เที่ยว “ เกาะทะลุ ” ในวันฟ้าหม่น ..

วันนี้จะมารีวิวที่ออกจะแปลกแหวกแนวของบิ๊กบอยไปซะหน่อยฮะ ต้องบอกไว้ก่อนว่าทริปนี้เป็นบล็อกเกอร์ทริปที่มีเพื่อนบล็อกเกอร์ร่วมทริปไปหลายคนครับ(เดี๋ยวคงได้เห็นรีวิวทยอยๆกันออกมา) เป็นทริปที่ได้รับการรับเชิญจากทางผู้ที่ดูแลเกาะทะลุในอำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ให้ไปเยี่ยมเยือนเกาะทะลุ เกาะที่หลายๆคนไม่เคยทราบมาก่อนว่าที่นี้เป็นเกาะส่วนตัวที่มีเจ้าของเป็นคนในพื้นที่ และสิ่งที่ทำให้ผมตัดสินใจร่วมทริปนี้คือ ทางผู้เชิญไม่ได้หวังจะโปรโมตให้คนไปเที่ยวเกาะเพื่อการค้าครับ แต่เป็นการเชิญไปในฐานะสื่อเพื่อที่จะได้ไปเห็นและให้เรานำกลับมาบอกกล่าวและรีวิวให้กับคนทั่วๆไปได้เห็นว่าที่นี่เป็นต้นกำเนิดของโครงการฟื้นฟูทะเลไทย และยังมีการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ให้คนทั่วๆไปได้สัมผัสอยู่ ซึ่งเดี๋ยวในรีวิวคงได้มีการพูดถึงกันต่อไปครับ

ไปเที่ยวกันเลยดีกว่า ..



หลังจากที่ตอบรับการร่วมทริปกับบล็อกเกอร์ท่านอื่นๆแล้ว เมื่อถึงวันนัดเราก็ไปรวมตัวกันเพื่อออกเดินทางด้วยรถตู้ที่ทางเจ้าภาพจัดมาให้

การเดินทางก็ใช้เส้นทางเดียวกับไปหัวหินเลยฮะ จุดหมายแรกของเราอยู่ที่ Cher Resort ชะอำครับ เราจะแวะทานอาหารกลางวันกันที่ร้าน Buffy 's Belly Bar & Bistro ซึ่งเป็นร้านอาหารใหม่ล่าสุดของ Cher Resort ครับ



ร้านนี้ตั้งอยู่ข้างๆกับตัวโรงแรมเลยครับ เป็นร้านอาหารแบบเปิดโล่งรับลมทะเล บริการอาหารกลางวันและค่ำฮะ



บรรยากาศภายในร้านฮะ 



โต๊ะเราถูกจัดไว้ให้แล้วเรียบร้อย





เสิร์ฟเครื่องดื่มที่เป็น Signature ของร้านกันก่อน

แก้วแรกเป็น Tom Yam Margarita



แก้วที่สองเป็น Cher t'aime ฮะ



มาดูอาหารกันบ้าง อาหารที่นี่จะเป็นสไตล์ไทยฟิวชั่นฮะ

จานแรก ซีซ่าสลัดปูนิ่ม 



จานที่สอง สปาเก็ตตี้ผัดพริกเกลือกุ้ง



จานที่สาม ไตปลาผัดแห้งเสิร์ฟพร้อมไข่เจียวและปลาสลิดทอดกรอบ



จานที่สี่ แกงเขียวหวานเนื้อน่องลาย พริกขี้หนูสวน



จานที่ห้า ผัดฉ่าทะเลจานร้อน



จานที่หก หมูสะดุ้ง



จานสุดท้าย Mix Platter ฮะ



พูดกันแบบไม่อวย ผมว่าอาหารร้านนี้อร่อยมากฮะ อาหารออกรสชาติจัดจ้าน รสไทยมาก มีโอกาสผมยังอยากกลับไปทานอีกเลยฮะ

