โห...แม่จ๋า ถามแต่พีคนเดียว แล้วก้องล่ะ” แหม....ลูกแมวของผม ส่งเสียกระเง้ากระงอดได้น่ารักเชียว

"ก็พ่อพีเค้าเป็นคนดูแลก้องทั้งขาไปและขากลับ คนดูแลกับคนถูกดูแลมันต่างกันนะลูก”

“ใช่สิ.....ก้องลืมไป เดี๋ยวนี้แม่ได้ลูกชายคนใหม่ ก้องก็ต้องถูกลืมเป็นธรรมดา ใช่มั๊ยจ๊ะ” ก้องทำหน้าเหมือนเด็กถูกแย่งของเล่นพร้อมกับยืนกอดอกหน้ายุ่ง ผมฟังคำพูดของก้องแล้วอยากจะเข้าไปหยิกแก้มป่องๆ นั่นนักเชียว มีอย่างที่ไหนอิจฉาใครไม่อิจฉา ดันมาอิจฉาสามีตัวเอง

“ลืมเลิมอะไรกันล่ะก้อง เรานี่โตจนแต่งงานแต่งการไปแล้วนะ ยังจะงอนเป็นเด็กๆ อยู่ได้ ไปๆ เข้าบ้านกันเถอะลูก แม่ พี่แก้ว แล้วก็พี่ปอ ช่วยกันทำกับข้าวต้อนรับลูกๆ ไว้เยอะเชียว ของโปรดของก้องกับพีทั้งนั้นเลยนะลูก”

“มาค่ะน้องก้องน้องพี เดี๋ยวพี่ตุ่มกับไอ้เจ๋งช่วยยกกระเป๋าให้นะคะ.....เอ้าไอ้เจ๋งยืนบื้ออยู่นั่นแหละมาช่วยกันสิ” เจ๊ตุ่มชายไทยหัวใจหวานแหววกามเทพของผมกับพีเข้ามาคว้ากระเป๋าใบเขื่องจากมือผม ก่อนที่จะหันไปดุลูกคู่ด้วยความเคยชิน

ว่าแล้วผมกับก้องก็เฮละโลตามทุกๆ คนเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็ว ก็แหม....เดินทางไกลมันใช้พลังงานเยอะนะคร้าบ....มันก็ต้องเหนื่อย ต้องหิวกันเป็นธรรมดาล่ะ.....จริงไหม

“เฮ้ยพี...แกเล่าให้ฉันฟังหน่อยซิว่าแกไปทำอีท่าไหน น้องก้องเค้าถึงยอมจับปากกาเซ็นชื่อในใบทะเบียนสมรสกับแกได้” พี่ธันวาถามผมในระหว่างรับประทานอาหารเย็น สังเกตจากท่าทางของพี่ผึ้ง พี่ปอ พี่แก้ว เจ๊ตุ่ม เจ๋ง แล้วก็แม่ฟอง ดูเหมือนว่าทุกคนจะให้ความสนใจกับหัวข้อนี้กันซะเหลือเกิน ผมเหลือบตาไปมองคนที่นั่งข้างๆ แก้มใสๆ ของก้องซับสีเลือดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด อย่าว่าแต่ก้องเลยที่เขินเพราะตอนนี้ผมเองก็กำลังเขินเหมือนกัน!!!!

“เอ้า...พี อ้ำอึ้งอยู่นั่นแหละ บอกหน่อยเร็ว พี่อยากรู้” พี่แก้วเร่งเร้าผมแถมส่งสายตาไปกระเซ้าน้องชายสุดที่รักของตัวเอง ดวงตาของพี่แก้วเป็นประกายวิบวับไม่แพ้กับพี่ปอที่ทำท่าสนใจใคร่รู้เหมือนกัน แถมคำพูดของพี่ปอก็ไม่ได้ช่วยอะไรให้มันดีขึ้นเลยสักนิด

“เอาน่าพี ไม่ต้องอายหรอก คนเยอะแยะ”

