Taking Woodstock: coming-of-age กับยุค 60
Taking Woodstock เป็นภาพยนตร์เรื่องล่าสุดจากผู้กำกับระดับออสการ์ อั้งลี่ ที่ได้รับเสียงปรบมือ และชื่นชมอย่างล้นหลาม ในวันเปิดฉายรอบปฐมทัศน์ที่เข้าฉาย ในเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ ประเทศฝรั่งเศส ดัดแปลงมาจากชีวิตจริงของเกย์หนุ่ม เอลเลียต ไทเบอร์ (ดมิทรี มาร์ติน) ที่ได้มีโอกาสช่วยทางบ้านทำงานที่โรงแรม เอล โมนาโก ที่เกือบต้องเจ๊ง ถ้าเอลเลียตไม่ได้บังเอิญไม่ได้มาทราบข่าวเรื่องการห้ามจัดงานมหกรรมดนตรีกลางแจ้งในเมือง Wallkill ซะก่อน เอลเลียตจึงใช้โอกาสนี้ติดต่อผู้จัดงาน ด้วยการขออนุญาตจากเทศกาลดนตรีคลาสสิก งานมหกรรมดนตรีกลางแจ้ง วู้ดสต็อก นั้นจัดครั้งแรกเมื่อวันที่ 15-19 สิงหาคม 1969 การจัดงาน 3 วัน มีแฟนเพลงขาร็อกเข้าชมมากกว่า 4.5 แสนคน เป็นการเปิดประวัติศาสตร์เพลงร็อกหน้าใหม่ในอเมริกาอย่างยิ่งใหญ่ จนทำให้มีการจัดคอนเสิร์ตนี้เป็นประจำต่อเนื่องทุกปี การเข้าร่วมงานมหกรรมดนตรีกลางแจ้งของกลุ่มฮิปปี้นับแสนนอกจากจะเป็นสิ่งที่ช่วยให้ครอบครัวของเอลเลียตไม่ต้องสูญเสียกิจการไป และเป็นการนำเอายุคแห่ง "รักเสรี" เข้ามาให้ชาวเมืองได้สัมผัสแล้ว ยังเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้เอลเลียตตัดสินใจเลือกทางเดินครั้งสำคัญในชีวิตอีกด้วย เราไม่ได้เห็นฉากศิลปินนักร้องมาร้องเพลงให้ดูบนจอ เพราะว่าดนตรีกลางแจ้งที่ว่านี้มีหน้าที่เป็นแค่ "ฉากหลัง" ของเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับเอลเลียตและผู้คนที่ได้พูดคุยด้วย โดยเฉพาะด้านการใช้องค์ประกอบเปรียบต่างกับทัศนคติของแต่ละตัวละคร โดยเฉพาะตัวละครที่เป็นคนเมืองวู้ดสต็อกที่ไม่ยอมรับดนตรีกลางแจ้งครั้งนี้ ซึ่งหนังแสดงให้เห็นความใจแคบของคนเหล่านี้อย่างชัดเจน ในทางกลับกัน ตัวละครอื่นกลับมองสถานการณ์ต่างออกไป อย่างเช่น เจค ทีชเบิร์ก (เฮนรี่ กู้ดแมน) พ่อของเอลเลียตซึ่งเป็นตัวละครที่น่าสนใจในเรื่องนี้ ไม่ใช่แค่เพราะว่าเป็นคนคอยบอกทางบนทางหลวงให้แก่คนที่มาร่วมชมดนตรีกลางแจ้ง หรือกระทั่งทหารคนหนึ่งที่บอกว่าเจ้าตัวแอบหวังว่าจะได้อัดพวกฮิปปี้ที่มาร่วมงาน กลับต้องมนต์เสน่ห์ของดนตรีกลางแจ้งเข้าโดยไม่รู้ตัว รวมถึงวิลมา (ลีฟ ชรีเบอร์) อดีตนาวิกโยธินที่แต่งหญิงมาคุมงาน โดยทำหน้าที่เป็นผู้ตรวจตรารายละเอียดทุกกระเบียดนิ้วในโรงแรม เอล โมนาโก การปรากฏตัวของวิลมาเปรียบได้กับการส่งสัญญาณให้เอลเลียตตระหนักถึงความเป็นจริงว่าถึงเวลาต้องใช้ชีวิตที่เป็นตัวของตัวเองได้แล้ว วิลมาพบกับความสงบสุขในชีวิตได้โดยไม่ต้องพยายามแบบที่ชาวบ้านพยายามกัน ซึ่งเป็นแบบอย่างให้กับเอลเลียตอีกด้วย เราทุกคนล้วนมีความซับซ้อนอยู่ในตัว แต่การที่องค์ประกอบอย่างประสบการณ์ในสงคราม การแต่งตัวผิดเพศ และคุณธรรมความดี