ยอมความได้
ถ้าใครเคยขึ้นโรง(พัก)ขึ้นศาล ไม่ว่าในฐานะโจทก์ หรือจำเลย หรือเป็นแค่ผู้ต้องหา พนักงานสอบสวนยังไม่ทันส่งสำนวนให้ท่านอัยการ ผู้เสียหายก็ขอยอมความเลิกแล้วต่อกัน ก็คงจะพอรู้จักกับคำว่า "ยอมความได้"
ละครทีวี ข่าวทีวี บางครั้งก็มักจะทำให้คนเข้าใจผิดไปได้ ว่าไม่ว่าคดีใดก็ตามหากเจ้าทุกข์เขาไม่อยากเอาเรื่อง ก็เรียกว่ายอม ๆ กันไป เลิกแล้วคดีต่อกัน เรื่องไม่ถึงศาล
จริง ๆ แล้วไม่เป็นเช่นนั้น
ยอมความ ตามภาษากฎหมายนั้น มีอยู่ 2 ลักษณะคือ หากอยู่ในชั้นพนักงานสอบสวน ผู้เสียหายไม่ประสงค์จะดำเนินคดีกับผู้ต้องหาต่อไป ก็ให้ทำยอมกันเป็นลายลักษณ์อักษรซึ่งมีลักษณะคล้ายสัญญาประนีประนอมยอมความตามกฎหมายแพ่งฯ มาใช้ คือทำเป็นหนังสือสัญญาระงับข้อพิพาทให้เสร็จไปด้วยต่างยอมผ่อนผันให้แก่กัน ซึ่งหลักฐานเป็นหนังสือนี้ควรจะต้องลงลายมือชื่อเป็นสำคัญ ดังนี้ถือว่าเป็นการยอมความโดยการแสดงเจตนาอย่างชัดแจ้งที่สุด ทั้งนี้ในชั้นพนักงานสอบสวนอาจทำยอมกันโดยลงบันทึกไว้ที่สถานีตำรวจที่รับแจ้งความนั้น ๆ
ส่วนประเภทที่สองคือ เมื่อเรื่องไปถึงศาล โดยพนักงานอัยการได้สั่งฟ้องแล้ว หากทั้งโจทก์และจำเลยตกลงที่จะยอมความกันแล้ว ในชั้นศาลนี้จะเรียกว่า การถอนฟ้อง ซึ่งโจทก์จะต้องทำคำร้องขอถอนฟ้องต่อศาล ซึ่งที่ศาลก็จะมีแบบฟอร์มให้กรอก แล้วยื่นคำร้องนั้นต่อศาล มีบางกรณีที่โจทก์ฝ่ายเดียวต้องการถอนฟ้องแต่จำเลยไม่ยินยอม ศาลก็จะไม่อนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องได้ ดังนี้ก็ไม่สามารถทำให้คดีระงับลงได้ จำต้องพิจารณาคดีกันต่อไป อาจสงสัยว่าเหตุใดจำเลยจึงไม่ยอมให้ถอนฟ้อง เพราะบางคดีจำเลยมั่นใจว่าหากสู้คดีต่อไปแล้วจะต้องชนะอย่างแน่นอน เมื่อชนะคดีแล้วจะทำให้คดีนั้นเป็นอันยุติ ไม่มีสิทธิฟ้องใหม่ได้ โดยเฉพาะ หากเป็นความผิดอาญาแผ่นดิน ซึ่งยอมความไม่ได้ กรณีที่เจ้าทุกข์ฟ้องคดีเอง โดยไม่ผ่านพนักงานอัยการแล้วนั้น หากแม้เจ้าทุกข์ที่เป็นโจทก์นั้นถอนฟ้องไปแล้ว ก็มิอาจตัดสิทธิ์พนักงานอัยการที่จะฟ้องคดีนั้นต่อไปได้อีก ดังนี้หากเป็นคดีอาญาแผ่นดิน หากจำเลยเห็นทางชนะ ก็มักจะไม่ยอมให้โจทก์ถอนฟ้อง
วกเข้ามาเรื่องที่ว่า เหตุใดการยอมความมักไม่ง่ายเหมือนในละคร ก็เพราะว่า คดีที่สามารถยอมความได้นั้นมีเฉพาะ คดีความผิดต่อส่วนตัว ซึ่งมีระบุไว้ในประมวลกฎหมายอาญาเลือกออกมาแล้วมีฐานความผิดดังต่อไปนี้
