สมัยก่อน กว่าจะได้ภาพถ่ายใบนึง มันทำกันแบบไหนหนอ [พาเที่ยวห้องมืด]
ภาพถ่ายเปรียบเสมือนการหยุดเวลา โดยการบันทึกภาพแสง ณ เวลานั้น เอาไว้เป็นวัตถุ แม้กาลเวลาจะยังคงผ่านพ้นไป กลายเป็นอดีตที่ไม่อาจย้อนกลับแต่ภาพถ่าย อาจทำให้ใครบางคนได้ย้อนอดีตได้หวนรำลึกได้อย่างแจ่มชัดเมื่อนำภาพย้อนกลับมาดูใหม่ในประวัติศาสตร์ของเราภาพถ่ายได้อยู่คู่กับมนุษยโลกมาร่วมร้อยปีกว่าผ่านกาลเวลามานับตั้งอดีตจนถึงปัจจุบัน มีกระบวนการสร้างภาพถ่ายนับตั้งแต่การใช้ฟิล์ม จนก้าวล่วงมาถึงยุคปัจจุบันทีเพียงแค่การถ่ายภาพง่ายดายเพียงแค่ยกโทรศัพท์พกพาขึ้น กดรูปกล้อง กลับบ้านมาถอดเอาเมมโมรี่การ์ดเสียบเข้าคอมแล้วอัดออกมาหลายท่านปัจจุบันอาจจะสงสัย กว่าจะเป็นภาพถ่ายหนึ่งใบในสมัยการถ่ายภาพ เมื่อสมัยก่อนที่จะเป็นดิจิตอล หรือที่เรียกว่าการถ่ายฟิล์มมันเป็นเช่นไร จะต้องทำอย่างไรจึงจะให้ได้รูปออกมา วันนี้อีกด้านหนึ่งของดวงจันทร์จะพาทุกท่านออกจากด้าน(หลังเขาบนดวงจันทร์) พาทุกท่านเปิดโลกไปยังห้องมืด สถานที่สร้างสรรค์ภาพถ่ายที่เป็นเบื้องหลังกันครับนี่ครับ ผลงานที่ตั้งใจบรรจงสร้างขึ้นมาของน้องพี่ในชมรมการถ่ายภาพไม่มีอะไรซับซ้อนครับ ใช้กล้องถ่ายรูปแต่ใส่ิฟิล์ม ไม่แน่ว่าเด็กที่เกิดหลังจากนี้อีกสักสิบปีข้างหน้าคงจะไม่รู้จักการถ่ายภาพแบบนี้แล้ว นี่ครับ มาถึงแล้ว ห้องมืดของเรา ห้องมืดจริงๆครับ ไหนๆมาเที่ยวห้องมืดทั้งทีแล้ว เราจะสาธิตตัวอย่างการล้างฟิล์มให้ดูนะครับผม อันนี้คือแทงค์ กับรีลที่ใส่้ฟิล์มถ้าหากเปรียบการล้างฟิล์มขาวดำ เป็นภาพดิจิตอลเปรียบแทงค์ก็คงไม่ต่างจากการ์ดรีดเดอร์ ที่ต้องคอยรับเมมโมรี่เพราะแทงค์ก็คือตัวใส่นํ้ายาที่ทำหน้าที่สร้างภาพที่ถ่าย ให้ปรากฎขึ้นมาบนฟิล์ม ถ้าแทงค์ไม่ดี แทงค์ีรั่ว คุมอุณหภูมิไม่ได้ หรือรีลที่ทำให้ฟิล์มติดกันภาพทีได้ก็จะผิดเพี้ยนไป ไม่ต่างจาก card reader ห่วยเหมือนของบางยี่ห้อ ราคา 120 การใส่ฟิล์มเข้ารีล ดูเหมือนง่าย แต่ทำไม่ง่าย เพราะในความเป็นจริงต้องทำในห้องมืดมือต้องพริ้ว และห้ามฟิล์มปีนเกลียว เพราะจะทำให้เนื้อฟิล์มติดกันนํ้ายาจะไม่สามารถล้างฟิล์มที่ติดกันได้ ทำให้รูปที่ออกมาไม่สมประกอบอาจจะมีรูปผีหัวขาดก็เป็นได้ ต้องใจเย็นๆ ใช้ึความรู้สึกที่ปลายนิ้วสัมผัส ระวังอย่าใช้นิ้วจับลงบนเนื้อฟิล์มตรงกลาง วิธีการก็แค่เอาฟิล์มเข้าที่ยึดหัวฟิล์ม มือซ้ายใช้นิ้วห่อปลายฟิล์มทั้งสองข้าง มือขวาใช้หมุนรีลให้เป็นจังหว่ะคงที เสร็จแล้วก็ตัด เอาฝาปิด แค่นี้ก็ใส่กรรมวิธีที่ต้องใช้ที่มืดสำหรับขั้นตอนการล้างแล้ว เืปิดไฟได้แล้วจ้า อากาศร้อนๆ ห้องมืดมันก็ร้อนแว่บออกไปหาไรเย็นๆกินดีกว่า ....