Review : Surface Pro 3 โน้ตบุ๊กในคราบแท็บเล็ต



ครั้งแรกที่ได้เห็นเครื่องจริงและลองสัมผัสกับประสิทธิภาพของเครื่องทำให้รู้ว่า อนาคตของแท็บเล็ตกำลังจะเปลี่ยนไป ด้วยขนาดและรูปร่างที่สะดวกในการใช้งานและสะดวกในการพกพามากขึ้น ตลอดจนการใช้งานจากปากกาเพื่อการวาดเขียน หรือแม้กระทั่งการเขียนเพิ่มเติ่มในเอกสารที่สะดวกสบายร

       แน่นอนว่าการใช้งานที่หนักหน่วงของมืออาชีพนั้นต้องการตอบสนองความคล่องตัวที่เพิ่มขึ้น และ Surface Pro 3 ก็เข้ามาตอบโจทย์นี้ได้อย่างลงตัว ด้วยหน้าจอขนาด 12 นิ้วที่ไม่เล็กและใหญ่จนเกินไป แม้ว่าราคาจะออกมาสูงจนน่าตกใจ แต่เมื่อเทียบกับประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นก็น่าจะเป็นคำตอบได้อย่างดีว่าเหมาะสมกับคนทำงานเท่านั้น เพราะหากซื้อแล้วไม่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มจากอุปกรณ์ชิ้นนี้ได้ก็นับว่าเป็นราคาเปิดที่ต้องจ่ายแพงเอาการ



       Surface Pro 3 ยังคงจุดยืนแนวคิดที่จะทำให้เครื่องแท็บเล็ตที่สามารถพกพาและนำไปใช้งานได้อย่างสะดวกทุกที่ และความต้องการดังกล่าวก็สะท้อนออกมาได้อย่างลงตัว ด้วยความเบาและบางที่มากกว่าเดิมกว่า 30% ขณะที่ประโยชน์ใช้สอยเพิ่มมากขึ้น ด้วยความละเอียดของหน้าจอระดับ 2K จนทำให้ไอคอนเล็กลงและพื้นที่ใช้งานเพิ่มขึ้น อีกทั้งการพัฒนาด้านเสียงที่นับว่าตอบโจทย์การใช้งานด้านมัลติมีเดียมากขึ้น ช่วยเพิ่มความดังขึ้นด้วยระบบ Dolby รอบทิศทางทาง แถมอัดแน่นอนด้วยประสิทธิภาพจากชิปรุ่นใหม่ล่าสุดของ Intel Core i Gen 4 ยิ่งช่วยยืนยันได้ถึงความสามารถที่จะรองรับการทำงานทุกรูปแบบได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ คุณสมบัติทั้งหมดจึงชัดเจนว่ากลุ่มผู้ใช้ Surface Pro 3 ย่อมไม่ใช่เพียงผู้ใช้ธรรมดาที่ต้องการใช้เครื่องแบบผิวเผินเท่านั้น แต่หมายถึงผู้ใช้มืออาชีพที่ต้องการเครื่องมือทำงานอย่างแท้จริงนั่นเอง



การออกแบบและเสปก

       Surface Pro 3 เลือกใช้วัสดุแมกนีเซียมอัลลอยด์ ช่วยเพิ่มความหรูหราด้วยสีโลหะแบบเทา พร้อมการออกแบบร่องระบายอากาศแบบรอบทิศทาง ช่วยให้ฮีดต์ซิงค์ที่อยู่ภายในของซีพียูขนาดใหญ่ สามารถระบายความร้อนได้อย่างรววดเร็ว ขณะที่ความโดดเด่นของหนาจอขนาด 12 นิ้วที่ได้รับการออกแบบระบบสัมผัสมาเป็นพิเศษ ก็ช่วยถ่ายทอดประสบการณ์เขียนกระดาษได้สมจริงมากขึ้น แม้ว่าระหว่างเขียนจะต้องใช้มือเท้าไปที่หน้าจอก็ไม่เกิดผลกระทบแต่อย่างใด สอดรับกับปากกา Surface Pen ที่ได้รับการพัฒนาให้มีฟังก์ชั่นเฉพาะกับ OneNote ด้วยการคลิกเพียงครั้งเดียวที่ด้านบนก็ช่วยให้เปิดหน้ากระดาษเพื่อรองรับการเขียนข้อความด้วยลายมือได้ทันที



