"รัก" และ "กำลังใจ" ฉันมีไว้เพื่อแบ่งปัน Blog ของสาวน้อยขี้เหงาและช่างฝัน (Beee Diary & Music)
Group Blog
 
 
กันยายน 2551
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
15 กันยายน 2551
 
All Blogs
 
พระอภิธรรม คืออะไร / ชุดที่ 1

ชุดที่ 1
สาระน่ารู้เกี่ยวกับพระอภิธรรม


พระอภิธรรม คืออะไร


พระอภิธรรม คืออะไร


หลังจากที่สมเด็จพระสมณโคดีสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสรู้แล้ว พระองค์ได้ทรงแสดงธรรมโปรดเวไนยสัตว์เป็นเวลายาวนานถึง ๔๕ พรรษา คำสอนที่พระพุทธองค์ทรงแสดงไว้ทั้งหมดรวบรวมได้ ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ เรียกว่า พระไตรปิฎก ซึ่งบรรจุคำสอนและเรื่องราวของพระพุทธศาสนาไว้โดยละเอียด แบ่งออกเป็น ๓ ปิฎกหรือ ๓ หมวดด้วยกัน คือ

๑. พระวินัยปิฎก
๒. พระสุตตันตปิฎก
๓. พระอภิธรรมปิฎก


๑. พระวินัยปิฎก หรือเรียกสั้น ๆ ว่า พระวินัย เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าเกี่ยวกับศีลหรือสิกขาบท (บทบัญญัติ) ตลอดจนพิธีกรรมและธรรมเนียมของสงฆ์ อันเป็นกฎระเบียบที่พระภิกษุสงฆ์และพระภิกษุณีสงฆ์จะต้องปฏิบัติ รวมถึงพุทธประวัติบางตอนและประวัติการทำสังคายนา มีทั้งสิ้น ๒๑,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ แบ่งออกเป็น ๕ คัมภีร์ เรียกโดยย่อว่า อา.ปา.มะ.จุ.ปะ. (หัวใจพระวินัย) ได้แก่

๑. คัมภีร์อาทิกัมมิกะ ว่าด้วยอาบัติปาราชิก สังฆาทิเสส อนิยต และต้นบัญญัติในสิกขาบทต่าง ๆ
๒. คัมภีร์ปาจิตตีย์ ว่าด้วยอาบัติปาจิตตีย์ ซึ่งเป็นอาบัติอย่างเบา
๓. คัมภีร์มหาวรรค ว่าด้วยพุทธประวัติตอนปฐมโพธิกาล และพิธีกรรมทางพระวินัย
๔. คัมภีร์จุลวรรค ว่าด้วยพิธีกรรมทางพระวินัยต่อจากมหาวรรค ตลอดจนความเป็นมาของภิกษุณี และประวัติการทำสังคายนา
๕. คัมภีร์ปริวาร ว่าด้วยข้อเบ็ดเตล็ดทางพระวินัย

๒. พระสุตตันตปิฎก หรือเรียกสั้น ๆ ว่า พระสูตร เป็นหมวดที่ประมวลพระธรรมเทศนา คำบรรยายธรรม และเรื่องเล่าต่าง ๆ อันยักเยื้องตามบุคคลและโอกาส เป็นธรรมที่แสดงโดยใช้สมมุติโวหาร คือยกสัตว์ บุคคล กษัตริย์ เทวดา เป็นต้น มาแสดง มีคำสอนทั้งสิ้น ๒๑,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ แบ่งออกเป็น ๕ นิกาย เรียกโดยย่อว่า ที.มะ.สัง.อัง.ขุ (หัวใจพระสูตร) ได้แก่

