อะไร
ของเรา ด้วยการอยู่ในที่นี้"จึงออกจากกรุงสาวัตถีนั้นไปสู่กรุงราชคฤห์ เที่ยวบิณฑบาตอยู่ ยังกาลให้ล่วงไปแล้ว.
หญิงแพศยารับอาสาจะให้พระเถระสึกให้ได้
ต่อมาวันหนึ่ง มารดาบิดาของพระสุนทรสมุทรเถระนั้น เห็นพวกกุมารที่เป็นสหายของท่านกำลังเล่นอยู่ด้วยสิริโสภาคย์
๑- อันใหญ่ในวันมหรสพวันหนึ่งในกรุงสาวัตถี คร่ำครวญว่า "การเล่นชนิดนี้ บุตรของเราได้โดยยาก."
____________________________
๑- ความเป็นผู้มีส่วนงามด้วยสิริ.
ในขณะนั้น หญิงแพศยาคนหนึ่งไปสู่ตระกูลนั้นเห็นมารดาของพระสุนทรสมุทรเถระนั้นกำลังนั่งร้องไห้อยู่ จึงถามว่า"คุณแม่ เพราะเหตุไร? คุณแม่จึงร้องไห้."
มารดาพระสุนทรสมุทร. ฉันคิดถึงลูก จึงร้องไห้.
หญิงแพศยา. ก็บุตรนั้นไปที่ไหนเล่า? คุณแม่.
มารดาพระสุนทรสมุทร. บวชใน (สำนัก ) ภิกษุทั้งหลาย.
หญิงแพศยา. การให้ท่านสึกเสีย ไม่ควรหรือ?
มารดาพระสุนทรสมุทร. ควร แต่เธอไม่ปรารถนา, เธอออกจากกรุงสาวัตถีนี้ ไปสู่กรุงราชคฤห์.
หญิงแพศยา. ถ้าดิฉันพึงให้ท่านสึกได้ไซร้, คุณแม่พึงทำอะไร? แก่ดิฉัน.
มารดาพระสุนทรสมุทร. พวกฉันพึงทำเจ้าให้เป็นเจ้าของแห่งขุมทรัพย์ตระกูลนี้.
หญิงแพศยากล่าวว่า "ถ้าเช่นนั้น คุณแม่จงให้สินจ้างแก่ดิฉัน"ถือเอาสินจ้างแล้ว ไปสู่กรุงราชคฤห์ด้วยบริวารหมู่ใหญ่ กำหนดถนนที่เที่ยวบิณฑบาตของท่านได้แล้วยึดเอาเรือนเป็นที่พักหลังหนึ่งในที่นั้นตกแต่งอาหารที่ประณีตไว้แต่เช้าตรู่ แล้วถวายภิกษาในเวลาพระเถระเข้าไปบิณฑบาตโดยกาลล่วงไป ๒-๓ วัน นิมนต์ว่า "ท่านเจ้าข้า ขอท่านจงนั่งในที่นี้นี่แหละ ทำภัตกิจ" แล้วรับเอาบาตร.ท่านได้ให้บาตรแล้ว.
หญิงแพศยาออกอุบายเกลี้ยกล่อมพระเถระ
ครั้งนั้น หญิงแพศยานั้นเลี้ยงพระเถระนั้นด้วยอาหารอันประณีตเรียนว่า "ท่านเจ้าข้า การเที่ยวบิณฑบาตในที่นี้นี่แหละสะดวกดี"นิมนต์ให้พระเถระนั่งฉันที่ระเบียง ๒-๓ วันแล้ว เอาขนมเกลี้ยกล่อมพวกเด็กแล้วพูดว่า "พวกเจ้าจงมา ในเวลาพระเถระมาแล้ว แม้ฉันห้ามอยู่,พวกเจ้าพึงมาในที่นี้แล้ว (คุ้ย) ธุลีให้ฟุ้งขึ้น."
ในวันรุ่งขึ้น เวลาพระเถระฉันพวกเด็กเหล่านั้น แม้ถูกหญิงแพศยานั้นห้ามอยู่ ก็ (คุ้ย) ธุลีให้ฟุ้งขึ้นแล้ว.
ในวันรุ่งขึ้น หญิงแพศยานั้นเรียนว่า "พวกเด็ก แม้ดิฉันห้ามอยู่ก็ไม่ฟังคำของดิฉัน ยัง (คุ้ย) ธุลีให้ฟุ้งขึ้นในที่นี้ได้ขอท่านจงนั่งภายในเรือนเถิด"ให้ท่านนั่งภายในแล้ว นิมนต์ให้ฉันสิ้น ๒-๓ วัน,นางเกลี้ยกล่อมเด็กอีก พูดว่า "พวกเจ้า แม้ถูกฉันห้ามอยู่ พึงทำเสียงอึกทึก ในเวลาพระเถระฉัน."เด็กเหล่านั้นทำอย่างนั้นแล้ว.
