|
|
|
- ดีใจเพราะได้เจอคนที่แอบปลื้มอยู่ในใจ
- ย้ายบ้านใหม่ไป blogspot --> bfpinkerton.blogspot.com
- ให้สัมภาษณ์นักข่าว THES
- NYC Marathon draw
- Week 10 : Done with Presentation
- ช่วงนี้รู้สึกเครียด
- My Operatic World
- Endowment, Admission and everything you want to know.
- Feb 4 2006 , Historic Day of Thaiand
- week 3
- เล่าเรื่องเปิดเทอมใหม่ ( School is fun )
- เมื่อผมทดลองจัดอันดับ Ranking มหาวิทยาลัยแบบง่าย ๆ ด้วยตัวเอง
- Another Thank you letter
- Meet the Blogger- Life in Academia ( in USA)
- White Sox goes to World Series !!!
- PROOF (Miramax 2005)..why is it so special ?
- Nobel prize 2005 and other stuffs
- สัมภาษณ์ผ่าน e-zine
- Meet the like-mind
- Old student back to School..
- Meet the Bloggers
- Update จาก B.F.Pinkerton โดย บีเอฟ
- Update จาก B.F.Pinkerton โดย Scott
- เจอ Royalist ห้องสมุด
- ประชุมสมาคมอธิการบดีมหาวิทยาลัยนานาชาติ (IAUP XIV Triennial Conference)
- เข้ามารายงานตัว
- ชีวิต มธ
- My Life in Bangkok
- Done!!!! Goodbye the greatest Chicago School..
- กราบแทบเท้าหลวงปู่เหรียญ วรลาโภ
- Memorial Day BBQ
- เมื่อผมหน้าแตกระดับชาติกับ Barack Obama
- เริ่มอยากวิ่งอีกแล้ว..
- Thank God, I didn't go to Harvard (Hilarious)
- ไปเข้าฟัง Thesis proposal
- น้ำอบ..ปริเยศ..ราชดำเนิน..ปิ่น ปรเมศวร์ และ Midway
- Running in Stanford course
- ไปเยี่ยม Palo Alto (ตอน 1)
- อีก 9 weeks- มาดูปาร์ตี้นักเรียนนอก มหาลัยดัง (อิอิ)
- สวัสดีเทอม spring
- อัตราค่าเงินเดือนใหม่นักเรียนทุน กพ.ในอเมริกา..ทำเราปวดหัวใจ
- ศึกชิงนักเรียนระหว่าง มหาวิทยาลัยต่าง ๆ ในอเมริกา (Princeton, Yale, MIT,Stanford) คนไทยมีเอี่ยวไหม?
- My Singing Career (that never happened)
- Sleepless in Chicago - TU nostagia
- เล่าจากชิคาโก: หิมะตกอีกแล้ว
- Blog ของ Professors
- เล่าเรื่อย ๆ
- Finally- I got it
- Obsession !! Excitement !! Agitation !! you name it.
- ปาฏิหาริย์กับการสอบสัมภาษณ์ (รำลึกอดีต)
- Wednesday February 23, 2005: Judgment Day
- Harvard A to Z From Aab to Zeph Greek and everything Crimson in between
- นินทานักวิจัยใหญ่
- โดนยึดอมยิ้มเหมือนกัน
- จะตั้งใจเปลี่ยนนิสัยในการเล่นเวปบอร์ด
- Philantrophy
- Running- my most favorite sport.
- Francis Fukuyama
- Ronald Coase Lecture/ Francis Fukuyama
- General Election Day for Thailand: The unsolved puzzle of TRT in the South?
- Suicide Prevention Day, Maria Callas
- why blogging ? ทำไมถึงต้องมี blog (ของฉัน)
- Fighting with the evils.
- Need Discipline
- ไปเลือกตั้งผู้แทนมาแล้ว..เลือกเบอร์อะไรรู้ไหม?