และนั่นก็ทำให้ผมต้องมานั่งเล่าเหตุการณ์ที่ผมจะไม่มีวันลืมไปตลอดชีวิตให้ทุกๆ คนได้ฟัง และผมก็เชื่อมั่นว่าก้องเองก็จะไม่มีวันลืมเช่นกัน
.
.
.
“ก้อง....เบื่อมั๊ยที่ต้องอยู่แต่ในคอนโด” ผมถามก้องในเช้าที่อากาศสดใสวันหนึ่ง อากาศในวันนี้น่าออกไปข้างนอกจริงๆ

“เบื่อสิพี ตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลก็ไม่ได้ไปไหนเลย มาอเมริกาทั้งทีแต่ต้องมาอยู่แต่ในห้อง” ก้องตอบคำถามผมพร้อมกับทำหน้าย่นด้วยความขัดใจ

“ก็หมอเค้าต้องการให้คุณพักผ่อนก่อน อยากให้แน่ใจจริงๆ ว่าคุณหายดีแล้ว เอาอย่างนี้ดีมั๊ยก้อง เดี๋ยววันนี้ผมจะพาคุณไปหาหมออีกครั้งให้แน่ใจ แล้วผมจะพาคุณไปเที่ยว ดีมั๊ยครับ”

“จริงเหรอพี เอาสิ ไปกันเลยมั๊ย” ลูกแมวจอมเหวี่ยงของผมพอรู้ว่าจะได้ไปเที่ยวเท่านั้นแหละ ดวงตาคู่สวยก็เป็นประกายทันที หน้าของก้องที่ตอนนี้เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มทำให้หน้าที่ว่าหวานนั้นหวานขึ้นไปอีกหลายเท่าตัว

“ยังไม่ไปหรอกก้อง”

“อ้าว....ทำไมล่ะ” น้ำเสียงแบบนี้แสดงว่าเตรียมเหวี่ยงสุดฤทธิ์

“รางวัล”

“หืม?”
“ก็รางวัลสำหรับผมไง.....อ่ะ” ผมพูดพร้อมกับยื่นหน้าหล่อๆ ของผมไปให้ก้อง ดูก้องตอนนี้สิ เขินได้น่ารักชะมัด

“ก็...ก็ได้....นี่ผมเห็นว่าคุณช่วยดูแลผมมาตลอดหรอกนะ”

ว่าแล้วก้องบดินทร์ก็ค่อยๆ จรดปลายจมูกมาที่แก้มสากๆ ของผม อืม....ชื่นใจชะมัด อย่างนี้สิค่อยมีกำลังใจพาคนป่วยไปเที่ยวหน่อย

หลังจากที่ผมพาก้องไปตรวจตาที่โรงพยาบาล New York Eye and Ear Infirmary เป็นที่เรียบร้อยแล้วผมก็พาก้องไปเดินเที่ยวที่ Greenwich Village ซึ่งเป็นสถานที่ขายของเกี่ยวกับซีดีเพลงและหนังสือ เพราะผมรู้ว่าก้องเองก็ชอบร้องเพลงและมีอารมณ์สุนทรีย์อยู่เหมือนกัน ผมเคยแอบได้ยินก้องร้องเพลงในห้องน้ำอยู่บ่อยๆ อย่าหาว่าผมอวยเลยนะ แต่ผมว่าก้องน่ะร้องเพลงเพราะมากๆ ขนาดได้ยินในห้องน้ำก็ทำเอาผมเคลิ้มไปกับเสียงของก้องหลายต่อหลายครั้ง ก้องของผมดูมีความสุขมาก เลือกซีดีแผ่นนั้นแผ่นนี้สนุกใหญ่เชียว ผมเองก็เพิ่งได้รู้จากก้องวันนี้แหละว่านักร้องวง El Divo พลังเสียงสุดยอดแค่ไหน ก้องเดินช็อปจนเหนื่อย ผมก็เลยพาไปนั่งพักที่ Washington Square Park ระหว่างนั้นมีคู่รักคู่หนึ่งขอแต่งงานอยู่ตรงหน้าเราสองคน ก้องดูจะอินกับคู่รักคู่นั้นเป็นอย่างมาก พอฝ่ายหญิงตอบว่า ‘yes’ เท่านั้นแหละ ก้องก็พลอยปรบมือดีใจไปกับเค้าด้วย แต่แล้วผมก็สังเกตเห็นว่าแววตาของก้องหม่นแสงลงเล็กน้อย ก่อนที่ก้องจะหันมาพูดกับผม

