CENTER AND CIRCLE



พ่อแม่ของแว่นตายในอุบัติเหตุ ยายเลยพาแว่นมาฝากไว้กับหลวงตาที่วัดในละแวกบ้าน เนื่องจากในหมู่บ้านนี้มีวัดอยู่เพียงแห่งเดียว ชาวบ้านจึงมักไม่เรียกชื่อวัดต่อให้ยืดยาวถือกันว่าละไว้ในฐานที่เข้าใจ แว่นเป็นเด็กรุ่นใหม่สำหรับสังคมโบราณนี้ จึงไม่เคยทราบชื่อวัดที่ตัวเองมาบวช แว่นไม่เคยถามใคร และก็ไม่มีใครเคยบอกแว่นเช่นกัน

ก่อนที่พ่อแม่จะตาย แว่นชอบมาเที่ยวงานวัดกับครอบครัว ในงานวัดจะมีเครื่องเล่นต่าง ๆ มากมาย ล้วนแต่ล่อตาล่อใจให้เด็ก ๆ เดินเข้าไปหา ไม่ว่าจะเป็นชิงช้าสวรรค์วงใหญ่ รถไต่ถังที่น่าตื่นเต้น เกมส์ยิงเป้าที่มีรางวัลแจก รวมไปถึงบ้านผีสิงที่น่ากลัว แต่ที่แว่นโปรดปรานมากที่สุดเพราะเคยเล่นอยู่เพียงชนิดเดียว นั่นคือ “ม้าหมุน”

พ่อกับแม่เคยถามแว่นว่า เครื่องเล่นสนุก ๆ มากมายในงานวัด ทำไมแว่นไม่ลองเล่นอย่างอื่นดูบ้าง แว่นบอกว่า ม้าหมุนสนุกที่สุดในบรรดาเครื่องเล่นทุกชนิด เพราะเวลาที่เขาเล่น ทุกอย่างในโลกจะหมุนรอบตัวเขาอย่างรวดเร็ว พ่อกับแม่ค้านว่าทุกอย่างในโลกไม่ได้หมุนรอบตัวแว่นหรอก ม้าหมุนต่างหากที่หมุนรอบตัวเอง

หลวงตาบอกสามเณรแว่นว่า เดือนหน้าจะมีการจัดงานวัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ เพราะเป็นงานประจำปี หลวงตาได้แบ่งงานให้ทุกคนในวัดรับผิดชอบ สามเณรแว่นได้รับมอบหมายให้ดูแลเรื่องเครื่องเล่นทั้งหมด

รุ่งเช้า สามเณรแว่นเดินเข้าไปปรึกษาหลวงตาว่าปีนี้ งานวัดของเราต้องการม้าหมุนจำนวนแปดเครื่อง และให้ยกเลิกเครื่องเล่นอื่น ๆ ทั้งหมด หลวงตาทำสีหน้าตกใจที่ได้ยินเช่นนั้น และบอกสามเณรแว่นว่า จะให้คนที่มาเที่ยวงานเล่นแต่ม้าหมุนได้ยังไง เขาก็อยากจะเปลี่ยนไปเล่นอย่างอื่นบ้าง หากเป็นอย่างที่เณรบอก ชาวบ้านก็จะตำหนิวัดเราได้ว่าจัดงานน่าเบื่อ

สามเณรแว่นเถียงหลวงตาโดยเสาะหาเหตุผลมากมายมาสนับสนุนความคิดของตน จนพระภิกษุรูปอื่นรวมไปถึงสามเณรและเด็กวัดเริ่มเห็นคล้อยตาม คงมีเพียงหลวงตาเท่านั้นที่ยังไม่เห็นด้วย เมื่อไม่สามารถตกลงกันได้ หลวงตาจึงลงมาดูแลเรื่องเครื่องเล่นด้วยตัวเองและให้สามเณรแว่นไปดูแลเรื่องความสะอาดภายในวัดแทน สามเณรแว่นไม่พอใจอย่างมากที่ต้องมารับผิดชอบงานสกปรก