ความผิดเกี่ยวกับการค้า 1. ม. 272 เลียนแบบตราสินค้าหีบห่อ รายการแสดงราคา จดหมายเกี่ยวกับการค้า เลียนแบบป้ายหรือสิ่งอื่นให้คนหลงเชื่อว่าเป็นสินค้าของผู้อื่น แจ้งความเท็จทำลายความเชื่อถือสถานประกอบการ อุตสาหกรรมธุรกิจของผู้อื่นเพื่อประโยชน์แห่งการค้าตน ความผิดเกี่ยวกับเพศ 2. ม. 276 ข่มขืนกระทำชำเราหญิงอื่นซึ่งมิใช่ภรรยาตน 3. ม. 278 ทำอนาจารบุคคลอายุกว่าสิบห้าปี ม. 276 และ 278 ถ้ามิได้ทำต่อธารกำนัลหรือทำต่อ ผู้สืบสันดาน ศิษย์ซึ่งอยู่ในความดูแล ผู้อยู่ในความควบคุมตามหน้าที่ราชการ หรือผู้อยู่ในความปกครองในความพิทักษ์หรือในความอนุบาลยอมความได้ 4. ม. 283 ทวิ พรากผู้เยาว์อายุเกินสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเพื่อการอนาจารโดยผู้นั้นยินยอม ว.3 ผู้ใดซ่อนเร้นบุคคลซึ่งถูกพาไปเฉพาะกรณีที่กระทำแก่บุคคลอายุเกินสิบห้าปีเป็นความผิดอันยอมความได้ 5. ม. 284 พรากผู้อื่นไปเพื่อการอนาจาร โดยใช้กำลังประทุษร้าย รวมถึงซ่อนเร้นบุคคลซึ่งถูกพาไป ความผิดต่อเสรีภาพ 6. ม. 309 ข่มขืนใจผู้อื่น 7. ม. 310 หน่วงเหนี่ยวหรือกักขัง 8. ม. 311 หน่วงเหนี่ยวกักข้องโดย ความผิดฐานเปิดเผยความลับ 9. ม. 322 กระทำเพื่อล่วงรู้และเปิดเผยข้อความในจดหมายโทรเลขหรือเอกสารปิดผนึก 10. ม. 323 ผู้ประกอบวิชาชีพเป็นแพทย์ เภสัชกร คนจำหน่ายยา นางผดุงครรภ์ ผู้พยาบาล นักบวช หมอความ ทนายความ หรือผู้สอบบัญชีเปิดเผยความลับของผู้อื่นที่ตนได้รู้มาเนื่องจากการประกอบอาชีพนั้นในประการที่น่าจะเกิดความเสียหาย 11. ม. 324 เปิดเผยความลับของผู้อื่นเกี่ยวกับอุตสาหกรรมการค้นพบ หรือการนิมิตในวิทยาศาสตร์ โดยตนมีตำแหน่งหน้าที่ วิชาชีพ หรืออาชีพอันเป็นที่ไว้วางใจนั้น ความผิดฐานหมิ่นประมาท 12. ม. 326 หมิ่นประมาทบุคคลธรรมดา 13. ม. 327 หมิ่นประมาทผู้ตาย 14. ม. 328 หมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ความผิดฐานฉ้อโกง 15. ม. 341 ฉ้อโกง 16. ม. 342 ฉ้อโกงโดยแสดงตเนป็นคนอื่น โดยอาศัยความเบาปัญญาของเด็กหรือความอ่อนแอแห่งจิตของผู้ถูกหลอกลวง 17. ม. 344 ฉ้อโกงแรงงานบุคคลตั้งแต่สิบคนขึ้นไป 18. ม. 345 ซื้อและบริโภคอาหารหรือเครื่องดื่มหรือเข้าอยู่ในโรงแรม โดยรู้ว่าตนไม่สามารถชำระเงินได้ 19. ม. 346 เอาทรัพย์สินของผู้อื่นเป็นของตนหรือของบุคคลที่สาม ชักจูงผู้หนึ่งผู้ใดให้จำหน่ายโดยเสียเปรียบซึ่งทรัพย์สิน โดยอาศัยเหตุที่ผู้ถูกชักจูงมีจิตอ่อนแอ หรือเป็นเด็กเบาปัญญา 20. ม. 347 โกงประกันประกันวินาศภัย ความฐานโกงเจ้าหนี้ 21. ม. 