ความหมาย หมายความ ความของคน

 
มกราคม 2550
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
11 มกราคม 2550
 

ชีวิตการทำงาน

ในปัจจุบันนี้ จะเห็นได้ว่าในหลาย ๆ สถาบันการศึกษาล้วนแต่แข่งขันในแทบจะทุก ๆ ด้าน คณะวิศวกรรมศาสตร์ ก็เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ของการแข่งขันนั้นด้วย และ ด้วยเหตุปัจจัยตรงนี้นี่เอง ที่ทำให้ทุกสถาบันการศึกษาหันมาเปิดการเรียนการสอนในสาขานี้มากขึ้น ทำให้ประเทศของเรามีวิศวกรออกมาสู่ตลาดแรงงานเยอะมาก ซึ่งนั่นก็อาจจะเป็นผลดี เพราะว่าจะทำให้ประเทศเรามีคนที่มีความรู้ในวิทยาศาสตร์ประยุกต์มากขึ้น แต่ถ้าจะมองอีกทีก็อาจจะมีผลเสียอยู่บ้างเหมือนกัน ตรงที่การที่เราเร่งผลิตวิศวกรออกมากันมาก ๆ เราก็อาจที่จะได้วิศวกรที่ยังไม่มีความพร้อมที่จะทำงานมากขึ้นตามไปด้วย และเมื่อเขาเหล่านั้นมีความไม่พร้อม ก็อาจจะทำให้เปลี่ยนไปประอาชีพในสาขาอื่น ๆ แทนซึ่งก็เท่ากับว่าเกิดความสูญเปล่าทางการศึกษาเกิดขึ้นทันที แต่ก็นั่นแหละครับด้วยเหตุผลนี้เองทำให้ทางโรงงาน หรือสถานประกอบการต่าง ๆ มีตัวเลือกมากมาย เพราะฉะนั้นเราจึงต้องพยายาม สร้างจุดเด่นในตัวเราขึ้นมาให้ได้ เพื่อเป็นการสร้างโอกาสให้กับตัวเรา ยิ่งมีความโดดเด่นกว่าคนอื่นมากเท่าไร โอกาสของเราที่จะได้รับการคัดเลือกเข้าทำงานก็จะมีมากขึ้นเท่านั้น เพราะในปัจจุบันนี้เป็นยุคของการแข่งขัน และ การสร้างโอกาส ถ้าเราไม่มีความกระตือรือร้นเราก็จะกลายเป็นคนที่ด้อยโอกาสไปในทันที อย่าให้เป็นแบบนั้นกันเลยนะครับ และวจะมานั่นเสียดายกันเมื่อเวลามันผ่านเลยไป
เวลา 4 ปี หรือ 3 ปี 2 ปี ในสถาบันการศึกษานั้นช่างแสนสั้นนัก เวลาก็ช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน ถ้าเรามัวแต่เล่น และหลงระเริงไปกับสิ่งที่ยั่วยุต่าง ๆ ที่รุมเร้ากันเข้ามามากจนเกินไป มันจะทำให้เราไม่มีเวลาที่จะศึกษาหาความรู้ในด้านอื่น ๆ เพิ่มเติม ซึ่งนั่นก็เท่ากับว่าเราได้สูญเสียโอกาสดี ๆ ไป เพราะฉะนั้นศึกษาหาความรู้กันให้มาก ๆ เถอะครับ แล้ววันหนึ่งเราจะได้เห็นถึงคุณค่าของสิ่งที่ทำมา ซึ่งมันก็เปรียบเหมือนกับการเก็บสะสมอะไรบางอย่างนั่นแหละครับ และ เมื่อถึงวัน ๆ หนึ่งเมื่อถึงคราวจำเป็น เราก็สามารถที่จะนำสิ่งที่เราได้เก็บสะสมไว้นั้นออกมาใช้ได้ในทันที
ชีวิตการทำงาน การเริ่มต้นชีวิตการทำงานสำหรับคนที่จบใหม่ ๆ นั้นเป็นเรื่องที่ยากยิ่งนัก ถามว่ายากอย่างไรนะหรือ?