หลังจากอิ่มพุงกางกันไปแล้วก็ได้เวลาออกเดินทางกันต่อ จุดหมายต่อไปอยู่ห่างออกไปอีกพอสมควรฮะ ใช้เวลาเดินทางอีก 2 ชั่วโมงกว่าๆก็ถึงครับ จุดหมายที่ว่าก็คือที่นี่ฮะ

หาดบ้านกรูด อำเภอบางสะพาน ประจวบคีรีขันธ์



นี่เป็นครั้งแรกที่ผมเดินทางมาที่นี่ครับ หาดบ้านกรูดเงียบสงบ ชายหาดกว้างและทอดยาวไปหลายกิโลเลยครับ



ส่วนที่พักในทริปนี้คือที่นี่ครับ "บ้านกรูด อาเคเดีย รีสอร์ท แอนด์ สปา" โรงแรมที่ดีและใหญ่ที่สุดของบ้านกรูดที่หลายๆคนคงเคยได้ยินชื่อกันมาบ้าง



โรงแรมอยู่ติดกับชายหาดบ้านกรูดเลยครับ มีเพียงแค่ถนนเล็กๆที่กั้นไว้เท่านั้น สระว่ายน้ำบริเวณด้านหน้าโรงแรมเห็นแล้วอยากกระโดดมากๆ



เมื่อลงกระเป๋าก็แยกย้ายกันพักผ่อนก่อนเลยฮะเพราะว่านั่งรถกันมาจากกรุงเทพฯกันตั้งแต่เช้า ห้องที่ผมได้พักเป็นห้องที่เพิ่งสร้างเสร็จได้ไม่นานครับ ซึ่งอยู่บนชั้นสองของตึกที่เห็นในรูปด้านล่างนี่ล่ะครับ อยู่หน้าโรงแรมเลย 



ห้องพักแบบนี้เรียกว่าห้อง "Sea Suite Room" ห้องแบบนี้มีอยู่ห้องเดียวนะครับ

มาดูภายในห้องกันดีกว่า สีสันห้องสดใสมากๆ ห้องกว้างมากทีเดียวฮะ 











ห้องนี้จะออกแบบสมัยใหม่หน่อยครับ ส่วนห้องพักของเพื่อนๆบล็อกเกอร์ที่เหลือจะออกแนวบ้านไทยๆหน่อยซึ่งคงตามชมกันได้ในรีวิวของพวกเพื่อนๆที่เหลือนะครับ

ช่วงเย็นๆได้มีโอกาสได้พบปะพูดคุยกับคุณ"เผ่าพิพัธ เจริญพักตร์" ผู้ซึ่งเชิญให้พวกเราได้มาเที่ยวเกาะทะลุในทริปนี้และบุคคลผู้นี้ก็คือเจ้าของเกาะทะลุรุ่นที่ 2 นั่นเอง ซึ่งเดี๋ยวจะเล่ารายละเอียดในการพูดคุยเล็กๆน้อยๆให้ฟังกันในช่วงขึ้นเกาะครับ

มาดูบรรยากาศช่วงค่ำๆกันบ้าง







เรามีนัดทานข้าวกับเจ้าของโรงแรมในมื้อเย็นนี้ด้วยฮะ โดยเราจะทานกันที่นี่ครับ ห้องอาหารของทางโรงแรมเลย



ซึ่งตรงนี้ก็เป็นล็อบบี้ด้วย แล้วก็เป็นห้องอาหารเช้าด้วยครับ



มาดูเมนูอาหารค่ำกันบ้างฮะ

จานแรกเป็น น้ำพริกกุ้งสด 



จานที่สองเป็น บล็อกโคลี่ราดซอสปู เนื้อปูมาเป็นก้อนๆเลยฮะ



จานที่สาม ไก่ทอดสมุนไพร



จานที่สี่ ปลากะพงทอดน้ำปลา



จานที่ห้า ยำตะไคร้กุ้งสด



สุดท้ายเป็น ต้มข่าทะเล ฮะ



ได้ทานข้าวไปพูดคุยกับเพื่อนๆบล็อกเกอร์และได้แลกเปลี่ยนประสบการณ์หลายๆอย่างกับผู้บริหารของโรงแรมซึ่งยังเป็นใกล้ๆกับเรา ขอบคุณทุกๆคนในมื้อนั้นมากๆนะฮะ

