Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2556
 
5 พฤษภาคม 2556
 
All Blogs
 
''เคลลี่''เผยโดนจ.ม.ขู่ก่อนเหตุฟ้องหมิ่นพ่อ''กรีน''



เคลลี่ ธนพัฒน์ จับมือ ''กรีน-อัษฎาพร'' แฟนสาว และทนายความเปิดใจกับสื่อเหตุฟ้องร้องหมิ่นประมาท ''นายฉัตรฎรัฐ'' พ่อของดาราสาวหวานใจ เพราะถูกส่งจดหมายข่มขู่มากกว่า 10 เดือน ที่ทำไปเพราะจนตรอก ยังไม่ขอพูดอะไรมาก ให้รอฟังรายละเอียดเต็มๆ ในวันขึ้นศาล 20 พ.ค. นี้ ยันเป็นเรื่องของคนสองคน รับสงสารฝ่ายหญิง ด้าน ''กรีน'' เชื่อเป็นการสื่อสารผิดพลาด วอนให้เรื่องจบ เมินคนมองอกตัญญู ทั้งคู่ย้ำ อย่างไรก็เลือกความรัก

เป็นข่าวที่สร้างความตกตะลึงไปทั้งวงการ หลังจากมีกระแสข่าวว่า นายรัฐพงศ์ ธนพัฒน์ หรือ เคลลี่ ธนพัฒน์ นักแสดงหนุ่มช่อง 7 สี ฟ้องหมิ่นประมาท นายฉัตรฎรัฐ สิริวัฒน์ธนกุล พ่อของ ''กรีน'' อัษฎาพร สิริวัฒน์ธนกุล นางเอกวิกหมอชิต ซึ่งเป็นแฟนสาว จากกรณีดังกล่าวได้รับความสนใจเป็นพิเศษจากสื่อมวลชน เนื่องจากที่ผ่านมาไม่เคยมีดาราคนไหนยื่นฟ้องพ่อของแฟนตนเองมาก่อน

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 4 พ.ค. 56 มีกระแสข่าวแพร่สะพัดว่าเคลลี่จะเดินทางมาเป็นกำลังใจให้กับกรีน แฟนสาวที่มีคิวขึ้นเวทีโชว์ลูกคอ 7 สี คอนเสิร์ต ที่เดอะ ไนน์ พระราม 9 จึงมีกองทัพสื่อมวลชนไปติดตามความเคลื่อนไหวเป็นจำนวนมากเป็นพิเศษ ซึ่งหลังจากเคลลี่ได้หอบดอกไม้ช่อโตมาเซอร์ไพรส์มอบให้สาวกรีนกลางเวทีจนยิ้มแก้มปริแล้ว เคลลี่และกรีนได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวพร้อมทั้ง นายปฏิวัติ พิมาย ทนายความส่วนตัวดังนี้

เคลลี่ : มันเป็นเรื่องระหว่างบุคคลสองคน อย่ามองในเรื่องสถานะ ที่เป็นข่าวทางอินเทอร์เน็ตหรือได้ฟังมาก็ลืมมันไปเลย เพราะมันไม่มีความจริง แต่ถ้าถามผมว่ามีหมายศาลไหม ก็มีจริงๆ แต่ข้อมูลอื่นๆ ไม่มีความจริงเลย วันนี้ผมได้พาทนายมาด้วย มีอะไรก็จะให้เขาบอกแล้วกัน

ทนาย : คือทางนั้นเขาได้ใช้ทนายส่งหนังสือมาเพื่อข่มขู่ เราก็ต้องป้องกันสิทธิ์ของเรา ทางคุณเคลลี่ก็เลยต้องมีทนายส่งหนังสือไปเหมือนกัน ผมส่งหนังสือให้ไปแล้วแต่เขาก็ไม่ยอมหยุด ผมก็เลยต้องดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายนะครับ

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าสาเหตุของการฟ้องเกิดจากอะไร พระเอกหนุ่มกล่าวว่า ตนทำไปเพราะต้องการปกป้องสิทธิ์ของตนเอง เนื่องจากโดนอีกฝ่ายส่งจดหมายข่มขู่กว่า 10 ฉบับ ด้านทนายความส่วนตัวขอเปิดเผยรายละเอียดทั้งหมดในวันที่
20 พ.ค.

