สุดแต่ใจจะไขว่คว้า สุดแต่ใจจะไขว่คว้า สุดแต่ใจจะไขว่คว้า
=สุดแต่ใจจะไขว่คว้า ^_^ สุดแต่ใจจะไขว่คว้า=
Group Blog
 
 
ตุลาคม 2555
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
4 ตุลาคม 2555
 
All Blogs
 
Blog เนียน ๆ เขียนดีได้ตัง

บล็อกเนียนๆ เขียนดีได้ตังค์

ประเด็นร้อนในห้องแป้งแห่งพันทิป จากเคยเชื่อสนิทใจในรีวิวของบล็อกเกอร์ตัวพ่อตัวแม่

จนสินค้าขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ก่อนจะพบว่าสุดท้ายก็ "ปาหี่"

เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า.. บล็อกเกอร์ไร้จรรยาบรรณ หรือ คนอ่านไร้สติ?

เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ได้มีเจ้าของล็อกอิน Zurina เข้ามาตั้งกระทู้ในโต๊ะเครื่องแป้ง

เวบไซต์พันทิป ทำนองแฉความจริงเบื้องหลังการรีวิวของบิวตี้บล็อกเกอร์ว่า มีหลายรายที่

"รับเงิน" เพื่อนำสินค้ามาโฆษณาแบบเนียนๆ

โดยเรทราคาก็หลากหลาย และต้องขึ้นอยู่กับความดังที่วัดได้จากยอด "คลิกไลค์" หรือ

จำนวน "แฟนเพจ" ของบิวตี้ บล็อกเกอร์รายนั้นๆ ทำเอาเกิดความแตกตื่นในหมู่สาวๆ ผู้

คลั่งไคล้ในการติดตามการรีวิวของบรรดาตัวพ่อตัวแม่

แม้รายละเอียดปลีกย่อยของการแฉติดตามหาอ่านมหากาพย์ได้ในพันทิป แต่ประเด็นที่

น่าขบคิดต่อจากเรื่องดราม่านั้น กลับอยู่ตรงที่ "สถานะ" ของบล็อกเกอร์ ที่กำลังแปร

เปลี่ยนไปเมื่อมีอำนาจเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง

จากการนำเสนอเรื่องราวเหมือนเพื่อนบอกเพื่อน ชนิดเล่าสู่กันฟัง กลับกลายมาเป็น

เพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อ ปากก็ชมว่าสินค้าตัวนี้ดีอย่างนั้นอย่างโน้น อาจจะติบ้างนิดหน่อย (

เพื่อความเนียน) แต่มือก็กำเงินไว้แน่น และที่สำคัญคือ "ซ่อนไว้ข้างหลัง" อย่างแนบเนียน
นัก "รีวิว" มือทอง

อันที่จริงแล้ว บล็อกเกอร์ที่ทำการ "รีวิว" เป็นอาชีพนั้น เกิดขึ้นมาได้หลายปีแล้ว ทั้งใน

แวดวงเครื่องสำอาง ท่องเที่ยว โรงแรม ร้านอาหาร โดยเริ่มต้นจากการเชิญมางานเปิด

ตัวสินค้าโดยไม่ได้จ่ายอามิสสินจ้าง แต่บล็อกเกอร์รายนั้นจะรับสินค้ากลับบ้านไปเชยชม

และเขียนรีวิวแบบถ้อยทีถ้อยอาศัย (เดี๋ยวงานต่อไปจะไม่ได้รับเชิญและอดได้ของไปใช้

ฟรีๆ) ซึ่งปฏิบัติกันเป็นกิจวัตรและเป็นที่ยอมรับได้โดยทั่วไป

จนต่อมาก็ได้ยกระดับ พัฒนาสู่การซื้อขายเต็มรูปแบบ ในหลายเรทราคา หลายข้อตกลง

มีทั้งราคาเชิญมาร่วมงาน อาจจะเป็นงานเปิดตัวสินค้า เวิร์คชอปผลิตภัณฑ์ ซึ่งก็ยังแยก