ด้านหน้า - ด้วยหน้าจอขนาด 12 นิ้วที่มีความบางระหว่างแผ่นสัมผัสและหน้าจอช่วยให้การส่งคำสั่งผ่าน Surface Pen เป็นไปอย่าวลื่นไหลมากขึ้น ขณะที่ความละเอียดของหน้าจอ 2,160 x 1,440 พิกเซล ก็ช่วยทำให้ไอค่อนต่างๆดูเล็กลงได้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มพื้นที่การทำงานบนหน้าจอได้เพิ่มอีกกว่า 38% อีกทั้งยังออกแบบมาให้เหมาะสำหรับการเขียนเป็นกระดาษของจริง ด้วยสัดส่วนการแสดงผลแบบ 3 : 2 แบบเดียวกับที่กระดาษจริงเลือกใช้ พร้อมกล้องหน้าขนาด VGA สำหรับการทำวิดีโอคอลหรือบันทึกภาพได้อย่างสะดวก



ด้านข้าง - โดยรอบมีการออกแบบรูระบายอากาศเพื่อช่วยให้มีการถ่ายเทความร้อนได้รอบทิศทาง และแม้ว่าจะวางไว้ที่ตักก็จะไม่เกิดผลต่อการระบายอากาศแต่อย่างใด ขณะที่ปุ่มกดเปิด-ปิด เครื่องอยู่ทางด้านบนทางซ้าย ขณะที่ด้านซ้ายมีช่องเสียบหูฟังขนาด 3.5 มิลลิเมตร พร้อมปุ่มเพิ่ม-ลดระดับเสียงเท่านั้น



ด้านขวา - จะมีช่องเชื่อมต่ออุปกรณ์โดยแบ่งเป็น USB 3.0, mini HDMI และช่องต่อหม้อแปลงที่ได้รับการออกแบบมาให้มีขนาดเล็กและเบาลงเพื่อตอบสนองการใช้งานได้อย่างตรงจุด โดยด้านล่างจะเป็นแถบเพื่อเชื่อมต่อกับ Type Cover โดยมีความพิเศษตรงที่มีแถบแม่เหล็กเพิ่มเข้ามาเพื่อความแน่นหนาระหว่างการใช้งานที่มากขึ้น



ด้านหลัง - นอกจากเป็นพื้นที่สำหรับวางโลโก้แล้ว ขาตั้งที่ออกแบบมาให้มีความหนืดในทุกองศาการปรับ ก็ช่วยให้สามารถปรับตั้งหน้าจอได้หลายระดับมากขึ้น โดยไม่ต้องกังวลว่าเครื่องจะล้มพับแต่อย่างใด เนื่องจากความหนืดของบานพับช่วยให้เกิดความมั่นคงในการเป็นขาตั้งได้ แม้ว่าจะวางในที่ไม่เรียบเช่นการวางบนตักเป็นต้น โดยสามารถทำงานควบคู่กับ Type Cover ได้เป็นอย่างดี ขณะที่ด้านบนมีกล้องหลังขนาด 5 ล้านพิกเซล



ปากกา Surface Pen มีขนาดยาว 13.5 cm เส้นผ่านศูนย์กลาง 0.95 cm เชื่อมต่อด้วยบลูทูธเพียงครั้งแรกครั้งเดียวโดยใช้แบตเตอรี่ขนาดเล็ก ซึ่งทางไมโครซอฟท์พยายามลบภาพปากกาแบบเดิมที่เรียกว่าสไตลัสออกไป ให้มีขนาดและน้ำหนักที่จับถนัดมือเหมือนปากกาที่ใช้กันทั่วไป ขณะที่ความแม่นยำมีมากกว่ารุ่นก่อน อีกทั้งยังได้เพิ่มฟังก์ชันเฉพาะตัวให้เข้ากับแอปและตัวเครื่องอีกมาก เช่น การกดเปิด OneNote หรือบันทึกจากปากกาได้ ใช้ปากกาเป็นปุ่มลัดถ่ายรูปได้ โดยใช้กดเพื่อบักทึกหน้าจอภาพผ่านกล้อง และยิงเข้า OneNote เพื่อตกแต่งและใช้งานได้ทันที



       คีย์บอร์ด แบบ Type Cover ที่เป็นได้ทั้งคีย์บอร์ดและแผ่นปิดหน้าจอเพื่อป้องกันการขีดข่วนให้กับเครื่อง แม้ว่าจะไม่ใช่อุปกรณ์ที่แถมมากับตัวเครื่องแต่ก็นับว่าเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องพูดถึง หากมองว่าไมโครซอฟท์ต้องการให้ Surface Pro 3 กลายเป็นอีกหนึ่งโน้ตบุ๊กที่เหมาะกับการเคลื่อนที่เป็นที่สุดเครื่องหนึ่ง ด้วยความสามารถของการสัมผัสที่นับว่ามีความสมูทมากขึ้นและยังคงให้สัมผัสของการพิมพ์แบบโน้ตบุ๊กได้เป็นอย่างดี



ขณะที่เมาส์แพด ยังสามารถรองรับการสัมผัสได้ละเอียดอ่อนมากขึ้น ช่วยให้ทำงานด้านกราฟิกได้อย่างสะดวก อีกทั้งด้านบนของคีย์บอร์ดนี้ยังสามารถพับได้เพื่อยกให้คีย์บอร์ดมีความลาดเอียงเพิ่มขึ้น ทำให้สะดวกในการวางมือพิมพ์ พร้อมขนาดคีย์บอร์ดที่กว้างมากขึ้นเช่นเดียวกับคีย์บอร์ดโน้ตบุ๊กปรกติ โดยทั้งหมดหุ้มด้วยกำมะหยี่ซึ่งมีให้เลือกกว่า 5 สีสดใส



       Surface Pro 3 เลือกใช้หน่วยประมวลผล (CPU) 4th Generation จากอินเทล โดยมีให้เลือกความแรงตามความต้องการที่แตกต่างกันถึง 3 แบบทั้ง Core™ i3/i5/i7 Processor โดยรุ่น i3 เป็น Core i3 รหัส4020Y ความเร็วนาฬิกา 1.5 GHz และi5 เป็น Core i5 รหัส 4300U ความเร็วนาฬิกา 1.6 GHz Turbo Boost ได้ถึง 2.9 GHz และสุดท้ายรุ่น i7 เป็น Core i7 รหัส 4650U ความเร็วนาฬิกา 1.7 GHz Turbo Boost ได้ถึง 3. 3GHz พร้อมแรมที่มีให้เลือก 2 ขนาดทั้ง 4 GB และ 8 GB ชนิดซ็อกเก็ตคู่แบบ LPDDR3 ฮาร์ดดิสก์ SSD ขนาด 64 GB สำหรับรุ่น i3 และ 128 GB หรือ2 56GB สำหรับ i5 และสุดท้าย i7 รุ่นใหญ่ที่มีให้เลือกทั้งแบบ 256 GB หรือ 512 GB



ด้านการแสดงผลหน้าจอใช้ HD Graphics 4200 สำหรับรุ่น i3 และใช้ HD 4400 สำหรับรุ่น i5 และสุดท้ายใช้ HD 5000 สำหรับรุ่น i7 โดยทั้งหมดเรียกใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ขนาดกำลังไฟ 42Wh ซึ่งแม้ว่าจะเท่ากับ Surface Pro 2 แต่ด้วยซีพียูที่กินไฟน้อยกว่าจึงทำให้ได้ผลลัพท์การใช้พลังงานที่ดีกว่าเดิม โดยไมโครซอฟท์เองเคลมว่าใช้งานได้รวม 9 ชั่วโมงเลยทีเดียว ซึ่งประสิทธิภาพดังกล่าวมาพร้อมระบบปฏิบัติการวินโดวส์ Windows 8.1 Proแบบ 64bit ที่ช่วยเติมเต็มความสามารถด้านระบบปฏิบัติการได้อย่างดีเยี่ยม