๑. ทีฆนิกาย ประกอบด้วย พระสูตรขนาดยาว จำนวน ๓๔ สูตร
๒. มัชฌิมนิกาย ประกอบด้วย พระสูตรขนาดปานกลางจำนวน ๑๕๒ สูตร
๓. สังยุตตนิกาย ประกอบด้วย พระสูตรที่จัดเป็นหมวดหมู่ เรียกว่า สังยุตต์ มีชื่อตามเนื้อหา เช่น เกี่ยวกับแคว้นโกสล เรียกว่า โกสลสังยุตต์ เกี่ยวกับมรรคเรียกว่า มรรคสังยุตต์ มีจำนวน ๗,๗๖๒ สูตร
๔. อังคุตตรนิกาย ประกอบด้วย พระสูตรที่จัดหมวดหมู่ตามจำนวนข้อของหลักธรรม เรียกว่า นิบาต เช่น เอกนิบาต ว่าด้วยหลักธรรมที่มีหัวข้อเดียว จนถึงหลักธรรมที่มี ๑๑ หัวข้อที่เรียกว่า เอกาทสกนิบาต ในนิกายนี้มีจำนวนพระสูตร ๙,๕๕๗ สูตร
๕. ขุททกนิกาย ประกอบด้วยภาษิตเบ็ดเตล็ด ประวัติและนิทานต่าง ๆ นอกเหนือจากที่จัดไว้ในนิกายทั้ง ๕ ข้างต้น แบ่งออกเป็นหมวดได้ ๑๕ หมวดคือ
๑) ขุททกปาฐะ แสดงบทสวดเล็ก ๆ น้อย ๆ โดยมากเป็นบทสวดสั้น ๆ
๒) ธรรมบท แสดงคาถาพุทธภาษิต ประมาณ ๓๐๐ คาถา
๓) อุทาน แสดงพระพุทธดำรัสที่เปล่งอุทานเป็นภาษิตโดยมีเนื้อเรื่องประกอบตามสมควร
๔) อิติวุตตก แสดงคำอ้างอิงว่าพระพุทธเจ้าตรัสไว้อย่างนั้นอย่างนี้
๕) สุตตนิบาต เป็นหมวดที่รวบรวมพระสูตรเบ็ดเตล็ดไว้ด้วยกัน
๖) วิมานวัตถุ แสดงเรื่องราวของผู้ไดวิมานและแสดงเหตุที่ทำให้ได้วิมานไว้ด้วย
๗) เปตวัตถุ แสดงเรื่องราวของเปรตที่ได้ทำบาปกรรมไว้
๘) เถรคาถา แสดงภาษิตต่าง ๆ ของพระอรหันตสาวก
๙) เถรีคาถา แสดงภาษิตต่าง ๆ ของพระอรหันตสาวิกา
๑๐) ชาดก เป็นหมวดที่ประมวลคาถาธรรมภาษิตเกี่ยวกับเรื่องราวในอดีตชาติของพระพุทธองค์
๑๑) นิทเทส เป็นหมวดที่ว่าด้วยเรื่องของนิทเทส (การชี้แจง, การแสดง, การจำแนก) แบ่งเป็นมหานิทเทส และจุลนิทเทส
๑๒) ปฏิสัมภิทามรรค กล่าวถึงการปฏิบัติเพื่อเข้าถึงความมีปัญญาอันประเสริฐ
๑๓) อปทาน หมวดนี้จะกล่าวถึงอัตตชีวประวัติของพระพุทธองค์และพระอรหันตสาวกและอรหันตสาวิกา
๑๔) พุทธวงศ์ แสดงประวัติของอดีตพระพุทธเจ้า ๒๔ พระองค์
๑๕) จริยาปิฎก แสดงเรื่องราวการบำเพ็ญบารมีของพระพุทธเจ้า


๓. พระอภิธรรมปิฎก หรือเรียกสั้น ๆ ว่า พระอภิธรรม เป็นหมวดที่ประมวลพุทธพจน์อันเกี่ยวกับหลักธรรมที่เป็นวิชาการว่าด้วยเรื่องของปรถัตถธรรม (ปรมัตถธรรม มี ๔ ประการ อันได้แก่ จิต เจตสิก รูป และนิพพาน) ล้วน ๆ ยกตัวอย่างเช่น เมื่อกล่าวถึงบุคคลใด บุคคลหนึ่ง ทางพระอภิธรรมถือว่าบุคคลนั้นไม่มี มีแต่สิ่งซึ่งเป็นที่ประชุมรวมกันของจิต เจตสิก รูป เท่านั้น ดังนั้น ธรรมะในหมวดนี้จึงไม่มีเรื่องราว ของบุคคล เหตุการณ์ หรือสถานที่ซึ่งเป็นสิ่งสมมุติเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเลย

พระอภิธรรมปิฎกมีอยู่ทั้งสิ้น ๔๒,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ แบ่งออกเป็น ๗ คัมภีร์ เรียกโดยย่อว่า สัง.วิ.ธา.ปุ.กะ.ยะ.ปะ. (หัวใจพระอภิธรรม) ได้แก่

๑. คัมภีร์ธัมมสังคณี ว่าด้วยธรรมะที่ประมวลไว้เป็นหมวดเป็นกลุ่ม เรียกว่า กัณฑ์ มีทั้งหมด ๔ กัณฑ์ คือ
๑) จิตตวิภัตติกัณฑ์ แสดงการจำแนกจิตและเจตสิก เป็นต้น
๒) รูปวิภัตติกัณฑ์ แสดงการจำแนกรูป เป็นต้น
๓) นิกเขปราสิกัณฑ์ แสดงธรรมที่เป็นแม่บท (มาติกา) ของ ปรมัตถธรรม
๔) อัตถุทธารกัณฑ์ แสดงการจำแนกเนื้อความตามแม่บทของปรมัตถธรรม


๒. คัมภีร์วิภังค์ ว่าด้วยการจำแนกมาติกาในคัมภีร์ธัมมสังคณี ทั้งติกมาติกา ๒๒ หมวด และทุกมาติกา ๑๐๐ หมวด โดยแบ่งเป็น ๑๘ วิภังค์ เช่น ขันธวิภังค์ จำแนกขันธ์, (ขันธ์ หมายถึง ขันธ์ ๕ อันประกอบด้วย รูปขันธ์ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ และวิญญาณขันธ์ รูปขันธ์ ก็คือ รูป, เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ รวมเรียกว่า เจตสิก ส่วนวิญญาณขันธ์ ก็คือ จิต ดังนั้น ขันธ์ ๕ ก็คือ จิต+เจตสิก+รูป นั่นเอง) อายตนวิภังค์ จำแนกอายตนะ, ธาตุวิภังค์ จำแนกธาตุ, สัจจวิภังค์ จำแนกสัจจะ, อินทริยวิภังค์ จำแนกอินทรีย์, ปฏิจจสมุปบาทวิภังค์ จำแนกปฏิจจสมุปบาท, สติปัฏฐานวิภังค์ จำแนกสติปัฏฐาน เป็นต้น

๓. คัมภีร์ธาตุกถา ว่าด้วยคำอธิบายเรื่องขันธ์ ๕ อายตนะ ๑๒ และธาตุ ๑๘ โดยนำมาติกาของคัมภีร์นี้จำนวน ๑๐๕ บท และมาติกาจากคัมภีร์ธัมมสังคณีจำนวน ๒๖๖ บท (ติกมาติกา ๖๖ บท ใน ๒๒ หมวด และทุกมาติกา ๒๐๐ บท ใน ๑๐๐ หมวด) มาแสดงด้วยนัยต่าง ๆ (จำนวน ๑๔ นัย) เพื่อหาคำตอบว่าสภาวธรรมบทนั้น ๆ สงเคราะห์เข้าได้กับขันธ์เท่าไร เข้าได้กับอายตนะเท่าไร และเข้าได้กับธาตุเท่าไร เข้าไม่ได้กับขันธ์เท่าไร เข้าไม่ได้กับอายตนะเท่าไร และเข้าไม่ได้กับธาตุเท่าไร

๔. คัมภีร์ปุคคลบัญญัติ ว่าด้วยการบัญญัติ (การประกาศ แสดง หรือชี้แจง) ในเรื่อง ๖ เรื่อง คือ (๑) ขันธบัญญัติ การบัญญัติเรื่องขันธ์ (๒) อาขตนบัญญัติ การบัญญัติเรื่องอายตนะ (๓) ธาตุบัญญัติ การบัญญัติเรื่องธาตุ (๔) สัจจบัญญัติ การบัญญัติเรื่องสัจจะ (๕) อินทริยบัญญัติ การบัญญัติเรื่องอินทรีย์ (๖) ปุคคลบัญญัติ การบัญญัติเรื่องบุคคล

