คุณเป็น"จน"แบบไหน
ถ้าลองสังเกตดุ เราจะพบว่ามนุษย์ส่วนใหญ่ มักไม่สนใจทำทาน และอาจจะเป็นเช่นนี้ ทุกยุคทุกสมัย ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ทุกมุมโลก มีคนจนอยู่มากมาย เรื่องคนจนนี้ พระราชภาวนาวิสุทธิ์ แบ่งไว้เป็น 3 ประเภทดังนี้
1.คนยากจน
หมายถึง คนที่ในอดีตถูกความตระหนี่เข้าครอบงำ จึงไม่สั่งสมทานกุศล วิบากแห่งความตระหนี่จึงผลักสมบัติออกไป ทำให้ลำบากยากจน ดังตัวอย่างเรื่องราวของพระโลสกติสสะเถระต่อไปนี้
พระโลสกเถระติสสเถระเกิดในตระกูลชาวประมง ในวันที่ท่านเกิด ชาวประมงในหมู่บ้าน หาปลาไม่ได้แม้แต่ตัวเดียว ต่อมากไฟไหม้หมู่บ้าน ๗ ครั้ง ชาวบ้านถูกพระราชาปรับสินไหม ๗ ครั้ง มารดาท่านก็หากินฝืดเคือง จึงให้ท่านแยกไปหากินเอง
เมื่ออายุ ๗ ขวบ ท่านเลือกเก็บข้าวที่เขาทิ้งไว้เอามากินทีละเม็ด เมื่ออุปสมบทแล้ว เวลาบิณฑบาต ได้ข้าวต้มมาแค่ กระบวยเดียว ชาวบ้านก็มองเห็นว่าท่านมีข้าวเต็มบาตรแล้ว
ต่อมาท่านบำเพ็ญเพียรจนบบรรลุอรหัตผล ในวันปรินิพพาน พระสารีบุตรพาท่านไปบิณฑบาตร แต่ไม่ได้อะไรเลย แม้แต่คนยกมือไหว้ก็ไม่มี พระสารีบุตจึงไปบิณฑบาตรมาถวาย และช่วยถือบาตรเอาไว้ในขณะที่ท่านฉัน เพราะเกรงว่าถ้าปล่อยบาตรจากมือ ในบาตรจะไม่มีอะไรเหลืออยู่เลย
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสถึงบุพกรรม (กรรมเก่า)ของท่านว่า ในอดีตชาติท่านเป็นภิกษุเจ้าอาวาส มีชาวบ้านฝากภัตตาหารใส่บาตรไปถวายพระอาคันตุกะซึ่งเป็นพระอรหันต์ แต่ท่านเอาภัตตาหารไปเททิ้งกองไฟ (มก.๕๖/๑)
ท่านทำลายภัตตาหารของพระอรหันต์ และทำลายการทำทานของชาวบ้าน ด้วยความอิจฉาและความตระหนี่ หวงแม้กระทั่งของที่ไม่ใช่ของๆตนเอง จึงต้องไปรับกรรมในนรกหลายแสนปี จากนั้นไปเกิดเป็นยักษ์ และสุนัขหลายร้อยชาติแต่ละชาติได้กินอิ่มก่อนตายเพียงมื้อเดียว
2. คนอยากจน
หมายถึงคนที่ดำเนินชีวิตด้วยความประมาท ตระหนี่หวงแหนทรัพย์ ไม่สั่งสมทานกุศล แม้มีทรัพย์มากก็ไม่ยอมทำทาน เพราะกลัวทรัพย์จะหมดไป วิบากกรรมแห่งความตระหนี่จะทำให้ต้องเกิดไปเป็นคนยากจน จึงเรียกว่า คนอยากจน ดังเรื่องของ อานันทเศรษฐีต่อไปนี้