ตอบได้ว่ายากตรงที่จะปรับตัวให้เข้ากับองค์กรที่เราจะเข้าไปร่วมงานด้วยอย่างไร จะปรับตัวให้เข้ากับวัฒนธรรมขององค์กร ตลอดจนถึงเพื่อนร่วมงานได้อย่างไร ซ้ำร้ายไปกว่านั้น ยังต้องมาวิตกอีกว่าจะนำเอาวิชาความรู้ที่ร่ำเรียนมานั้น มาใช้ประโยชน์ได้อย่างไรกับหน้าที่การงานที่เราต้องเข้าไปรับผิดชอบยิ่งถ้าเราคาดหวังเอาไว้มากว่าจะได้นำเอาวิชาความรู้เหล่านั้นมาใช้ด้วยละก็จะยิ่งรู้สึกอึดอัดไปกันใหญ่ถ้าใครที่ได้มีโอกาสนำเอาสิ่งเหล่านี้ออกมาใช้ก็คงจะรู้สึกดีไม่น้อย แต่ถ้าใครไม่มีโอกาสก็ไม่เป็นไร อย่าท้อแท้ จงรู้จักที่จะเรียนรู้และนำมาประยุกต์ใช้ เพราะว่าการที่เราได้มีโอกาสที่จะเป็นวิศวกรนั้นไม่ได้หมายความว่า จะต้องนำเอาวิชาความรู้ที่ได้ร่ำเรียนมาทั้งหมดมาใช้ เพียงแต่คุณต้องเรียนรู้ และ ต้องหาทางที่จะนำความรู้เหล่านั้นมาประยุกต์ใช้ให้ได้ เราถูกสอนให้มีการคิดที่เป็นเหตุ เป็นผล เป็นขั้นและ เป็นตอน เพราะฉะนั้นแล้วถ้าเราเรียนรู้ที่รับมือกับปัญหานั้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ และ เป็นขั้นเป็นตอนแล้ว ก็เชื่อได้เลยว่าสิ่งที่ร่ำเรียนนั้นก็ไม่สูญเปล่า แล้วเราก็จะรู้สึกสนุกกับการทำงาน
การทำงานทุกอย่างล้วนแล้วแต่ต้องมีปัญหาด้วยกันทั้งนั้น แถมในบางที่ยังมีเรื่องคนเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยอีก ทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็นปัญหาทั้งสิ้น ในส่วนของงานนั้นคงจะไม่เท่าไรเพราะถ้าเรามองปัญหาอย่างเป็นขั้นเป็นตอนการแก้ปัญหานั้น ๆ ก็จะลุล่วงไปได้ด้วยดี ส่วนเรื่องคนนั้นเรื่องใหญ่ จะให้การแก้ด้วยศาสตร์อย่างเดียวไม่ได้จำเป็นต้องมีศิลป์ ประกอบด้วย ปัญหาเรื่องคนนั้นเป็นปัญหาใหญ่ที่บางครั้งจะว่าง่ายก็ง่าย จะว่ายากก็ยาก เพราฉะนั้นเราต้องเรียนรู้เรื่องของคนให้มาก ๆ เพราะว่าเรื่องนี้ไม้รู้ว่าจะบอกหรือสอนกันอย่างไร ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ของแต่ละคนไป แต่อยากจะขอให้พึงระลึกเอาไว้อยู่เสมอว่า ปัญหานั้นมีไว้แก้ไข ไม่ได้มีไว้หนี คิดให้ดี ๆ ทุกปัญหาล้วนมีทางออก จงเรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน แล้วเราจะมีความสุข คนที่ไม่เคยมีปัญหาอะไรเลย นั่นก็อาจจะหมายความเอาได้ว่าคน ๆ นั้นไม่เคยที่จะทำอะไรเลยเช่นกัน
จากการทำงานที่ผ่าน ๆ มาทำให้ได้รู้ว่า เราจะมีเพียงแต่ความสามารถในด้ายวิชาการเพียงอย่างเดียวไม่ได้ หากแต่ว่าเราจะต้องมีความรู้ในการปฏิบัติด้วย หรือถ้าจะพูดอย่างง่าย ๆ เลยก็คือ เราต้องคิดเป็นแล้วก็ต้องทำเป็นไปพร้อม ๆ กัน และ ที่สำคัญต้องเรียนรู้ในสิ่งที่ตนเองไม่มีความถนัดได้ด้วย นั่นก็คือ เราต้องพร้อมที่จะเรียนรู้ในทุก ๆ เรื่องที่มีโอกาส หรือเมื่อเราต้องเข้าไปเผชิญหน้ากับปัญหานั้น ๆ จุดอ่อนของวิศวกรเครื่องกลที่พอจะมองเห็นได้อย่างชัดเจนเลยก็คือ ปัญหาในเรื่องของระบบไฟฟ้า รวมถึงระบบควบคุมต่าง ๆ เนื่องจากพวกเรานั้นเมื่อเข้าไปอยู่ในโรงงาน ก็มักที่จะได้อยู่ในส่วนของซ่อมบำรุงซะเป็นส่วนใหญ่ เพราะฉะนั้นปัญหาที่เราต้องพบเจอกันอยู่ทุก