ฟีเจอร์เด่น

       ความสามารถในการเขียนลงบนหน้าจอด้วย Surface Pen ทำให้เกิดความรู้สึกประหนึ่งกำลังเขียนอยู่บนกระดาษจริง เป็นจุดเด่นที่เชื่อว่ายังไม่มีผู้ผลิตรายใดทำได้ นั่นเพราะการเขียนโดยปกติที่ต้องวางมือบนหน้าจอด้วยจนทำให้เกิดอาการจอเลื่อนทำให้เขียนไม่ได้ แต่ Surface Pro 3 แก้อุปสรรคตรงนี้ได้เป็นอย่างดี โดยสามารถเขียนได้อย่างต่อเนื่องโดยที่ไม่ต้องลังเลว่าจะวางมือแล้วทำให้จอสัมผัสเขียนไม่ได้อีกต่อไป



       น้ำหนักของตัวเครื่องที่ 800 กรัม และบางเพียง 9.1 มิลลิเมตร ทำให้ตลอด 1 สัปดาห์ของการพกพาเครื่องนี้ไปทำงานแทนเครื่องแท็บเล็ตและโน้ตบุ๊กเป็นเรื่องง่ายเป็นอย่างมาก แน่นอนว่าการได้พกเครื่องที่มีประสิทธิภาพในการทำงานไปด้วยทุกที่ย่อมหมายถึงความคล่องตัวที่สามารถทำงานได้อย่างมืออาชีพและไม่จำกัดสถานที่อีกต่อไป



       หน้าจอขนาด 12 นิ้วที่ให้ความละเอียด 2160 x 1440 พิกเซล เกินกว่าระดับ FullHD ด้วยขนาดประมาณ 20.14cm x 29.2cm x 0.91 cm ที่เทียบเท่ากระดาษจริงด้วยสัดส่วนของจอ 3:2 แตกต่างจากจอทั่วไป ช่วยให้เกิดพื้นที่ใช้สอยที่มากขึ้น เหมาะสำหรับการใช้งานด้านกราฟิกที่ต้องอาศัยความละเอียดของหน้าจอเพื่อขยายรายละเอียดของภาพได้อย่างสะดวก และสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการชมภาพยนตร์แบบละเอียดสำหรับจอระดับ 2K



       การออกแบบอแดปเตอร์ที่ดูจะใส่ใจเรื่องของการพกพาเป็นอย่างมาก โดยสะท้อนออกมาได้ทางรูปทรงที่เล็กกระทัดรัดและมีน้ำหนักที่เบาขึ้น แน่นอนว่าเราอาจจะได้เห็นจากโน้ตบุ๊กที่มีราคาแพงและเบามาหลายรุ่น แต่เชื่อแน่ว่าแต่ละรุ่นที่สัมผัสได้ล้วนแล้วแต่ให้อแดปเตอร์ขนาดใหญ่เพื่อเสียบชาร์ตไฟทั้งสิ้น และนั่นก็ทำให้เราต้องแบกรับน้ำหนักของสายชาร์จและอแดปเตอร์เข้าไปด้วย นอกจากตัวเครื่องที่มีน้ำหนักมากพออยู่แล้ว การออกแบบอแดปเตอร์ที่มีขนาดเล็กและสามารถเป็นที่ชาร์จไฟแบบ USB ได้ในตัวของเครื่องของ Surface Pro 3 จึงเป็นจุดขายอย่างงหนึ่งที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก



       ขาตั้งที่สามารถปรับตั้งได้ถึง 150 องศาช่วยให้เกิดข้อได้เปรียบในพื้นที่การตั้ง โดยสามารถตั้งได้ทุกความต้องการ แน่นอนว่าความหนืดของการกางขาตั้ง ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่น่าชื่นชม นั่นเพราะเมื่อกางออกแล้วความหนืดดังกล่าวสามารถรับน้ำหนักได้พอประมาณ ซึ่งจริงๆก็มากพอที่จะเขียนงานได้ตามต้องการนั่นเอง แน่นอนว่าวัสดุแมกนีเซียมที่มีความแข็งและทนทานจะสามารถสร้างความแกร่งให้ขาตั้งนี้ทำหน้าที่ของมันตลอดอายุการใช้งานขอเครื่องได้อย่างไม่ยากเย็นนัก



