|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
น่าเสียดาย งานวิจัยเห็ดหลินจือบ้านเรายังเป็นเต่าล้านปี
น่าเสียดาย งานวิจัยเห็ดหลินจือบ้านเรายังเป็นเต่าล้านปี
คนไทยเริ่มตื่นตัวราชาสมุนไพรจีน เห็ดหลินจือ เมื่อราว ๆ ปี พ.ศ. 2528-2530 ตอนนั้น นักวิชาการ นักวิจัย ตลอดจนวงการแพทย์ให้ความสนใจ จนมีการศึกษาอย่างจริงจังพอสมควรในระดับหนึ่ง นำผลงานการวิจัยของนักวิจัยต่างประเทศมาต่อยอดบ้าง นำมาเป็นข้อมูลในการเริ่มต้นการค้นคว้าใหม่บ้าง
แต่แทบไม่น่าเชื่อ องค์ความรู้เกี่ยวกับเห็ดหลินจืออย่างแท้จริงในเมืองไทย ตราบจนทุกวันนี้ ดูเหมือนยังเตาะแตะย่ำเท้าอยู่กับที่ก็ไม่ผิดนัก ทั้ง ๆ ที่ว่าไปแล้ว ผลงานการศึกษาค้นคว้าและวิจัยเกี่ยวกับเห็ดหลินจือในต่างประเทศนั้น อาจกล่าวได้ว่า มีผลงานการวิจัยมากที่สุดในบรรดาสมุนไพรด้วยกัน หลาย ๆ ประเทศที่เจริญก้าวหน้าทางวิทยาการทางการแพทย์ได้ให้ความสนใจศึกษาค้นคว้าอย่างเงียบ ๆ เป็นส่วนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นประเทศจีน แหล่งต้นกำเนิดของเห็ดหลินจือ ประเทศญี่ปุ่นอันเป็นประเทศแรกที่นำเห็ดหลินจือมาศึกษาค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ ทางเภสัชวิทยา เมื่อประมาณทศวรรษที่ 60 ที่แล้ว จนกลายเป็นแหล่งค้นคว้าความรู้ด้านเห็ดหลินจือที่ใหญ่ที่สุดของโลก มาถึงวันนี้ ไม่ว่าประเทศที่พัฒนาแล้วในยุโรป หรือแม้แต่สหรัฐฯ ก็ได้ทำการศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับเห็ดหลินจืออย่างจริงจังกันทีเดียว นอกจากนั้น ณ วันนี้ แหล่งข้อมูลมากมายมหาศาลสามารถค้นหาได้จากแหล่งข้อมูลที่ใหญ่ที่สุดของโลก นั่นก็คือ อินเตอร์เน็ต
เมืองไทย ดูเหมือนบุญมีแต่กรรมบังอะไรทำนองนั้น ผู้เชี่ยวชาญมากมายพอสมควรที่ในระยะแรก ๆ ในช่วงต้น ๆ ปี 2528-2530 ได้ทำการศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับงานวิจัยเห็ดหลินจือมากมายพอสมควร แต่หลังจากนั้น เริ่มท้อถอย เลิกการค้นคว้าวิจัย หายไปทีละคนสองคน จนกระทั่งวันนี้ ไม่รู้ว่าจะเหลือนักวิจัยที่ทำการศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับเห็ดหลินจืออยู่กี่มากน้อย เช่นเดียวกับวงการแพทย์ที่ในช่วงดังกล่าว ให้ความสนใจมากพอสมควร แต่ ณ วันนี้ เหลืออยู่ไม่กี่คน หรือนายแพทย์เดิม ๆ ที่ศึกษาค้นคว้าเรื่องนี้หายจ้อยไปหมดแล้วก็ไม่รู้ซินะ แต่พอจะทราบมาว่า ตอนนี้ มีนายแพทย์รุ่นใหม่กลับมาสนใจศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับเห็ดหลินจืออย่างน้อยที่สุด น่าจะหลายสิบคน