เมื่องานวัดประจำปีมาถึง ทุกอย่างก็ดำเนินไปด้วยดีเพราะหลวงตาจัดแบ่งหน้าที่อย่างเป็นระบบ ทุกคนที่ได้รับมอบหมายก็ทำงานอย่างขยันขันแข็งและมีประสิทธิภาพ ตอนหัวค่ำ หลวงตาอนุญาตให้สามเณรและเด็กวัดออกมาเที่ยวงานวัดได้ เพราะหลวงตาเข้าใจดีว่ายังเป็นเด็กกันอยู่ ส่วนสามเณรแว่นนั่งจับเจ่าอยู่คนเดียวในกุฏิ เพราะน้อยใจหลวงตา

รุ่งเช้า หลวงตาสังเกตเห็นดวงตาที่แดงก่ำของสามเณรแว่นเลยเดินเข้าไปถามด้วยความห่วงใยว่า เมื่อคืนเณรไม่ได้นอนเหรอ สามเณรแว่นตกใจมาก คิดว่าหลวงตาทราบความลับของตน หลวงตาเห็นอาการพิรุธเลยถามต่อว่า มีอะไรก็บอกหลวงตาเถอะ อย่าปิดบังไว้เลยจะเป็นทุกข์ สามเณรแว่นน้ำตาคลอเบ้าแล้วสารภาพว่า เมื่อคืนหลังจากสามเณรอื่น ๆ และเด็กวัดกลับมานอนแล้ว ตนเองแอบใส่เสื้อผ้าของเด็กวัด แล้วออกไปเล่นม้าหมุนในงาน หลวงตาได้ยินดังนั้น เลยชวนสามเณรแว่นออกไปเดินเล่นที่ริมสระบัว สามเณรแว่นค่อนข้างแปลกใจ ที่หลวงตาไม่แสดงอาการโกรธ ในระหว่างที่เดินไป หลวงตาบอกว่าจะเล่าความลับให้ฟัง

ความลับของหลวงตาคือ ตอนที่หลวงตายังเป็นสามเณร ที่วัดเริ่มมีการจัดงานวัดขึ้นเป็นปีแรก ตกกลางคืน หลวงตาก็แอบไปเล่นม้าหมุนมาเหมือนกัน งานวัดปีต่อมา หลวงตายังแอบไปเล่นชิงช้าสวรรค์อีกด้วย บางปีก็แอบออกไปยิงปืนเอารางวัล พอหลวงตาโตเป็นวัยรุ่นแล้วก็ชอบออกไปดูรถไต่ถัง เพราะว่ามันตื่นเต้นดี หลายปีเข้า หลวงตาเลยได้เล่นเครื่องเล่นจนครบทุกชนิด และด้วยเหตุนี้เอง หลวงตาเลยเข้าใจว่า เครื่องเล่นแต่ละอย่าง มีความสนุกหรรษาอยู่ในตัวเองทั้งสิ้น หลวงตายังบอกอีกว่า เมื่อเณรโตขึ้นตามวัยอันควร เณรก็จะเข้าใจวงจรชีวิตมากขึ้นเช่นกัน

หลายปีต่อมา หลวงตามรณภาพ แต่งานวัดก็ยังถูกจัดขึ้นไม่เคยขาดโดยเจ้าอาวาสคนใหม่ สามเณรแว่นลาสิกขาบทออกมาดูแลยายที่โรงพยาบาล หมอบอกว่า ยายกำลังจะตาย แว่นรู้สึก ยินดีที่ยายกำลังจะได้ไปเล่นเครื่องเล่นชิ้นใหม่ตามวัยอันควร เหมือนที่พ่อกับแม่และหลวงตาได้ไปเล่นอย่างสนุกสนานก่อนหน้านั้นแล้ว