       รูระบายอากาศรอบทิศทางเป็นอีกหนึ่งการออกแบบที่ช่วยกระจายความร้อนของซีพียูขนาดใหญ่ได้เป็นอย่างดี นั่นเพราะเมื่อเครื่องรุ่นนี้ถูกวางตัวให้เป็นโน้คบุ๊กที่มีประสิทธิภาพแล้ว ความร้อนของเครื่องที่เกิดจากการใช้งานอย่างมืออาชีพย่อมมากพอที่ส่งผลให้เครื่องเกิดอาการร้อนขึ้นได้ แต่กระนั้นไมโครซอฟท์ก็ยังยืนยันด้วยว่าสามารถพัฒนาพัดลมระบายความร้อนภายในให้มีเสียงที่เงียบลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยระบบดึงอากาศแบบใหม่ที่เพิ่มการไหลเวียนอากาศได้ 30% ช่วยให้การใช้งานเครื่องหนักเป็นไปได้อย่างต่อเนื่อง



       อีกหนึ่งคุณสมบัติที่มาพร้อมปากกา Surface Pen ที่ช่วยให้การเปิดเข้าสู่โหมดการขีดๆเขียนเป็นเรื่องง่ายขึ้น นั่นก็คือการกดที่ด้านบนของปากกา หลังจากจับคู่เรียบร้อยแล้ว จะทำให้เครื่องเปิดหน้า OneNote เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการใช้งานได้ทันที และเมื่อเขียนเสร็จการกดปุ่มเดิมอีกครั้งก็จะทำให้งานเขียนชิ้นนั้นถูกบันทึกลงที่ OneNote โดยทันที นับว่าเป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่แม้ว่าจะเป็นลูกเล่นเล็กแต่ก็สามารถชนะใจคอไอทีผสมผสานได้อย่างลงตัว



       นอกจากนี้ Surface Pen ยังได้พัฒนาให้สามารถใช้งานร่วมกับแอปพลิเคชันอย่าง Adobe Creative Cloud อย่างโปรแกรม Lightroom ให้สามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยเป็นการพัฒนาร่วมกันโดยเฉพาะของ Surface Pro 3 เท่านั้น

       ลำโพงที่ดังขึ้น โดยคุณภาพของเสียงดังขึ้นอีก 45% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า โดยสามารถใช้งานได้อย่างดีเยี่ยมลบความผิดพลาดเมื่อครั้งอดีตที่เกิดขึ้นกับเครื่องรุ่นพี่ลงได้อย่างลงตัว ด้วย Stereo speakers with Dolby® Audio-enhanced sound ที่เข้ามาเสริมให้เกิดระบบเสียงที่ใสและกังวานมากขึ้น



       วินโดวส์ 8.1 ยิ่งช่วยให้การทำงานคล่องตัวขึ้น ด้วยการออกแบบมาให้พร้อมใช้งานได้อย่างอิสระของระบบปฏิบัติการนี้ ส่งผลให้การใช้งานทั้งแท็บเล็ตและโน้ตบุ๊กเป็นไปอย่างต่อเนื่อง และที่สำคัญการใช้งานวินโดวส์นั้นนับเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่ดีในการใช้ทรัพยากรเครื่องที่น้อยลง



       การทดสอบโดยลองเล่นวิดีโอ 4K พบว่ารายละเอียดของภาพและการเล่นของวิดีโอเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ไม่มีอาการสะดุดเนื่องจากทรัพยากรของเครื่องไม่พอแต่อย่างใด ขณะที่เสียงพัดลมของเครื่องที่ได้ยินนั้นก็นับว่าเงียบอยู่พอสมควร แต่ไม่ถึงขั้นเงียบมากในช่วงที่เร่งประสิทธิภาพของเครื่องเต็มที่ด้วยโปรแกรมทดสอบ โดยยังได้ค่าที่อยู่ในระดับที่ดี แม้ว่าจะไม่หวือหวาเมื่อมองว่าเป็นโน้ตบุ๊ก แต่เมื่อลองคิดว่าเป็นแท็บเล็ตแล้วก็ต้องยอมรับเครื่องรุ่นนี้ทำคะแนนได้ดีสมราคา โดยผลการทดสอบสามารถดูได้จากด้านล่างนี้