ๆ วันก็เห็นที่จะหนีไม่พ้นเรื่องของระบบกลไกต่าง ๆ ซึ่งนั่นก็คงจะไม่หน้าหนักใจเท่าไรนัก แต่ยังมีอีกปัญหาที่ค่อนข้างจะเป็นเรื่องใหญ่เลย ก็เห็นจะเป็นปัญหาในเรื่องของระบบไฟฟ้า และ ควบคุม เพราะฉะนั้นเราต้องพยายามที่จะเรียนรู้ให้มาก ๆ เพราะเราเป็นวิศวกรเรามีความจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้ตลอดเวลา เมื่อไรที่เราหยุดเราก็มีโอกาสที่จะล้าหลัง หรือ ด้อยกว่าผู้อื่นได้ทันที
ชีวิตในยามเรียนนั้นเป็นชีวิตที่มีความสุขที่สุดแล้วล่ะครับ เล่นได้เต็มที่ สนุกได้สุดเหวี่ยง ถึงเวลาก็ไปเรียน ไม่ต้องคิดอะไรมาก แต่อยากที่จะขอให้พวกเราทุกคนหยุดคิดสักนิดว่า เราจะมาเพียงเพื่อเอาแค่นี้หรืออย่างไร? เวลาของเรานั้นมีเยอะเรียกว่าเหลือเฟือกันเลยแหละ เพราะฉะนั้นเราลองมาแบ่งเวลาเพื่อที่จะเรียนรู้เรื่องอื่น ๆ ที่จะสามารถนำมาช่วยเหลือเราในอนาคตตอนที่เราออกมาทำงานบ้างก็น่าจะดี เพราะว่าภาวะการณ์ในปัจจุบันนั้นในแต่ละสถานประกอบการนั้น เวลาที่เค้าประกาศรับสมัครวิศวกรเครื่องกลนั้น เค้าต้องการคนที่มีความรู้ความสามารถในแขนงอื่น ๆ ควบคู่กันไปด้วย ฉะนั้นแล้วถ้าเรามีความรู้ในแขนงอื่น ๆ มากเท่าไร เราก็จะยิ่งได้เปรียบคนอื่นมากเท่านั้น
จากประสบการณ์ที่ได้มีโอกาสทำงานร่วมกับวิศวกรหลาย ๆ ชาติ หลายภาษา ทำให้ได้เรียนรู้อะไรบางอย่างว่า วิศวกรจากประเทศเหล่านั้น มีการเรียนรู้ และ พยายามพัฒนาตนเองอยู่อย่างตลอดเวลา มีความกล้าที่จะแสดงออก กล้าที่จะถามในสิ่งที่ตนเองไม่รู้ หรือ ไม่แน่ใจที่สำคัญคนเหล่านั้นจะมีความมั่นใจในตัวเองที่สูงมาก แต่ก็มีการยอมรับเหตุผลของผู้อื่นอยู่เสมอ ที่เล่ามาทั้งหมดนี้ไม่ได้หมายความว่าคนเหล่านั้นเก่ง หรือ มีความสามารถมากว่าเรา หรือแม้กระทั่งว่าดีกว่าเรา เพียงแต่อยากที่จะชี้ให้เห็นถึงว่า คนเหล่านั่นมีข้อดี ข้อเด่นในด้านใดบ้างที่เราน่าที่จะนำมาประยุกต์ใช้กับตัวเรา อยากที่จะบอกว่าเมื่อเราสำเร็จการศึกษาออกมาแล้วอย่าหลงดีใจคิดว่าตัวเรานั้นเก่ง หรือ ดี กว่าใคร ๆ เราต้องหมั่นฝึกฝนทบทวนถึงสิ่งต่าง ๆ ที่ได้ร่ำเรียนกันมาอย่างสม่ำเสมอ พร้อมกันนั้นเราจำเป็นที่จะต้องเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ควบคู่กันไป เพราะผมมีความเชื่ออยู่อย่างหนึ่งว่า วิศวกรที่ดีต้องคิดเป็น ทำเป็น และ เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆอย่างสม่ำเสมอ
การพัฒนาความคิดนั้นเป็นสิ่งสำคัญ คนเรานั้นต้องมีการพัฒนาความคิดสติปัญญาอยู่ตลอดเวลา งานยิ่งยากก็จะยิ่งทำให้เรามีพัฒนาการทางความคิดมากยิ่งขึ้นเท่านั้น “วันเวลาผ่านแล้วผ่านเลย สายน้ำไม่เคยหวนกลับ“เป็นสัจธรรมที่มิอาจที่จะปฏิเสธได้ อย่าปล่อยให้วันเวลาผ่านเลยไป โดยที่ไม่ได้เริ่มต้นทำอะไรเลย เพราะว่าเราไม่มีทางที่จะรู้ได้เลยว่า เราจะมีโอกาสกลับมาทำมันอีกหรือไม่