ย่อยลงไปอีก ว่าจะให้หาแฟนคลับมาเข้าร่วมด้วยหรือไม่ เอากี่หัว คิดราคาอย่างไร ต้อง

เอาผลิตภัณฑ์ตัวอย่างกลับไปทำกิจกรรมแจกให้กับแฟนคลับซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายโดย

ตรงได้ทดลองใช้หรือไม่ เป็นต้น

ส่วนนักรีวิวโรงแรม ร้านอาหาร ก็จะทำนองเดียวกัน คือ มีทั้งให้มาเที่ยวฟรี พักฟรี กินอยู่

สุขสบาย ซึ่งหลายคนก็รู้สึกโอเคแล้วกับประสบการณ์ 5 ดาวแต่เงินในกระเป๋ายังอยู่ครบ

แต่แค่นั้นคงไม่พอสำหรับนักรีวิวผู้คิดการใหญ่ที่ร้องขอผลตอบแทนในรูปของ "ตัวเงิน"

แลกกับการันตีงานเขียนว่า มีแต่ชม ไม่มีด่า หรือบางรายก็ยอมให้ถึงขั้นส่งงานให้ตรวจ

ก่อน เพื่อความพึงพอใจของคุณลูกค้าที่รัก

ไม่ว่าจะเป็นการจ้างรีวิวสินค้าความงาม โรงแรม ร้านอาหาร สนนราคาค่า "รีวิว" ก็อยู่ใน

เรทใกล้เคียงกัน คือ หลักหมื่นต้นๆ สำหรับการทำงานต่อครั้ง หรือ บางคนขายเป็นแพ็ค

เกจก็อาจบวกราคาได้มากหน่อย เพราะทำหน้าที่คล้ายสาวเชียร์เบียร์กลายๆ กระตุ้น

ยอดขายให้ลูกค้าสุดฤทธิ์

แน่นอนว่า ไม่มีบล็อกเกอร์คนไหน จะออกมายอมรับเต็มปากเต็มคำว่า มีพฤติกรรมทำ

เนียนรับเงินสำหรับการรีวิวอวยสินค้ามาแล้วนับไม่ถ้วน และจากปากคำพีอาร์สาวราย

หนึ่งที่ดูแลสินค้าความงามทั้งแมสโปรดัคท์ จนถึง เคาน์เตอร์แบรนด์ ก็ยืนยันว่า "เท่าที่

เคยติดต่อไป ยังไม่มีคนไหนที่ไม่รับเงิน"

พีอาร์ที่เคยรับงานโปรโมทโรงแรมหรูแห่งหนึ่ง เล่าว่า ตอนที่ทำลิสท์เชิญบล็อกเกอร์มา

รีวิวนั้น "มีเดีย เอเยนซี" เจ้าหนึ่งซึ่งเชี่ยวชาญงานด้านดิจิทัล มาร์เก็ตติ้ง ได้ยื่นลิสต์ราย

ชื่อบล็อกเกอร์พร้อมรายละเอียดโดยสังเขปว่า คนไหนเขียนงานสไตล์ไหน มียอดเข้าชม

เท่าไหร่ จำนวนแฟนเพจหรือยอดคลิกไลค์เป็นอย่างไร และ ที่สำคัญคือ คิดราคาถูกแพง

แค่ไหน อย่างไร

"จำได้แม่นเลยว่า ตัวเลขที่เห็นที่บล็อกเกอร์โค้ดราคามา คือ 2 หมื่นบาท สำหรับการรีวิว

โรงแรม โดยไม่ให้ตรวจงานเขียนด้วย" พีอาร์สาวบอก

"เออี" สาวอีกรายที่รับหน้าที่ดูแลแผนประชาสัมพันธ์ให้กับผลิตภัณฑ์ความงามและต้องมี

เหตุให้ต้องใช้บริการบล็อกเกอร์อยู่บ่อยๆ ทั้งที่ส่วนตัวเธอเห็นว่าไม่จำเป็น แต่เนื่องจาก

เป็นความต้องการของลูกค้าจึงต้องทำตามนั้น

เธออธิบายถึงการคัดเลือกว่างานไหนจะใช้บล็อกเกอร์ หรือ นักรีวิว คนไหนจึงจะเหมาะสม

โดยต้องดูแคแรคเตอร์ของนักรีวิวหรือบล็อกเกอร์รายดังกล่าว ว่าสอดคล้องกับโพสิชั่น

ของสินค้าตัวนั้นๆ หรือไม่ หากเป็นบล็อกเกอร์ที่ดังเรื่องรีวิวสินค้าระดับไฮเอ็นด์แล้วอยู่ดีๆ