เคลลี่ : ขอบอกก่อนว่า ที่ทำไปเพราะต้องปกป้องสิทธิ์ของผม เราได้พยายามเจรจากับทางฝ่ายโน้นไปแล้ว เหตุการณ์นี้เป็นเหตุการณ์ที่ผ่านมาประมาณ 10 เดือนไปแล้ว ในเวลานั้นผมไม่ได้พูดอะไรเพราะว่ามันเป็นเรื่องภายใน มันเป็นเรื่องที่ไม่สมควรเอามาพูด ตอนแรกเราก็กะจะไปตกลงกันโดยดี

ทนาย : ตอนนี้ยังคุยกันไม่ได้ ต้องรอวันที่ 20 พ.ค. ถึงจะไปคุยกันได้ที่ศาลครับ

เคลลี่ :คือมันมีรายละเอียดเยอะมากครับ เอาไว้ไปฟังกันเต็มๆ ในวันที่ 20 พ.ค. เอาอย่างนี้แล้วกันว่า ผมไม่ลึกซึ้งทางด้านกฎหมาย ผมเข้าใจว่าน้องเขาบรรลุวุฒิภาวะแล้ว มันก็อาจจะมีเรื่องพ่อที่ไม่จริงบ้าง หรืออาจจะมีจดหมายมาข่มขู่หรือบีบบังคับผม ผมก็ต้องปรึกษาทนาย

ทนาย : คือคุณเคลลี่เขาไม่รู้เรื่องด้านกฎหมายครับ เรื่องของเรื่องคือมันมีหนังสือมาเพื่อจะดำเนินตามกฎหมาย ทางคุณเคลลี่ก็ต้องป้องกันสิทธิ์ของเขา เขาก็เลยมาปรึกษาผมซึ่งผมก็มีหนังสือไปซึ่งได้โทร.คุยกับทนายฝั่งโน้นแล้ว แต่ทางเขาไม่ยอมหยุด เราก็เลยต้องไปดำเนินการที่ศาลเพื่อเรียกร้องสิทธิ์ของเขา

เคลลี่ :ส่วนเรื่องบาดหมางกันเพราะอะไรอันนี้ผมก็ไม่ทราบรายละเอียดจริงๆ แต่ก็อย่างที่บอกว่าทางฝั่งเรามีหลักฐาน ผมไม่อยากให้เกิดเหตุแบบนี้หรอกครับ ผมลำบากใจ น้องกรีนก็ลำบากใจ เพราะเขาเป็นคนกลาง เขาทุกข์ เสียใจ เขาก็หมดกำลังใจในการทำงานและการเรียน ผมก็ต้องอยู่เคียงข้างเขา ผมเองก็ไม่ได้หลับไม่ได้นอนเลยเพราะทุกข์ ตัวน้องก็อยู่เคียงข้างผมตลอดเวลา ที่เกิดเหตุขึ้น ผมขอร้องว่าอย่าเพิ่งไปตัดสินว่าใครผิดไม่ผิด อยากให้รอรับข้อมูลให้ครบก่อนผมก็ขอบอกว่ามันเป็นเรื่องระหว่างผมกับทางฝ่ายโน้นไม่เกี่ยวกับน้องเขา

ต่อคำถามว่ามีการพูดคุยกับพ่อของแฟนสาวบ้างรึยัง ฝ่ายดาราหนุ่มกล่าวว่ามีการพูดคุยกันแล้ว

ทนาย : เคยคุยกันแล้วครับ แต่เขาไม่หยุด เรื่องมันก็เกือบๆ 10 เดือนแล้ว เราก็ได้จดหมายมาหลายฉบับ ทั้งหมดนี่เราก็ได้ส่งให้ทางผู้ใหญ่ด้วย แต่เราก็ไม่ได้ตอบกลับหรืออะไร ก็มีล่าสุดเราตอบกลับไปที่ทนายของเขาซึ่งตัวเขาก็ไม่ยอมหยุดผมก็เลยบอกว่าดำเนินการทางศาลดีกว่า

กลัวว่าเรื่องจะยาวและบานปลายกว่านี้ไหม?