ทานข้าวกันเสร็จก็ได้เวลาแยกย้ายพักผ่อนฮะ เช้าวันรุ่งขึ้นพวกเราต้องออกเดินทางจากบ้านกรูดไปที่อ่าวบางสะพานซึ่งอยู่ไกลออกไปประมาณครึ่งชั่วโมงเพื่อไปขึ้นเรือไปเกาะทะลุครับ



เช้าขึ้นมาก็เจอกับฝนพร่ำเลยฮะ อากาศไม่เป็นใจเอาซะเลย 



ป้ายนี้เป็นป้ายที่ทางโรงแรมเป็นผู้ทำฮะ เห็นใครๆผ่านไปผ่านมาก็แวะถ่ายรูปกันใหญ่ ไม่เว้นแม้แต่พวกเราที่ร่วมทริปกันไป

บรรยากาศยามเช้า ฝนตกๆหยุดๆแต่ฟ้าเน่ามากฮะ แอบเซ็งเพราะคงได้ภาพสวยๆยากแล้วทริปนี้





เรานัดรถตู้ให้มารับกันช่วง 9 โมงเช้าฮะเพราะเรือจะออกจากท่าไปเกาะทะลุตอน 10 โมงตรง

ช่วงนี้ทานอาหารเช้ากันก่อน









อาหารถือว่ามีให้เลือกพอสมควรเลยฮะสำหรับโรงแรมระดับนี้ อิ่มกันแล้วก็ได้เวลาไปเที่ยวเกาะกันละครับ

เราออกเดินทางจากโรงแรมไปที่ท่าเรือบางสะพานฮะ ที่นั่นจะมีท่าขึ้นเรือของเกาะทะลุโดยเฉพาะอยู่

อย่างที่เราไปกันนี่เป็นเรือของเกาะโดยตรงก็จะใช้เรือสปีดโบ๊ทไปครับ แต่ถ้าเป็นหมู่คณะใหญ่ทางเกาะก็มีเรือ Express 2 ชั้นนั่งได้เกือบ 200 ที่นั่งให้บริการครับ

นี่ฮะเดี๋ยวเราจะไปเที่ยวเกาะที่เห็นตรงหน้ากัน 



เมื่ออกเดินทาง เราใช้เวลาบนเรือสปีดโบ้ทแค่ประมาณ 15 นาทีก็มาถึงเกาะทะลุ พี่คนขับเรือพาขับมาที่จุดชมวิวก่อนเลย

นี่ฮะจุดนี้เลยที่มาที่ใครๆก็เรียกที่นี่ว่าเกาะทะลุ



เข้าใกล้ไปอีกหน่อย 



เรือวนไปให้เราได้ดูอีกด้านที่ช่องเขาทะลุถึงกัน



จากที่ได้คุยกับคุณเผ่าพิพัธ เจ้าของเกาะก็ได้ทราบถึงประวัติของเกาะว่า สมัยก่อนที่จะเข้ามาครอบครองเกาะทะลุ คุณพ่อของคุณเผ่า (ซึ่งผมก็ได้มีโอกาสได้พูดคุยกับท่านบนเกาะพอสมควร) ซึ่งก็เป็นชาวบางสะพานนี่ล่ะฮะ สมัยนั้นท่านก็ทำอาชีพประมงเช่นกัน ท่านเห็นว่าเมื่อก่อนบริเวณอ่าวบางสะพานนี้อุดมสมบูรณ์มาก ทำให้มีเรือประมงเข้ามาจับปลากันเป็นพันๆลำ ใช้อวนใหญ่ลากทำให้ปะการังซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยและวางไข่ของปลาต่างๆถูกทำลาย มากถึงขนาดมีการวางระเบิดเพื่อจับปลากันเลยทีเดียว