“น่าอิจฉาเค้าจังเน๊อะพี รักกันก็ได้แต่งงานกัน ไม่เหมือนเรา”

“นี่คุณกำลังขอผมแต่งงานเหรอก้อง” ผมแกล้งพูดเสียงสูง ทำตาโต ให้ก้องได้เขินเล่นๆ และก็เป็นไปตามคาด ก้องเริ่มเหวี่ยงใส่ผมอีกแล้ว

“ขะ...ขอ เขอ อะไรกันล่ะคุณ....ฮึ่ยยยยย หลงตัวเอง”

“เอ๊า...ก็ผมเห็นคุณอิจฉาเค้าที่ได้แต่งงาน ผมก็นึกว่าคุณอยากแต่งงานกับผมน่ะสิ......หรือที่คุณพูดแบบนี้แสดงว่าคุณไม่อยากแต่งงานกับผม”

“ ก็...ก็...ไม่ใช่อย่างนั้น...แต่...”

“งั้นแสดงว่าคุณก็อยากแต่งงานกับผมงั้นสิ”

“ไม่รู้.....คุณจะพาผมไปไหนต่อล่ะ ผมอยากไปเที่ยวต่อแล้ว”

“อ้าวก้อง.....เดี๋ยวสิ เรายังคุยกันไม่จบเลยน๊า” หึ...หึ...ท่าทางก้องจะเขินจริงจังแฮะ แป๊บเดียวเดินไปนู่นแล้ว
สถานที่ต่อไปที่ผมพาก้องมาคือโบสถ์ Saint Patrick ซึ่งเป็นโบสถ์ในศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิค ความน่าสนใจของโบสถ์แห่งนี้คือบริเวณทั้งสองด้านของโบสถ์เป็นตึกสูงระฟ้า แต่ถึงกระนั้นก็ไม่สามารถลบเลือนความสวยงามของสถาปัตยกรรมสุดแสนคลาสสิคในสไตล์โกธิคของโบสถ์แห่งนี้ได้เลย ความใหญ่โตของสถานที่นี้ถ้าเรียกว่าเป็นมหาวิหารก็คงจะไม่ผิดนัก ผมจูงมือก้องเดินเข้าไปในโบสถ์ สิ่งแรกที่สะดุดตาก็คือไม้กางแขนสีทองขนาดใหญ่ที่สลักเสลาอย่างสวยงาม ภาพกระจกสีที่เพดานดูมีชีวิตส่งให้ภายในโบสถ์แห่งนี้มีมนต์ขลังมากยิ่งขึ้น ก้องบดินทร์บีบมือผมแน่นด้วยความตื่นเต้น ขนาดเสียงที่พูดกับผมยังสั่นจนผมรู้สึกได้

“โอ้โห พี สวยจังเลย....ไม่น่าเชื่อว่าใจกลางเมืองจะยังมีโบสถ์ที่สวยงามขนาดนี้”

“ใช่แล้วก้อง.....สวย.....เหมือนคุณ”

ก้องบดินทร์เงยหน้าขึ้นมาสบตาผมด้วยความแปลกใจ ก่อนที่ก้องจะพบกับสายตาของผมที่เปิดเผยความในใจออกมาจนหมดสิ้น ผมล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกง แล้วหยิบวัตถุสีทองอมชมพูออกมาจากกระเป๋าก่อนจะยื่นให้คนตรงหน้า

“ก้อง....แต่งงานกับผมนะ”

ก้องบดินทร์ทำหน้าตกใจสุดขีด น้ำใสๆ เอ่อคลอดวงตาคู่สวย ก่อนที่ก้องจะพูดกับผมด้วยเสียงเบาหวิวเกือบเป็นเสียงกระซิบ

“เราแต่งงานกันได้จริงๆ เหรอพี”

“ได้สิก้อง...เพียงคุณตกลง ผมจะพาคุณไปจดทะเบียนสมรสที่รัฐ Massachusetts ที่นั่นมีกฎหมายรับรองการสมรสสำหรับเรา เราจะได้แต่งงานเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายไงก้อง”

