|
วิธีตามล่าหาลูกค้าสำหรับชาวฟรีแลนซ์ (ตอนที่ 2)
ความเดิมตอนที่แล้ว หลังจากผีป่าซาตานได้มาดลใจให้คุณอยากเป็นฟรีแลนซ์ จากกฎข้อที่หนึ่ง คุณรู้ตัวแล้วว่า คุณคือใคร จะรับทำงานอะไร และกฎข้อที่สองคุณได้กระจายข่าวสารไปทั่วทุกหัวระแหงว่าคุณชื่อนี้ รับทำงานนี้ มีงานปรเภทนี้เมื่อไร ขอให้พ่อแม่พี่น้องช่วยเรียกใช้ดิฉันด้วยเถิด แต่เวลาผ่านไปนาน 6 เดือน เหตุไฉนโลกช่างเงียบเหงาวังเวง เสียงโทรศัพท์เงียบกริบราวเป่าสาก ดูเหมือนจะเป็นลางร้ายไม่สู้ดีนัก
มือใหม่ฟรีแลนซ์จะหวาดกลัวช่วงเวลาวังเวงนี้เป็นยิ่งนัก บางคนก็ถอนสมอหนีกลับไปทำงานประจำ ถ้าหางานประจำทำได้ก็ถือว่าโชคดีให้รีบไปทำโดยด่วน แต่ถ้างานประจำก็หาไม่ได้ เงินลงทุนก็ไม่ค่อยจะมี หนทางเดียวก็คือคุณต้องปักหลักสู้กับการเป็นฟรีแลนซ์ให้ได้
ประโยคหนึ่งที่ฉันชอบมาก จากหนังสือเรื่อง "Are you there God ? It's me Margaret. ที่บอกว่า "ถ้าโมฮัมหมัดไม่ไปหาภูเขา ภูเขาก็จะมาหาโมฮัมหมัดเอง" ฉันตีความจากประโยคนี้เอาเองว่า ในเมื่อคนที่เรารอหรือสิ่งที่เรารอ เขาไม่มาหาเรา ทำไมเราไม่ลองไปหาเขาเอง" นั่นก็คือ ออกไปหาลูกค้าด้วยตัวเอง
ลูกค้าอยู่ที่ไหน มือใหม่ฟรีแลนซ์รุ่นน้องมักจะถามประโยคเด็ดนี้อยู่เสมอว่า เราจะไปหาลูกค้าที่ไหนล่ะพี่ ? ฉันฟังแล้วก็งง ๆ มักจะถามกลับไปว่า "แล้วงานที่รับทำ เราทำให้ใคร ก็ไปหาไอ้คนพวกนั้นแหละ" "ถ้าเขาไม่จ้างเราล่ะ" "เราก็ไปหาคนอื่นต่อไปเรื่อย ๆ งานที่เรารับทำไม่ได้มีแค่คน ๆ เดียวต้องการ มันต้องมีสักคนที่จะต้องจ้างเราทำ"
สิ่งสำคัญของคนเป็นฟรีแลนซ์ก็คือคุณต้องหาลูกค้าให้เจอ ทั้งหมดนี้อยู่ที่กระบวนการคิดอย่างเป็นตรรกะของคุณเอง เริ่มต้นคิดดังนี้ 1. ใครคือลูกค้าของคุณ คิดภาพออกมาจนเห็นภาพชัดเจนที่สุด 2. พวกเขาอยู่ที่ไหน 3. ทำไมเขาต้องเลือกคุณ คุณดีกว่าคนอื่นตรงไหน ?