ท่านเริ่มเล็งเห็นแล้วว่าถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไป พื้นที่บริเวณนี้คงไม่เหลืออะไรให้ลูกหลานทำมาหากิน ท่านได้รับซื้อที่ดินจากชาวบ้านที่อยู่บนเกาะด้วยการขายกิจการประมงที่กำลังไปได้ดีทำรายได้เดือนนึงเป็นหลายล้านบาทเพื่อที่จะมาใช้ชีวิตอยู่บนเกาะ เลิกทำประมงและเริ่มให้ความรู้แก่คนในพื้นที่ ตั้งสำนักงานทรัพยากรชุมชนและจัดพื้นที่อนุรักษ์ธรรมชาติขึ้น จนต่อมาได้ยกให้กรมประมงเข้ามาสำรวจและให้ความรู้ พร้อมทำแผนแม่บท จนทุกวันนี้อ่าวบางสะพานกลับมาสมบูรณ์อีกครั้ง และที่นี่เป็นพื้นที่หวงห้ามไม่ให้มีการทำประมงขนาดใหญ่ เช่นไม่ให้มีเรือลากอวนเข้ามาทำการประมงในพื้นที่อ่าวและพื้นที่ที่กำหนด อ่าวบางสะพานจึงเป็นแหล่งพักพื้นและวางไข่ของปลาเล็กปลาน้อยอย่างแท้จริง



เรือที่เห็นๆนี้เป็นเรือของชาวบ้าน ผู้ประกอบการอื่นๆที่หารายได้ด้วยการพานักท่องเที่ยวมาดำน้ำดูปะการังน้ำตื้นกันบริเวณรอบๆเกาะทะลุ ซึ่งทางเจ้าของเกาะไม่ได้มีการห้ามหรือเก็บค่าใช้จ่ายใดๆ ผมถามคุณพ่อของคุณเผ่า ท่านว่าเกาะเป็นของเราชาวบ้านเค้าก็ไม่เข้ามารบกวน แต่ทะเลเป็นสมบัติของชาติเราไม่ห้ามเค้าหรอกถ้าจะทำให้เค้าทำมาหากินได้

ขึ้นมาบนเกาะกันดีกว่าฮะ เกาะทะลุมีพื้นที่ทั้งหมดเกือบๆ 1500 ไร่ พื้นที่เกือบทั้งหมดเป็นพื้นที่สีเขียวฮะ บนเกาะจะมีชายหาดยาวเกือบๆ 2 กิโลเมตรหันหน้าเข้าหาชายฝั่งอยู่ครับฝั่งนี้จะมีปะการังน้ำตื้นให้ชมกันหลายจุด อีกด้านของเกาะจะเป็นฝั่งที่เป็นผาสูงชันและน้ำลึกเหมาะสำหรับการดำน้ำลึกฮะ



คุณเผ่าบอกว่า เมื่อทางครอบครัวเข้ามาดูแลเกาะเต็มตัวแล้วก็มีการสร้างรีสอร์ทเล็กๆแล้วจัดกิจกรรมที่ไม่ทำร้ายธรรมชาติเอาไว้เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวที่ชอบเที่ยวเชิงอนุรักษ์ จนตอนหลังก็มีการตั้งบริษัทเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาจนถึงทุกวันนี้

ตัวผมเองจำได้ว่าเคยได้ข่าวเมื่อนานมาแล้วว่าปะการังแถวๆนี้ฟอกขาว ตอนนั้นปะการังเสียหายไปมากพอสมควร แต่ปะการังที่นี่พื้นตัวได้เร็วเพราะความที่ทะเลแถวนี้ยังสมบูรณ์อยู่มาก