ในวันรุ่งขึ้น นางกล่าวว่า "ท่านเจ้าข้า ในที่นี้มีเสียงอึกทึกเหลือเกินพวกเด็กแม้ดิฉันห้ามอยู่ ก็ไม่เชื่อถือถ้อยคำของดิฉันนิมนต์ท่านนั่งเสียในปราสาทเบื้องบนเถิด"
เมื่อพระเถระรับนิมนต์แล้ว ทำพระเถระไว้ข้างหน้า เมื่อจะขึ้นไปสู่ปราสาท ปิดประตูทั้งหลายเสีย จึงขึ้นไปสู่ปราสาท.
พระเถระ แม้เป็นผู้ถือการเที่ยวบิณฑบาตตามลำดับตรอกเป็นวัตรอย่างอุกฤษฏ์ถูกความอยากในรสพัวพันแล้ว จึงขึ้นไปสู่ปราสาท ๗ ชั้นตามคำของนาง.
หญิงแพศยาแสดงอาการ ๔๐ อย่างเกี้ยวพระเถระ
นางให้พระเถระนั่งแล้ว แสดงแง่งอนของหญิง ลีลาของหญิงซึ่งมาแล้วอย่างนี้ว่า
"เพื่อนผู้มีหน้าเอิบอิ่ม ได้ยินว่า หญิงย่อมเกี้ยวชายด้วยฐานะ ๔๐#- อย่างคือ
สะบัดสะบิ้ง ๑ ก้มลง ๑ กรีดกราย ๑ ชมดชม้อย ๑
เอาเล็บดีดเล็บ ๑ เอาเท้าเหยียบเท้า ๑ เอาไม้ขีดแผ่นดิน ๑
ชูเด็กขึ้น ๑ ลดเด็กลง ๑ เล่นเอง ๑ ให้เด็กเล่น ๑ จูบเอง ๑
ให้เด็กจูบ ๑ รับประทานเอง ๑ ให้เด็กรับประทาน ๑
ให้ของเด็ก ๑ ขอของคืน ๑ ล้อเลียนเด็ก##- ๑ พูดดัง ๑
พูดค่อย ๑ พูดคำเปิดเผย ๑ พูดลี้ลับ ๑
(ทำนิมิต) ด้วยการฟ้อน ด้วยการขับ ด้วยการประโคม
ด้วยการร้องไห้ ด้วยการเยื้องกราย ด้วยการแต่งตัว ๑
ซิกซี้ ๑ จ้องมองดู ๑ สั่นสะเอว ๑ ยังของลับให้ไหว ๑
ถ่างขา ๑ หุบขา ๑ แสดงถัน ๑ แสดงรักแร้ ๑ แสดงสะดือ ๑
ขยิบตา ๑ ยักคิ้ว ๑ เม้มริมฝีปาก ๑ แลบลิ้น ๑ เปลื้องผ้า ๑
นุ่งผ้า ๑ สยายผม ๑ เกล้าผม ๑" ยืนข้างหน้าของพระเถระนั้น แล้วกล่าวคาถานี้ว่า :-
"หญิงแพศยาผู้มีเท้าย้อมแล้วด้วยน้ำครั่ง สวม
เขียงเท้า (กล่าวแล้วว่า) แม้ท่านก็เป็นชายหนุ่มสำหรับ
ดิฉัน และแม้ดิฉันก็เป็นหญิงสาวสำหรับท่าน, แม้เรา
ทั้งสองแก่แล้ว มีไม้เท้ากรานไปข้างหน้าจึงจักบวช."
____________________________
#- มาในอัฏฐกถาชาดก กุณาลชาดก. กุณาลชาดก ##- กตมนุกโรติ ย่อมทำตามซึ่งกรรมอันเด็กทำแล้ว.
พระเถระชนะหญิงแพศยาเพราะอาศัยพระศาสดา
ครั้งนั้น ความสังเวชใหญ่ได้เกิดขึ้นแก่พระเถระว่า "โอหนอ! กรรมที่เราไม่ใคร่ครวญแล้วทำ หนัก."ในขณะนั้น พระศาสดาประทับนั่งอยู่ในพระเชตวัน ณ ที่ไกลประมาณ ๔๕ โยชน์นั่นแลทรงเห็นเหตุนั้นแล้ว ได้ทรงทำความยิ้มแย้มให้ปรากฏ.