- Vissi darte, vissi d'amore (I lived for art, I lived for love)
- Tosca: Recondita Armonia
- B.F.Pinkerton will see TOSCA today
- Workshop
- วิธีแก้ง่วง
- ง่วงทั้งวัน
- พายุหิมะ และ ชีเปลือย
- ง่วง ๆ มึน ๆ สุดท้ายมีของดีมาฝาก (for economist)
- สัปดาห์แห่ง Dr.Martin Luther King, Jr. (2)
- My face hurt , my lips bled
- สัปดาห์แห่ง Dr.Martin Luther King, Jr. (1)
- เพื่อนห้องไกลบ้าน(1)
- วันแรก กับ pantip blog
|
|
|
|
|
ศึกชิงนักเรียนระหว่าง มหาวิทยาลัยต่าง ๆ ในอเมริกา (Princeton, Yale, MIT,Stanford) คนไทยมีเอี่ยวไหม?
ตั้งชื่อหัวเรื่องเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศประจำปีของการประกาศผลรับสมัครเข้ามหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกา ฯ ในห้องไกลบ้านเขามีกระทู้สองภาคให้คนมาคุยกันว่าเข้ามหาวิทยาลัยที่ไหนได้บ้าง (ดูกระทู้) เป็นอย่างนี้ประจำทุก ๆ ปี ตั้งแต่ผมเริ่มเล่นมาอย่างเป็นทางการก็หลายปีมาแล้ว การตั้งกระทู้พูดคุยกันก็เป็นการช่วยกันแชร์ประสบการณ์ ความเครียด การลุ้นว่าจะได้ไปเรียนที่ไหนให้แก่กันและกัน นัยว่าดีกว่าการต้องนั่งลุ้นอยู่คนเดียว สำหรับผมมีความโปรดปรานในการเข้าไปสังเกตสังกาว่าเพื่อน ๆ ได้เรียนที่ไหนกันบ้างในแต่ละปี ตามประสาคนอยากรู้อยากเห็น
วันนี้จะเล่าจากประสบการณ์ของอีกฝั่งบ้าง คือฝั่งโรงเรียน เชื่อไหมว่าทาง admissions office ก็มีการลุ้นนักเรียนของเขาเหมือนกัน ไม่ว่าโรงเรียนไหน ก็อยากจะได้เด็กในกลุ่มที่ดีที่สุดให้เข้าไปเรียนในโรงเรียนของตัวเอง สาเหตุมีหลายอย่าง ง่าย ๆ คือยิ่งมีเด็กเก่ง ๆ เข้าไปมาก ก็จะสร้างผลสะเทือนให้กับหมู่เพื่อนนักเรียน (peer effect) ให้มีบรรยากาศทางวิชาการที่ดีขึ้น อีกอย่างการเรียนระดับ graduate นักเรียนเรียนรู้จากเพื่อนฝูงในชั้น ได้มากพอ ๆ กับ การเรียนจากอาจารย์ เพราะจะต้องใช้เวลาร่วมกันมากกว่า ยิ่งนักเรียนเก่ง ๆ มาช่วยกันเรียน มันก็จะยิ่งก้าวหน้าไปมาก นอกจากนั้นสาเหตุอีกอย่างที่โรงเรียนอยากได้เด็กเก่ง ๆ เข้าไปก็เพื่อชื่อเสียงของคณะ โอกาสจะได้ผลิตงานที่ดี เมื่อมีชื่อเสียงดี จบออกไปรายได้ดี ก็สามารถบริจาคเงิน (contribute)กลับมาให้โรงเรียนได้ เป็นลูกโซ่กันไป