ทุกสิ่งทุกอย่าง ทุกเรื่องราวที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ล้วนแล้วแต่เป็นประสบการณ์ทั้งสิ้นบางคนชอบที่จะสะสมเงินทอง แต่ก็ยังมีบางคนที่ชอบที่จะเก็บสะสมประสบการณ์ ทุกประสบการณ์ล้วนแล้วแต่มีประโยชน์และโทษด้วยกันทั้งนั้น ยิ่งเราสะสมประสบการณ์ได้มากเท่าไร ก็จะยิ่งทำให้เรามีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานได้มากเท่านั้น ไม่เพียงแต่จะมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานเพียงเท่านั้น แต่ยังมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จในชีวิตได้อีกเช่นกัน
โปรดจงจำเอาไว้ว่าเราไม่ได้แข่งขันกับใคร แต่เรากำลังแข่งขันกับตัวเอง แข่งขันกับเวลา เพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่เราทำย่อมส่งผลถึงตัวเราเสมอ เราไม่จำเป็นต้องทำอะไรเพื่อพิสูจน์ให้ใครต่อใครได้รู้ แต่เราจำเป็นต้องทำอะไรต่อมิอะไรเพื่อพิสูจน์ให้ตัวเราเองได้รับรู้ นี้คือการแข่งขันกับตัวเอง แล้วแข่งขันกับเวลานั้นจะเป็นอย่างไร? การที่เวลาผ่านไปในแต่ละวันนั้น บางคนคิดว่าตัวเองมีอายุมากขึ้น ได้อยู่บนโลกนานขึ้น แต่จริง ๆ แล้วถ้าคิดในทางกลับกันเวลาที่ผ่านไปในแต่ละวันนั้น มันทำให้อายุเราเหลือน้อยลงไปทุกที และ แถมยะงทำให้เราได้อยู่บนโลกนี้น้อยลงไปทุกทีอีกด้วย เพราะฉะนั้นเราจึงต้องตระหนักให้ดีดีว่า เราควรที่จะทำอะไร อย่างไร และเพื่ออะไร อย่าปล่อยให้เวลาที่ผ่านไปเอาชนะเราได้ง่าย ๆ เพราะถ้าเราปล่อยให้มันผ่านเลยไป เราก็จะไม่มีสิทธิที่จะเรียกร้องเอามันกลับคืนมาได้อีก
การที่คนเราจะประสบความกับสำเร็จในชีวิตได้นั้น มีได้มากมายหลายวิธีด้วยกัน และ ในทุก ๆ สาขาอาชีพก็ล้วนแล้วแต่มีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จด้วยกันทั้งนั้น ถ้าคน ๆ นั้นมีความพยายาม และ ตั้งใจจริง ไม่จำเป็นว่าคุณจะต้องเรียนจบวิศวฯ หรือ แม้กระทั่งปริญญาตรี แล้วถึงจะประสบความสำเร็จในการประกอบอาชีพวิศวกร คุณอาจจะไปประสบความสำเร็จในการประกอบอาชีพอื่น ๆ ก็เป็นได้ ทุกสาขาที่คุณเรียนสำเร็จมานั้นมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จได้เท่า ๆ กัน ต่างกันก็เพียงแต่โอกาสของใครจะมาถึงก่อนกันเท่านั้น คนบางคนต้องการระยะเวลา 10 ปีเพื่อที่จะบอกกับตัวเองว่า ประสบความสำเร็จในชีวิตการทำงานแล้ว แต่กับคนบางคนอาจจะต้องการเวลาเพียงแค่ไม่กี่ปี ก็สามารถที่จะตอบตัวเองได้ และ ในเวลาเดียวกันบางคนก็อาจจะต้องการเวลาทั้งชีวิตเลยก็เป็นได้ ขึ้นอยู่กับการเรียนรู้กับสิ่งต่าง ๆ ที่ผ่านเข้ามา และ การพัฒนาความคิด และ การสะสมประสบการณ์ของบุคคลนั้น ๆ
ทีนี้ย้อนกลับมาถึงเรื่องที่จะต้องเตรียมตัว สำหรับนักศึกษาที่กำลังจะสำเร็จการศึกษา รวมถึงที่ยังศึกษาอยู่ด้วย การเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับคนแต่ละคนจะมีความแตกต่างกันไป แต่ก็พอที่จะแยกได้เป็น 2 เรื่องใหญ่ ๆ ได้ดังนี้
1. พวกที่มีโอกาสมาก นั่นก็หมายรวมถึงพวกที่ พ่อแม่ ผู้ปกครองที่มีฐานะดี มีความพร้อมทางด้านการเงิน และ สังคมที่ดีอยู่แล้วและ อีกพวกเห็นจะเป็นพวกที่เรียนดีในระดับยอดเยี่ยม การเตรียมตัวของคนประเภทนี้ก็อาจจะไม่จำเป็นต้องเตรียมอะไรมากมายนัก เพราะว่ามีโอกาสมากมายอยู่แล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะไม่ต้องเตรียมอะไรกันเลย คุณต้องเตรียมตัวให้พร้อม และ ต้องถามตัวเองว่าต้องการที่จะประสบความสำเร็จในวิชาชีพที่ตนเองได้ร่ำเรียนมาหรือไม่ และ ถ้าต้องการนั้นต้องการอย่างไร ส่วนอีกพวกที่จะกล่าวถึงก็คือ