เกิดมารีวิวสินค้าแมสโปรดัคท์ โดยบอกว่า "ดี" นั้น ก็คงจะไม่เนียนเท่าไรนัก

"จริงๆ ถ้าเป็นเคาน์เตอร์แบรนด์ หรือแบรนด์ที่มีราคาแพงหน่อย บางครั้งก็ไม่ต้องจ่าย

สตางค์ เพราะแค่ราคาสินค้าที่ส่งไปให้ทดลองใช้ก็มากอยู่แล้ว ส่วนที่จ่ายเงินนั้น ก็จะทำ

ในกรณีที่ต้องการการันตีว่า จะได้รับการีวิวในทางบวกแบบเนียนๆ ซึ่งคนพวกนี้เขาจะมี

ทริค โดยอาจจะบ่นหรือติข้อเสียบ้างเล็กน้อย เฉพาะที่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ และตบท้าย

ด้วยการชั่งน้ำหนักแล้วพบว่า มีข้อดีมากกว่าข้อเสีย คุ้มค่ากับการหาซื้อมาใช้ ทำนองนั้น"

เออีสาว บอก

สำหรับการจ้างรีวิวที่เออีสาวรายนี้ทำอยู่ เธอ ยืนยันว่า

"ทุกงานจะต้องส่งมาให้ตรวจก่อน สิ่งที่ดูอย่างแรกและซีเรียสที่สุดเลยคือ ชื่อสินค้าห้าม

ผิด คีย์เมสเสจต้องได้ตามที่บรีฟไป ส่วนที่เหลือนั้นก็แล้วแต่สไตล์การรีวิวของบล็อกเกอร์

แต่ละราย"
กฎ กติกา มารยาท

คงไม่มีใครไม่ยอมรับในเวบไซต์สองพี่น้องที่ทรงอิทธิพลอย่าง พันทิปดอทคอม

(pantip.com) ผู้พี่ และ บล็อกแก็งค์ดอทคอม (bloggang.com) ผู้น้อง ซึ่งเป็นแหล่ง

แจ้งเกิดและทำมาหากินของชาวเน็ตจำนวนมาก โดยปัจจุบันเวบไซต์พันทิปมีจำนวน

สมาชิกที่แอ็คทีฟในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาประมาณ 232,633 ราย ขณะที่สถิติการใช้งาน

Bloggang มีจำนวนคนเข้าอ่านที่มีการล็อกอินอยู่ที่ 28,031 ราย มีจำนวนบล็อกทั้งหมด

ที่เขียนทั้งปี 434,150 ครั้ง และมีจำนวนคนเขียนบล็อกทั้งปีอยู่ที่ 16,253 คน เฉลี่ยแล้ว

มีคนเขียนบล็อกอยู่ที่ประมาณ 1,200 บล็อกต่อวัน

ถ้าเปรียบเทียบกับชีวิตจริง คนเราอาจจะบอกต่อเรื่องใดเรื่องหนึ่งได้อย่างมากก็หลักสิบ

คน แต่หากเป็นโลกที่เปิดกว้างอย่างโซเชียลมีเดียเหล่านี้แล้ว สามารถคูณตัวเลขหลักร้อย

หลักพัน และ อาจถึงขั้นหลักหมื่น เข้าไปได้เลย!

นั่นคือ "จำนวนผู้อ่าน" ที่มหาศาล และที่สำคัญคือ สนใจในเรื่องที่กำลังอ่านอย่างแน่นอน

(ถ้าไม่สนใจ ก็คงไม่คลิก) จึงไม่น่าแปลกใจที่ทำไมนักการตลาดทั้งหลายต่างหันมาหยิบ

ใช้ช่องทางออนไลน์เพื่อแพร่กระจายข้อมูลสินค้าไปยังลูกค้าที่เป็นกลุ่มเป้าหมายใน

ราคาที่ถูกกว่าซื้อโฆษณาในสื่อดั้งเดิม (Traditional Media) อย่าง ทีวี หนังสือพิมพ์

