|
|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
จุดเปลี่ยน
"เรามีเงินพอจะซื้ออะไรกินก็ได้ แต่มันกินไม่ได้ มันก็ไม่มีความหมาย ดังนั้นจึงได้คิดว่าเงินไม่ได้ช่วยอะไรเราได้ทุกอย่าง ขณะนอนอยู่บนเตียงผมเป็นกรรมการบริหารพรรค เป็น ส.ส. เป็น รัฐมนตรี แล้วมันมีอะไรล่ะ"
จาก "นักการเมืองท้องถิ่น" ในพื้นที่ "กทม." ปี 2527 ดำรงตำแหน่ง "สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร" (ส.ก.) 2 สมัย "สุธา ชันแสง" ก็ก้าวกระโดดสู่การเมืองระดับประเทศในปี 2535 จากนั้นก็ได้เป็น "ส.ส.กทม." เขตบางแค 5 สมัยติดต่อกัน
กระทั่งการเลือกตั้งปลายปี 2550 "สุธา" ได้รับความไว้วางใจจาก "พรรคพลังประชาชน" ให้ขึ้นสู่เก้าอี้ "รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์" (พม.) ในรัฐบาล "สมัคร สุนทรเวช"
ที่เรียกได้ว่าเป็น "จุดสูงสุด" จุดหนึ่งของชีวิตนักการเมือง ที่ได้สัมผัสเก้าอี้ "รัฐมนตรี" หลังจากตรากตรำทำงานในสนามการต่อสู้ทั้งในสนามการเลือกตั้งท้องถิ่น และสนามเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมากกว่า 23 ปี
แต่แล้วโชคชะตาก็เหมือนเล่นตลก เมื่อ "สุธา" ต้อง "ล้มป่วย" ลงอย่างกะทันหัน โดย "สมอง" ได้รับความกระทบกระเทือน จนเขาจำใจต้องปล่อยเก้าอี้ "รัฐมนตรี" ที่ไขว่คว้ามากว่า 23 ปี ลอยหลุดมือไป
เพราะช่วงนั้น แม้แต่ "ชีวิต" ของเขาก็ยังแทบจะเอาไม่รอด...
"สุธา" เล่าว่า ตอนได้เป็น "รัฐมนตรี" ช่วงนั้นมี "ผู้ใหญ่คนหนึ่ง" โทรศัพท์มาหาว่าอยู่ด้วยกันมานานแล้วไม่ค่อยได้ดูแล เที่ยวนี้ท่านก็อยากจะดูแลให้ดี แต่ก็บอกปัดไปเพราะอยากให้ดูแลคนอื่นก่อน จนกระทั่ง "คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์" แกนนำภาค กทม.พรรคเพื่อไทย และ "สมัคร สุนทรเวช" นายกรัฐมนตรี เป็นผู้เข้ามาคุยด้วยตัวเอง
"ตั้งแต่ผมเป็นรัฐมนตรีในกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ กำหนดเวลาและหมายงานแน่นเอี้ยด โหมงานหนักมาก...
...ช่วงนั้นฝนตก ผมโดนฝน เช้าอีกวันผมก็เป็นหวัด แต่ผมไม่ได้หยุดพัก เร่งทำงานต่ออีก 3-4 วัน จึงทำให้สภาพร่างกายแย่มาก ไม่ไหวแล้ว วันที่เกิดเรื่องลูกน้องมาบอกว่าแม่ของเขาเสียชีวิต ให้ผมช่วยไปเป็นประธานพิธีเผาศพหน่อย วันแรกเขามาหาก็ไม่เจอผม แต่อีกวันหนึ่งก็มาดักตั้งแต่ตี 4 เราสภาพไม่ไหวก็เกรงใจเห็นเขามาเฝ้าตั้ง 2 วันแล้ว อีกทั้งแม่ของลูกน้อง เขาเลือกตั้งทุกครั้งเลือกผมทุกครั้ง ทำให้เราเกรงใจก็ต้องไป" สุธาย้อนเล่าถึงวันเกิดเหตุ
เมื่อเดินทางถึงงานพิธีเผาศพร่างกายของ "สุธา" ก็เริ่มส่งสัญญาณว่า "ไม่ไหวแล้ว" !
"ตอนนั้นพระสวด ผมก็หลับแล้ว จำได้ว่าตอนที่เขาประกาศเชิญผมไปทอดผ้าบังสุกุล คนข้างๆ มาสะกิดผมบอกว่าเขาเชิญแล้ว พอผมขึ้นไปทอดผ้าเสร็จ จุดไฟเสร็จ ก็เดินหันหลังกลับ ช่วงที่หันหลังกลับแดดมันส่อง ผมใส่สูทด้วยทำให้ร้อนเข้าไปใหญ่ มันก็เลยวูบไปเลย สติมันหายไปเลย ลูกน้องที่ตามผมไปบอกว่าผมล้มลง กลิ้งไปที่บันไดเมรุ หัวผมกระแทกกับบันไดเมรุ หลังจากนั้นผมไม่รู้ตัวอีกเลย"
"สุธา" จบตรงนั้น สติเขาค่อยๆ ดับวูบลงไป พอๆ กับสัญญาณ "ชีวิต" เขา !