2. พวกที่มีโอกาสน้อย หรือไม่มีเลย พวกนี้จำเป็นอย่างมากที่จะต้องเตรียมตัวให้พร้อมเอาไว้ให้มาก ๆ เพราะว่าไม่มีทางลัดใด ๆ จะมาช่วยได้เลยต้องลงมือลุยด้วย หนึ่งสมอง และ สองมือ ที่มีติดตัวมาแต่เกิด ต้องหาหนทางที่จะสร้างโอกาสที่ดีให้กับตนเองต้องทำใจยอมรับว่า เมื่อจบออกมาต้องมาทำตัวเป็นลูกจ้างที่ดี เพียงเพื่อสะสมประสบการณ์ และ เงิน เพื่อรอเวลาที่จะก้าวออกมาเป็นนายตัวเอง นั่นก็คือก้าวมาเป็นผู้ประกอบการนั่นเอง
จะเห็นได้ว่าการเตรียมตัวของคนทั้ง 2 กลุ่มนี้ก็ไม่ค่อยที่จะแตกต่างกันเท่าไรนัก แต่ความหนักเบานั้นก็จะแตกต่างกันไปตามแต่สถานะภาพของแต่ละคน และ ที่ไม่แตกต่างกันเลยก็เห็น การเตรียมความพร้อมในเรื่องของความรู้ ที่จะนำเอาไปใช้ในการประกอบวิชาชีพ ความรู้ในสาขาที่ได้ร่ำเรียนกันมา รวมไปถึงความรู้ในสาขาอื่น ๆ ที่จะนำเอามาช่วยในยามที่จะต้องออกมาเผชิญกับชีวิตจริงในการทำงาน การที่เราเรียนรู้ได้มากเท่าไร ก็จะเป็นผลดีกับตัวเรามากเท่านั้น เนื่องจากว่าในบางครั้งหรือบางโอกาสความรู้อื่น ๆ เหล่านั้นจะสามารถช่วยเราแก้ไขปัญหาที่เรากำลังเผชิญอยู่ได้ไม่มากก็น้อย
ที่เขียนแนะนำออกมาในรูปแบบนี้ ก็ใช่ว่าจะให้ทุกคนปฏิบัติตาม หรือยึดถือเป็นแบบอย่าง หรือเป็นรูปแบบในการเตรียมความพร้อม หรือดำเนินชีวิตต่อไปในอนาคต เพราะว่าตัวผู้เขียนเองคำนึงถึง และ ระลึกอยู่เสมอว่า แต่ละคนล้วนแล้วแต่มีหนทาง หรือ แนวทางที่ไม่เหมือนกัน แต่ก็นั่นแหละ ผมเชื่อว่าอาจจะมีบางแง่ บางมุม ที่สามารถนำไปปรับใช้กับตนเองได้บ้างไม่มากก็น้อย เนื่องจากต้องการเห็นเด็กรุ่นใหม่ ๆ มีความพร้อมที่จะทำงานมากที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อที่ว่าเราจะได้เห็นวิศวกรที่มีคุณภาพ ออกมาช่วยกันพัฒนาหน่วยงาน หรือ ก้าวไกลไปกว่านั้นก็คือ พัฒนาประเทศชาติ ให้ก้าวขึ้นไปยืนเคียงบ่า เคียงไหล่ กับประเทศที่เป็นเจ้าของทฤษฎี หรือ เทคโนโลยีนั้น ๆ
เวลาที่เราออกมาทำงานแล้วนั้น อย่ายึดมั่น ถือมั่น อะไรจนเกินไปนักเพราะ มันอาจจะทำให้เรามองไม่เห็นสิ่งอื่น ๆ เลยก็เป็นได้ บางครั้งการที่เรามีสิ่งยึดเหนี่ยวเอาไว้บ้างก็ดีเหมือนกัน แต่อย่าหลงงมงายไปกับสิ่งที่เรายึดเหนี่ยวให้มากจนเกินไปนัก มีตึงบ้าง มีผ่อนบ้าง มันจะทำให้ชีวิตการทำงานของเราราบรื่นขึ้น และ อาจจะรวมไปถึงการดำเนินชีวิตประจำวันด้วยก็เป็นได้ ชีวิตคนเรานั้นแสนสั้น แต่ โลกนั้นยืนยาว พูดง่าย ๆ เลยก็คือ เวลาชีวิตของเรานั้นสั้นนัก เมื่อเทียบกับโลก จงอย่าไปยึดมั่น ถือมั่นกับเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง ไม่เป็นประโยชน์ต่อตัวเรา ต่อเพื่อนร่วมโลกของเรา และ ประเทศชาติของเรา ซึ่งอะไรเหล่านี้แหละที่จะเป็นคอยฉุดดึง และ เหนี่ยวรั้ง พลังทางความคิดของเรา