ผมเห็นก้องนิ่งไปอยู่นาน จนรู้สึกใจคอไม่ดี สงสัยผมคงต้องให้ความมั่นใจกับก้องบ้างแล้ว

“ก้อง....คุณจะยินยอมใช้ชีวิตร่วมกับผู้ชายคนนี้.....คนที่ในหัวใจมีแต่คุณได้มั๊ยก้อง....ผมขอสัญญาและสาบานต่อหน้าไม้กางเขนศักดิ์สิทธิ์ ต่อหน้าพระเยซูคริสต์ แม่พระ และนักบุญทุกๆ องค์ในที่นี้ ว่าผมจะรัก จะดูแลคุณด้วยชีวิต ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับคุณไปจนวันตาย....แต่งงานกับผมเถอะนะก้อง ให้เราได้อยู่ด้วยกัน ได้มีกันและกันในทุกๆ วันนะ”

“ตกลงพี....ผมจะแต่งงานกับคุณ” ก้องของผมพูดน้ำเสียงเจือสะอื้นแต่ใบหน้าก็เปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม น้ำใสๆ ที่เคยคลออยู่ที่ดวงตาคู่สวย บัดนี้ได้ไหลลงมาบนแก้มเนียนไม่ขาดสาย ผมเองก็ซาบซึ้งกับคำตอบตกลงแต่งงานของก้องเช่นกัน จนผมอดไม่ได้ที่จะน้ำตาซึมตามไปด้วย ผมบรรจงสวมแหวนพิงค์โกล หรือแหวนทองสีชมพูไปบนนิ้วนางข้างซ้ายที่มือเรียวสวย พร้อมกับจูบซับน้ำตาให้ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะมนต์ขลังของโบสถ์ที่สวยงาม หรือมนต์ขลังจากดวงตาคู่สวยของก้องกันแน่ ที่ทำให้ผมค่อยๆ ประทับริมฝีปากไปบนกลีบปากนุ่มของคนตรงหน้า ส่งผ่านสัมผัสที่อบอุ่นและอ่อนโยนให้แก่กันและกัน เนิ่นนานกว่าที่ผมจะยอมตัดใจถอนริมฝีปากออก ก้องบดินทร์อมยิ้มน้อยๆ ด้วยความสุขใจ ผมไม่เคยมีความสุขขนาดนี้มาก่อนเลยในชีวิต ตอนนี้ผมรู้แต่เพียงว่าในขณะนี้จะมีเพียงแต่เราสองคนเท่านั้น และเราจะมีกันและกันจากนี้ไปจนวันตาย”
.
.
.
ผมนั่งนึกนึกถึงคืนวันเก่าๆ ที่ผมกับก้องเคยมีความสุขด้วยกัน ผมมองหน้าของก้องที่ตอนนี้กำลังนอนหลับใหลไม่ได้สติอยู่บนเตียงในโรงพยาบาล สายต่างๆ มากมายระเกะระกะไปตามเนื้อตัวของคนที่ผมรัก ที่หัวของก้องมีผ้าก๊อซพันไว้อย่างแน่นหนา เลือดสีแดงสดซึมออกมาจากผ้าก๊อซเล็กน้อย แต่นั่นมันก็มากเกินพอที่จะทำให้ผมเจ็บปวดไปทั้งใจ มันเป็นความผิดของผมเอง ความผิดของผมคนเดียว ผมทำให้ก้องต้องเจ็บหนักอีกแล้ว ผมมันเป็นคู่ชีวิตที่ไม่ได้เรื่องจริงๆ ถ้าก้องต้องเป็นอะไรไป ผมจะไม่มีวันให้อภัยตัวเองเป็นอันขาด ถ้าวันนั้นผมไม่ใช้อารมณ์กับก้อง ก้องก็คงจะไม่เป็นแบบนี้
.
.
.
‘คนๆ นี้ไม่เคยถูกรัก ไม่เคยซักที แค่อยากถูกรัก ให้ใจดวงนี้ ไม่อ้างว้าง.....’ เสียงโทรศัพท์ของผมดังขึ้นระหว่างที่ผมกำลังขับรถกลับบ้าน ก้องบดินทร์ที่นั่งอยู่ข้างๆ ผมหันมามองด้วยความสนใจ