หาดทรายที่นี่ไม่ได้นุ่มเท้าเท่าอีกหลายๆเกาะในเมืองไทย บางหาดมีแต่ซากสุสานปะการังเสียด้วยซ้ำ แต่ผมว่าน้ำที่นี่ใสไม่น้อยไปกว่าเกาะกูด เกาะหมากเลยนะ 



ที่นี่มาดูกิจกรรมที่บอกว่าเป็นการเที่ยวเชิงอนุรักษ์กันบ้างดีกว่า

ในวันที่ผมและชาวบล็อกเกอร์ไปเป็นวันเดียวกับที่ทางบริษัทรถมอร์เตอร์ไซค์บริษัทนึงจัดกิจกรรมไปที่เกาะพอดี น่าจะมีสมาชิกมาร่วมร้อยกว่าคน กิจกรรมที่เค้ามาทำกันก็คือนี่ครับ



การปลูกปะการัง ความสมบูรณ์อย่างนึงของอ่าวต้องยกให้กิจกรรมนี้ด้วยฮะ

อีกหนึ่งอย่างที่พลาดไม่ได้เมื่อมาเยือนเกาะทะลุคือมาเยี่ยมเจ้าพวก "เต่าทะเล" พวกนี้ครับ



ที่เกาะทะลุมีสถานอนุบาลเต่าทะเลซึ่งก็ไม่ได้ทำกันเองตามมีตามเกิดนะครับ ที่นี่ได้ร่วมกับกองทัพเรือเพื่ออนุรักษ์และขยายพันธุ์ "เต่ากระ" ซึ่งมีอยู่มากมายในทะเลแถบนี้ 



นี่เป็นอีกหนึ่งอย่างที่ทำให้เราทราบได้ว่าทะเลแถบนี้อุดมสมบูรณ์แค่ไหน



ที่บ่ออนุบาลจะมีเจ้าหน้าที่จากกองทัพเรือดูแลอยู่ตลอดเวลาครับ เราสามารถจับเต่ากระขึ้นมาแบบนี้ได้ฮะ เพียงแต่มือต้องสะอาดด้วย



เต่ากระที่เลี้ยงไว้จะมีหลายช่วงอายุครับ ที่มากที่สุดคือ 2 ปี 



ทำไมเกาะทะลุถึงมีสถานอนุบาลเต่าทะเลหรอฮะ ??

เพราะอ่าวบางสะพานอุดมสมบูรณ์มาก และแม่เต่ากระก็มักจะขึ้นมาวางไข่บนชายหาดของเกาะครับ ก่อนหน้านี้ถ้าปล่อยให้เต่ากระฟักเองอัตราการรอดถือว่าต่ำมากฮะ จนหลังจากที่สมเด็จพระเทพฯทรงเสด็จมาพักผ่อนที่เกาะทะลุเป็นการส่วนพระองค์ ทรงพระราชทานแนวพระราชดำริ ให้พัฒนาเกาะทะลุและพื้นที่โดยรอบ ในแนวทางการใช้ทรัพยากรอย่างยั่งยืน จึงเริ่มมีการพัฒนาและอนุรักษ์สิ่งต่างๆขึ้น

กองทัพเรือได้เข้ามาช่วยเรื่องการอนุบาลเต่า ทำให้อัตราการรอดของเต่ากระเพิ่มขึ้นอย่างมาก



ช่วงที่ไปเพิ่งจะมีเต่าฟักออกมาจากไข่ฮะ อายุได้ 7 วันพอดี บ่อนึงได้ตั้ง 117 ตัว .. ไม่ได้ใบ้หวยนะครับ Smiley



