Group Blog
กรกฏาคม 2556

 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
31
 
 
All Blog
การมีลูกซักคนทำใม ช่างยากเย็นแสนเข็ญ
มาแชร์ประสบการณ์ และเป็นกำลังใจให้คุุณแม่ที่มีลูกยากอย่าท้อแท้นะคะ....

                 ปกติเป็นคนกรุงเทพฯ และเคยเป็นคนไกลบ้าน ปัจจุบันมาเป็นเด็กดอยอยู่ทางเหนือของประเทศค่ะ
                 เราแต่งงานตอนอายุมากแล้วตอนแต่งก็อายุได้ 33 ปี แล้วค่ะก่อนแต่งก็คิดไว้ว่าถ้าเราแต่งงานก็อยากมีครอบครัวที่สมบูรณ์โดยมีเจ้าตัวน้อยๆ ซักคน แต่หลังจากแต่งงานได้ประมาณ 3 ปี แล้วก็ยังไม่มีแววว่าจะท้องทั้งที่ไม่เคยคุมกำเนิดเลย ก็เลยตัดสินใจไปปรึกษาหมอที่ รพ.บำรุงราษฏ์ คุณหมอก็แนะนำให้ส่องกล้องเพื่อตรวจมดลูก เราก็ตกลงทำตามที่คุณหมอแนะนำ

                  หลังจากส่องกล้องแล้วคุณหมอก็มาแจ้งว่ามดลูกเราปกติ สะอาดดี เพียงแต่ช่องคลอดเราแคบไปนิดแต่หมอก็ช่วยขยายให้เล็กน้อย

                   หลังจากผ่าตัดส่องกล้องแล้วก็ยังไม่มีที่ท่าว่าจะท้อง พอดีแฟนได้งานต่างประเทศมีสัญญา 5 ปี เราก็เลยต้องย้ายไปกับแฟน ที่นั้นก็จะมีหมอประจำครอบครัว มีตรั้งนีงเราไปตรวจสุุขภาพคุณหมอก็ถามเราว่า
คุณหมอ     :     คุณอยากมีลูกไม๊
เรา            :     โธ่ถามได้อยากมีซิคะ อยากมีมากด้วยละ
คุณหมอ      :     ถ้างั้นหมอจะช่วย
เรา             :     แต่เราอายุเยอะแล้วนะ กลัวอันตราย กลัวลูกเราจะไม่สมบูรณ์
คุณหมอ       :    ไม่ต้องห่วงหมอจะดูแลเป็นอย่างดี

                   จากที่เราพูดคุยกับคุณหมอไม่นาน กระบวนการก็เริ่มขึ้นโดยหมอบอกว่าเราจะเริ่มด้วยการฉีดสี เช็คท่อรังไข่ขั้นตอนนี้เจ็บเอาเรื่อง ถ้าจำไม่ผิดเหมือนหมอจะฉีดยาชนิดนึงเข้ามดลูกแล้วให้น้ำยาไหลไปที่รังไข่ หมอบอกว่าท่อรังไข่ข้างซ้ายเรามีปัญหามันค่อนข้างตีบน้ำยาไหลผ่านไม่ค่อยได้พอฉีดเสร็จรู้สึกว่าจะแสบร้อนๆที่ใบหน้า ปรากฏว่ามีปี็นสีแดงขึ้นเหมือนลมพิษ มารู้ทีหลังว่ายาที่ฉีดเข้าไปเนี่ยเป็นไอโอดีน ซึ่งปกติเราเป็นคนแพ้อาหารทะเลอยู่แล้วด้วยก็เลยแพ้ยาตัวนี้

                    พอฉีดสีได้ซักระยะคุณหมอก็นัดให้เราไปทำการผ่าตัดส่องกล้อง อีกแล้วเหรอเพราะเคยทำที่เมืองไทยไปแล้วทีนึง แต่หมอยีนยันว่าต้องเช็คอีกครั้ง ก็เลยผ่าตัดอีกครั้งแต่คราวนี้วิธีจะแตกต่างจากทางเมืองไทยนิดหน่อยโดยเค้าจะเป่ามดลูกเราให้ลอยเพื่อที่จะสามารถเห็นมดลูกได้ทั่่ว คราวนี้แจ๊คพอด หมอเจอจุดๆสีน้ำตาลที่มดลูกเราที่เรียกว่า " ช๊อคโกแลตซีส " นี่ก็เป็นอีกสาเหตุนึงที่ทำให้มีลูกยาก หมอรักษาโดยการจี้ด้วยเลเซอร์

  ( ขออนุญาตมาต่อพรุ่งนี้ค่ะ ) ว่าจะมาต่อพรุ่งนี้แต่พอดีตอนนี้ว่างก็เลยเข้ามาเล่าต่อค่ะ

                     รักษา " ช๊อคโกแลตซีสต์ " แล้ว หรือที่หมอเรียกว่า " Endometriosis " คุณหมอก็บอกว่าจะต้องให้มดลูกไม่หดตัวโดยการต้องหยุดมีประจำเดีอนเป็นเวลา 6 เดือน รักษาโดยการฉีดยาเดือนละ 1 เข็ม ตอนฉีดเข็มแรกก็ไม่มีอะไร พอเข็มสองก็มีอาการเป็นผื่นแดงแสบๆคันๆ ขึ้นตามตัวเหมือนเป็นลมพิษ เราก็บอกหมอว่าสงสัยว่าเราจะแพ้ยานี้แต่หมอก็ไม่เชื่อบอกยังไม่เคยมีประวัติใครแพ้ยานีั อาการของเราอาจจะเป็นเพราะสิ่งแวดล้อมที่บ้านเราเพราะเราเลี้ยงสุนัข และ ที่บ้านก็มีต้นไม้เยอะอาจจะแพ้สุนัขหรือเกสรดอกไม้ก็ได้ เราก็รับฟังแต่ก็ยังเชื่อว่าเราน่าจะแพ้ยาหลังจากนั้นไม่นานเราก็กลับไปเยี่ยมบ้านที่เมืองไทย (เราจะกลับเมืองไทยปีละครั้ง) ครั้งนี้เราก็นำยาไปฉีดที่เมืองไทยโดยไปฉีดที่คลีนิค หลังฉีดไม่นานก็เกิดอาการแพ้เหมือนคราวที่แล้วอีก คราวนี้คงไม่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมแน่นอนเพราะอุตส่าห์บินข้ามทวีปมาฉีดแล้วยังเกิดอาการเหมือนเดิมอีก