"ผมมารู้เอาตอนหลังว่าลูกน้องช่วยเอาตัวผมไปส่งโรงพยาบาลเกษมราษฎร์ และจากเหตุการณ์นั้น ผมต้องอยู่ห้องไอซียูถึง 2 วัน ถึงเริ่มรู้สึกตัว" สุธาหยุดเรื่องทั้งหมดไว้ตรงนั้น
เพราะแม้เขาจะรู้สึกตัว หลังจากสลบไป 2 วันเต็มๆ แต่เขา...ไม่สามารถ "ขยับตัว" ได้
ซึ่งผลการตรวจร่างกายได้ข้อสรุปว่า "สมอง" ได้รับการกระทบกระเทือนอย่างหนัก และ "สั่งการผิดปกติ" !
"ผลกระทบที่เกิดขึ้นส่งผลให้ผมเสียการทรงตัว ทำให้ผมเดินไม่ได้ สมองซีกด้านขวากระทบกระเทือน ทำให้ร่างกายทางฝั่งซ้ายใช้การไม่ได้ สะโพกและกล้ามเนื้อส่วนซ้ายใช้การไม่ได้เลย" สุธาเล่าด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
จากนั้นเขาเข้ารับการรักษาต่ออีก 2-3 วัน เมื่อร่างกายพอขยับได้ อาการคิดถึงบ้านก็เกิดขึ้น จึงขออนุญาตไปรักษาตัวเองที่บ้าน แต่ยังไม่ทันข้ามคืน "วีณา ชันแสง" ภรรยาคู่ชีวิต ต้องนำตัว "สุธา" กลับเข้าโรงพยาบาลอีกครั้ง เมื่อเกิดอาการเจ็บปวดไปทั่วร่างกาย
"หมอตรวจอีกครั้งพบว่า ระบบเส้นประสาทของผมเกิดอาการอักเสบอย่างแรง และผมนอนโรงพยาบาลอีก 28 วัน...
...ตอนผมนอนโรงพยาบาลผมถามตัวเองว่าเรามีเงินพอจะซื้ออะไรกินก็ได้ แต่มันกินไม่ได้ มันก็ไม่มีความหมาย ดังนั้นจึงได้คิดว่าเงินไม่ได้ช่วยอะไรเราได้ทุกอย่าง ขณะนอนอยู่บนเตียงผมเป็นกรรมการบริหารพรรค เป็น ส.ส. เป็นรัฐมนตรี แล้วมันมีอะไรล่ะ... ตรงนี้ทำให้ผมเริ่มได้คิด"
สัจธรรมบนเตียงพยาบาล ทำให้ "สุธา" ได้ข้อสรุปของชีวิตหลายอย่าง และเขาก็เริ่มปลดภาระชีวิต ด้วยการลาออกจากตำแหน่งทางการเมือง เพื่อการหาหนทางกลับมามีชีวิตรอดอีกครั้ง
"จากนั้นผมใช้เวลา 8 เดือนนอนมองเพดาน ก่อนจะตัดสินใจฮึดสู้ !"
"สุธา" เริ่มจากปรับแนวคิด ทัศนคติ แล้วก็ "ใจ"
เขาเลิกทำกิจกรรมทุกอย่างที่เคยทำ ไม่ดูโทรทัศน์ ไม่สนใจข่าวสาร เพื่อตัดตัวเองออกจากโลกการเมือง โดยมีเป้าหมายเพื่อปล่อยวาง
"ตอนนั้นผมเหลือแค่ครอบครัว โดยเฉพาะภรรยา ผู้ซึ่งกระตุ้นเตือนและเป็นกำลังใจให้ผมตลอดเวลา ตอยบอกเล่าเรื่องราวของคนที่ลุกขึ้นสู้แล้วประสบความสำเร็จ อย่างบางคนที่ประสบอุบัติเหตุ แล้วหมอบอกว่าไม่มีโอกาสกลับมาเดินได้อีก แต่เขาก็ต่อสู้ จนกระทั่งกลับมาเดินได้ ดังนั้นมันต้องสู้ให้ได้ มันไม่มีอะไรที่เราทำไม่ได้ แต่ทุกอย่างต้องช่วยตัวเอง...
...และเราต้องกลับมาเดินได้" !
