ญี่ปุ่น วันที่ 6-5 Futarasan-Taiyuin

ชมพญามังกรร้องไห้แล้ว เราก็ออกจากศาลเจ้า Toshogu โดยเดินย้อนลงมาทาง Torii ที่มีเจดีย์ 5 ชั้น เพื่อเลี้ยวขวาแรกตามแผนที่ออกไปตามเส้นทางระยะทางประมาณ 300 เมตรจะถึงศาลเจ้า Futaransan ซึ่งเป็นสถานที่สำคัญที่สุดท้ายจาก 1 ใน 3 ของ Nikko


ทางไปศาลเจ้า Futarasan คนบางตาผิดกับเมื่อกี๊เลย


กลุ่มอาคารภายในศาลเจ้า หลังคาสีทองตัวอาคารสีแดงเข้ากับใบไม้พอดี


ขออีกมุม


ศาลเจ้า Futaransan


และอีกมุม


ถังเหล้าสาเกมีพลากสติกหุ้มกันไว้


ซุ้มหน้าศาลเจ้า เมื่อลอดแล้วเข้าใจว่าสิ่งที่ภาวนาไว้จะสมหวัง


ศาลเจ้า Futaransan


ศาลเจ้า Futaransan เป็นศาลเจ้าที่ตั้งขึ้นมาเพื่อบูชาเทพเจ้าสำคัญ 3 องค์ของศาสนาชินโต องค์ที่สำคัญที่สุดคือ Okuninushi no Mikoto และชายากับโอรสของพระองค์ ซึ่งเป็นผู้เนรมิตและบันดาลความอุดมสมบูรณ์ให้กับประเทศญี่ปุ่นนี้


เดินอ้อมมาทางด้านหลังศาลเจ้ามีอาคารแสดงสิ่งของโบราณต่างๆ


รวมทั้งดาบยาวเล่มนี้ด้วย


มีบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถตักกลับไปกินที่บ้านได้ รวมทั้งมีร้านน้ำชาแบบ Tea House ตั้งอยู่ด้านในสุด


หลังจากเดินจนทั่วศาลเจ้า Futarasan ซึ่งคิดว่าเป็นที่สุดท้ายแล้ว ก็ออกมาทางบันไดทางลงด้านหน้าศาลเจ้า ไม่ได้ย้อนกลับไปทางเดิมที่ออกไปศาลเจ้า Toshogu


โชคดีที่เราตัดสินใจเดินทางมานี้เพราะทำให้เราได้พบว่าทางขวามือยังมีสถานที่ให้เข้าชมได้อีกที่หนึ่ง เมื่อเข้าไปใกล้ๆ จึงได้รู้ว่านึคือทางเข้าวัด Taiyuin (เนื่องด้วยไม่ได้ศึกษาข้อมูลมาแม่นพอ และฝนก็เป็นอุปสรรคมากจริงๆ)


วัด Taiyuin เป็นที่ฉีกตั๋วแบบเหมาจ่ายสุดท้ายของเราแต่จริงๆ แล้วในตั๋วตามลำดับวัด Rinnoji จะเป็นที่สุดท้ายที่จะฉีกออก สังเกตที่ตั๋วว่าก่อนไปชมที่อื่นเค้าเลยปั๊มตราไว้ให้ว่าผ่านแล้ว (น่าจะหยั่งงั้น)


ประตู Niou-mon เป็นบริเวณที่ฉีกตั๋ว


Niten-mon Gate ประตูหลักเข้าสู่วัดยิ่งใหญ่พอๆ กับ Yomei-mon Gate ของศาลเจ้า Toshogu จริงๆ ผมรู้สึกชอบมากกว่า Yomei-mon ซะอีก หากสังเกตจะพบความแตกต่างที่นอกจากสีของประตูจะใช้สีแดงเป็นพื้น ลวดลายบนซุ้มประตูนั้น ก็บอกเล่าเรื่องราวและมี่ความละเอียดน้อยกว่า แต่ความรู้สึกว่าสวยสุดยอดสำหรับเรานั้นยังคงมีอยู่เหมือนเดิม เราเพลิดเพลินกับการชมประตูอย่างเต็มอิ่ม ด้วยความที่ไม่มีผู้คนขวักไขว่จึงเหมาะอย่างยิ่งกับการทำสมาธิและจิตใจให้สงบเพื่ออินกับบรรยากาศของที่นี่ยี่งนัก


หอระฆังข้างๆ


จากนั้นเราพากันเดินชมประตูชั้นในสำหรับเข้าสู่วิหารหลักที่ชื่อว่า Kara-mon Gate ชื่อเดียวกับประตูของศาลเจ้า Toshogu คงเพราะตั้งเป็นทางเข้าสู่วิหารหลักเหมือนกัน จริงๆ ก่อนจะเดินอ้อมเข้าไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในวิหารกลางกัน


เข้าไปใกล้ๆ หน่อย


วัด Taiyuin ถูกสร้างทีหลังศาลเจ้า Toshogu เพื่อเป็นที่ตั้งสุสานให้กับโชกุน Tokugawa Iemitsu หลานของ Tokugawa Ieyasu