นิตยสาร หลายเท่าตัวนัก

เรื่องนี้ทางเวบไซต์พันทิปเองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ โดย ฝ่ายสื่อสารสมาชิก  PANTIP.COM

ได้ให้สัมภาษณ์กับจุดประกาย เกี่ยวกับความพยายามจัดระบบระเบียบของการรีวิวให้

ชัดเจนมากขึ้น โดยมีการแยกพื้นที่หมวดหมู่ของการรีวิวให้ออกมาต่างหาก และยัง

รณรงค์ให้บล็อกเกอร์หรือผู้ที่มาตั้งกระทู้เขียนรหัสย่อของประเภทรีวิว ไว้ที่หน้าชื่อหัวข้อ

กระทู้ โดยระบุว่าเป็นรีวิวประเภทใด

CR - Consumer Review สำหรับรีวิวที่ผู้เขียนรีวิวเป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง

ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียน

รีวิว

SR - Sponsored Review สำหรับรีวิวที่มีผู้สนับสนุนสินค้าหรือบริการให้แก่ผู้เขียนรีวิว ผู้

เขียนรีวิวไม่ได้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง แต่ผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการ

เขียนรีวิว เช่น ร้านอาหาร เชิญให้ไปทานอาหารฟรี แต่ไม่ได้ให้อะไรตอบแทนในการ

เขียนรีวิว เป็นต้น

และประเภทสุดท้ายคือ BR - Business Review มีไว้สำหรับทำการค้าโดยเฉพาะ เป็น

การรีวิวสินค้าโดยเจ้าของสินค้านั้นๆ เลย ซึ่งต้องติดต่อทีมงานโดยตรง และห้ามทำการ

โพสท์ด้วยตัวเอง

จะเห็นว่าทั้งสามประเภทที่เอ่ยมา ไม่มีข้อไหนเปิดช่องให้มีการว่าจ้างให้มีการรีวิวได้

เพราะตามหลักการของพันทิปแล้ว ถ้าจะขายของก็ต้องเข้าไปโพสท์ในห้องที่จัดเตรียม

ไว้สำหรับเป็นพื้นที่ซื้อขายให้ถูกต้อง

แต่ทั้งนี้ กฎเกณฑ์ที่ว่านั้น ไม่ได้ถูกนำไปใช้ในบล็อกแก็งค์ เนื่องจากเป็นพื้นที่ส่วนตัว

ใครอยากจะเขียนอะไร ชมใคร โฆษณาให้ใคร ย่อมทำได้ทั้งนั้น แต่โดยทั่วไปแล้ว

สมาชิกขาประจำของพันทิปก็มักจะเขียนบล็อกอยู่ในบล็อกแก็งค์ด้วย ฉะนั้น หาก

สามารถสร้างชื่อเสียง หรือ สะสมแฟนคลับในพันทิปได้มากเท่าไหร่ ก็มีโอกาสที่จะให้

แฟนๆ ตามไปอ่านในบล็อกซึ่งขายได้เต็มที่กว่ามากเท่านั้น นอกจากนี้ก็ยังลามไปสู่สื่อ

สังคมออนไลน์อย่าง "เฟสบุ๊ค" ด้วย โดยนักรีวิวมืออาชีพและต้องพึ่งพาจำนวนแฟนเพ

จเพื่อเอาไปต่อรองราคากับเอเยนซี ก็จะพยายามบริหารช่องทางที่มีอยู่ในมือให้เกิด

ประโยชน์มากเป็นทวีคูณ

บางครั้งก็รวมตัวเป็นกลุ่มก้อนโดยคัดเฉพาะนักรีวิวชื่อดังมาผนึกกำลังกันเพื่อเพิ่มอำนาจ

การต่อรองกับเอเยนซี และยังเคยเป็นเรื่องเป็นราวกันถึงขั้นทำตัวคล้าย "มาเฟียคุมซอย"

คอยสะกัดดาวรุ่ง ที่อาจผงาดขึ้นมาแย่งที่ทางทำมาหากิน

เพราะเมื่อสื่อออนไลน์เปิดกว้างสำหรับทุกคน ฉะนั้น ความเสี่ยงที่จะตกกระป๋องย่อมมีสูง