ทางพี่เจ้าหน้าที่เปิดวีดีโอให้ดูด้วยครับ บอกว่าเพิ่งถ่ายไว้สองวันก่อนเราไป เพิ่งมีแม่เต่าขึ้นมาไข่ที่หาดทรายพี่เค้าถ่ายวิดีโอไว้ได้



พี่ๆพวกนี้นอกจากจะมีหน้าที่อนุบาลเต่า ให้อาหาร เลี้ยงดูแล้วเค้ายังมีหน้าที่ดูแม่เต่าขึ้นมาไข่ด้วยครับ พี่เค้าต้องคอยดูว่าแม่เต่าวางไข่ตรงไหน เพราะอัตราการฟักของเต่าหรือเพศของเต่าที่จะเกิดขึ้นอยู่กับว่าแม่เต่าว่างไข่สูงไปมั๊ย เตี้ยไปหรือเปล่า ลึกมั๊ย ประมาณนั้นฮะ 



เมื่อแม่เต่าวางไข่แล้ว ทางพี่ๆเค้าก็จะขุดเอาไข่เต่าขึ้นมาฝังในบ่อที่เตรียมไว้ เพื่อเป็นการเพิ่มอัตราการรอดของเต่าที่จะเกิดใหม่ฮะ

เมื่อแม่เต่าวางไข่แล้ว ย้ายไข่มาบ่ออนุบาลแล้ว พี่ๆเค้าก็จะจดวันที่แม่เต่าวางไข่แล้วนับไปอีก 60 วันเต่าก็จะฟักออกมาเป็นตัวฮะ

นี่เป็นเปลือกไข่เต่าที่ฟักมาเมื่อ 7 วันก่อนผมไปแอบถ่ายมาได้ 5555



เมื่อฟักเป็นตัวแล้วพี่ๆเค้าก็จะเอาเข้าบ่อเลี้ยงฮะ 



ถามว่าทำไมต้องเอามาเลี้ยงด้วย ?? ปล่อยให้มันฟักและลงไปอยู่ในทะเลตามธรรมชาติไม่ได้หรอ

พี่เค้าบอกว่าทำแบบนั้นโอกาสที่ลูกเต่าจะรอดยิ่งมีน้อยลงมากครับ เอาง่ายๆแค่ตอนที่กำลังฟักออกจากไข่ กลิ่นคาวที่ออกมาก็ลอยไปเตะจมูกพวกเล่านกต่างๆให้บินมาโฉบพวกมันไปกินซะเยอะแล้วครับ ไหนจะพวกที่ต้วมเตี้ยมลงทะเลแล้วโดนพวกปลาตัวใหญ่ๆกินอีก นี่คือเหตุผลให้ทางคุณเผ่า คุณลุงปรีดาพ่อคุณเผ่า และกองทัพเรือช่วยกันฟูมฟักเต่าเหล่านี้ให้แข็งแรงก่อนที่จะปล่อยกลับลงไปในทะเลเพื่อให้ไปอยู่ตามธรรมชาติต่อไปครับ





แน่นอนว่าสนุกพวกเราล่ะครับ หยิบลูกเต่าขึ้นมาถ่ายรูปสนุกสนานกันใหญ่

ปล.ทุกอย่างที่ทำได้ขออนุญาตพี่ที่ดูแลแล้วนะครับ พี่เค้าบอกว่าสามารถทำได้แต่ให้ระมัดระวังแค่นั้นเอง






สนุกเค้าล่ะฮะ


ลืมบอกไปฮะ เต่าที่อนุบาลไว้ส่วนใหญ่จะมีการปล่อยลงทะเลในช่วงวันสำคัญๆของชาติเช่นวันพ่อ วันแม่ ซึ่งจะมีงานใหญ่ฮะ ส่วนอายุเต่าที่ปล่อยลงทะเลได้ก็จะอยู่ประมาณ 6 เดือนขึ้นไป แต่ก็ต้องเก็บบางส่วนไว้เผื่อให้คนที่มาเที่ยวเกาะได้ดูเช่นกันครับ

