หากเคยชื่นชอบความโรแมนติกเล็กๆใน Notting Hill หรือหลงใหลความโรแมนติกแบบกระชุ่มกระชวยหัวใจใน Love Actually ขอแนะนำว่าอย่าพลาดโรแมนติกความหมายดีๆอย่าง About Time ซึ่งถึงแม้ว่าเรื่องราวจะไม่ได้เน้นความโรแมนติก เพราะหนังเรื่องนี้นำเสนอเรื่องราวดราม่าสบายๆ ที่ให้ความหมายของคำว่า “เวลา” ได้น่าสนใจ แต่หนังก็นำเสนอช่วงเวลาของความรัก ที่มีทั้งความสุขและความเศร้าผสมปนเปกันไป คล้ายๆกับหนังโรแมนติกเรื่องหนึ่งเลยทีเดียว

ผลงานชิ้นนี้เป็นของผู้กำกับ ริชาร์ด เคอร์ติส ที่เคยมีผลงานอย่าง Four Weddings and a Funeral (ผู้อำนวยการสร้างบริหารร่วม),Notting Hill (ผู้อำนวยการสร้างบริหาร) และ Love Actually (ผู้กำกับ) ซึ่งทั้ง 3 เรื่องนี้เคอร์ติสได้เขียนโครงเรื่องเองด้วย นอกจากนี้ยังเขียนบทภาพยนตร์ให้กับหนังแนวเดียวกันอย่าง Bridget Jones’s Diary และ Bridget Jones: The Edge of Reason เป็นอาทิ โดยใน About Time นอกจากเคอร์ติสจะทำหน้าที่กำกับ เขายังทำหน้าที่เขียนบทภาพยนตร์อีกตำแหน่งด้วย

เรื่องราวใน About Time เล่าเรื่องราวดราม่าสบายๆ ได้ ดอมแนล กลีสัน นักแสดงชายที่เคยปรากฏตัวในหนังฟอร์มใหญ่อย่าง Harryสองภาคสุดท้ายจากบท ‘บิล วีสลีย์’ มารับบท ‘ทิม’ ชายหนุ่มในครอบครัว ที่สมาชิกผู้ชายสามารถเดินทางข้ามเวลาไปไหนมาไหนได้อย่างใจ โดยมีนักแสดงสาว ราเชล แม็คอดัมส์ มารับบท ‘แมรี่’ สาวสวยคนรักของทิม เสริมความน่าสนใจด้วย บิล ไนฮีย์ ในบทพ่อของทิม ที่หนังใช้ตัวละครตัวนี้เพื่อนำเสนอความหมายของ “เวลา” เพื่อให้คนดูรู้สึกถึงคุณค่าของมัน

การเล่าเรื่องของ About Time ไม่ได้แตกต่างจากหนังดราม่าหรือหนังโรแมนติกเรื่องอื่นๆเท่าไร แต่ด้วยการเล่าเรื่องในมุมมองที่สบายๆ แทรกอารมณ์ขัน ทำให้ดูไปแล้วอมยิ้มไปได้ตลอดเวลา ตัวละคร ทิมและแมรี่ เป็นสองตัวละครที่เป็นศูนย์รวมความสนใจของหนัง ทิมเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่ต้องการความรัก ใช้ความสามารถในการเดินทางข้ามเวลาเพื่อค้นหาความรักให้ตัวเอง ในขณะที่แมรี่เป็นสาวสดใส และพร้อมที่จะลงหลักปักฐานกับคนรักที่ผ่านเข้ามาในชีวิต ซึ่งในที่นี้ก็คือทิม โดยที่เธอไม่รู้ตัวว่าได้เจอกับทิมในหลายรูปแบบ จากการที่ทิมย้อนเวลาไปแก้ไขข้อผิดพลาดที่เพิ่งได้ทำลงไป เช่นฉากๆหนึ่งที่นำเสนอ ทิมย้อนเวลากลับไปเพื่อมอบความสุขให้กับแมรี่หลายครั้งในหลายรูปแบบ

ในความเป็นจริง เราไม่สามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขความผิดพลาดในอดีตได้ ดังนั้นการย้อนเวลาที่เห็นในหนัง คือสิ่งหนึ่งที่หลายคนใฝ่ฝันอยากให้มีอยู่จริง ทิมที่สามารถแก้ไขเรื่องราวในอดีต ได้ใช้ความสามารถของตัวเองในการค้นหารักแท้ ใช้เพื่อแก้ไขชีวิตของตัวเอง, ชีวิตของน้องสาว และชีวิตของอื่น โดยที่ในบางครั้ง อาจจะมอบความเจ็บปวดให้เกิดขึ้น

นอกจากนี้ พ่อของทิมที่ต้องลาจากครอบครัวของทิมไปด้วยโรคมะเร็ง ก็เป็นจุดสำคัญที่สื่อถึงความหมายของคำว่า “เวลา” ในความเป็นจริง แม้พ่อของทิมลาจากโลกนี้ไปแล้ว แต่ด้วยความสามารถที่ทิมมีติดตัว ทิมก็ยังสามารถย้อนเวลากลับไปหาพ่อในอดีตได้ กลับไปกอดพ่อที่มอบความสุขให้เสมอมา กลับไปเดินเล่นริมชายหาดเหมือนสมัยเมื่อยังเด็ก และกลับไปพบกับความทรงจำอันล้ำค่า ความรักอันแสนสุขที่พ่อเคยมอบให้ “เวลา” อาจจะไม่มีค่าสำหรับใครบางคน แต่มันมีค่ามากมายสำหรับทิม

ในตอนท้าย ทิมพยายามจะไม่ใช้ความสามารถของตัวเอง ด้วยเหตุผลที่ว่า เขาอยากใช้ชีวิตให้ดีที่สุดแบบวันต่อวัน ใช้ชีวิตให้เหมือนกับว่า วันนี้คือวันสุดท้ายของชีวิตและไม่สามารถแก้ไขอะไรได้อีกแล้ว ในจุดนี้คือความหมายดีๆที่หนังเริ่มปูทางมาตั้งแต่ต้น ก่อนที่จะมาสรุปชี้ชัดในตอนท้าย

หนังบอกให้เราคิดว่า ในบางครั้งชีวิตก็ไม่ต้องการการแก้ไข ชีวิตไม่ต้องดีเลิศหรือสุขสบายอย่างที่หลายๆคนเข้าใจ การที่ได้อยู่กับคนที่เรารักและคนที่รักเรา อยู่ในช่วง “เวลา” ที่มีความสุข เราก็ไม่ต้องการอะไรนอกจากนี้อีกแล้ว ทั้งหมดทั้งมวลนี้คือสิ่งที่หนังมอบให้กับคนดู ซึ่งเพียงแค่ชื่อเรื่องก็รู้แล้วว่า ทั้งหมดมันเกี่ยวข้องกับ “เวลา” นั่นเอง…

Create Date : 14 กุมภาพันธ์ 2557
Last Update : 14 กุมภาพันธ์ 2557 0:25:36 น.		1 comments
Counter : 775 Pageviews.
Share Tweet