สมมติคุณอยากเป็น "ครูสอนพิเศษ" เนื่องจากคุณโคตรเก่งวิชาเลข วิชาภาษาอังกฤษ วิชาภาษาไทย เคมี ฟิสิกส์ ฯลฯ คุณก็ลองคิดต่อไปว่า คุณจะสอนใคร แน่นอนต้องเป็นเด็กนักเรียน คิดต่อไปว่า เรียนชั้นไหน มัธยมต้น มัธยมปลาย เมื่อเห็นภาพกลุ่มลูกค้าชัดเจนแล้ว คิดต่อไปอีกว่าแล้วไอ้เด็กที่คุณจะสอนอยู่ที่ไหนกันบ้าง เด็ก ๆ ก็ต้องอยู่ที่โรงเรียน อยูที่บ้าน อยู่ตามห้างสรรพสินค้า ฯลฯ
คำถามสุดท้ายที่สำคัญชนิดคอขาดบาดตายมาก แล้วทำไมเขาต้องมาเรียนกับคุณ ? ถ้าคุณตอบได้ว่า เพราะคุณเก่งวิชาพวกนี้ เคยได้ 4 มาตลอดชีวิต ตอนเรียนมหาวิทยาลัยก็ได้ A เอกสาขาวิชานี้โดยตรง มีประสบการณ์การสอนมาแล้ว สอนเด็กคนไหนก็ฉลาดขึ้นทุกคน คิดค่าเรียนไม่แพง ไปสอนให้ถึงบ้าน พ่อแม่ไม่ต้องกระเสือกกระสนขับรถพาลูกไปเรียนไกลบ้าน ประหยัดเงินประหยัดเวลา ฯลฯ
คำตอบทั้งหมดนี้คือ "จุดขาย" ของคุณ เมื่อคิดได้ดังนี้แล้วก็จงอย่ารอช้า เดินหน้าไปหากลุ่มลูกค้าทันที จะใช้วิธีโพสต์ในเว็บต่าง ๆ ที่เหล่านักเรียนชอบอ่าน ไปแจกใบปลิวหน้าโรงเรียน แจกใบปลิวใส่กล่องจดหมายคนในหมู่บ้าน ติดประกาศเสาไฟฟ้าในหมู่บ้าน หน้าบ้าน โทรไปหาเพื่อนที่อาจมีน้องกำลังเรียนอยู่ในโรงเรียน และฝากบอกต่อ ๆ กันไป ขอให้คุณคิดต่อไปทำต่อไป อย่าได้หยุด..
"ลูกค้า" หมายถึง "เงิน" คุณหาได้มากก็ได้เงินมาก หาได้น้อยก็ได้น้อย หาไม่ได้ก็คือไม่ได้ เพราะนับจากคุณสละอาชีพงานประจำ พอถึงสิ้นเดือนก็ไม่มีใครโอนเงินเข้าบัญชีให้คุณอีกแล้ว ฟังแล้วน่าสยดสยองยิ่งนัก สิ่งที่ต้องนึกไว้เสมอว่าบัดนี้ คุณคือ "นายจ้าง" และ "ลูกจ้าง" ในตัวคนๆ เดียวกัน คุณต้องบริหารจัดการชีวิตตัวเอง ทั้งเรื่องงานและเรื่องเงินให้ดีที่สุด สู้ให้สุดใจขาดดิ้น ตายเป็นตาย ให้มันรู้ดำรู้แดงกันไป
ฟรีแลนซ์ช่วงแรกชีวิตจะลุ่ม ๆ ดอน ๆ ร่อแร่เหมือนแมวขาดอาหาร แต่เมื่อคุณสะสมลูกค้าในมือได้สัก 3 -4 ราย เมื่อไรชีวิตจะเริ่มอยู่ตัว เพราะระบบการเงินจะเริ่มหมุนเวียน เช่น สิ้นเดือนเก็บเงินลูกค้าคนแรกได้แล้ว ขณะที่กำลังทำงานให้คนที่สองซึ่งน่าจะเก็บเงินได้สิ้นเดือนหน้า ขณะเดียวกันกำลังไปคุยงานกับคนที่สาม หลังทำงานคนที่สองเสร็จแล้ว คนที่หนึ่งอาจจะเริ่มมีงานมาใหม่อีก ขณะที่คุณทำงานให้คนที่สามใกล้จะเสร็จ ฯลฯ หากระบบเวลาหมุนเวียนกันได้พอดี คุณจะมีเงินใช้ราวกับมนุษย์เงินเดือน