349 เอาไปเสีย ทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ซึ่งทรัพย์อันตนจำนำไว้แก่ผู้อื่น 22. ม. 350 ทำให้เจ้าหนี้ของตนหรือของผู้อื่นไม่ได้รับชำระหนี้ทั้งหมดหรือแต่บางส่วน โดยย้ายไปเสีย ซ่อนเร้น หรือโอนไปให้แก่ผู้อื่นซึ่งทรัพย์ใดหรือแกล้งให้ตนเองเป็นหนี้จำนวนใดอันไม่เป็นความจริง ความผิดฐานยักยอก 23. ม. 352 ยักยอกทรัพย์ และยักยอกทรัพย์สินหาย 24. ม. 353 ยักยอกทรัพย์ของผู้ที่มอบหมายให้จัดการทรัพย์สินของผู้นั้นหรือทรัพย์สินซึ่งผู้นั้นเป็นเจ้าของรวมอยู่ด้วย โดยกระทำผิดหน้าที่ของตนโดยทุจริต ม. 352 หรือม. 353 ได้กระทำในฐานที่ผู้กระทำความผิดเป็นผู้จัดการทรัพย์สินของผู้อื่นตามคำสั่งของศาล หรือตามพินัยกรรม หรือในฐานเป็นผู้มีอาชีพหรือธุรกิจ อันย่อมเป็นที่ไว้วางใจของประชาชน 25. ม.355 เก็บได้ซึ่งสังหาริมทรัพย์อันมีค่า อันซ่อนหรือฝังไว้โดยพฤติการณ์ซึ่งไม่มีผู้ใดอ้างว่าเป็นเจ้าของได้ แล้วเบียดบังเอาทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือของผู้อื่น ความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ 26. ม. 358 ทำให้เสียทรัพย์ 27. ม. 359 ทำให้เสียทรัพย์โดยกระทำต่อ เครื่องกลหรือเครื่องจักรที่ใช้ในการประกอบกสิกรรม หรืออุตสาหกรรม ปศุสัตว์ ยวดยานหรือสัตว์พาหนะที่ใช้ในการขนส่งสาธารณ หรือในการประกอบกสิกรรมหรืออุตสาหกรรม หรือ พืชหรือพืชผลของกสิกร ความผิดฐานบุกรุก 28. ม. 362 บุกรุก 29. ม. 363 ยักย้ายหรือทำลายเครื่องหมายเขตแห่งอสังหาริมทรัพย์นั้นทั้งหมด หรือแต่บางส่วนเพื่อประโยชน์ตน 30. ม. 364 แอบหรือซ่อนตัวอยู่ในเคหสถาน อาคารเก็บรักษาทรัพย์ หรือสำนักงานในความครอบครองของผู้อื่นหรือไม่ยอมออกไปจากสถานที่เช่นว่านั้นโดยไม่ได้รับอนุญาต
ซึ่งความผิดข้างต้นนี้ผู้เสียหายจะต้องร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน เรียกง่าย ๆ ว่าแจ้งความ ภายใน 3 เดือนนับแต่รู้ว่ามีการกระทำผิดเกิดขึ้นและรู้ตัวผู้กระทำความผิด มิเช่นนั้นแล้วตำรวจไม่มีอำนาจสอบสวนดำเนินคดี
คดีเช่นว่ามานี้เมื่อคู่ความในชั้นศาล หรือผู้เสียหายและผู้ต้องหายในชั้นพนักงานสอบสวนยอมความกันแล้ว ตัดสิทธิพนักงานอัยการในการฟ้องคดี เนื่องจากเป็นคดีความผิดต่อส่วนตัวนั่นเอง
ดังนี้หากใครดูละคร ดูข่าวเห็นคดีชกต่อยตบตีกันแบบเบาะ ๆ แล้วไม่ติดคุก เช่นคดี นางแบบสาว 2 พี่น้อง กับลูกสาวเจ้าของร้านทองตบตีกันแล้วไม่ยักกะมีใครติดคุก เพียงแต่เสียค่าปรับกันนั้น ไม่เรียกว่ายอมความกันแล้ว เนื่องจากความผิดนี้เป็นความผิดลหุโทษตาม ม. 391 ใช้กำลังทำร้ายผู้อื่นไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิด อันตรายแก่กายหรือจิตใจ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ คือความผิดที่มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 2,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยกฎหมายมิได้ระบุว่าเป็นความผิดอันยอมความกันได้ ซึ่งความผิดลหุโทษที่ผู้เสียหายโดนลงโทษเพียงแค่ปรับนั้น กฎหมายได้ให้อำนาจเจ้าพนักงานทำการเปรียบเทียบปรับได้ ซึ่งเป็นการทำให้คดีอาญาเลิกกันโดยไม่ต้องขึ้นศาล
|
Create Date : 18 สิงหาคม 2550 |
|
12 comments |
Last Update : 18 สิงหาคม 2550 10:38:53 น. |
Counter : 7629 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: บัวงามดี 12 กันยายน 2550 15:56:07 น. |
|
|
|
| |
โดย: karnlaka 18 ตุลาคม 2550 19:15:04 น. |
|
|
|
| |
โดย: seksacha IP: 133.44.1.220 12 ธันวาคม 2550 9:21:34 น. |
|
|
|
| |
โดย: phan IP: 58.137.155.245 21 ตุลาคม 2551 23:45:45 น. |
|
|
|
| |
โดย: มินิ IP: 58.9.118.189 7 กุมภาพันธ์ 2561 8:56:56 น. |
|
|
|
| |
โดย: มินิ IP: 58.9.118.189 7 กุมภาพันธ์ 2561 11:18:53 น. |
|
|
|
| |
โดย: รัศมี IP: 122.155.45.32 16 กุมภาพันธ์ 2561 22:16:59 น. |
|
|
|
| |
โดย: รัศมี IP: 122.155.45.32 16 กุมภาพันธ์ 2561 22:24:50 น. |
|
|
|
| |
โดย: รัศมี IP: 122.155.45.32 16 กุมภาพันธ์ 2561 22:28:40 น. |
|
|
|
| |
โดย: รัศมี IP: 122.155.45.32 16 กุมภาพันธ์ 2561 22:31:18 น. |
|
|
|
|
|
|
|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
คดีความผิดอันยอมความได้ที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้อง ผู้เสียหายไม่ใช่โจทก์ จะไปถอนฟ้องของอัยการไม่ได้นะครับ และกรณีนี้อัยการจะไม่ถอนฟ้องให้ด้วย หากมีกรณีที่ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอถอนฟ้องเข้าไป จะเป็นกรณีที่เรียกว่าถอนคำร้องทุกข์ ซึ่งจะทำให้สิทธิการนำคดีอาญามาฟ้องระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(2) ศาลจะมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ แล้วพนักงานอัยการจะต้องสั่งยุติการดำเนินคดีเพราะผู้เสียหายถอนคำร้องทุกข์ ตามระเบียบว่าด้วยการดำเนินคดีอาญาของพนักงานอัยการ พ.ศ.2547 ข้อ 54