ลำดับนั้น พระอานนทเถระทูลถามพระองค์ว่า"พระเจ้าข้า อะไรหนอแล? เป็นเหตุ,อะไร? เป็นปัจจัยแห่งการทรงทำความยิ้มแย้มให้ปรากฏ."
พระศาสดาตรัสว่า. อานนท์ สงครามของภิกษุชื่อสุนทรสมุทรและของหญิงแพศยา กำลังเป็นไปอยู่ บนพื้นปราสาท ๗ ชั้น ในกรุงราชคฤห์.
พระอานนท์ทูลถามว่า พระเจ้าข้า ความชนะจักมีแก่ใครหนอแล? ความ
ปราชัย
จัก
มีแก่ใคร?
พระศาสดาตรัสว่า "อานนท์ ความชนะจักมีแก่สุนทรสมุทร,ความ
ปราชัย
จัก
มีแก่หญิงแพศยา" ดังนี้แล้ว ทรงประกาศความชนะของพระเถระประทับนั่งในพระ
เชตวัน
นั้น
นั่นเอง ทรงแผ่พระรัศมีไป ตรัสว่า "ภิกษุ เธอจงหมดอาลัย ละกามแม้ทั้งสองเสีย"
ดังนี้แล้ว ตรัสพระคาถานี้ว่า :-
๓๒. | โยธ กาเม ปหนฺตฺวาน | อนาคาโร ปริพฺพเช |
| กามภวปริกฺขีณํ | ตมหํ พฺรูมิ พฺราหฺมณํ. |
| บุคคลใด ละกามทั้งหลายในโลกนี้แล้ว เป็น |
| ผู้ไม่มีเรือน งดเว้นเสียได้, เราเรียกบุคคลนั้น ผู้มี |
| กามและภพสิ้นแล้วว่า เป็นพราหมณ์. |
แก้อรรถ พึงทราบเนื้อความแห่งพระคาถานั้น (ดังนี้) :-
ความว่า บุคคลใด ละกามแม้ทั้งสองในโลกนี้แล้ว เป็นผู้ไม่มีเรือน งดเว้นเสียได้เราเรียกผู้นั้น ผู้มีกามสิ้นแล้ว และผู้มีภพสิ้นแล้ว ว่าเป็นพราหมณ์.
ในกาลจบเทศนา พระเถระบรรลุพระอรหัตแล้ว เหาะขึ้นไปสู่เวหาสด้วยกำลังแห่งฤทธิ์ทะลุมณฑลช่อฟ้าออกไปแล้ว ชมเชยพระสรีระพระศาสดาอยู่นั่นเทียว มาถวายบังคมพระศาสดาแล้ว.
พระศาสดาเป็นที่พึ่งของพระเถระ ภิกษุทั้งหลายสนทนากันแม้ในโรงธรรมว่า"ผู้มีอายุทั้งหลาย พระสุนทรสมุทรเถระอาศัยรสที่พึงรู้ด้วยลิ้น เกือบเสียท่า.แต่พระศาสดาเป็นที่พึ่งของเธอ."
พระศาสดาทรงสดับกถานั้นแล้ว ตรัสว่า"ภิกษุทั้งหลาย เราเป็นที่พึ่งของสุนทรสมุทรนั่น แต่ในบัดนี้เท่านั้นหามิได้,แม้ในกาลก่อน เราก็เป็นที่พึ่งของสุนทรสมุทรนั่น ผู้ติดอยู่ในรสตัณหาแล้วเหมือนกัน"
อันภิกษุเหล่านั้นทูลอ้อนวอนแล้ว ทรงนำอดีตนิทานมาเพื่อจะทรงประกาศเนื้อความนั้น ทรงยังวาตมิคชาดก
๑- นี้ให้พิสดารว่า :-
"ได้ยินว่า สภาพอื่นที่เลวกว่ารสทั้งหลาย คือ
การเคยชินกัน หรือการสนิทสนมกัน ย่อมไม่มี,
คนรักษาอุทยานชื่อสญชัย ย่อมนำเนื้อสมันตัวอาศัย
อยู่ในรกชัฏ มาสู่อำนาจได้ ก็เพราะรสทั้งหลาย." ดังนี้แล้ว ทรงประมวลชาดกว่า
"ในกาลนั้น สุนทรสมุทรได้เป็นเนื้อสมัน,ส่วนมหาอำมาตย์ของพระราชาผู้กล่าวคาถานี้แล้ว ให้ปล่อยเนื้อนั้นไป ได้เป็นเรานี้เอง."
____________________________
๑- ขุ. ชา. เอก. เล่ม ๒๗/ข้อ ๑๔. อรรถกถา ขุ. ชา. เอก. เล่ม ๒๗/ข้อ ๑๔.
เรื่องพระสุนทรสมุทรเถระ จบ.