ดังนั้นเพื่อที่จะให้ได้เด็กเก่ง ๆ มาอยู่กับตัวเองมากที่สุด โรงเรียนก็จะไม่ใช่แค่ตอบรับเฉย ๆ แต่จะแถมเงินและสวัสดิการต่าง ๆ ให้นักเรียนด้วย (เช่นค่าประกันสุขภาพ ค่าที่อยู่อาศัย ค่าใช้จ่ายจิปาถะ) ขึ้นอยู่กับว่าโรงเรียนมองเห็นว่านักเรียนคนนั้น ๆ มีค่าคู่ควรขนาดไหน เงินที่โรงเรียนจะจัดสรรให้ก็เป็นสัดส่วนในทำนองเดียวกันตามลำดับ อาจจะยกเว้นในกรณีโรงเรียนรวยมาก ก็จะให้เด็กเท่า ๆ กัน ทุกคน ว่ากันว่าสำหรับมหาวิทยาลัยใหญ่ ๆ คณะทำเงินอย่าง Business School, Finance, Engineering มีเงินให้เปล่าที่ไม่ใช่ค่าเทอมถึงเกือบสามหมื่นเหรียญ (หนึ่งล้านสองแสนบาท) ต่อปีทีเดียว !!!! โดยทั่วไปโรงเรียนใหญ่ ๆ ก็จะให้เงินประมาณ สองหมื่นเหรียญขึ้นไปต่อปี ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นกับสินทรัพย์ (endowment) ที่แต่ละโรงเรียนมี โรงเรียนรวยก็จะได้เปรียบกว่าโรงเรียนที่ไม่ค่อยมีสตางค์ อันนี้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของมหาวิทยาลัยในอเมริกาที่แตกต่างจากมหาวิทยาลัยของประเทศอื่น อาจจะเป็นเพราะการทำให้มหาวิทยาลัยกลายเป็นเอกชน และมีการแข่งขันกันในตลาดแรงงาน จะไม่เห็นปรากฎการณ์แบบนี้ในมหาวิทยาลัยของประเทศอังกฤษ หรือยุโรปอื่น ๆ สาเหตุนึงอาจจะเนื่องจากสินทรัพย์ที่มีอย่างมหาศาลของโรงเรียนในอเมริกา (มหาวิทยาลัยในอังกฤษที่พอจะติดอันดับบ้าง ก็คือ Oxford, Cambridge แต่ถ้าเอามูลค่าทรัพย์สินมาเทียบกันก็จะอยู่ประมาณที่ 15 ส่วนมหาวิทยาลัยอื่นๆ ในอังกฤษไม่ติดหนึ่งใน 150 อันดับ (อ้างอิง) )
นอกจากนั้น ก่อนถึงเวลาที่นักเรียนจะตัดสินใจเลือกโรงเรียนอย่างเป็นทางการ (15 เมษายน) โีรงเรียนต่าง ๆ ก็จะมีการจัดงาน open house แจกตั๋วเครื่องบินฟรีให้กับนักเรียน พร้อมที่พัก อาหาร ฟรี นำเที่ยวในเมืองอีกต่างหาก (ในกรณีโรงเรียนอยู่ในเมืองใหญ่ เช่น ชิคาโก, ซานฟรานซิสโก บอสตัน นิวยอร์ก) เรียกว่าเอาอกเอาใจสร้างความประทับใจว่าที่นักเรียนกันเต็มที่ แต่บางกรณีก็มีการเล่นแผลง ๆ (prank)จากคู่แข่ง เช่นในงาน open house ของคณะวิศวกรรม สแตนฟอร์ด ปีหนึ่งของพวกนักเรียน college มีการนำเสนอวีดีโอ presentation นัยว่าทำนอง Road to Stanford แต่โดนนักเรียนจาก MITแกล้ง hack โดยการเข้าไปเปลี่ยนเนื้อหาให้เป็นรูปลูกศร ชี้ไปที่ MIT แทน เป็นต้น ก็สนุกสนานดี แต่ผู้รับผิดชอบคงอับอายอยู่บ้าง
ดังนั้นอาจจะพูดอีกอย่างได้ว่า จริงๆ แล้วการเรียนในระดับปริญญาเอกของมหาวิทยาลัยในอเมริกา เปรียบได้กับการที่โรงเรียนต้องจ่ายเงินจ้างให้เราเรียน เพราะถือว่าเป็น opportunity cost ของนักเรียนที่ต้องเสียไป ( ตัวอย่างเช่น สมมติเขาเลือกที่จะลาออกจาก Mckinsey เพื่อมาเรียนต่อ PhD ต้นทุนค่าเสียโอกาสของเขาก็คงสูงมาก)