อานันทเศรษฐีมีทรัพย์ ๘๐ โกฏิแต่เป็นคนตระหนี่มาก และสอนบุตรฃื่อมูลสิริให้ตระหนี่ด้วย เมื่อเศรษฐีตายไป วิบากกรรมกตระหนี่ทำให้ใจหม่นหมอง จึงไปบังเกิดเป็นลูกคนจัณฑาล ขณะอยู่ในท้องแม่ แม่หาเงินไม่ได้เลย อาหารจะกินยังไม่ค่อยมี ตระกูลคนจัณฑาลทั้งพันตระกูลในหมู่บ้านที่ทำมาหากินด้วยการรับจ้าง ก็ไม่ได้ค่าจ้างอีกเลย ได้อาหารแค่พอยังชีพเท่านั้น เมื่ออดีตเศรษฐีคลอดลูกออกมา ก็มีรูปร่างหน้าตาเหมือนปีศาจคลุกฝุ่น
เมื่อเติบโตพอเดินได้ แม่พาไปหากิน ก็ไม่เคยได้อะไร ชีวิตเต็มไปด้วยความฝืดเคือง แม่จึงแยกให้ไปหากินเอง ต่อมาผ่านบ้านที่เคยเกิดเป็นอานันเศรษฐี ก็ระลึกชาติได้ จึงเดินเข้าไปในบ้านที่เคยเป็นของตน มูลสิริบุตรเศรษฐีก็สั่งให้คนโยนเขาออกมาจากบ้าน พระศาสดาเสด็จบิณฑบาตผ่านมาตรัสบอกว่าเด็กคนนี้คือ อานันทเศรษฐี และเขาได้พิสูจน์ตัวเอง ด้วยการชี้บอกขุมทรัพย์ ๕ แห่งที่เคยฝังไว้ในบ้านเมื่อครั้งยังเป็น อานันทเศรษฐีได้ถูกต้อง (มก.๔๑/๑๘)
เพราะไม่รู้จักประโยชน์ของการทำทานจึงยากจนโดยไม่ได้ตั้งใจ
3.คนจนยาก
หมายถึงคนที่จะกลับมาจนอีกเป็นไปได้ยาก เพราะหมั่นสั่งสมทานกุศลอบยู่เป็นนิจ บุญจากการให้ทานนี้ จะมีอานุภาพดึงดูดภคสมบัติให้เกิดขึ้นเป็นเสบียงระหว่างเวียนว่ายตายเกิด ดังตัวอย่างของอนาถบิณฑิกเศรษฐี อนาถบิณฑกเศรษฐีบริจาคทานสร้างวัดพระเชตวันถวายเป็นที่ประทับของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและหมู่สงฆ์ และใช้เป็นที่เผยแผ่พระพุทธศาสนา โดยซื้อที่ดิน เป็นเงิน 18 โกฏิ ค่าก่อสร้างวิหาร 18 โกฏิ ค่าฉลองวิหาร 9 เดือน 18 โกฏิ รวมทั้งสิ้น 54โกฏิ (540 ล้านบาท)
ท่านรักการทำทานมาก ถวายภัตตาหาร น้ำปานะแด่พระภิกษุสามเณรทุกวัน วันละ 2 เวลาเป็นอย่างน้อยตลอดชีวิต ท่านได้บบรรลุธรรมเป็นพระโสดาบัน ถือศีล 5 บริสุทธิ์ พระสัมมาสัมพุทธเจ้ายกย่องให้ท่านเป็นเลิศกว่าอุบาสกทั้งหลายด้านการถวายทาน เมื่อละสังขารแล้วได้ไปเกิดในสวรรค์ชั้นดุสิต มีทิพยสมบัติอันโอฬาร ภพชาติเบื้องหน้าจะสมบูรณ์ด้วยทรัพย์สมบัติ รูปสมบัติและคุณสมบัติ ความยากจน หรือตกต่ำใดๆจะไม่บังเกิดกับท่านอีกตราบกระทั่งเข้าสู่นิพพาน(มก.๔๒/๑๗)
ที่มา: หนังสือชีวิตออกแบบได้
Create Date : 19 กรกฎาคม 2554 |
Last Update : 19 กรกฎาคม 2554 20:57:18 น. |
|
2 comments
|
Counter : 1499 Pageviews. |
|
|
|