ฉะนั้นสุดท้ายแล้ว ก็ต้องมาวัดกันที่ว่า ของต้องดีจริง ถึงจะอยู่ได้นาน

จากความเห็นของบรรณาธิการความงามจากนิตยสารชื่อดังฉบับหนึ่ง ที่รับรู้การเข้ามา

ของบิวตี้บล็อกเกอร์ในแวดวงความงามได้พักใหญ่แล้วนั้น เธอบอกว่า ที่ดีก็มี แต่ที่มั่วก็

เยอะ

"เคยอ่านรีวิวของบล็อกเกอร์ชื่อดังรายหนึ่ง ที่ทำการรีวิวรองพื้นยี่ห้อหนึ่ง และบอกว่าเป็น

รองพื้นที่ไม่มีคุณภาพ ไม่สมกับราคา และมีกลิ่นที่เปลี่ยนไป คล้ายรองพื้นที่ใกล้หมดอายุ

ที่จริงแล้วรองพื้นที่บล็อกเกอร์คนนั้นเอามารีวิวนั้น ไม่มีวางจำหน่าย และได้เลิกผลิตไป

เมื่อประมาณ 1-2 ปีก่อน" ทำเอาบรรณาธิการความงามรายนี้งงสุดๆ

ส่วนความเห็นของนักวิชาการด้านสื่ออย่าง ดร.มานะ ตรีรยาภิวัฒน์ อาจารย์สาขาวิชา

วารสารศาสตร์ ม.หอการค้าไทย ที่มองปรากฏการณ์เหล่านี้ว่าเป็นเรื่องของการตลาด ซึ่ง

เป็นธรรมดาที่นักการตลาดจะต้องพยายามสรรหาช่องทางใหม่ๆ เพื่อการส่งสารหรือ

ข้อมูลสินค้าไปยังกลุ่มผู้บริโภคที่ตรงกลุ่มมากขึ้น โดยเฉพาะงานวิจัยแทบจะทุกสำนักก็

บอกไม่ต่างกันว่า การอ่านรีวิวของบล็อกเกอร์มีอิทธิพลมากกว่าโฆษณาอย่างชัดเจน ก็

คงไม่มีนักการตลาดคนไหนปฏิเสธช่องทางดังกล่าว

"แต่อยากให้คิดว่า ผู้บริโภคไม่โง่ โดยถ้าเขาอ่านหรือซื้อสินค้าตามแล้วไม่ดี ไม่พอใจ หรือ

หากบล็อกเกอร์หรือนักรีวิวรายนั้นฮาร์ดเซลเกินไป เขาก็มีทางเลือกที่จะไปติดตามงาน

ของคนอื่นแทน

..ฉะนั้นถ้าบล็อกเกอร์คนไหนทำการรีวิวโดยคิดแต่เรื่องของตัวเงินเป็นหลัก ก็จะเหมือน

ฆ่าตัวตายในที่สุด"

                                  ที่มา: กรุงเทพธุรกิจ




Create Date : 04 ตุลาคม 2555
Last Update : 4 ตุลาคม 2555 17:25:02 น. 0 comments
Counter : 2834 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

bestyx
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]





เป็นคนเรียบง่าย สบาย ๆ ..คิดอะไรได้ช้า.. คิดไม่ค่อยทันคนอื่น...เขียนอะไรไม่ค่อยเป็น... เลยต้องหาสิ่งที่คนอื่นคิด สิ่งที่คนอื่นเขียน มาเก็บรวบรวมไว้อ่าน เพื่อให้ตนเองได้ฉลาดขึ้น เป็นคนที่ไม่ชื่นชอบหรือหลงใหลสิ่งใดเป็นพิเศษ ..แต่ก็ค้นหาหาไปเรื่อยๆ.. จนกว่าได้จะพบเจอ....แต่ดูเหมือนว่า ยิ่งค้นหาก็ .."ยิ่งยาก".. ที่จะพบ เพราะโลกกว้างใหญ่เกินไปที่มนุษย์ตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งจะเรียนรู้ได้หมด

Friends' blogs
[Add bestyx's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.