แว่นได้แต่งงานกับผู้หญิงในหมู่บ้านและมีลูกชายด้วยกันหนึ่งคน ลูกชายของแว่นชอบเที่ยวงานวัด ในงานวัดปีนี้ มีเครื่องเล่นเพิ่มขึ้นอีกหลายชนิด มีทั้งรถซิ่ง รถไฟลอยฟ้า และกระเช้าปลาหมึก แว่นพาลูกชายไปนั่งม้าหมุน เสร็จแล้วก็พาไปเล่นอย่างอื่นอีกจนครบทุกชนิด ลูกชายของแว่นรู้สึกว่า ตัวเองเป็นเด็กที่โชคดีที่สุดในโลก

ในระหว่างที่นั่งมอเตอร์ไซค์กลับบ้าน สายลมประหลาดก็พัดมาปะทะใบหน้าของแว่น ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังนั่งอยู่บนม้าหมุนในวัยเด็ก สายลมที่ทำให้ตาของแว่นแดงก่ำจนหลวงตาจับผิดได้ สายลมที่นำพาประสบการณ์เข้ามาในชีวิตของแว่น วันแล้ววันเล่า เดือนแล้วเดือนเล่า ปีแล้วปีเล่า ภพแล้วภพเล่า หมุนเวียนเปลี่ยนผ่านอย่างนี้อยู่ตลอดเวลา แม้จะนั่งอยู่บนเบาะของมอเตอร์ไซค์ แต่แว่นก็รู้สึกโจนทะยานเหมือนได้ควบม้าหมุนอีกครั้งอย่างอัศจรรย์

เมื่อกลับมาถึงบ้าน ลูกชายของแว่นถามว่า วัดนี้ชื่อวัดอะไร ก่อนที่แว่นจะตอบคำถาม แว่นหวนระลึกถึงเมื่อครั้งที่หลวงตาใช้ให้ไปทำความสะอาดวัดก่อนวันงานประจำปี แว่นเป็นคนเช็ดถูป้ายชื่อของวัดด้วยตัวเอง เลยทำให้ทราบว่าวัดนี้ช่างมีชื่อที่แปลกประหลาดนัก ลูกชายของแว่นกระเซ้าถามอีกครั้งเมื่อเห็นพ่อนิ่งไป ว่าวัดนี้มีชื่อหรือเปล่า แว่นยิ้มน้อย ๆ ที่มุมปาก ก่อนที่จะบอกว่า มีซิ ชื่อ “วัฏจักร”




 

Create Date : 15 พฤศจิกายน 2550
3 comments
Last Update : 15 พฤศจิกายน 2550 19:47:28 น.
Counter : 1002 Pageviews.

 

เรื่องน่าสนใจน่ะ ! เพราะคนเรามักสนใจในเรื่องเดิม ๆ จนไม่ได้มองสิ่งอื่น ๆ รอบตัว ทั้ง ๆ ที่สิ่งเหล่านั้นก็สนุกและน่าสนใจไม่น้อย จงอย่ายึดติด ต้องปล่อยวางแล้วความสนุกมาเป็นของเรา แต่รูปไม่เข้ากับเรื่องที่เน้นม้าหมุนสักเท่าไร

 

โดย: มะลิ IP: 203.154.187.178 15 พฤศจิกายน 2550 19:23:10 น.  

 

แก้ให้แล้วนะครับ คุณมะลิ ขอบคุณมากๆ ครับที่แนะนำ

 

โดย: beerled (beerled ) 15 พฤศจิกายน 2550 19:32:29 น.  

 

เราว่าน่ะเครื่องเล่นในงานวัดก้สอนให้รู้จักคำว่า"วัฏจักร"ได้ตั้งหลายเครื่อง เพราะมันหมุน ๆ เหมือนกันหมดทั้งแบบว่าชอบดูรถไต่ถังอ่ะ
มีเรื่องอื่นให้อ่านอีกอ่ะป่าว จะคอยติดตาม น่ะค๊า

 

โดย: น้องสอน IP: 203.154.187.178 1 ธันวาคม 2550 15:10:27 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


beerled
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
 
พฤศจิกายน 2550
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
15 พฤศจิกายน 2550
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add beerled's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.