“สวัสดีครับ คุณมีธุระอะไรหรือเปล่า” ผมกรอกเสียงลงไปในสายโทรศัพท์ เมื่อรู้จากหน้าจอมือถือว่าใครเป็นคนโทรเข้ามา

“วันนี้ผมไม่สะดวกจริงๆ นะไอริน เอาไว้โอกาสหน้านะ” ก้องหันมามองผมอีกครั้งเมื่อได้ยินชื่อของคนปลายสาย หน้าสวยๆ เริ่มยุ่งด้วยความขัดใจ

“โธ่.....ไอริน ผมไม่สะดวกจริงๆ คุณอย่าเพิ่งเซ้าซี้ผมได้ไหม ผมขับรถอยู่ แค่นี้ก่อนนะครับ สวัสดีครับ...เฮ้อ” ผมวางสายจากไอริน ก่อนที่จะหันมาหาคนที่นั่งข้างๆ ดูจากท่าทางของก้องตอนนี้ ผมว่างานได้เข้าผมอีกแล้ว ชัวร์ๆ เลย

“คุณไอรินโทรมาอีกแล้วเหรอพี” เสียงของก้องเย็นเฉียบราวกับน้ำแข็ง ไม่มีน้ำเสียงเหวี่ยงวีนอย่างที่ผมคุ้นเคย อะไรกันเนี่ย ก้องของผมเป็นอะไรไป

“อืม...” ผมตอบได้แค่นั้นเพราะไม่รู้ว่าจะพูดอะไรต่อ

“รู้สึกว่าเค้าจะโทรมาหาคุณบ่อยจังเลยนะพี ตั้งแต่วันที่เค้ามาทานข้าวที่คอนโด ผมก็เห็นว่าเค้าโทรมาหาคุณตลอดเวลา ดูท่าแล้วเค้าคงจะคิดถึงคุณมาก หรือว่าคุณไปทำอะไรเอาไว้ล่ะ เค้าถึงได้ติดคุณแจขนาดนี้”

“ก้อง .....นี่คุณพูดอะไรออกมา รู้ตัวบ้างไหม คุณพูดเหมือนคุณไม่เชื่อใจผม ไม่ไว้ใจในตัวผมเลย ตลอดเวลาที่ผ่านมาคุณก็เห็น ว่าผมไม่ได้เป็นฝ่ายโทรไปหาไอรินก่อน เค้าเป็นคนโทรมาหาผมเอง แล้วที่คุณมาพาลหาเรื่องผมแบบนี้เป็นเพราะว่าคุณหึงผมจริงๆ หรือเป็นเพราะว่าคุณต้องการเลิกกับผมแล้วไปหาไอ้นิคอะไรนั่นกันแน่ คุณอย่านึกนะว่าผมไม่รู้ว่าใครเป็นคนสอนคุณทำเค้ก ทุกครั้งที่ผมเปิดดูเมสเสจของคุณผมก็ต้องเห็นข้อความของไอ้หมอนั่นตลอด เป็นห่วงกันมากนักเหรอฮะก้อง ถ้าเป็นห่วงกันมากก็ไปอยู่ด้วยกันเลยไป”

ผมเอง ณ ตอนนี้ก็เก็บอารมณ์เอาไว้ไม่อยู่แล้วเหมือนกัน คำพูดที่ออกมาจากปากของผมชักจะดังและรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ตามอารมณ์ที่เพิ่มขึ้น บ่อยครั้งที่ก้องมักจะหึงผม และเหวี่ยงใส่ผมตามประสา แต่ก็ไม่เคยเลยที่จะทำเสียงเย็นชาใส่ผมแบบนี้ ผมอุตส่าห์ไม่พูด ไม่ถามเรื่องไอ้พี่นิคอะไรนั่นเป็นเพราะว่าผมเชื่อใจก้อง แต่เมื่อในวันนี้ก้องทำท่าปั่นปึ่งเย็นชากับผม มันก็ทำให้ผมอดคิดไม่ได้ว่าก้องเองก็คงจะมีใจให้ไอ้หมอนั่นเหมือนกัน ผมอดน้อยใจไม่ได้ที่ก้องไม่เคยเชื่อใจผมเลย คำพูดของก้องวันนี้แสดงให้เห็นว่าก้องดูถูกความรักของผม สิ่งที่ผมทำเพื่อก้องมาตลอดระยะเวลาเกือบสองปีที่ผ่านมามันไม่ได้มีค่าพอที่จะพิสูจน์ความจริงใจของผมเลยใช่มั๊ย ผมเจ็บ เจ็บที่รู้ว่าจริงๆ แล้ว ก้องเองไม่เคยเห็นผมมีค่าในสายตาของเขาเลย