หันไปมองด้านหลัง


ด้านข้างของที่นี่ยังมีอีกประตูหนึ่งเป็นประตูออกไปทางทิศเหนือ แต่ถูกปิดไว้ไม่ให้ใครเดินผ่าน คุ้นๆ ตาว่าจะเป็นประตูที่เคยเห็นในโปสเตอร์ รู้สึกจะมีไว้ให้พระท่านประกอบพิธีกรรมโดยเฉพาะ ชื่อของประตูที่ว่า คือ ประตู Kouka-mon เป็นประตูที่มีซุ้มสวยงามมาก มีซุ้มประตูลักษณะคล้ายกับประตู Niten-mon แต่โครงประตูจะเป็นสีขาวซึ่งก็สวยงามไปอีกแบบ


เวลาล่วงเลยมาบ่ายโมงกว่าๆ แล้ว ข้าวเที่ยงยังไม่ตกถึงท้องเลย ถ้าอยากจะนั่งอยู่ที่นี่นานๆ เราคงต้องเตรียม Ekiben มาแบบเมื่อวาน แล้วทำไมไม่ซื้อมานะ อยากเขกหัวตัวเองแรงๆ จัง เมื่อชมทุกอย่างหมดแล้วเราจึงเดินออกจากวัด Taiyuin ตัดลงมาตามถนนอีกเส้นที่ตัดตรงเข้ามาหาวัดลงไปทางทิศใต้ เดินลงมาเรื่อยๆ จนเจอท่ารถ Nishisando มีร้านอาหารและร้านขายของฝากของที่ระลึกเยอะมาก แต่ราคานั้นยังให้เราต้องเดินดูหลายๆ ร้านหน่อย ส่วนใหญ่จะ 800 เยน ขึ้นไปทั้งนั้น (เอ... ทำไมมันจนอย่างงี้นะ)


เมื่อเห็นท่าว่าคงหาแบบราคาถูกและดูท่าทางอร่อยจากฝั่งนี้ไม่ได้แน่ เราจึงตัดสินใจข้ามไปอีกฝั่งหนึ่ง เดินมายังฝั่งตรงข้าม Nishisando เราก็ตัดสินใจเดินเข้าร้านแบบญี่ปุ่นร้านหนึ่ง มีคุณแม่กับลูกสาวเป็นผู้ปรุงอาหาร ท่าทางเป็นมิตรมาก ภายในร้านตกแต่งง่ายๆ คล้ายกับเป็นบ้านมากกว่า และดูแล้วน่าจะมีเฉพาะคนญีปุ่นมากิน เพราะเมนูที่ตั้งไว้บนโต๊ะล้วนเป็นภาษาญี่ปุ่นทั้งสิ้น แต่พอคุณป้าเห็นเราก้มดูเมนูอยู่นาน เลยไปหยิบเมนูภาษาอังกฤษมาให้ พร้อมกับเสิร์ฟน้ำชาร้อนๆ ให้คนละถ้วย ซึ่งช่วยแก้หนาวให้เราได้ดีทีเดียว


เช่นเดียวกับร้านอาหารอื่นๆ ที่เขาจะปล่อยให้เราเลือกอาหารเองโดยไม่มี่ยืนกดดันอยู่ข้างๆ พอเราเลือกเมนูได้แล้วก็เพียงแต่ส่งเสียงว่า Sumimasen เขาก็จะเดินมารับ order ที่โต๊ะเราเอง ส่วนค่าอาหารของเรานั้น Raumen และข้าวหน้าไข่ท้องถิ่น ราคามิตรภาพ รวมแล้ว 1,300 เยน


เมื่อกินอิ่มแล้วเราก็เริ่มออกเดินทางกลับ คราวนี้เปลี่ยนเป็นเดินเลาะแม่น้ำ Daiyakawa มาเรื่อยๆ ผ่านบ้านเรือนผู้คนจนมาขึ้นรถไฟกลับ Tokyo เหมือนตอนขามา การมาเยี่ยมชม Nikko ในวันนี้ของเราแม้จะเจออุปสรรคจากสายฝนทั้งวัน แต่ความประทับใจจากสิ่งที่พบเห็นไม่ได้ลดน้อยลงเลย เราเคยเห็นโฆษณาส่งเสรมการท่องเที่ยว Nikko ในรถไฟ ที่มีข้อความว่า “Nikko is Japan” ตอนนี้พิสูจน์แล้วว่าไม่ได้เกินเลยกว่าความเป็นจริงเลย เราจึงบอกกันและกันได้อย่างเดียวว่า ถ้าได้มาญี่ปุ่นอีกต้องแวะมา (แก้ต้ว) ที่ Nikko ด้วย


โปรดศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมจากผู้มีประสบการณ์ท่านอื่นเยอะๆ นะครับ สำหรับผมแล้วมันน้อยมากที่จะเอาไปใช้ประโยชน์ได้ ลองดูท่านที่เคยไปพักค้างแรมที่นี่ยิ่งดี บางท่านผมก็ใส่ Link ไว้ใน Blog บางอันแล้ว อย่างไรก็ตามเว็บข้อมูลการท่องเที่ยว Nikko แบบเป็นทางการที่สุดก็ไปที่
//www.nikko-jp.org


Create Date : 03 สิงหาคม 2551
Last Update : 16 สิงหาคม 2551 18:09:21 น. 1 comments
Counter : 1807 Pageviews.

 
อยากไปบ้างจังเลยค่ะ><


โดย: vekalover วันที่: 3 สิงหาคม 2551 เวลา:20:30:56 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

benopenair
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




สวัสดี ยินดีต้อนรับ ทักทายและติดต่อผมได้ที่ e-Mail นะครับ
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2551
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
3 สิงหาคม 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add benopenair's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.