ชายหาดที่นี่ยาวมากฮะ เดินเหนื่อยเหมือนกัน 





นอกจากนี้ยังมีอีกหลายกิจกรรมที่สามารถทำได้บนเกาะเช่น นั่งโป๊ะไปดำน้ำตื้นดูปะการัง

โป๊ะที่เห็นเป็นคณะที่มาทำกิจกรรมกันบนเกาะในวันนี้ฮะ 



พายคายัคก็ได้



และเพื่อนๆในทริปหลายๆคนเลือกที่จะเดินขึ้นเขาขึ้นไปที่จุดชมวิว ซึ่งผมเองขอบายฮะ และก็คงคิดถูกด้วยเพราะไม่นานฝนก็ตกลงมาห่าใหญ่ 





เรื่องอาหารการกินไม่ต้องห่วงเลยฮะ บนเกาะมีเลี้ยงไม่อั้นจริงๆ อาหารอร่อยด้วยฮะ มื้อกลางวันที่ผมไปเป็นอาหารบัฟเฟ่ห์ครับ

ประมาณบ่าย 3 กว่าๆเราก็ลาเกาะทะลุกลับฝั่งกันฮะ อยากบอกว่าถ้ามีโอกาสไปเที่ยวกันเถอะฮะ ที่นี่มีบ้านพักให้ค้างคืนด้วยครับส่วนเรื่องราคาหรือแพ็คเกจผมไม่ทราบจริงๆฮะ ถ้าสนใจคงต้องเข้าไปหาข้อมูลดู หรือถ้าใครสนใจและอยากรู้จักเกาะทะลุมากขึ้นเข้าไปชมได้ที่นี่ฮะ

//www.taluisland.com/thai/index.html



กลับมาที่บ้านกรูดกันฮะ วันนี้ตั้งใจกันว่าจะขึ้นไปที่เขาธงขัย ยอดเขาที่มีสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจของคนบ้านกรูดและใกล้เคียงอยู่ 2 สิ่ง

สิ่งแรกคือ "พระพุทธกิติสิริชัย" หรือหลวงพ่อใหญ่ที่คนแถวนั้นเรียกฮะ ชาวบ้านร่วมกันสร้างเนื่องในวโรกาสที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถทรงพระชนมายุครบ 60 พรรษา



พระพุทธรูปองค์นี้เป็นปางตรัสรู้ฮะ นอกจากนี้บริเวณใกล้เคียงยังมีตำหนักกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์อยู่อีกด้วยฮะ 



ถัดขึ้นไปบนยอดเขามีพระมหาเจดีย์อยู่อีกองค์ฮะ

“พระมหาธาตุเจดีย์ภักดีประกาศ” สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติและถวายเป็นพระราชกุศลในวโรกาสครองราชย์ครบ 50 ปี ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวครับ









และถือเป็นโอกาสที่ดีมากๆและหาไม่ได้ง่ายๆที่ทางคณะของเราได้รับความอนุเคราะห์จากทางผู้ดูแลพระมหาธาตุเจดีย์เปิดไฟในช่วงหัวค่ำให้พวกเราได้เก็บภาพความงดงามของพระมหาธาตุเจดีย์ในช่วงค่ำ ซึ่งโดยปกติแล้วจะไม่มีการเปิดไฟในช่วงค่ำฮะยกเว้นวันพระใหญ่หรือวันสำคัญจริงๆถึงจะเปิดไฟพระมหาเจดีย์ครับ 





สวยงามมากจริงๆสำหรับพระมหาธาตุเจดีย์องค์นี้ครับ

ตัดมาที่เช้าวันรุ่งขึ้น แอบตื่นแต่เช้าหวังว่าจะลงมาก็ภาพพระอาทิตย์ขึ้นสวยๆ 



เสียดายที่ไม่เห็นไข่แดงฮะ แต่ก็ยังพอได้แสงสวยๆมาบ้าง







หาดบ้านกรูดเงียบสงบดีจริงๆฮะ 







ลืมแนะนำร้านกาแฟในโรงแรมบ้านกรูด อาเคเดียไปครับ ร้านกาแฟนี้อยู่ด้านล่างของห้องที่ผมพักเองฮะ











