Group Blog
 
 
สิงหาคม 2549
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
23 สิงหาคม 2549
 
All Blogs
 

ชาติหน้ามีจริงรึเปล่า ภาค 2 ตอนจบครับ

ความจริงแล้ว พระพุทธองค์ท่านไม่ให้เราตามไปดูถึงขนาด

นั้น ไม่ต้องสงสัยว่าชาติหน้ามีหรือไม่มี ไม่ต้องไปถามว่า

คนตายแล้วจะ เกิดหรือไม่เกิด... อันนั้นมันไม่ใช่ปัญหา

มันไม่ใช่หน้าที่ของเรา หน้าที่ของเราคือ เราจะต้องรู้จัก

เรื่องราวของตัวเองในปัจจุบัน เราต้องรู้ว่า เรามีทุกข์ไหม?

ถ้าทุกข์ มันทุกข์เพราะอะไร? นี้คือสิ่งที่เราจะต้องรู้ และ

เป็นหน้าที่โดยตรงที่เราจะต้องรู้ด้วย พระพุทธเจ้าท่านสอน

ให้เราถือเอาปัจจุบันเป็นเหตุของทุกอย่าง เพราะว่าปัจจุบัน

เป็นเหตุของอนาคต คือถ้าวันนี้ผ่านไป วันพรุ่งนี้มันก็กลาย

มาเป็นวันนี้ นี่เรียกว่าอนาคตคือพรุ่งนี้ มันจะมีได้ก็เพราะ

วันนี้เป็นเหตุ ทีนี้อดีตก็เป็นไปจากปัจจุบัน หมายความว่า

ถ้าวันนี้ผ่านไป มันก็กลายเป็นเมื่อวานนี้เสียแล้ว นี่คือเหตุที่

มันเกี่ยวเนื่องกันอยู่ฉะนั้น พระพุทธเจ้าท่านจึงสอนให้เรา

พิจารณาเหตุทั้งหลายในปัจจุบัน เท่านี้ก็พอแล้ว ถ้าปัจจุบัน

เราสร้างเหตุไว้ดี อนาคตมันก็จะดีด้วย อดีตคือวันนี้ที่ผ่าน

ไป มันย่อมดีด้วย และที่สำคัญที่สุดคือ ถ้าเราหมดทุกข์ได้

ในปัจจุบันนี้แล้ว อนาคตคือชาติหน้าก็ไม่จำเป็นที่จะต้อง

พูดถึง”

คนหนึ่งพูดว่า “กลัวว่าชาติหน้าจะไม่ได้เกิด”

ท่านว่า “นั่นแหละยิ่งดี กลัวมันจะเกิดเสียด้วยซ้ำไป”

แล้วท่านจึงพูดต่อไปว่า...

“ในครั้งพุทธกาล สมัยที่พระพุทธเจ้ายังทรงมีชีวิตอยู่ มี

พราหมณ์คนหนึ่งมีความสงสัยว่า คนตายแล้วไปไหน? คน

ตายแล้วเกิดอีกหรือไม่? แกจึงมาหาพระพุทธเจ้า ถามว่า

คนตายแล้วเกิดไหม? ถ้าพระองค์ตอบได้ก็จะมาบวชด้วย

แต่ถ้าตอบไม่ได้หรือไม่ตอบ แกก็จะไม่บวช แกว่าของแก

อย่างนั้น พระพุทธเจ้าจึงตอบว่า มันเป็นเรื่องอะไรของฉัน

เล่า พราหมณ์จะบวชหรือไม่บวช มันเป็นเรื่องพราหมณ์ ไม่

ใช่เรื่องของฉัน พระองค์ตรัสว่า ถ้าตราบใดที่พราหมณ์ยังมี

ความเห็นว่า มีคนเกิดหรือมีคนตาย คนตายแล้วเกิด หรือ

คนตายแล้วไม่เกิด ถ้าพราหมณ์ยังมีความเห็นอยู่อย่างนี้

พราหมณ์ก็จะเป็นทุกข์ทรมานอยู่อีกหลายกัลป์ ทางที่ถูก

นั้น พราหมณ์จะต้องถอนลูกศรออกเสียบัดนี้ พระพุทธเจ้า

ท่านว่า ความจริงแล้วไม่มีใครเกิดไม่มีใครตาย พราหมณ์

คนนั้นฟังไม่รู้เรื่อง และจนกว่าแกจะได้เรียนรู้เรื่องอนิจจัง

ทุกขัง อนัตตาให้เข้าใจถ่องแท้เสียแล้วนั่นแหละ จึงจะเข้า

ใจคำพูดของพระองค์ได้ นั่นจึงจะเรียกว่า การรู้เห็นตาม

เป็นจริงด้วยปัญญา เป็นการเชื่อด้วยปัญญา พระพุทธ เจ้า

สอนอย่างนี้ ไม่ได้สอนว่า ให้เชื่อว่าคนตายแล้วเกิดหรือไม่

เกิด ชาติหน้ามีหรือไม่มี อย่างนั้นไม่ใช่เรื่องเชื่อหรือไม่

เชื่อ จะถือเอาเป็นประมาณไม่ได้ จะถือเอาเป็นหลักเกณฑ์

ไม่ไค้ ดังนั้นที่คุณถามว่า ชาติหน้ามีไหมนั้น อาตมาจึงถาม

คุณว่า ถ้าบอกแล้วคุณจะ เชื่อไหม? ถ้าเชื่อ โง่หรือฉลาด?

อย่างนี้เข้าใจไหม? ให้เอาไปคิดดูเป็นการบ้านนะ “





 

Create Date : 23 สิงหาคม 2549
0 comments
Last Update : 23 สิงหาคม 2549 9:00:34 น.
Counter : 299 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


tungloveminnie
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add tungloveminnie's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.