๑. | มนุชสฺส ปมตฺตจาริโน |
| ตณฺหา วฑฺฒติ มาลุวา วิย |
| โส ปลวตี หุราหุรํ |
| ผลมิจฺฉํว วนสฺมึ วานโร. |
| ยํ เอสา สหตี ชมฺมี | ตณฺหา โลเก วิสตฺติกา |
| โสกา ตสฺส ปวฑฺฒนฺติ | อภิวฑฺฒํว พีรณํ. |
| โย เจ ตํ สหตี ชมฺมึ | ตณฺหํ โลเก ทุรจฺจยํ |
| โสกา ตมฺหา ปปตนฺติ | อุทพินฺทุว โปกฺขรา. |
| ตํ โว วทามิ ภทฺทํ โว | ยาวนฺเตตฺถ สมาคตา |
| ตณฺหาย มูลํ ขณถ | อุสีรตฺโถว พีรณํ. |
| มา โว นฬํ ว โสโตว | มาโร ภญฺชิ ปุนปฺปุนํ.
|
| ตัณหาดุจเถาย่านทราย ย่อมเจริญแก่คนผู้มีปกติ |
| ประพฤติประมาท. เขาย่อมเร่ร่อนไปสู่ภพน้อยใหญ่ ดัง |
| วานรปรารถนาผลไม้ เร่ร่อนไปในป่าฉะนั้น. ตัณหานี้ |
| เป็นธรรมชาติลามก มักแผ่ซ่านไปในอารมณ์ต่างๆ ใน |
| โลก ย่อมครอบงำบุคคลใด ความโศกทั้งหลายย่อมเจริญ |
| แก่บุคคลนั้น, ดุจหญ้าคมบางอันฝนตกรด แล้วงอกงาม |
| อยู่ ฉะนั้น. แต่ผู้ใดย่อมย่ำยีตัณหานั่นซึ่งเป็นธรรมชาติ |
| ลามก ยากที่ใครในโลกจะล่วงไปได้, ความโศกทั้งหลาย |
| ย่อมตกไปจากผู้นั้น เหมือนหยาดน้ำตกไปจากใบบัว |
| ฉะนั้น. เพราะฉะนั้น เราบอกกะท่านทั้งหลายว่า ความ |
| เจริญ จงมีแก่ท่านทั้งหลาย บรรดาที่ประชุมกันแล้ว ณ |
| ที่นี้ ท่านทั้งหลายจงขุดรากตัณหาเสียเถิด, ประหนึ่งผู้ |
| ต้องการแฝก ขุดหญ้าคมบางเสียฉะนั้น, มารอย่าระราน |
| ท่านทั้งหลายบ่อยๆ ดุจกระแสน้ำระรานไม้อ้อฉะนั้น. |