เคลลี่ : ไม่ครับ ผมถือว่าเราผู้ใหญ่กันแล้ว เราก็น่าจะไปคุยหรือตกลงกันได้ ก็อย่างที่บอกว่ามันมีเหตุผลที่ทำไมจะต้องถึงศาล ก็เพราะว่ามันเป็นกฎหมาย ผมได้รับจดหมายมาจากทนาย ซึ่งมันมีเรื่องของกฎหมายมาเกี่ยวข้อง ผมไม่ได้เรียนกฎหมายมา ผมเลยจำเป็นต้องปรึกษาทนาย ผมพูดไว้เลยว่าสิ่งที่ต้องการไม่ได้เกี่ยวกับทรัพย์สินเงินทอง แต่ผมต้องการให้เขาหยุดและขอโทษ เพราะได้มีจดหมายไปถึงทางช่อง 7 ถึงบริษัทอื่นๆ ที่ผมได้เคยร่วมงาน ถ้าเกิดตอนนี้เขาบอกผมว่าจะหยุดจะขอโทษแบบไหนก็ได้ ผมก็จะจบเรื่องเหมือนกัน ผมก็อยู่วงการนี้มา 10 กว่าปี กว่าจะสร้างผลงาน กว่าจะมีชื่อเสียง มันไม่ใช่ง่ายๆ ก่อนหน้านี้ผมก็ไม่ได้มีเรื่องเสียหาย แต่วันหนึ่งก็มีการอย่างนี้เกิดขึ้น ซึ่งมีเรื่องกฎหมายเข้ามาเกี่ยวข้องผมก็ต้องป้องกันสิทธิ์ของตัวเอง แต่การที่ผมปกป้องสิทธิ์ของผม มันก็เท่ากับเอาชื่อเสียงที่ผมทำมาเสี่ยง ซึ่งมีแต่เสียกับเสีย แต่ผมก็เชื่อในความดี เชื่อในพระเจ้า เชื่อในความรัก ผมถึงต้องมาทำแบบนี้

ด้านกรีนกล่าวว่าเรื่องนี้ยังไม่มีโอกาสได้พูดคุยกับพ่อของตน ถ้าหันหน้ามาคุยกันทุกอย่างจบลงด้วยดีแน่

กรีน : ยังเลยค่ะ กรีนได้ทำงานกับเรียนอย่างเดียวก็เลยยังไม่มีโอกาสได้คุยกับคุณพ่อ ก็ลำบากใจมากๆ ค่ะ แต่ถ้าจะให้กรีนพูด กรีนก็อยากให้ทุกคนให้โอกาสกันและกันมากกว่า คือเรารักกัน แต่อาจจะมีการสื่อสารที่ไม่เข้าใจกันแค่นั้นเอง ถ้าเกิดให้โอกาสและลองหันมาคุยกัน กรีนว่ามันน่าจะดีกว่า กรีนขอร้องเลยว่าอย่าทำแบบนี้ หยุดสักทีแบบที่เคลลี่บอกค่ะ ไม่ได้เข้าข้างใคร แต่อยากให้โอกาส ให้โอกาสพี่เคลลี่ ให้โอกาสกรีน และตัวเขาเองด้วย

ต่อคำถามว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบั่นทอนความสัมพันธ์หรือไม่ เคลลี่และกรีนสลับกันกล่าวว่า

เคลลี่ : คืออย่างที่บอกว่าเราต้องการคุยจริงๆ ครับ ถ้าเขาหยุดเราก็จบ ถามว่าเป็นเรื่องใหญ่ไหม มันก็ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่ขนาดที่ผู้ใหญ่สองคนไม่สามารถมานั่งตกลงกันได้ มันก็ไม่เหนือบ่ากว่าแรงที่เราจะออกมานั่งคุยกัน
ถ้าเกิดคุณพ่ออยากให้เคลลี่กับกรีนเลิกกันล่ะ

เคลลี่ :เรื่องนี้ผมก็คุยกับกรีนแล้วว่าถ้าเกิดมีทางเลือกแค่ทางนี้ก็ต้องเข้าใจว่าคนเราสองคนกว่าจะได้มาเจอกัน กว่าจะมารักกัน มันไม่ใช่เรื่องง่าย อยู่ดีๆ จะมาให้เลิกกันมันก็ลำบาก การที่เราจะเลิกกันผมว่ามันเป็นสิทธิ์ของคนสองคนไม่ใช่ให้ใครมาบีบบังคับ ไม่อย่างนั้นก็อาจจะเสียใจไปตลอดชีวิตก็ได้