“พี.....นี่คุณไล่ผมเหรอ.....ผมผิดงั้นสิที่คิดระแวงคุณกับแฟนเก่า ผมควรจะต้องยินดีใช่มั๊ยที่เห็นยัยไอรินอะไรนั่นพยายามที่จะแย่งคุณไป ผมถามคุณจริงๆ เถอะ ถ้าคุณไม่คิดอะไรกับเขา แล้วทำไมคุณไม่ปฏิเสธเขาให้มันชัดเจนสักที ส่วนเรื่องพี่นิคคุณจะเข้าใจยังไงมันก็แล้วแต่คุณ แต่สิ่งเดียวที่ผมเสียใจมากที่สุดก็คือคุณเองก็ไม่เคยเชื่อใจและไว้ใจผมเลย คุณกล่าวหาว่าผมไม่เคยไว้ใจคุณ แต่ดูสิ่งที่คุณทำสิพี คุณเช็คโทรศัพท์ผมมาตลอด ในเมื่อคุณเองก็ไม่เคยไว้ใจผม แล้วคุณยังจะมาถามหาความไว้ใจจากผมทำไม!!!!!!! จอดรถเดี๋ยวนี้นะพี ผมจะลง ผมจะไปจากคุณ และจะไม่กลับมาให้คุณเห็นหน้าอีก”

ผมรีบขับรถเข้าไปจอดข้างทาง แต่ไม่ใช่เป็นเพราะคำพูดของก้องหรอกนะ แต่เป็นเพราะคนหน้าสวยเจ้าปัญหานั่นกำลังเอื้อมมือมาหักพวงมาลัยรถของผม และก่อนที่ผมกับก้องจะได้ไปเฝ้ายมบาลด้วยกันทั้งคู่ ผมจึงตัดสินใจหักพวงมาลัยรถไปจอดที่ข้างทาง พอรถจอดสนิทดีเท่านั้น ก้องก็รีบเปิดประตูลงจากรถ ผมรีบตามก้องไปทันที แต่ยิ่งผมตาม ก้องก็ยิ่งหนี วันนี้มันเป็นวันซวยอะไรกันวะเนี่ย บ้าชะมัดเลย

“ก้อง...กลับมาพูดกันให้รู้เรื่องก่อน อย่าเดินหนีผมแบบนี้”

“ไม่.....ผมไม่กลับ ผมเกลียดคุณ คุณได้ยินมั๊ยว่าผมเกลียดคุณ” ก้องหันหน้ากลับมาหาผมแต่ก็ยังคงเดินถอยหลังออกห่างจากผมอยู่เรื่อยๆ อีกไม่กี่ก้าวก้องก็จะเดินออกไปกลางถนน หัวใจของผมหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม ก่อนที่จะร้องตะโกนบอกให้ก้องรู้ตัว

“ก้อง......อย่าไปทางนั้น มันอันตราย” ผมตะโกนบอกก้องไม่ทันจะขาดคำ รถยนต์คันหนึ่งก็พุ่งเข้ามาหาก้องด้วยความเร็วสูง เสียงแตรดังขึ้นอย่างสนั่นหวั่นไหว เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นภายในเวลาเพียงเสี้ยววินาที ก่อนที่ผมจะเห็นก้องล้มลงไปนอนหมดสติอยู่บนพื้นถนน เลือดสดๆ ไหลออกมาท่วมตัวคนที่ผมรัก ผมรู้สึกเหมือนวิญญาณถูกกระชากออกไปจากตัว ผมรีบถลาเข้าไปหาหัวใจของผมแล้วเข้าไปประคองร่างของก้องไว้แนบอก