เก็กฮวยไหมพี่น้อง ...เอ้ย เราไปหาของมาใช้ล้างฟิล์มตะหาก มาดูกันว่าเราจะใช้มันทำอะไร !!!.แหะๆ อากาศร้อนๆ ฟิล์มก็เจ๊งได้นะนายจ๋าเวลาล้างฟิล์ม ต้องใช้อุณหภูมิประมาณ 20 องศาครับผมขั้นแรกเราต้องเตรียมนํ้ายาที่เรียกว่า Kodak D76 มาตวงใส่้แทงค์ ใช้จำนวน 300ml ใช้นํ้าแข็งใส่กระป๋องกดไว้ตรงกลางเพื่อทำการปรับอุณหภูมิการปรับอุณหภูิมินั้น ไม่ได้ทำเพียงที่นํ้ายา Developer D76 แต่ต้องปรับอุณหภูมิที่ฟิล์มในแทงค์สเตนเลสก่อนด้วยพอเทนํ้ายาลงไป เราก็เริ่มเชคครับ เขย่ามันเข้าไปเขย่าแค่กลับข้อมือไปมาพอ ไม่ต้องรีบ ทำสบายๆเขย่าแรงไป ภาพเกรนแตกเยอะครับ การเขย่าต้องทำด้วยมือครับ เนื่องจากเราไ่ม่มีทุนทรัพย์ซื้อเครื่องเขย่าสารเคมี 30 วินาทีแรกเขย่าค้างไว้ จับเวลาครับ ต้องพักแล้วเขย่าทุก 30 วินาที จนกว่าจะถึงเวลาที่เรากำหนดไว้คราวนี้เราล้างที่12 นาทีครับ พอครบเวลาแล้ว เราก็เอานํ้ายา D76 เททิ้งหานํ้ายา stopperใส่ ถ้าไม่มีก็ไม่้เป็นไร เราไปสู่ขั้นตอนต่อไปกันเลยดีกว่านั่นก็คือการทำให้ฟิล์มโดนแสงได้ด้วยการใช้นํ้ายา fixer หรือนํ้ายา IF4 ครับแต่การพาทัศนศึกษาห้องมืดวันนี้ต้องประสบกับปัญหา นํ้ายา fixer บูดครับ- -" เราเลยต้องเปิดโพย หาขั้นตอนการทำนํ้ายา fixer IF4 ขึ้นมาใหม่ทำไงดีล่ะ ก็ต้องเปิดกรุตู้เก็บสารเคมีครับ ขั้นแรกเลย หยิบ Sodium Hyposulphite ขึ้นมาก่อน Sodium Hyposulphite 60กรัม เอามาผสมนํ้าร้อน 50 องศาคนให้มันละลายเข้ากัน เราก็จะได้เครื่องดื่มร้อนดับกระหาย ต่อไปเอา potassium metabisul- fite มาชั่งครับ ผสมให้เข้ากัน แค่นี้เป็นอันใช้ได้ที่เหลือก็ืำทำเหมือนขั้นตอนเดิมครับ คือทำให้นํ้ายาอุณหภูมิลงไปที่ 20 cแล้วก็เขย่า 30วิพัก30 วิคราวนี้ใช้เวลาประมาณ 15 นาทีได้ พอทำเสร็จ เททิ้ง เอาไปรันนํ้าเปล่าไว้สัก 15 นาที ++ ท้ายสุดก็คือการแช่นํ้ายา Photo Floหยด 2 หยด แช่เอาไว้นาทีทีนี้เปิดฝาแทงค์ออกมา เราก็จะได้ฟิล์มที่มีรูปโชว์ปรากฎอยู่บนเนื้อฟิล์มแล้วครับพี่น้อง เห็นไหมครับ แค่กระบวนการล้างฟิล์ม เบื้องหลังภาพถ่ายที่กว่าจะได้มาสักใบต้องมีกระบวนการขั้นตอนมากมายแค่ไหนการพาเที่ยวชมห้องมืดยังไม่จบเพียงเท่านี้ครับชาติหน้า เราจะพาทุกท่านไปดูห้องมืด ภาค 2 ภาคการอัดฟิล์มลงกระดาษอย่าลืมติดตามชมนะครับ วันนี้ต้องขอตัวลาไปนอนก่อนล่ะคราบ ^^
ขอบคุณสำหรับรูปดีๆจ้า