ณ วันนี้ เท่าที่ทราบ มีนายแพทย์ในแต่ละภูมิภาคของไทยเรา ได้ทำการรักษาผู้ป่วยทางคลีนิกด้วยเห็ดหลินจือกันบ้างแล้ว โดยทำการรักษาผู้ป่วยในแนวการแพทย์ผสมผสานนั่นเอง ด้วยการใช้ยาแผนปัจจุบันผสมผสานร่วมกับเห็ดหลินจือ ซึ่งนายแพทย์เหล่านี้ใช้เงินทุนส่วนตัวในการศึกษาด้านนี้ โดยทำการบันทึกผลการรักษาผู้ป่วยในแนวกรณีศึกษา และเท่าที่ทราบ ได้ผลเป็นที่น่าพอใจกันทีเดียว
สาเหตุที่พอจะคาดเดาเกี่ยวกับนักค้นคว้าวิจัยของไทยเราที่หายไปทีละคนสองคนนั้น น่าจะเป็นเพราะส่วนใหญ่ แทนที่จะต่อยอดเดิมที่มีนักวิจัยค้นคว้าศึกษาแต่เดิมไว้แล้ว กลับไปเริ่มต้นนับหนึ่งกันใหม่ แล้วการเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่แทนที่จะใช้วิธีการใหม่ ๆ มาค้นคว้าวิจัย กลับยังคงวิจัยแบบเดิม ๆ ที่ใช้กันเมื่อช่วงทศวรรษที่ 60 โน้น หรืออาจใหม่กว่าก็ห่างกันไม่กี่ปี พูดง่าย ๆ ก็คือ ยังคงใช้วิธีการสะกัดเดิม ๆ คือนำเห็ดหลินจือแห้งไปต้มกับน้ำ หรือมิฉะนั้นก็ใช้แอลกอฮอร์ในการสกัด เมื่อได้แล้วก็นำไปทดลองกับหนูทดลอง ผลที่ได้ก็เหมือนเดิมที่นักวิจัยคนเดิมที่ทำเอาไว้ หรืออาจด้อยกว่าอันเนื่องมาจากการคัดเลือกสายพันธุ์ของเห็ดหลินจือ
ตรงนี้แหละที่ทำให้นักวิจัยของเราเลิกสนใจ ไม่ทำการศึกษาค้นคว้าต่อ หรืออาจเป็นไปได้ก็มาจากเงินทุนในการศึกษาค้นคว้าเห็ดหลินจือมีไม่เพียงพอ หรือไม่มีเลย ผิดกับหลาย ๆ ประเทศที่ตอนนี้ มีเงินทุนสนับสนุนจากรัฐบาลในการศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างจริงจัง เท่าที่ทราบ แม้แต่เพื่อนบ้านของเรา ประเทศมาเลเซีย รัฐบาลได้ให้การสนับสนุนในการทำวิจัยเห็ดหลินจืออย่างจริงจัง ได้มีการตั้งเป้าหมายที่จะทำให้เห็ดหลินจือสกัดกลายเป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญตัวหนึ่ง โดยรัฐบาลยุคอดีตนายกรัฐมนตรีมหาเธ่ย์ได้ตั้งเป้าเอาไว้ก่อนอำลาจากเวทีการเมืองว่า จะต้องส่งออกเห็ดหลินจือให้ได้ 10 ปี 100 ประเทศ
การที่อดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย กล้าประกาศเช่นนั้นเป็นเพราะงานวิจัยเห็ดหลินจือมีความก้าวหน้าชัดเจนอย่างยิ่ง นับวันคุณภาพเห็ดหลินจือสกัดมีคุณภาพเพิ่มยิ่ง ๆ ขึ้น แม้แต่คุณภาพในด้านการเพาะเห็ดหลินจือก็รุดหน้ายิ่งกว่าประเทศของเราไปหลายขุมแล้ว ทั้ง ๆ ที่ว่าไปแล้ว ชาวมาเลเซียรู้จักและตื่นตัวเห็ดหลินจือช้ากว่าพวกเราคนไทยด้วยซ้ำ ณ วันนี้ ที่ประเทศมาเลเซีย มีฟาร์มทันสมัยในการเพาะเห็ดหลินจือใหญ่ที่สุดในโลก เรียกว่า โมเดิร์นฟาร์ม บนเนื้อที่หลายร้อยไร่ ในขณะที่บ้านเรายังคงใช้กรรมวิธีเพาะสไตล์เดิม ๆ กระท่อมหลังคาจาก ขัดแฝกเป็นผนังกระท่อม ขณะที่มาเลเซียมีโรงงานทันสมัยที่ใช้กรรมวิธีสกัดเย็น ที่เรียกว่า ฟรีซ ดราย ที่ต้องลงทุนเครื่องจักรลักษณะนี้หลายสิบล้านบาทหลายโรงงาน ส่วนบ้านเรานั้น ยังคงใช้กรรมวิธีในการสกัดร้อนที่เรียกว่า สเปรย์ ดราย โดยความร้อนนั้นได้ทำลายสารออกฤทธิ์ทางยาของเห็ดหลินจือไปมากพอสมควร ที่สำคัญการสกัดร้อนจำเป็นต้องมีการผสมแป้งกลูโกส ผิดกับการสกัดเย็นที่เป็นเห็ดหลินจือล้วน ๆ 100 เปอร์เซ็น