จุดขาย

       - ความบางเครื่องที่บางเพียง 9.1 มิลลิเมตร เทียบเท่าความหนาของสมาร์ทโฟนบางรุ่น
       - น้ำหนักตัวเครื่องที่มีเพียง 800 กรัมเท่านั้น ทำให้พกพาสะดวก
       - สเปกของเครื่องที่แรงสูงสุด Core i7
       - หน้าจอความละเอียด 2K
       - มาพร้อมปากกา Surface Pen ที่พัฒนาให้มีความแม่นยำมากกว่าเดิม
       - สามารถทำงานได้เสมือนหนึ่งปากกาเขียนบนกระดาษ
       - มีการพัฒนา Adobe Creative Cloud ให้ใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพด้วย Surface Pen

ข้อสังเกต/ตอบจุดขายหรือไม่

       ความสามารถของ Surface Pro 3 นั้นต้องยอมรับว่าเป็นการนำรวมสิ่งที่เป็นเลิศในหลายๆด้านเข้ามารวมไว้ในเครื่องรุ่นนี้อย่างเห็นได้ชัด และนั่นก็ทำให้ราคาของเครื่องถีบตัวขึ้นไปสูงเกินกว่าเครื่องแลปท้อปทั่วไปจะวางขายได้ แม้ว่าเมื่อเทียบกับรุ่นพี่ก่อนหน้าอย่าง Surface Pro 2 ที่ราคาอาจจะใกล้เคียงจนทำให้ดูว่าประสิทธิภาพที่สูงกว่าแต่ราคาใกล้เคียงกัน

       แต่กระนั้นส่วนของโปรแกรม Office 365 ที่หายไปก็น่าจะกลายเป็นต้นทุนที่เพิ่มขึ้นหากต้องการเครื่องรุ่นนี้มาครอบครอง อีกทั้งราคาเปิดตัวสำหรับแต่ละรุ่นซีพียูเช่น intel Core i3 (Ram 4 GB) ความจุ 64 GB ราคา 29,500 บาท intel Core i5 (Ram 4 GB) ความจุ 128 GB ราคา 35,500 บาท intel Core i5(Ram 8 GB) ความจุ 256 GB ราคา 44,500 บาท intel Core i7 (Ram 8 GB) ความจุ 256 GB ราคา 53,900 บาท intel Core i7 (Ram 8 GB) ความจุ 512 GB ราคา 69,900 บาท ก็ยังไม่รวม Type Cover ที่น่าจะต้องเสียเงินซื้อเพิ่มเติมอย่างแน่นอน

ฟังธงความคุ้มค่า

       ด้วยประสิทธิภาพและความสามารถในการพกพาเพื่อการทำงานแบบไร้ขีดจำกัด นับว่าคุ้มที่ต้องแลกมาด้วยราคาที่สูงเอาการสำหรับการซื้อครบชุด โดยงานแต่ละประเภทอาจจะใช้ความสามารถที่แตกต่างกันได้ ก็สามารถเลือกเอาได้ตามความเหมาะสม อีกทั้งการเลือกใช้ปากกา Surface Pen เพื่อการทำงานที่สะดวกยิ่งขึ้นก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยเสริมให้การตัดสินใจซื้อได้เหมาะสมมากยิ่งขึ้น

       ฟันธงว่าคุ้มสำหรับมืออาชีพที่ไม่ต้องนำปัจจัยเรื่องค่าใช้จ่ายมาคำนวนเพื่อพิจารณาซื้อเครื่องมือชิ้นนี้เพราะสามารถเป็นได้ทั้งโน้ตบุ๊กและแท็บเล็ตในเครื่องเดียว แต่สำหรับผู้ที่ยังต้องนำราคามาคำนวนด้วย การมองหาตัวเลือกอื่นเพื่อความคุ้มราคามากกว่านี้ก็น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด


credit : //www.manager.co.th






Create Date : 02 กันยายน 2557
Last Update : 2 กันยายน 2557 3:03:55 น. 0 comments
Counter : 3358 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

teayneverdie
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 14 คน [?]




Group Blog
 
<<
กันยายน 2557
 
2 กันยายน 2557
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add teayneverdie's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.