ดังนั้นโรงเรียนจะต้องพิจารณาหลาย ๆ ปัจจัยสำหรับเกมส์การแข่งขันแย่งชิงเด็ก เช่น 1) เปรียบเทียบระหว่างชื่อเสียงของคณะกับรายได้ที่จะให้นักเรียน โรงเรียนที่ดังกว่าแม้จะให้เงินน้อยแต่ก็อาจจะดึงดูดนักเรียนเก่งได้มากกว่า ตัวอย่างเช่น ม.ชิคาโก ให้เงินค่อนข้างน้อยมาก เพราะถือว่ามีอาจารย์ระดับรางวัลโนเบลอยู่เยอะ ในขณะที่โรงเรียนคู่แข่งให้เงินมากกว่าอย่างมหาศาล 2) เปรียบเทียบระหว่างโรงเรียนคู่แข่งว่าเขาให้เงินทุนกันเท่าไรอย่างไร เพื่อวางกลยุทธ์ เกมส์ครั้งนี้บางทีก็เล่นกันแรง ถึงขั้นเมื่อปีที่แล้วมีข่าวใหญ่เรื่องที่ทาง admissions office ของ Princeton แอบใช้คอมพิวเตอร์เจาะเข้าไปดูฐานข้อมูลของนักเรียนที่ได้รับการตอบรับจาก Yale 3) เปรียบเทียบกับทรัพยากรของคณะว่าควรจะลงทุนในการนี้อย่างไร จะลงทุนถูกต้องหรือไม่ เพราะมีปรากฏในหลาย ๆ กรณีว่า นักเรียนคนที่ได้ทุน เรียน ๆ ไปแล้วสอบไม่ผ่าน หรือเลิกราจากการเรียนไปด้วยสาเหตุอื่น ซึ่งถือว่าทำให้โรงเรียนเสียเงินลงทุนไปฟรี ๆ ดังนั้น Director of Admissions จะต้องพิจารณาให้ดี ก่อนจะตัดสินใจรับ ถ้าตัดสินใจผิดพลาดก็หมายถึงเงินหลาย ๆ หมื่นเหรียญที่เสียไปฟรี ๆ ในการลงทุน
อีกประเด็นที่น่าสนใจคือในการพิจารณาทุนช่วยเหลือ ส่วนใหญ่มหาวิทยาลัยในอเมริกาจะไม่มีการแบ่งแยกว่าเป็นนักเรียนต่างชาติหรืออเมริกัน ถ้าหากความสามารถ คุณสมบัติถึงเกณฑ์ ก็มีสิทธิได้รับเงินเช่นกัน และสัดส่วนของนักเรียนต่างชาติที่ได้รับเงินสนับสนุนอาจจะมากกว่านักเรียนอเมริกันเสียด้วยซ้ำไป ท่านอาจจะไม่ทราบว่าตอนนี้เกิดปัญหาการขาดแคลนแรงงานในมหาวิทยาลัย เคยได้รับฟังจากศาสตราจารย์ของ ม.สแตนฟอร์ด คนนึงเล่าว่า ในช่วงหลัง 911 ทางการสหรัฐ ฯ เข้มงวดกับการอนุญาตให้นักเรียนต่างชาติเข้ามาเรียนในอเมริกา ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนมากที่สุดก็คือบรรดามหาวิทยาลัยต่าง ๆ นั่นเองเพราะขาดแคลนแรงงานต่างชาติ (นักเรียน grad student ถือเป็นแรงงาน high skill แต่ low wage นะ) วงการวิจัยของอเมริกาก็ต้องพึ่งพิงแรงงานต่างชาติราคาถูกพวกนี้เช่นกัน ดังนั้นต่อมาจึงได้รายงานให้รัฐบาลได้ตระหนักถึงข้อเท็จจริงอันนี้ เพื่อให้ผ่อนคลายกฎเกณฑ์ลง
นักเรียนจากประเทศจีน อินเดีย เขาเข้าใจตรงจุดนี้ ส่วนใหญ่จึงสมัครมาจากประเทศของตัวเองแบบเสื่อผืน หมอนใบ มาหวังทุนจากมหาวิทยาลัยอเมริกัน ซึ่งส่วนใหญ่ก็คงจะทำได้สำเร็จ ด้วยการทำงานอย่างหนัก ต่างจากนักเรียนไทยซึ่งไม่ค่อยเห็นว่ามีใครจะได้โอกาสมาเรียนต่อแบบสู้ชีวิตเท่าไร ส่วนใหญ่คนที่มาเรียนในมหาวิทยาลัยดี ๆ ก็มักจะได้ทุนจากที่ใดที่หนึ่งมาก่อน อาจจะเป็นเพราะ คะแนน GRE, TOEFL ของนักเรียนไทยส่วนใหญ่ยังไม่สูงพอที่จะ qualify ทุน หรือยังไม่มีทักษะในการติดต่อเจรจากับทางมหาวิทยาลัยมากเท่ากับคนจีน อินเดีย ที่เขามีการติดต่ออาจารย์ต่าง ๆ เพื่อเสนอตัวไปเป็นผู้ช่วยวิจัย ขอทุน ฯลฯ จริง ๆ จะว่าไปแล้วค่าเทอมของมหาลัยในอเมริกาค่อนข้างแพงมาก (สมมติวิชาละสองพันเหรียญ ก็เท่ากับวิชาละแปดหมื่นบาท !!!) แต่ถ้าเราสามารถสมัครขอทุนได้ ก็จะประหยัดไปได้มากทีเดียว