และน่าทึ่งยิ่งไปกว่านั้น น่าเชื่อได้อีกเช่นเดียวกันว่า กรรมวิธีในการสกัดเย็นของมาเลเซีย ณ วันนี้ อาจจะก้าวหน้ายิ่งกว่าประเทศไต้หวันด้วยซ้ำ ซึ่งช่วงหนึ่ง ไต้หวันเป็นประเทศที่มีการส่งออกเห็ดหลินจือสกัดร้อนไปต่างประเทศมหาศาลทีเดียว แต่น่าเสียดายที่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลไต้หวันในยุคนั้น จึงได้ขาดช่วงการพัฒนาการเห็ดหลินจือไประยะหนึ่ง
น่าเสียดายก็แต่ประเทศไทยเราที่ไม่รู้เกิดอะไรขึ้น บางครั้งบางคราวก็ยังคงมีการทะเลาะกันระหว่างนักวิชากินเห็ดหลินจือกับกับวิชาการที่ถูกฝังสมองกับแนวตะวันตก จนไม่ยอมรับรู้กับคลังความรู้การแพทย์และเภสัชกรรมของตะวันออก จึงไม่รู้ว่า เมื่อไหร่เห็ดหลินจือบ้านเราจะเจริญรุดหน้า มีงานวิจัยที่ชัดเจนบ้าง ? กรุณาอย่าได้ย่ำเท้าอยู่กับที่เป็นเต่าล้านปีอีกเลย.....
กระนั้นก็ตาม เมื่อเร็ว ๆ นี้ก็ยังมีข่าวดีจากนักวิชาการไทยเรา คือ รศ.พญ.ดร.นริสา ฟูตระกูล ภาควิชาสรีรวิทยา คณะแพทย์ศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และทีมวิจัย ได้ค้นพบวิธีการรักษาผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง เนฟโฟรซิส ที่ไม่สามารถรักษาได้ด้วยยากดภูมิคุ้มกัน เปลี่ยนไปกินสารสกัดจากเห็ดหลินจือ ควบคู่กับยาขยายหลอดเลือด พบว่าช่วยฟื้นฟูระบบการทำงานของไตดีขึ้น อีกทั้งภาวะเนื้อไตตายลดลงอย่างชัดเจน
นี่คือข่าวดีที่น่าปลื้มใจผู้มีศรัทธาต่อเห็ดหลินจือที่ชัดเจน และเชื่อว่า ในโอกาสหน้าจะได้พบกับงานค้นคว้างานวิจัยจากนักวิจัย จากคณะแพทย์ถึงประสิทธิภาพของเห็ดหลินจือเพิ่มมากขึ้น !!!
สนใจสั่งซื้อสินค้า หรือดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่เวปไซด์ //www.BeeeOnline.com/ , //www.pantipmarket.com/mall/dxnshop/ , //www.taradplaza.com/dxn/ หรือโทรติดต่อ คุณบี 090-8961569, Line id: 55388836
Create Date : 28 เมษายน 2553 |
Last Update : 21 มิถุนายน 2560 11:45:51 น. |
|
3 comments
|
Counter : 1634 Pageviews. |
|
|
|
โดย: อุ้มสี วันที่: 28 เมษายน 2553 เวลา:20:10:37 น. |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
MY VIP Friend
width=40 height=40 align=middle vspace=2 hspace=2 border=0 title="cilladevi"> |
|
|
|