อย่าได้ยึดลูกค้าเพียงคนใดคนหนึ่งไว้เป็นที่พึ่งตลอดกาล แม้ในเวลานั้นเขาจะมีงานให้คุณตลอด และคุณได้รายได้จากเขามากพอจะเลี้ยงตัวเองได้สบาย ๆ จนไม่อยากดิ้นรน ขอให้คุณจำไว้ให้ดีว่าโลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน หากวันดีคืนดี ลูกค้าเลิกจ้างคุณ หรือเขาเลิกกิจการ คุณจะพังตามเขาไปด้วย ฉันเคยเห็นคนรู้จักคนหนึ่งรับงานจากบริษัทเดียว และทำรายได้เดือนละเกือบแสน อยู่สุขสบายมานานหลายปี แต่วันหนึ่งบริษัทนั้นประสบปัญหาธุรกิจ ส่งผลให้ชีวิตฟรีแลนซ์ที่เคยสบายอย่างเขาลำบากมาก ไม่มีลูกค้าคนอื่นอยู่ในมือเลย เพราะไม่เคยไปติดต่อใคร ฉันพบว่า เพื่อความปลอดภัยในชีวิตฟรีแลนซ์ เราควรหาลูกค้าหมุนเวียนในมือให้ได้อย่างน้อย 3 -4 คน ถ้าได้มากกว่านี้ยิ่งดี เพราะคุณจะยิ่งมีรายได้มากขึ้น
การคิดค่าจ้าง เหมือนจะเป็นเรื่องง่าย ๆ คุณอาจยึดราคามาตรฐานที่ฟรีแลนซ์คนอื่น ๆ เขารับงานกัน มีบางคนถามว่า "เพื่อให้ลูกค้าเลือกเรา เราลดราคาลงหน่อยได้ไหม" การตัดราคาหรือลดราคาก็อาจทำให้ลูกค้าสนใจเรา แต่ในระยะยาวไม่น่าเป็นผลดีกับตัวเรา สมมติค่าจ้างถ่ายภาพงานรับปริญญาอยู่ที่ 3,000 บาท คุณอยากได้งานมาก ลงประกาศว่า คุณขอรับที่ 2,500 บาท อาจจะมีคนเลือกจ้างคุณเพราะราคาถูกกว่า แต่คำถามคือ ทำไมคุณถึงทิ้งเงิน 500 บาทที่ควรจะได้ไป ?
การลดราคาส่งผลกระทบต่อเพื่อน ๆ ในวิชาชีพเดียวกัน หนำซ้ำทำให้ตัวคุณเองได้ค่าแรงน้อยกว่ามาตรฐาน ซึ่งไม่ก่อให้เกิดผลดีแก่ใครเลย หากจะให้ฉันแนะนำ ฉันอยากบอกว่า ให้คุณคิดราคา 3,000 บาทเท่าคนอื่น แต่ให้แถมทำเป็นภาพขาวดำ ภาพซีเปีย โลโม่ หรืออะไรก็แล้วแต่ที่ดูเก๋ไก๋ให้ลูกค้าอีกหนึ่งชุด หรือแถมภาพขยาย 8 คูณ 10 หรือใส่กรอบภาพ จะเป็นอะไรก็ตาม แต่ที่แน่ ๆ ราคาไม่ถึง 500 บาทแน่นอน
ระวังลูกค้าโกงเงิน เป็นเรื่องที่ชาวฟรีแลนซ์กลัวมากที่สุดอีกเรื่องหนึ่ง อยากบอกว่าไม่ต้องกลัว เพราะอย่างไร คุณก็ต้องโดน 5555 ไม่หนึ่งครั้งก็สองครั้งในชีวิต ที่พวกเราจะต้องโดน วิธีการที่จะไม่ให้โดนโกงเงินก็คือ เวลาไปรับงานจากคนที่เราไม่รู้จัก ขอให้คุณดูโหงวเฮ้งเขาให้ดี ถ้าหน้าตาไม่น่าไว้ใจ ตาเจ้าเล่ห์ ช่างติ ช่างแก้ พอใจอะไรยากเหลือเกิน ไม่ค่อยอยากพูดเรื่องเงินค่าจ้าง ประวัติไม่เคยปรากฎว่าจ้างงานใครมาก่อนเลย หรือสอบถามเพื่อนฟรีแลนซ์ด้วยกันแล้ว เคยมีประวัติโกงเงินมาก่อน ขอให้เตรียมตัวไว้ให้ดี เพราะจะโดนแจ๊กพ็อตแน่นอน บางคนมักจะเซ็นสัญญาว่าจ้างกันอย่างเป็นเรื่องเป็นราว แต่เชื่อเถอะ หากเขาโกงเงินคุณจริง ๆ คุณก็ไม่มีเวลาไปฟ้องร้องเอาเรื่องเอาราวกับเขาแน่นอน ดังนั้นด่านแรกคือพยายามเลือกลูกค้าที่มีแววดีเข้าไว้ คนไหนไม่น่าไว้ใจ ให้ตัดทิ้งไปเลย
