ญี่ปุ่น วันที่ 4-3 Tsurugaoka Shrine

เรานั่ง Enoden กลับมายังสถานี Kamakura อีกครั้ง คราวนี้เราจะเดินออกจากสถานีขึ้นไปทางทิศเหนือค่อนไปทางทิศตะวันออกหน่อยๆ เพื่อไปสักการะศาลเจ้าที่มีชื่อเสียงที่สุดของ Kamakura นั่นก็คือศาลเจ้า Tsurugaoka Hachimangu

ระหว่างทางเดินไปยังศาลเจ้า จะผ่านศูนย์กลางเมือง Kamakura โดยออกจากสถานี Kamakura เราจะเดินตรงไปจนเจอถนน Wakamiya-oji ข้ามกันหน่อย


เลี้ยวซ้ายแล้วเดินตรงไปเรื่อยๆ ผ่านหน้าสถานีตำรวจ ซึ่งเราได้เจอป้ายประกาศจับคนร้ายสุดคลาสสิคด้วย


เดินไปเรื่อยๆ ก็พบกับ Torii สีแดงสดใสพร้อมสิงห์สองตัวต้อนรับอยู่ข้างหน้า หากผ่าน Torii นี้เข้าไป จะเข้าสู่ Dankazura อันเป็นทางเดินยกระดับไปจนถึงศาลเจ้า Tsurugaoka Hachimangu


ทางเดินนี้เป็นทางเดินชมดอก Sakura บาน ของ Kamakura สองข้างจะมีต้น Sakura ที่ปลูกเมื่อปี ค.ศ. 1917 (พ.ศ. 2460) เรียงรายไปตลอด


ระหว่างทางนั้น เราได้พบทำเลเหมาะที่จะนั่งจัดการมื้อเที่ยงบนม้านั่งยาวตัวนี้ ไม่ช้าข้าวปั้นไส้ปลา Salmon


กับไก่ย่างเทอริยากิก็อันตธานหายลงท้องเรียบร้อย (ข้าวปั้นลูกละ 120Y ไก่ไม้ละ 100Y)


เข้าสู่เขตของศาลเจ้า Tsurugaoka Hachimangu แล้ว


มีร้านขายของแบบงานวัดญี่ปุ่นอยู่เต็มไปหมด แต่ละร้านล้วนมีสีสันสดใสและตกแต่งอย่างสวยงาม


ของที่นำมาขายมีทั้งขนม ของเล่น


และงานศิลปะ นี่เป็นการตั้งร้านขายของแบบงานวัดญี่ปุ่นที่เราเจอเป็นครั้งแรก งานนี้จึงเดินชมกันอย่างสนุกสนานและตื่นตาตื่นใจเป็นที่สุด


surugaoka Hachimangu เป็นศาลเจ้าอายุเกือบพันปี สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1063 (พ.ศ. 1606) โดยตระกูล Genji หรืออีกชื่อคือ Minamoto เป็นตระกูลที่จัดตั้งระบบโชกุนขึ้น โดยมีโชกุนคนแรกคือ Minamoto no Yoritomo ชื่อของท่านผู้นี้ เราไม่ค่อยคุ้นหูนัก แต่เราจะคุ้นกับชื่อของพี่น้องต่างมารดามากกว่าที่ชื่อว่า Minamoto no Yoshitsune วีรบุรุษผู้อาภัพคนหนึ่งของญี่ปุ่นที่มีมิตรแท้ชื่อ Benkei เรามักได้ยินชื่อนี้ในการ์ตูนญี่ปุ่นอยู่เสมอๆ


ผู้คนที่มาเยือนยัง ณ ที่แห่งนี้ส่วนใหญ่เป็นคนญี่ปุ่นมีทั้งกลุ่มเด็กนักเรียน คนหนุ่มสาว และมาแบบยกครอบครัวก็มี นั่นแสดงให้เห็นว่าศาลเจ้าแห่งนี้มีความสำเร็จเป็นที่เคารพนับถือของคนญี่ปุ่นอย่างมาก


ทางขึ้นไปวิหารหลัก


Tsurugaoka Hachimangu Shrine


ศาลเจ้าประจำเมือง Kamakura


ภาพที่เราประทับใจที่สุดคือ ภาพครอบครัวพ่อแม่ลูกและคุณยายที่พากันมาสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่นี่ จากที่เคยทราบมาเมื่อเด็กๆ ที่มีอายุครบ 3 ขวบ 5 ขวบ และ 7 ขวบ พ่อแม่จะพามากราบไหว้ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อให้มีสุขภาพแข็งแรง โดยเด็กจะสวมชุดกิโมโนแบบเต็มยศมาด้วย


หลังจากเดินดูรอบๆ ภายในบริเวณศาลเจ้าอยู่พักใหญ่ ก็ได้เวลาไปต่อ ก่อนจะเดินพ้นบริเวณศาลเจ้าไปจะมีเกาะกลางสระน้ำที่มีธงปลิวไสวเชิญชวนให้แวะก่อน บนเกาะนี้มีศาลเจ้าชื่อ Hata-age Benzaiten อยู่ด้วย โดยคำว่า Hata-age แปลว่า “ยกธง” ซึ่งเป็นการยกธงเพื่อประกาศชัยชนะของตระกูล Minamoto เหนือตระกูล Taira คู่ปรับในการชิงอำนาจขึ้นเป็นใหญ่นั่นเอง


ขากลับออกมาจะผ่านต้นสนที่ยอดของมันมองดูแล้วคล้ายเปลวเพลิงพวยพุงสู่ท้องฟ้าอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย


เส้นทางที่เรากลับไปยังสถานีได้เปลี่ยนแปลงนิดหน่อย นั่นคือไม่เดินตามถนน Wakamiya-oji ไปตลอดเหมือนตอนขามาแล้ว โดยจะเดินไปประมาณครึ่งทางก่อนจะเลี้ยวขวาเข้าไปถนน Kamachi-dori แทน

สำหรับถนน Kamachi-dori นี้ นับเป็นถนนที่เหมาะสำหรับนัก Shopping เป็นอย่างมาก เพราะมีร้านรวงเรียงรายไปตลอดเส้นทางจนถึงสถานี Kamakura เลยทีเดียว


มีป้าย Shopping Street ด้วย


Web Site บอกเล่าประวัติศาสตร์เมือง Kamakura ครับ
//www.kcn-net.org/e_kama_history



Create Date : 18 มิถุนายน 2551
Last Update : 18 มิถุนายน 2551 22:41:14 น. 1 comments
Counter : 3085 Pageviews.

 
kamakura นี่คลาสสิคดีจังนะคะ
รถไฟเค้าก็คลาสสิคค่ะ


โดย: fahtsuki วันที่: 19 มิถุนายน 2551 เวลา:10:12:13 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

benopenair
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




สวัสดี ยินดีต้อนรับ ทักทายและติดต่อผมได้ที่ e-Mail นะครับ
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2551
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
18 มิถุนายน 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add benopenair's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.