๕. คัมภีร์กถาวัตถุ ว่าด้วยการโต้วาทะเพื่อชี้แจงแสดงเหตุผลให้เห็นว่า วาทกถา (ความเห็น) ของฝ่ายปรวาที (พวกภิกษุในนิกายที่แตกไปจากเถรวาท ในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช) จำนวน ๒๒๖ กถา ล้วนผิดพลาดคลาดเคลื่อนจากพระพุทธพจน์ดั้งเดิมที่ภิกษุฝ่ายเถรวาทยึดถือปฏิบัติอยู่ วิธีการโต้วาทะใช้หลักตรรกศาสตร์ที่น่าสนใจมาก นับเป็นพุทธตรรกศาสตร์ที่สมบูรณ์แบบที่สุด ซึ่งมีในคัมภีร์นี้เท่านั้น

๖. คัมภีร์ยมก ว่าด้วยกากรปุจฉา-วิสัชนา สภาวธรรม ๑๐ หมวด ด้วยวิธีการยมก คือการถาม-ตอบ เป็นคู่ ๆ ซึ่งเป้นวิธีการเฉพาะของคัมภีร์ยมก

สภาวธรรม ๑๐ หมวด ได้แก่ (๑) หมวดมูล (สภาวธรรมที่เป็นเหตุ) (๒) หมวดขันธ์ (๓) หมวดอายตนะ (๔) หมวดธาตุ (๕) หมวดสัจจะ (๖) หมวดสังขาร (๗) หมวดอนุสัย (๘) หมวดจิต (๙) หมวดสภาวธรรมในกุสลติกะ เรียกสั้น ๆ ว่า หมวดธรรม (๑๐) หมวดอินทรีย์

สภาวธรรม ๑๐ หมวดนี้ทำให้แบ่งเนื้อหาของคัมภีร์ยมกออกเป็น ๑๐ ยมก เรียกชื่อตามหมวดสภาวธรรมที่เป็นเนื้อหา คือ (๑) มูลยมก (๒) ขันธยมก (๓) อายตยมก (๔) ธาตุยมก (๕) สัจจยมก (๖) สังขารยมก (๗) อนุสยยมก (๘) จิตตยมก (๙) ธัมมยมก (๑๐) อินทริยยมก

๗. คัมภีร์ปัฏฐาน ว่าด้วยการจำแนกสภาวธรรมแม่บท หรือ มาติกา ทั้ง ๒๖๖ บท (๑๒๒ หมวด) ในคัมภีร์ธัมมสังคณี โดยอำนาจปัจจัย ๒๔ ประการ
ปัจจัย ๒๔ ประการ ได้แก่
๑. เหตุปัจจัย ธรรมที่ช่วยอุปการะ โดยความเป็นเหตุ
๒. อารัมมณปัจจัย ธรรมที่ช่วยอุปการะ โดยความเป็นอารมณ์
๓. อธิปติปัจจัย ธรรมที่ช่วยอุปการะ โดยความเป็นอธิบดี
๔. อนันตรปัจจัย ธรรมที่ช่วยอุปการะ โดยความติดต่อกันไม่มีระหว่างคั่น
๕. สมนันตรปัจจัย ธรรมที่ช่วยอุปการะ โดยความติดต่อกันไม่มีระหว่างคั่นทีเดียว
๖. สหชาตปัจจัย ธรรมที่ช่วยอุปการะ โดยความเกิดพร้อมกัน
๗. อัญญมัญญปัจจัย ธรรมที่ช่วยอุปการะ โดยความแก่กันและกัน
๘. นิสสยปัจจัย ธรรมที่ช่วยอุปการะ โดยความเป็นที่อาศัย
๙. อุปนิสสยปัจจัย ธรรมที่ช่วยอุปการะ โดยความเป็นที่อาศัยที่มีกำลังมาก
๑๐. ปุเรชาตปัจจัย ธรรมที่ช่วยอุปการะ โดยความเกิดก่อน
๑๑. ปัจฉาชาตปัจจัย ธรรมที่ช่วยอุปการะ โดยความเกิดทีหลัง
๑๒. อาเสวนปัจจัย ธรรมที่ช่วยอุปการะ โดยความเสพบ่อย ๆ
๑๓. กัมมปัจจัย ธรรมที่ช่วยอุปการะ โดยความปรุงแต่งเพื่อให้กิจต่าง ๆ สำเร็จลง
๑๔. วิปากปัจจัย ธรรมที่ช่วยอุปกระ โดยความเป็นวิบาก คือเข้าถึงความสุก และหมดกำลังลง
๑๕. อาหารปัจจัย ธรรมที่ช่วยอุปการะ โดยความเป็นผู้นำ
๑๖. อินทริยปัจจัย ธรรมที่ช่วยอุปการะ โดยความเป็นผู้ปกครอง
๑๗. ฌานปัจจัย ธรรมที่ช่วยอุปการะ โดยความเป็นผู้เพ่งอารมณ์
๑๘. มัคคปัจจัย ธรรมที่ช่วยอุปการะ โดยความเป็นหนทาง
๑๙. สัมปยุตตปัจจัย ธรรมที่ช่วยอุปการะ โดยความเป็นผู้ประกอบ
๒๐. วิปปยุตตปัจจัย ธรรมที่ช่วยอุปการะ โดยความเป็นผู้ไม่ประกอบ
๒๑. อัตถิปัจจัย ธรรมที่ช่วยอุปการะ โดยความเป้นผู้ยังมีอยู่
๒๒. นัตถิปัจจัย ธรรมที่ช่วยอุปการะ โดยความเป็นผู้ไม่มี
๒๓. วิคตปัจจัย ธรรมที่ช่วยอุปการะ โดยความเป็นผู้ปราศจากไป
๒๔. อวิคตปัจจัย ธรรมที่ช่วยอุปการะ โดยความเป็นผู้ยังไม่ปราศจากไป