คำว่า "เราต้องกลับมาเดินได้" ดังก้องในใจของเขาตลอดเวลา
"ผมเริ่มฝึกเดิน ทีแรกลูกน้องหิ้วปีกสองคน ใช้เท้าของลูกน้องเขี่ยเท้าผมให้ก้าวเดิน โดยใช้สนามหญ้าหน้าบ้าน ผมเดินเช้าถึงเย็น จนกระทั่งเริ่มลากเท้าได้ด้วยตัวเอง ก็ใช้วอล์กเกอร์ 4 ขา จากนั้นมาเป็นไม้เท้า 3 ขา จนกระทั่งมาเป็นไม้เท้าขาเดียว ผมฝึกเดินทั้งวัน จนแผ่นหลังนอกเสื้อกล้ามที่ผมใส่เป็นรอยไหม้เกรียมจากแดดเผา เพราะผมอยากเดินได้" สุธาเล่าถึงความตั้งใจ
กว่า 1 ปี 2 เดือนที่เขาเดินลากขาอยู่ในสนามหญ้าหน้าบ้าน วนไปเวียนมา ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ สุดท้ายเขาก็กลับมาเดินได้ด้วย "2 ขา" ของตัวเองอีกครั้ง
"ผมโชคดีมากที่มีภรรยาเป็นพยาบาล เขารู้ว่าควรบริหารจัดการคนไข้อย่างไร เขาจะไม่เอาใจ ไม่เหมือนคนทั่วไป เขาไม่เอาใจผมเลย เขาดูแลอยู่ห่างๆ พยายามให้เราช่วยตัวเองให้มากที่สุด ไม่ใช่ว่าทุกอย่างจะมาทำให้ทั้งหมด เพราะเขาอยากให้ผมช่วยตัวเอง"
จากนักการเมืองที่กำลังรุ่งเรืองสุดขีด ต้องกลับกลายมาเป็น "คน" ที่แทบจะเรียกได้ว่า "พิการ"
มาวันนี้ "สุธา" กลับมาเดินได้อย่างใจต้องการ แม้ยังไม่สามารถเดินได้ตามปกติ ยังบังคับซีกซ้ายไม่ได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่เขาก็พอใจกับสิ่งที่ได้ทำ พร้อมบอกกับตัวเองว่า "เฮ้ย...เราทำได้ !"
ซึ่งเป้าหมายต่อไปของ "เขา" คือการ "วิ่ง" ที่เขาบอกกับตัวเองอีกครั้งว่า "เฮ้ย...เราทำได้" !
หน้า 8 มติชนรายวัน ฉบับวันอาทิตย์ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2555
//www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1329021197&grpid=01&catid=&subcatid=
Create Date : 08 กรกฎาคม 2555 |
|
32 comments |
Last Update : 8 กรกฎาคม 2555 10:24:17 น. |
Counter : 801 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: multiple 8 กรกฎาคม 2555 10:56:28 น. |
|
|
|
| |
โดย: ฝนโปรย 8 กรกฎาคม 2555 14:29:27 น. |
|
|
|
| |
โดย: pantawan 8 กรกฎาคม 2555 15:23:48 น. |
|
|
|
| |
โดย: ฝนโปรย 9 กรกฎาคม 2555 5:25:56 น. |
|
|
|
| |
โดย: คมไผ่ 9 กรกฎาคม 2555 10:27:16 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 10 กรกฎาคม 2555 6:59:27 น. |
|
|
|
| |
โดย: pantawan 11 กรกฎาคม 2555 0:17:59 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 11 กรกฎาคม 2555 6:31:19 น. |
|
|
|
| |
โดย: ฝนโปรย 11 กรกฎาคม 2555 11:42:11 น. |
|
|
|
| |
มารู้จักกันเพิ่มเติม และลงชื่อไว้เป็นกำลังใจให้กันนะคะ
คลิ๊กที่หน้าปกหนังสือได้เลยค่า
:: Interview .. the blogger :: >> Rinsa Yoyolive
|
|
| |
โดย: คมไผ่ 11 กรกฎาคม 2555 15:28:55 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 11 กรกฎาคม 2555 16:31:44 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 11 กรกฎาคม 2555 23:17:31 น. |
|
|
|
| |
โดย: pantawan 11 กรกฎาคม 2555 23:44:38 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 12 กรกฎาคม 2555 6:43:20 น. |
|
|
|
| |
โดย: ฝนโปรย 12 กรกฎาคม 2555 9:54:55 น. |
|
|
|
| |
โดย: ฝนโปรย 12 กรกฎาคม 2555 10:15:34 น. |
|
|
|
| |
โดย: กะว่าก๋า 12 กรกฎาคม 2555 11:18:41 น. |
|
|
|
| |
โดย: คมไผ่ 12 กรกฎาคม 2555 11:34:28 น. |
|
|
|
| |
โดย: multiple 13 กรกฎาคม 2555 11:33:24 น. |
|
|
|
| |
โดย: multiple 14 กรกฎาคม 2555 10:57:18 น. |
|
|
|
|
|
|
อ่านแล้วทำให้รุ้เลยว่า ทรัพยืสินเงินทอง ของนอกกาย
ไม่มีค่าเท่า สุขภาพที่แข้งแรง จริงๆเลยนะจีะ
แต่ให้ดีมีทั้ง2อย่างก้ดีนะจีะ อิอิ
ปล.ช่วงนี้งานยุ่งนิดหน่อย ว่างละก้ต้องอัพแน่นอนจ้า