                     พอกลับไปอเมริกาเราก็ไปบอกหมอว่าเราฉีดเข็มสามที่เมืองไทยก็เกิดอาการแพ้เหมือนที่ฉีดที่นี่ แต่หมอก็ไม่เชืออีกบอกไม่น่าเป็นไปได้แล้วก็ฉีดเข็มที่สี่ให่เราอีก ก็เกีดอาการเหมือนเดิมเลย เราก็ไม่ได้แล้วทีนี้บอกหมอเลยว่าจะไม่ฉีดอีกแล้วเราเชือแน่ว่าแพ้ยานี้แน่นอนหมอก็เลยต้องยอมเรา เป็นตายยังไงเราก็จะไม่ยอมฉีดอีก ตกลงก็ฉีดไปทั้งหมดสี่เข็ม ( ราคาตอนนั้นตกประมาณ 15,000 บาท/เข็ม ไม่ต้องตกใจค่ะไม่ได้จ่ายเอง บริษัทที่สามีทำงานเป็นคนจ่ายให้เราค่ะ)
                     หลังจากหยุดฉีดยาได้ซักพักคุณหมอก็นัดให้เรามาตรวจสุขภาพ ผลออกมา มดลูกกับรังไข่เราได้ผลมาเป็นที่น่าพอใจไม่มีอะไรน่าเป็นหว่งแล้วตอนนี้ ( เราเป็นคนไม่ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ และไม่ดื่มกาแฟ สุขภาพเราก็เลยฟี้นตัวเร็ว )

                       คุณหมอก็เลยแนะนำให้เราไปรักษาต่อกับคลินิคที่มีบุุตรยากที่นั่นจะมีหมอเก่งสำหรับคนมีบุตรยาก คุณหมอก็ส่งประวัติเราไปแล้วติดต่อหมอทางนั้นไว้ให้พอถึงวันนัดเราก็ไปตามนัดคลินิคหมอค่อนข้างไกลจากบ้านเราใช้เวลาขับรถประมาณชั่วโมงกว่าๆ ไกลพอสมควร ตอนไปถึงคลินิคเราได้พบกับนางพยาบาลยังไม่ได้พบกับหมอ นางพยาบาลก็ซักประวัติเราและเช็คประวัติที่คุณหมอเราได้ส่งมาให้ แล้วก็ถามเราว่าต้องการให้หมอช่วยด้วยวิธีไหน เราก็ว่าเราอยากทำ IVF (เด็กหลอดแก้ว) เพราะอายุเรามากแล้วไม่อยากรอนานกลัวจะม่ีปัญหากับเด็ก เค้าก็บอกว่ามดลูกกับท่อรังไข่เราก็ดีแล้วทำไมไม่ทำ insemination ไม่แน่ใจว่าใช่คำนี้ถูกหรือเปล่ามันก็นานมาแล้ว วิธีทำก็จะคล้ายๆกับการทำ กิฟท์ ซี่งค่าใช้จ่ายถูกกว่า จะได้ไม่ต้องมาเสียแพง เราก็ไม่ค่อยแน่ใจเพราะรู้อยู่ว่าถ้าทำประเภทนี้มีสิทธ์ติดค่อนข้างยากเราไม่มีเวลารอ เค้าก็บอกให้เราลองทำก่อนไม๊ถ้าไม่ได้ผลค่อยเปลี่ยนวิธี เราก็เลยว่าเราจะลองทำแค่สองครังถ้าไม่ได้ผลเราจะหยุดแล้วทำเด็กหลอดแก้วก็เลยตกลงทำวิธีนีั

( พรุ่งนี้มาต่อกันนะคะว่าวิธีที่ทำมันทำอย่างไร และจะได้ผลไม๊ )







Create Date : 27 กรกฎาคม 2556
Last Update : 11 สิงหาคม 2556 18:47:09 น.
Counter : 1154 Pageviews.

3 comments
  
มาติดตามค่ะ
โดย: maistyle วันที่: 27 กรกฎาคม 2556 เวลา:16:16:01 น.
  
ดีใจจังเลยค่ะมีคนเข้ามาอ่าน นี้เป็นครั้งแรกที่เขียนblog เลย
ขอบคุณนะคะ
โดย: beezuss (beezuss ) วันที่: 27 กรกฎาคม 2556 เวลา:19:54:32 น.
  
ลองเข้าไปดูที่ //www.meedeesukhaphab.lnwshop.com

จากประสบการณ์ผู้แต่งงานมาเป็นเวลา 4 ปี ไม่มีลูกอายุ 32 ปี

ตอนนี้มีลูกแล้วหนึ่งคน
โดย: ขวัญ IP: 27.55.156.239 วันที่: 7 พฤศจิกายน 2557 เวลา:19:07:33 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

beezuss
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]



คุณแม่ลูกหนึ่งหนีความวุ่นวายจาก กทม มาเป็นชาวดอยอยู่กับธรรมชาติ ดูแลครอบครัว สนุกกับการทำเบเกอรี่ ให้พ่อลูกทาน