กรีน : เรื่องนี้ให้มันเกิดขึ้นก่อนแล้วกรีนจะตอบดีกว่าค่ะ เรื่องนี้ก็ยังไม่ได้คุยกับคุณแม่เลยค่ะ ตอนนี้ก็ทำแต่งาน ด้วยละครที่กำลังออนแอร์อยู่ก็แทบจะไม่มีเวลาแล้วค่ะ จริงๆ ข่าวนี้ไม่ได้รู้เรื่องจากครอบครัวด้วยซ้ำแต่ได้รู้จากพี่ๆ เขามาบอกถึงได้ตกใจค่ะ ตัวกรีนเองก็อยากให้เรื่องนี้จบลงด้วยดีทุกฝ่ายและไม่ยืดเยื้อไปมากกว่านี้ค่ะกรีนออกมาให้ข่าวกับฝั่งนี้หวั่นคุณพ่อไม่พอใจไหม?

กรีน : ถึงกรีนไม่ให้สัมภาษณ์กรีนก็ไม่รู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น แต่ข่าวมันออกมาแล้ว คนที่อยู่ใกล้นักข่าวมากที่สุดก็คือกรีนกับพี่เคลลี่ที่สามารถออกมาพูดได้ กรีนก็รักทั้งคู่ แต่มันก็ต้องอยู่บนความถูกต้อง

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่ากลัวไหมจะถูกมองว่าอกตัญญู กรีนกล่าวว่าเรื่องนี้ตนคงห้ามใครไม่ได้ แต่ยืนยันว่าตนนั้นก็รักครอบครัว ด้านเคลลี่กล่าวว่าอยากให้มองเป็นเรื่องของตน อย่าดึงนางเอกสาวเข้ามาเกี่ยว

กรีน : กรีนคงห้ามคนมองไม่ได้ แต่กรีนพูดความจริงและกรีนก็รักครอบครัวค่ะ

เคลลี่ : ผมถึงได้บอกว่าอยากให้มันเป็นเรื่องของผมและฝ่ายโน้นมากกว่า อย่าเอาน้องเขาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เพราะเขาก็ลำบากใจพอแล้วครับ ถ้าเกิดว่ามีทางเลือกทางอื่นผมก็คงเลือกทางนั้นไปแล้ว ที่เป็นแบบนี้เพราะผมคิดว่ามันไม่มีทางอื่นแล้ว ก็ไม่รู้จะไปทางไหนแล้วครับ ก็มึนเหมือนกันว่าจะทำยังไงดี

ทั้งนี้ ระหว่างที่เมื่อผู้สื่อข่าวถามคำถามกับกรีน เคลลี่เอามืออ้อมหลังทนายไปจับมือกรีนเหมือนการให้กำลังใจตลอดเวลา ในขณะที่กรีนเองก็มีสีหน้ากังวลอย่างชัดเจน พร้อมทั้งมีน้ำตาคลอตลอดในขณะให้สัมภาษณ์

หลังจากที่ทั้งคู่ให้สัมภาษณ์เสร็จแล้วผู้สื่อข่าวจึงได้เข้าไปสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมกับ นายปฏิวัติ พิมาย ทนายของเคลลี่ ซึ่งเลี่ยงที่จะตอบคำถามให้เพียงข้อมูลในการขึ้นศาลว่าจะมีการว่าความในวันที่ 20 พ.ค. 56 ที่จะถึงนี้ ณ ศาลแขวงพระนครเหนือ รัชดาฯ เวลา 09.00 น.