“ก้อง อย่าเป็นอะไรไปนะก้อง ผมขอโทษ ผมขอโทษนะก้อง ผมขอโทษ” ผมปล่อยโฮสุดเสียงออกมาอย่างไม่อายใคร พร่ำพูดคำขอโทษซ้ำๆ แม้รู้ว่าก้องจะไม่มีโอกาสได้ยิน และก่อนที่เวลาจะล่วงเลยไปมากกว่านี้ เจ้าหน้าที่กู้ภัยที่มาถึงอย่างรวดเร็วก็รีบพาก้องส่งโรงพยาบาล ผมรีบขับรถตามก้องไปด้วยหัวใจที่ร้อนรุ่ม ‘ผมขอโทษนะก้อง ผมผิดเอง ผมผิดเองที่ใช้อารมณ์กับคุณ ผมขอโทษนะ ผมขอโทษจริงๆ’ ผมพร่ำขอโทษก้องในใจซ้ำไปซ้ำมาด้วยหัวใจที่อ่อนล้า ผมมันแย่จริงๆ ถ้าก้องเป็นอะไรไป ผมจะไม่มีวันให้อภัยตัวเองไปตลอดชีวิต
.
.
.
ความคิดของผมสะดุดลงเมื่อรู้สึกได้ว่ามือเรียวที่ผมกุมอยู่ขยับเขยื้อน หัวใจของผมลิงโลดด้วยความยินดี ในที่สุดคนรักของผมก็ฟื้นขึ้นมาหลังจากที่สลบไปนานถึงสี่วัน เปลือกตาคู่สวยนั้นค่อยๆ เปิดอย่างช้าๆ ก้องจ้องมองมาที่ผม ผมยิ้มปลอบขวัญคนรักและก้มลงจูบที่หน้าผากมน ผมสบตาของก้องแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“ไม่เป็นไรแล้วนะก้อง ผมอยู่ตรงนี้แล้ว ผมจะอยู่ใกล้ๆ คุณ คอยดูแลคุณเอง”

ก้องสบตาผมอีกสักครู่ ผมเพิ่งสังเกตเห็นว่าแววตาของก้องตอนนี้เปลี่ยนไปจนผมรู้สึกได้ มันไม่ใช่แววตาบอกรักคู่นั้นที่มักมองมาที่ผมเสมอ ตอนนี้แววตาของก้องว่างเปล่าจนน่าใจหาย ผมเริ่มรู้สึกถึงสัญญาณบางอย่างที่ผมภาวนาไม่อยากให้มันเกิดขึ้น แต่คำพูดที่ก้องพูดกับผมมันก็ทำให้ผมแน่ใจว่ามันเกิดขึ้นแล้วจริงๆ

“เอ่อ.....คุณเป็นใคร.....ผม.....จำไม่ได้ว่าเคยรู้จักคุณ”








Create Date : 21 มีนาคม 2554
Last Update : 4 พฤษภาคม 2554 15:10:55 น. 8 comments
Counter : 609 Pageviews.

 
ตามมาให้กำลังน้องเอสค่ะ...........
แอบอิจฉาคู่ข้าวใหม่ปลามันจัง.........
น่ารักทั้งน้องก้องทั้งคุณพีเลยอ่ะ.........
สุขได้ไม่นานก็ดราม่าซะแล้ว.......
ฮืออออออออ........ฮือออออออออ
น่าสงสารน้องก้องอ่ะ..............
คุณพีมาไล่ได้ไงอย่างงี้ต้องลืมซะให้เข็ด.......
อินไปและแกรรรรร5555555+++++++++
มาต่อไวๆนะคะ!!!!!!!!!
อ่ะลืมไป ตอนต่อไปต้อง
ไปทวงกะน้องปอชิมิ??????????
เป็นกำลังให้ในทุกๆเรื่องที่ทำอยู่นะคะ


โดย: Keamdeang1@smile IP: 115.87.185.37 วันที่: 22 มีนาคม 2554 เวลา:15:05:01 น.  