นอกจากนี้ทางโรงแรมยังมีสปา ห้องประชุมและห้องพักอีกหลายแบบ ถ้ามีโอกาสได้ไปเที่ยวบ้านกรูดก็ลองไปดูข้อมูลโรงแรมได้นะครับเผื่อเป็นตัวเลือก

มื้อกลางวันได้รับคำเชิญจากทางเจ้าของโรงแรมบ้านกรูด อาเคเดีย ให้ไปทานอาหารที่รีสอร์ทอีกแห่งที่ในเครือที่อยู่แถวๆทับสะแกฮะ

รีสอร์ทนี้เป็นรีสอร์ทเล็กๆน่ารักๆติดริมทะเลชื่อว่า "Rocky Point Resort"



เห็นว่าเป็นรีสอร์ทเล็กๆน่ารักก็เลยขอให้ทางรีสอร์ทเปิดห้องพักให้ชมกันด้วยฮะ 





ห้องพักเป็นหลังๆ หลังละ 2 ห้องครับ ดูเหมาะกับการมาเที่ยวแบบครอบครัวและมาปาร์ตี้ปิ้งย่างกันมาก อีกอย่างราคาไม่แพงและสงบเงียบมากๆฮะ









ห้องพักมีเพียงไม่กี่ห้องฮะ ห้องนี้เป็นห้องแบบดีลักซ์ฮะ







ห้องน้ำน่ารักเชียวฮะ

จริงๆตัวรีสอร์ทกว้างนะฮะ ปั่นจักรยานเล่นได้สบายๆเลย เสียอย่างเดียวว่าหาดหน้ารีสอร์ทเล่นน้ำไม่ได้เพราะเป็นหาดหิน



แต่ก็สามารถเดินไปเล่นน้ำในบริเวณใกล้เคียงได้ฮะไม่ไกลมาก



ทีนี้มาดูอาหารกันบ้าง

จานแรกเรียกว่า ไก่เชรค ครับ



กุ้งราดซอสมะขาม 



ยำผักกูดกุ้งใส่หมูสับ



ทอดมันปลา 



แกงส้มใบกะเพราปลา



ผัดผักรวม



และสุดท้ายไข่เจียวหมูสับฮะ



อาหารอร่อยมากๆครับ

ถือเป็นการปิดทริปอย่างสมบูรณ์แบบฮะ

ต้องขอขอบพระคุณผู้ร่วมทริปทุกท่าน คุณเผ่าผู้บริหารหนุ่มไฟแรงที่อายุยังไม่ถึง 30 ปีเลยด้วยซ้ำ คุณลุงปรีดาแห่งเกาะทะลุ คุณเนส คุณนิว แห่งบ้านกรูด อาเคเดีย และร็อคกี้ พ้อยท์ ทับสะแก พี่ตาล เจ้าของ Cher รีสอร์ท ทุกๆคนที่ดูแลและทำให้ทริปนี้ราบรื่นเป็นอย่างดี มีข้อผิดพลาดทางข้อมูลประการใดต้องขออภัยมาด้วยนะครับเพราะใช้การจำเอาจริงๆ

ฝากติดตามแฟนเพจผมได้ที่ https://www.facebook.com/travelholicbigboy นะครับ



Create Date : 26 สิงหาคม 2557
Last Update : 26 สิงหาคม 2557 22:12:34 น. 0 comments
Counter : 2248 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

biGbOySalaDbAr
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 23 คน [?]




Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2557
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
26 สิงหาคม 2557
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add biGbOySalaDbAr's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.