วิธีสังเกตลูกค้าที่มีแนวโน้มว่าจะเป็นลูกค้าชั้นดีคือ ระหว่างคุยเรื่องงานแล้ว เขาจะพูดเรื่องเงินค่าจ้างด้วย มีคำถามว่าจะต้องจ่ายเท่าไร จ่ายอย่างไร จ่ายก่อนครึ่งหนึ่งไหม ฯลฯ มีทีท่าว่าอยากจ่ายเงินโดยไม่อิดเอื้อนตลอดเวลา ขอให้คุณกอดขาเขาไว้ให้แน่น เพราะมีแนวโน้มว่าจะเป็นลูกค้าเกรด A ให้รีบต้อนเก็บเข้าไว้ในเครือข่ายทันที
เรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่งก็คือการจะตกลงปลงใจทำงานให้ใคร อย่าได้คิดเรื่อง "เงิน" เป็นอันดับแรก ให้คิดเรื่อง "งาน" ก่อน ถามตัวเองว่าคุณอยากทำงานนี้ไหม ถ้ารับเพราะอยากทำ คุณจะมีความสุขกับการทำงาน เงินทองจะตามมาเอง ทำงานที่ได้รับมาให้เต็มที่ อย่าได้ "ยั้งมือ" ลูกค้าสามารถรู้ได้ด้วยตัวเองว่า คุณทุ่มเทให้เขาขนาดไหน ผลที่ตามมาคือ เขาจะกลายเป็นขาประจำ จะคิดถืงชื่อคุณเป็นอันดับต้น ๆ เสมอ คุณจะได้งานต่อไป ไม่วันนี้ก็วันข้างหน้าเขาจะกลับมาหาคุณอีก ที่สำคัญเขาอาจจะแนะนำคนอื่น ๆ ให้คุณด้วย
ช่วง "รองานเข้า" เป็นช่วง "วัดใจ" ของชาวฟรีแลนซ์เป็นอย่างมาก ทำใจให้สบาย ๆ อดใจรอ "งานแรก"ของคุณให้ดี เมื่อมีงานแรกก็จะมีงานสอง งานสาม ตามมา อย่าถอดใจเสียก่อน
อย่าลืมถามตัวเองทุกวันว่า "ทำไมเขาถึงต้องจ้างคุณ? " เพื่อคุณจะได้คอยหมั่นพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ หาสิ่งใหม่ ๆ ความรู้ใหม่ ๆ ใส่ตัวเองไว้เพื่อที่คุณจะได้เป็นฟรีแลนซ็ที่ใคร ๆ ก็นึกถึงชื่อคุณเป็นคนแรกเสมอ ^ ^
ตอนต่อไป น่าจะเป็นตอนสุดท้ายแล้วนะคะ จะเป็นวิธีการบริหารจัดการเงินของฟรีแลนซ์ เราจะจัดการการออมเงินอย่างไรให้อยู่ได้ไม่ลำบากยามแก่เฒ่า ทั้งเรื่องภาษี เงินออม ลงทุนในหุ้น ฯลฯ
Create Date : 07 กันยายน 2554 |
Last Update : 7 กันยายน 2554 11:58:33 น. |
|
4 comments
|
Counter : 2288 Pageviews. |
|
|
|
|
โดย: แมวดำอำมหิต วันที่: 8 กันยายน 2554 เวลา:13:35:34 น. |
|
โดย: domemall วันที่: 9 ตุลาคม 2554 เวลา:21:13:00 น. |
|
| |
|
แมวดำอำมหิต |
|
|
|
|
รอติดตามอ่านตอนหน้านะคะ โดยเฉพาะเรื่องการลงทุน