คิดว่าน่าจะต้องพยายามประชาสัมพันธ์ให้คนไทยได้เข้ามาโดยช่องทางนี้มากขึ้น เป็นการประหยัดงบประมาณให้ประเทศชาติ แถมได้เข้าไปใช้ทรัพยากรของเขา ไม่ใช่รัฐบาล (ก.พ.) ไม่แนะแนว กลับส่งเสริมให้เอาเงินไปเสียให้เขาอย่างเดียวโดยไม่มีการวางแผน ทำไปตามมีตามเกิด แบบเดิม ๆ
Create Date : 20 มีนาคม 2548 |
|
30 comments |
Last Update : 20 มีนาคม 2548 6:20:46 น. |
Counter : 3864 Pageviews. |
|
|
|
|
|
| |
โดย: Paddington Y. IP: 202.57.178.26 20 มีนาคม 2548 0:46:13 น. |
|
|
|
| |
โดย: ฮ ฮฮ IP: 61.90.90.253 20 มีนาคม 2548 1:34:18 น. |
|
|
|
| |
โดย: ผมคือ... (นายกาเมศ ) 20 มีนาคม 2548 1:56:19 น. |
|
|
|
| |
โดย: ซีบวก IP: 128.180.49.225 20 มีนาคม 2548 10:03:38 น. |
|
|
|
| |
โดย: X-CU (X-CU ) 20 มีนาคม 2548 10:24:30 น. |
|
|
|
| |
โดย: prncess 20 มีนาคม 2548 13:32:53 น. |
|
|
|
| |
โดย: Paddington Y. IP: 202.57.180.79 20 มีนาคม 2548 19:53:30 น. |
|
|
|
| |
โดย: บีเอฟ IP: 68.21.7.157 20 มีนาคม 2548 20:26:20 น. |
|
|
|
| |
โดย: ctb IP: 24.131.188.98 20 มีนาคม 2548 21:19:55 น. |
|
|
|
| |
โดย: ctb IP: 24.131.188.98 20 มีนาคม 2548 21:26:33 น. |
|
|
|
| |
โดย: B.F.Pinkerton IP: 68.21.7.157 20 มีนาคม 2548 21:46:49 น. |
|
|
|
| |
โดย: ปริเยศ (Pariyed ) 21 มีนาคม 2548 10:52:57 น. |
|
|
|
| |
โดย: no-i IP: 69.162.53.234 23 มีนาคม 2548 3:22:40 น. |
|
|
|
| |
โดย: Pacifist IP: 84.154.108.23 24 มีนาคม 2548 21:34:15 น. |
|
|
|
| |
โดย: BF IP: 68.21.7.157 25 มีนาคม 2548 0:43:57 น. |
|
|
|
| |
โดย: If you know me, don't tell others IP: 144.82.106.46 25 มีนาคม 2548 5:39:40 น. |
|
|
|
| |
โดย: BF IP: 68.21.7.157 25 มีนาคม 2548 7:07:08 น. |
|
|
|
| |
โดย: BF IP: 68.21.7.157 25 มีนาคม 2548 7:19:56 น. |
|
|
|
| |
โดย: If you know me, don't tell others IP: 144.82.106.52 25 มีนาคม 2548 8:08:41 น. |
|
|
|
| |
โดย: ขงเบ้ง IP: 58.10.115.38 28 มีนาคม 2549 2:38:22 น. |
|
|
|
| |
โดย: Lt Pam IP: 61.47.122.213 10 เมษายน 2549 18:16:05 น. |
|
|
|
| |
โดย: Prakul IP: 192.99.14.34 10 กุมภาพันธ์ 2559 22:56:15 น. |
|
|
|
|
|
|
|