จะมารวมกันอยู่ในคนๆเดียวได้นั้นเป็นเรื่องที่ชวนให้เอาไปคิดต่อ แต่ทั้งหมดที่ว่ามานั้นรวมอยู่ด้วยกันได้จริงๆ และความขัดแย้งทั้งหลายนี้ไม่เป็นปัญหาต่อวิลมาเลย แต่ถ้าใครสักคนมองว่านี่คือปัญหา ก็เพราะว่าคนคนนั้เชื่อว่ามันคือปัญหา วิลมาเป็นตัวแทนของแรงขับดันทางธรรมชาติ เมื่อเป็นธรรมชาติก็ย่อมหนีไม่พ้นความเปลี่ยนแปลง ไม่ต่างจากตัวละครอื่นๆ วิลมาเป็นตัวแทนของความขัดแย้งสับสน ซึ่งไม่ได้ขัดแย้งแต่เฉพาะเรื่องเพศสภาพเท่านั้น แต่ยังสับสนในเรื่องตัวตนที่แท้จริงอีกด้วย ความขัดแย้งสับสนเหล่านี้แหละคือจุดที่น่าสนใจที่สุดในบทวิลมาที่ไม่เคยหยุด "ความเป็นชาย" แต่ก็ไม่หยุดที่จะก้าวไปสู่ "ความเป็นหญิง" วิลมาแค่เป็นในสิ่งที่ตัวเองเป็นและไม่ใส่ใจว่าใครจะตัดสินเธอยังไง ตัวละครที่แสดงให้เห็นถึงความสับสนในใจมากที่สุดในเรื่องคือ ซอนย่า ทีชเบิร์ก (อิเมลด้า สตอนตัน) แม่ของเอลเลียต จนทำให้เรารู้สึกว่าหนังน่าจะมีรายละเอียดภูมิหลังของตัวละครนี้มากกว่านี้ สตอนตันแสดงให้เราเห็นถึงตัวละครที่ผ่านความทุกข์ยากลำบากมาเกือบตลอดทั้งชีวิต แต่ก็ยังทำตัวเห็นแก่ตัวได้อีก ซึ่งเราได้เห็นว่าตัวตนที่แท้จริงของซอนย่าที่ซ่อนอยู่ข้างในว่าเป็นยังไงเป็นครั้งแรกในชีวิตเธอ ในฉากที่เจคกับซอนย่ากินขนมบราวนี่ยัดไส้กัญชา กู้ดแมนในบทของเจคได้แสดงบทบาทมากกว่าคนอื่นตรงที่ได้เล่นฉาก "ทำความเข้าใจชีวิต" และสนับสนุนให้เอลเลียตทำตามความฝันของตัวเอง แต่สตอนตันกลับไม่ได้โอกาสแสดงในฉากที่สำคัญเท่าๆกัน ถ้าอยากรู้ว่างานมหกรรมดนตรีกลางแจ้งจริงๆเป็นยังไง แนะนำให้ดูเรื่อง Woodstock ปี 1970 จะได้อารมณ์กว่า แต่อย่าลืมว่า ชื่อเรื่อง Taking Woodstock น่าจะบอกเป็นนัยได้ว่า หนังเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับงานมหกรรมดนตรีกลางแจ้ง แต่เกี่ยวกับ "เจตนา ความรู้สึก และ จิตวิญญาณ" ของงานมหกรรมดนตรีมากกว่า นั่นหมายถึงสิ่งที่คนที่เกี่ยวข้องกับงานมหกรรมดนตรีกลางแจ้งครั้งนี้หวังและทำสิ่งที่หวังให้สำเร็จตามตั้งใจ ผ่านการเล่าเรื่องแบบ coming-of-age ที่เปิดเผยชีวิตความเป็นอยู่ของกลุ่มชนในยุค 60
Create Date : 28 กันยายน 2552
2 comments
Last Update : 20 ตุลาคม 2552 2:11:08 น.
Counter : 1394 Pageviews.
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [? ]
ว่างจากงานเขียนที่ Movie and Music / Pattaya Press / Movieseer.com / Cinema in Review ก็รับงานบรรยายกลุ่มเล็กๆสอนวิชา Women and Cinema, Aspects of Cinematic Artistry, Between the Frames: How to Watch and Why, Literature and Cinema, LBGT Cinema, และ Literary Approaches to Film Criticism มีคำถามอะไรก็ M มาคุยกันได้ครับ *** หมายเหตุ : สงวนลิขสิทธิ์ บทความและผลงาน ใน Blog นี้ ***
1 2 3 4 5
6 7 8 9 10 11 12
13 14 15 16 17 18 19
20 21 22 23 24 25 26
27 28 29 30