 
ขอบคุณนะคะคุณ Keamdeang1@smile จะบอกว่าเบื้องหลังฟิคตอนนี้หินมาก เพราะว่าไม่เคยไปอเมริกา แต่ต้องเขียนถึงสถานที่ต่างๆ ในอเมริกา แล้วก็ อยากให้สถานที่ที่พีขอก้องแต่งงานมันพิเศษและโรแมนติคนะคะ ^^" รวมถึงต้องหาข้อมูลในเรื่องของการแต่งงานแบบ same-sax marriage ด้วยว่ารัฐไหนในอมเริกาที่ยอมรับ และผู้ชายสัญชาติไทยสองคนจะไปจดทะเบียนกันที่อเมริกาได้ไหม ปรากฎว่าได้ค่ะ เรื่องเลยดำเนินมาแบบนี้ แต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่แคร์เพราะเอสก็จะให้คุณพีถือสองสัญชาติค่ะ ^^" เพราะคุณพีเคยอยู่และเรียนที่อเมริกาเป็นเวลานาน อิอิ (สรุปแกก็แต่งให้เค้าแต่งงานกันจนได้นั่นแหละ) ขอบคุณอีกครั้งนะคะสำหรับกำลังใจ ว่าแล้วก็กลับมาทวงฟิคน้องปอต่อ หุหุ ^_^


โดย: biomedical_girl วันที่: 23 มีนาคม 2554 เวลา:1:34:30 น.  

 
แว้กกกกกกกกกกกกก หวานนนนนนนนนนกันแล้วก็ดราม่าาาาาาาาาาาา โอ้ววววววว น้องก้องความจำเสื่อมมมมมมมมมมม

ดราม่าหนักๆๆ หนูชอบบบบ ฮี่ๆๆๆๆๆ

เป็นกำลังใจให้ทั้ง พี่เอส และ น้องปอ สู้ๆๆคับบบบบบบ

รอติดตามตอนต่อไป


โดย: someone IP: 202.44.7.80 วันที่: 23 มีนาคม 2554 เวลา:10:38:46 น.  

 
ขอบคุณสำหรับการติดตามนะคะ ลุยด้วยกันเนอะพี่เอสเนอะ ^^


โดย: ปุยหมาม่วง IP: 223.204.1.66 วันที่: 27 มีนาคม 2554 เวลา:14:49:52 น.  

 
ช่ายแล้วน้องปอ ลุยไปด้วยกัน อยู่ด้วยกัน ตายด้วยกัน (เอ้ย!!ไม่ใช่แระ --")


โดย: biomedical_girl วันที่: 28 มีนาคม 2554 เวลา:22:20:34 น.  

 
ขอบคุณสำหรับฟิคค่ะ ^^

ขอเป็นกำลังใจในการแต่งฟิคตอนต่อ ๆ ไปนะคะ ^^

ก้อง ..... จำคุณพีร์ไม่ได้จริงๆ เหรอ .. =='





โดย: sky IP: 110.169.173.132 วันที่: 31 มีนาคม 2554 เวลา:20:46:54 น.  

 


โดย: คนเดินดิน (หน้าใหม่อยากกรอบ ) วันที่: 8 สิงหาคม 2554 เวลา:8:42:06 น.  

 


โดย: SassymOn วันที่: 29 พฤศจิกายน 2554 เวลา:4:00:40 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

biomedical_girl
Location :
สงขลา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เป็นนัก (หัด) เขียน ที่ได้แรงบันดาลใจในการแต่งเรื่องสั้นเรื่องแรกมาจากความน่ารักของตัวละคร พีรวิชญ์ และ ก้องบดินทร์ จากละครเรื่องพรุ่งนี้ก็รักเธอ โดยปกติจะเป็นนักศึกษาทุนในระดับปริญญาโทสาขาชีวเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ แต่เมื่อไหร่ที่ความเวิ่นเว้อบังเกิดก็จะแปลงร่างจากสาวเนิร์ด เป็นสาววายทันที ^^" นอกจากนี้ยังชอบร้องเพลงเป็นชีวิตจิตใจ และมีความใฝ่ฝันว่าสักวันฉันจะได้ออกเทป (หุหุ) บางครั้งในเวลาว่างๆ ก็จะแต่งเพลง แต่งกลอน ออกมาอยู่เสมอ จนบางครั้งคนรอบข้างถึงกับแซวว่าเธอน่าจะไปเรียนอักษรหรือนิเทศมากกว่าชีวโมเลกุลนะ --"
New Comments
Friends' blogs
[Add biomedical_girl's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.