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวจึงตามไปสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมกับหนุ่มเคลลี่อีกครั้ง โดยพระเอกหนุ่มแม้จะมีท่าทีที่นิ่ง แต่ก็สามารถเห็นได้ชัดว่าเครียดกับเรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่งเมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงต้นสายปลายเหตุที่เกิดขึ้นนั้น หนุ่มเคลลี่ก็มีสีหน้าเคร่งเครียดก่อนเล่าว่า

''เรื่องนี้จริงๆ เกิดขึ้นตั้งแต่ มิ.ย. ปีที่แล้ว แต่ด้วยทางพ่อของน้องก็ยังไม่หยุดการกระทำคือส่งจดหมายไปที่ช่อง 7 ส่งมาตลอด ซึ่งผมก็เคยพูดเคยขอไปหลายครั้งว่าให้หยุดการกระทำนี้ได้ไหม ก็ไม่เป็นผล จนผมต้องปรึกษากับทนายในเรื่องของทางกฎหมาย เพราะการกระทำดังกล่าวก็ก่อให้ผมเสื่อมเสียชื่อเสียง ผมก็พูดกับกรีนมาตลอดทะเลาะกันก็มี แต่เราก็จับมือผ่านกันมาได้ กอดคอกันร้องไห้ก็หลายครั้ง ผมไม่ได้อยากให้เรื่องออกมาแบบนี้ แต่เหมือนผมเองก็จนตรอกมึนงงไปหมดไม่รู้ว่าควรทำยังไงต่อ''

ต่อคำถามที่ว่าหากมีการพูดคุยกันจะสามารถยุติปัญหาดังกล่าวได้หรือไม่ และทางออกของปัญหานั้นคืออะไร พระเอกหนุ่มแจงให้ฟังด้วยสีหน้าที่กังวลใจอย่างเห็นได้ชัดว่า

''ผมไม่ได้ต้องการอะไรเลย เพียงแค่ขอให้หยุดการกระทำดังกล่าว เรื่องขอโทษยังเป็นเรื่องที่รองลงมาอีกนะผมว่า ถ้าเขารับปากว่าจะหยุดผมยกเรื่องเลยทันที จบเลย ไม่มีใครอยากให้มันออกมาเป็นแบบนี้หรอกครับ ผมเองก็หนักใจ กรีนเองก็เป็นเหมือนคนกลางยิ่งหนักกว่าผม พูดตรงๆ ผมก็ไม่อยากให้กรีนตกเป็นขี้ปากชาวบ้าน''

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าที่สาวกรีนบอกว่ายังไม่ได้คุยกับทางบ้านแล้วตอนนี้สาวกรีนพักอาศัยอย่างไร ยังอยู่กับพ่อแม่หรือไม่นั้น พระเอกหนุ่มรีบชี้แจงต่อทันทีว่า

''ที่น้องบอกว่ายังไม่ได้คุยกะที่บ้านหมายถึงเรื่องที่ตกเป็นข่าวตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงวันนี้ครับ รบกวนพี่ๆ นักข่าวแจงให้ผมด้วย เหมือนตรงนี้ผมฟังแล้วน้องตอบไม่ค่อยชัดเจน ตอนนี้น้องก็อยู่ทั้งกับที่บ้านแล้วก็อยู่หอพักกับเพื่อน เพราะน้องเขาก็ยังเรียนอยู่ครับ''

ต่อคำถามที่ว่า ยอมรับไหมว่าตนนั้นเข้ากับทางบ้านของสาวกรีนไม่ได้ ทั้งๆ ที่คบหากันมานานถึง 2 ปี หนุ่มเคลลี่นิ่งไปสักพักก่อนกล่าวต่อว่า

''ผมไม่เคยรู้เลยครับ ผมเองก็ช็อกเหมือนกัน ผมก็เคยเจอกับที่บ้านน้องเคยไปทานข้าวด้วย คือผมอาจจะอยู่เมืองนอกก็จริง แต่บ้านผมก็เป็นคนไทยนะ ผมเข้าใจในวัฒนธรรม แต่ก็คงด้วยเพราะผมก็อาจจะได้วัฒนธรรมตรงๆ จากเมืองนอกมาเหมือนกัน กับเรื่องที่เกิดขึ้นผมก็แค่อยากปกป้องสิทธิ์ของผม'' เคลลี่ กล่าว


Create Date : 05 พฤษภาคม 2556
Last Update : 5 พฤษภาคม 2556 7:33:39 น. 0 comments
Counter : 1524 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ลูกโป่งลอยฟ้า_ชิงช้าสวรรค์
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 63 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add ลูกโป่งลอยฟ้า_ชิงช้าสวรรค์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.