เพื่อให้เห็นว่าสภาวธรรมทั้งหลายปรากฏเกิดขึ้น ตามเหตุ ตามปัจจัยทั้งสิ้น มิได้เกิดจากการบงการของผู้ใด แต่เป็นไปตามกฎของธรรมชาติ ที่เรียกว่า จิตตนิยาม กรรมนิยาม และธรรมนิยาม

สรุปแล้ว พระอภิธรรมก็คือธรรมะหมวดที่ ๓ ในพระไตรปิฎกที่สอนให้รู้จักธรรมชาติอันแท้จริงที่มีอยู่ในตัวเราและสัตว์ทั้งหลายอันได้แก่จิต เจตสิก รูป และรู้จักพระนิพพานซึ่งเป็นจุดหมายอันสูงสุดในพระพุทธศาสนา

ธรรมชาติทั้ง ๔ คือ จิต เจตสิก รูป นิพพานนี้รวมเรียกว่า ปรมัตถธรรม

หากแปลตามศัพท์ คำว่า อภิธัมม หรือ อภิธรรม แปลว่าธรรมอันประเสริฐ, ธรรมอันยิ่ง, ธรรมที่มีอยู่แท้จริงปราศจากสมมุติ

เนื้อความในพระอภิธรรมเกือบทั้งหมด จะกล่าวถึงปรมัตถธรรม ล้วน ๆ โดยไม่มี บัญญัติธรรม (สมมุติโวหาร) เข้ามาเกี่ยวข้อง ดังนั้นจึงควรทำความเข้าใจไว้ในเบื้องต้นก่อนว่า ปรมัตถธรรม และ บัญญัติธรรม นั้นต่างกันอย่างไร

ติดตามต่อตอนหน้า เรื่อง: ความหมายของ ปรมัตถธรรม, ความหมายของบัญญัติธรรม, ปรมัตถธรรมเป็นธรรมที่อยู่เหนือสมมุติบัญญัติ


ที่มา: สาระน่ารู้เกี่ยวกับพระอภิธรรม
หลักสูตร: การศึกษาพระอภิธรรมทางไปรษณีย์
ของ: อภิธรรมโชติกะวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย



Create Date : 15 กันยายน 2551
Last Update : 15 กันยายน 2551 14:26:13 น. 12 comments
Counter : 1266 Pageviews.

 
บ้านโคลงผวน


เป็นเนื้อหาโครงสร้าง
ที่บุคคลควรทำความเข้าใจ
และศึกษา ดีมากครับที่นำมาเสนอ



โดย: คนสาธารณะ วันที่: 15 กันยายน 2551 เวลา:15:00:01 น.  