 

Create Date : 11 มกราคม 2550
3 comments
Last Update : 11 มกราคม 2550 13:58:24 น.
Counter : 643 Pageviews.

 
 
 
 
เห็นด้วยอย่างยิ่งที่ว่ามาข้างบนนี้..
คุณแถมสิน เขียนได้ดีมาก ตรงกับใจของดิฉันเลยค่ะ..
มหาวิทยาลัยการศึกษาแตกต่างกับมหาวิทยาลัยชีวิต มากมายนัก ทุกคนต้องเรียนรู้ด้วยตัวเองในมหาวิทยาลัยชีวิต..


 
 

โดย: นันทพร IP: 203.188.37.182 วันที่: 15 มกราคม 2550 เวลา:6:07:39 น.  

 
 
 
 
 

โดย: la IP: 61.7.145.39 วันที่: 19 มกราคม 2551 เวลา:11:47:30 น.  

 
 
 
 
 

โดย: jodtabean (loveyoupantip ) วันที่: 6 สิงหาคม 2554 เวลา:4:23:15 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

แถมสิน
 
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ไม่แนะนำ ข้าคือข้า อยากรู้ก็ดูเอา
ไม่อยากรู้ก็ออกไป....
Sorry all, i don't care what you fucking talk about.
[Add แถมสิน's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com