 
สวัสดีจ้า นู๋บี ดีใจจังเลยที่เรียนอภิธรรม อนุโมทนาด้วยนะจ๊ะ บังเอิญอีกแล้วล่ะที่เราก็เรียนเหมือนกัน แต่เพิ่งจบเมื่อปลายปีที่แล้ว (เป็นรุ่นแรกเลยนะ ที่ได้ในประกาศจากมหาวิทยาลัย เพราะรุ่นก่อนๆเค้าจะให้เป็นใบประกาศออกในนามมูลนิธิ)
ดีใจจริงๆที่มีคนชอบอะไรๆเหมือนๆกัน


โดย: VICT วันที่: 15 กันยายน 2551 เวลา:16:14:27 น.  

 
ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่ะ


โดย:  ซายูริ วันที่: 15 กันยายน 2551 เวลา:16:44:02 น.  

 
สาธุ


โดย: hs_olj วันที่: 15 กันยายน 2551 เวลา:18:50:51 น.  

 
สาธุ

ไม่เคยรู้มาก่อนเลย
ขอบคุณที่นำมาฝากจ้า



โดย: ชรันจ์ วันที่: 15 กันยายน 2551 เวลา:19:35:43 น.  

 
ขอบคุณสำหรับสิ่งดี ๆที่เอามาแบ่งปันจีน้องสาว

สบายดีอยู่นะจ๊ะ
แอบคิดถึงเลยแวะมาเยี่ยมเยียนทักทาย
เมื่อวันก่อนเห็นอัพบล็อกแวบ ๆ
แต่พี่กำลังรีบจะกลับบ้านอีกหลังนึงพอดี เลยไม่ได้แวะมาทัก
กลับมาอีกทีเห็นอัพบล็อกใหม่อีกแล้ว


โดย: บรรณภรณ์ วันที่: 15 กันยายน 2551 เวลา:23:16:28 น.  

 

อามิตตาพุทธจ๊ะน้องบีหลับฝันดีเน้อ


โดย: อุ้มสี วันที่: 15 กันยายน 2551 เวลา:23:57:21 น.  

 


โดย: somnumberone วันที่: 16 กันยายน 2551 เวลา:7:21:21 น.  

 
สวัสดีครับ ผมซื้อพระอภิธรรมมาชุด ของมหามกุฏ กองไว้ยังไม่ได้อ่านเลย

แต่.. แต่ก่อนผมเคยไปเรียนที่วัดระฆังนะ วิชาพระอภิธรรมเนี่ย



โดย: พยัคฆ์ร้ายแห่งคลองบางหลวง วันที่: 16 กันยายน 2551 เวลา:10:18:26 น.  

 
ส่งข้อสอบไปเค้าคงได้รับแล้วล่ะ
กว่าเค้าจะตอบกลับมาใช้เวลาเหมือนกันเพราะตอนนี้คนเรียนเยอะค่ะ คนตรวจมีน้อย...


โดย: VICT วันที่: 16 กันยายน 2551 เวลา:13:22:01 น.  

 


โดย:  ซายูริ วันที่: 16 กันยายน 2551 เวลา:14:50:19 น.  

 
ดีม้ากกกเรยนะคุนบี เอาลิงก์ไปโพสไว้ในกลุ่มวิสุทธิมรรคบ้างดีกว่านะ


โดย: จิ้งจอกเก้าหาง IP: 223.24.1.226 วันที่: 24 มิถุนายน 2560 เวลา:20:53:52 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Beee_bu
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]




"ไม่ได้คิดถึงทุกครั้งที่หลับตา
แต่คิดถึงทุกเวลาที่หายใจ"


ผลิตภัณฑ์เห็ดหลินจือเพื่อสุขภาพ
รายละเอียด
www.taradplaza.com/dxn

www.pantipmarket.com/mall/dxnshop/

www.facebook.com/SozityShop

www.facebook.com/BeeeGadgets

www.Sozity.com
Friends' blogs
[Add Beee_bu's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

สาวๆเอนมาหนุ่มๆเอนไปเทพมังกรอวยชัยเอนมาๆ width=40 height=40 align=middle vspace=2 hspace=2 border=0 title="cilladevi">
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.