(31 ม.ค.) เวลา 15.25 น. นางงามขวัญใจคนไทย น้ำตาล ชลิตา ส่วนเสน่ห์ มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2016 เดินทางกลับไทยด้วยสายการบิน เที่ยวบิน TG 621 จากกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปินส์ ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ เป็นที่เรียบร้อย โดยมี นายชาติชาย อุทัยพันธ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ นายบุญเทียม โชควิวัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานศุลกากรตรวจของผู้โดยสารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พร้อมครูอาจารย์และนักเรียนโรงเรียนเจริญวิทยาคม สมุทรปราการ และเหล่าแฟนคลับ รวมถึงกองทัพสื่อมวลชนที่มารอให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น โดย นางฉฎาณิศา ชำนาญเวช รองผู้อำนวยการการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (สายปฏิบัติการ 2) ได้มอบช่อดอกไม้แสดงความยินดีต่อสาวน้ำตาลที่ได้สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย ซึ่งสาวน้ำตาลได้เผยว่า การประกวดครั้งนี้ ตนมีความสุขมาก คนฟิลิปปินส์น่ารักมาก และสำหรับคำถามที่ทำเอาคนไทยทั้งประเทศซาบซึ้ง หลังได้รับคำถามว่าชื่นชมผู้นำคนไหนมากที่สุด ซึ่งตนคิดถึงอยู่คนเดียว คือ ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ตอนมาถึงที่ไทยปุ๊บความรู้สึกแรกเลย ก็คือ อยากกินส้มตำ (หัวเราะ) วันนี้กลับมาพร้อมกับกระเป๋า 14 ใบค่ะ แต่ว่าเอากลับมาก่อนหน้านี้แล้ว 4 ใบ เพราะมีเอามาเติมด้วยเหมือนกันตอนที่พี่ๆ เขาเดินทางมาร่วมเชียร์ค่ะ สำหรับประสบการณ์ในกองประกวดตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาตั้งแต่วันแรกที่ได้ทำกิจกรรมก็รู้สึกสนุกสนานมาก ทุกคนน่ารัก คนฟิลิปปินส์น่ารักมาก เพราะคนที่นั่นเขารักนางงาม เวลาตาลไปไหนเขาก็จะแบบว่าเรียก ชาลิ ชลิตา ไทยแลนด์ ตลอด สนุกมากค่ะ น่ารักมาก ความรู้สึกหลังจากที่ได้ยินคำถามตอนนั้น ก็คือ ในใจตาลนึกอยู่แค่คนเดียว เพียงแค่คนเดียวเท่านั้น เป็นคนเดียวที่ตาลนึกได้ เพราะท่านอยู่กับตาลตลอด ไม่ว่าตาลจะทำกิจกรรมอะไรหรือไม่ว่าตาลจะไปไหน แม้กระทั่งตอนที่ตาลต้องให้สัมภาษณ์ ตาลก็จะไหว้ท่านก่อนเป็นคนแรก เพราะสำหรับตาลท่านเป็นเหมือนแรงบันดาลใจ เป็นกำลังใจให้กับเราเวลาที่เราอยู่ต่างบ้าน ช่วงอยู่ในกองประกวดตาลก็จะสนิทที่สุดกับโคลอมเบีย ยูเอสเอ หรืออย่างบางคนที่เขาเห็นว่าตาลกับแอนเดรียหน้าคล้ายกัน เขาก็จะแซวว่าเราเป็นแฝดเอเชีย (ยิ้ม) ก็เป็นการแลกสายสัมพันธ์กันค่ะ อย่างเมื่อคืนที่ผ่านมา พวกเขาก็มาเล่นที่ห้องของตาล คือ เราอยากเป็นรูมเมตกันตั้งแต่แรกอยู่แล้ว (หัวเราะ) เผยเหตุชุลมุนก่อนขึ้นประกวดรอบชุดประจำชาติ ใจหายทำผมพลาดเกือบไม่รอด แต่ดีใจครั้งหนึ่งได้ใส่ชุดนี้ สำหรับช่วงที่ต้องสวมใส่ชุดประจำชาติ ตาลต้องเล่าก่อนว่าหลังจากที่เปลี่ยนชุดราตรีเพื่อมาใส่ชุดประจำชาติ ตอนนั้นตาลประหม่าตัวเองด้วยค่ะ คือ คิดว่าทำผมเองน่าจะรอด แต่ปรากฏว่า ทำไปทำมาแล้วมันหลุด เลยพยายามรีบไปที่ห้องทำผม และด้วยความที่ชุดมันหนักจะให้เราเดินเร็วก็ไม่ได้ แต่เราก็รีบสุดๆ สุดท้ายปรากฏว่าตาลต้องเปลี่ยนผมถึง 3 รอบ จนทางกองประกวดต้องมาเร่งว่าไทยแลนด์คุณต้องไปแล้ว ซึ่งบอกตามตรงตอนนั้นมันก็เหมือนว่าใจเราหายนะคะ เพราะคิดไม่ออกเหมือนกันว่าจะทำยังไงดี เพราะใกล้ถึงประเทศเราแล้ว แต่เรายังไม่เสร็จ สุดท้ายทุกคนก็เข้ามาช่วยรุมเกือบ 10 คน คือ ในหัวของน้ำตาลตอนนั้นคิดอยู่ตลอดว่าจะทำยังไงดีน้ำตาจะไหลแล้ว แต่พอใส่ผมเสร็จปุ๊บก้าวเท้าขึ้นบันไดได้ก้าวหนึ่งเขาก็ประกาศชื่อไทยแลนด์พอดี ตอนนั้นพอตาลได้ยินเสียงร้องเสียงปรบมือของทุกๆ คน ก็เลยรู้สึกแบบว่าตื้นตันใจมาก ที่ครั้งหนึ่งเราได้มีโอกาสได้สวมชุดนี้ ไม่ท้อ ไม่กดดัน ไม่ร้องไห้ บอกสนุก ตั้งใจทำทุกวันอย่างดีที่สุด ตอนที่อยู่กองประกวดตาลไม่กดดัน ไม่ร้องไห้เลยค่ะ เพราะตั้งแต่วันแรกที่ตาลได้ทำกิจกรรมไม่มีวันไหนเลยที่ตาลไม่มีความสุข ไม่มีวันไหนที่กดดัน และก็ไม่มีวันไหนที่ท้อ ตาลสนุกกับการประกวดมากๆ สำหรับความตั้งใจของตาลตอนอยู่ที่นั่นก็คือ ทุกวันตาลจะต้องทำให้เต็มที่ ทำให้ดีที่สุด ต่อให้ผลออกมาเป็นยังไงตาลก็จะน้อมรับในสิ่งที่ตาลทำ เพราะว่าตาลทำเต็มที่แล้ว แต่ก็แอบเสียดายนิดหนึ่งเพราะตาลเองก็ตั้งความหวังไว้เหมือนกันว่าจะเอามงกุฎกลับบ้านเรา แต่ก็ไม่เป็นไร ในส่วนของฟีดแบ็กจากแฟนๆ ก็จะมีทางพี่ๆ เบื้องหลังคอยอัปเดตให้ตลอด พี่เขาก็จะบอกเสมอว่าให้ทำเต็มที่ เพราะมีคนเชียร์เราเยอะมาก เราไม่ต้องกังวลอะไร ให้เตรียมตัวของเราให้เต็มที่สำหรับการประกวดดีกว่า เรื่องตัวเต็งก็ได้ยินมาบ้างค่ะนิดๆ หน่อยๆ แต่ก็ดีใจที่เวลาไปไหนก็จะมีคนเรียกชื่อเราปลื้มปริ่มค่ะ ทุกคนน่ารักมากจริงๆ โต้ข่าวลือควบตำแหน่งขวัญใจช่างภาพและนางงามมิตรภาพ ยันไม่รู้เรื่องพ่ายแค่คะแนนเดียวฉิวเฉียดติด TOP3 สำหรับกระแสข่าวที่มีคนออกมาบอกว่าตาลแพ้เขาแค่คะแนนเดียว อันนี้ตาลยังไม่ทราบเลยนะคะ และก็เรื่องขวัญใจช่างภาพ กับนางงามมิตรภาพ ก็ไม่ใช่ตาลด้วยนะคะ เพราะนางงามมิตรภาพ คือ ประเทศเกาหลี ส่วนขวัญใจช่างภาพอันนี้ตาลเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเป็นประเทศอะไร แต่ว่าไม่ใช่เราค่ะ ไม่คาดฝันว่าจะได้คะแนนโหวตท่วมท้นจากทั่วโลก ถ้าให้พูดถึงคะแนนโหวตจากทั่วโลก อันนี้เอาจริงๆ ตาลเองก็ไม่คิดไม่ฝันนะคะว่าทุกคนจะเชียร์เราและรักเรามากขนาดนี้ บางคนถึงกับไม่หลับไม่นอนช่วยกันรีทวีตจนมือหงิก (ยิ้ม) ขอบคุณทุกคนมากค่ะที่อดหลับอดนอนเพื่อตาลขนาดนี้ ดีใจมากเลยค่ะ ดีใจที่ได้เป็น 1 ใน 85 คน ที่ทุกคนโหวตให้เยอะ เตรียมรำแก้บนที่พระพรหมเหมือนเดิม เผยหลังจากนี้คืออยากเรียนให้จบ ส่วนงานในวงการก็พร้อมทำทุกอย่าง สำหรับกิจกรรมหลังจากนี้ที่ต้องทำคือต้องไปแก้บนค่ะ (หัวเราะ) บนไว้หลายที่มาก แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าแม่ไปบนที่ไหนไว้บ้าง (หัวเราะ) แต่ถ้าของตาลก็จะเป็นพระพรหมที่เดิมเลย เป็นการรำ คือ ที่บนไว้ก็จะเป็นหากได้มงกุฎจะมีการรำ 99 คน แต่ปรากฏว่า ไม่ถึงก็เลยเป็นแค่ 9 คนแทน ส่วนเรื่องวันที่จะไปแก้บนตอนนี้ยังไม่ได้มีการกำหนด เพราะต้องขอดูตารางเวลาก่อนค่ะ เส้นทางชีวิตหลังจากนี้คงต้องวางแผนกันอีกที แต่ก่อนอื่นคืออยากเรียนให้จบก่อน ส่วนงานในวงการบันเทิง หากมีโอกาสก็อยากจะลองทุกๆ อย่าง ส่วนเรื่องเรียนอันนี้ต้องดูกันอีกทีว่าจะเป็นที่ไหน เพราะว่าตาลต้องย้ายมาเรียนกรุงเทพฯ เพื่อที่จะได้ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย เมินดรามาตอบพลาดทำชวดตำแหน่ง มั่นใจตอบคำถามไม่พลาด-ขอเสพสิ่งดีๆ แต่ยอมรับอยู่บนเวทีระดับโลกต้องตื่นเต้นอยู่แล้ว สำหรับกระแสที่คนมองว่าตาลไม่มั่นใจในช่วงที่ตอบคำถามเลย ทำให้พลาดตำแหน่ง ตาลต้องบอกก่อนว่าการที่เราจะตอบคำถามอย่างหนึ่งบนเวทีระดับโลก มันก็ต้องเป็นธรรมดาอยู่แล้วที่เราจะต้องตื่นเต้น แต่ตาลก็คิดว่าตาลตอบได้มั่นใจที่สุดแล้ว ทำได้เต็มที่ที่สุดแล้ว ดังนั้น มันจะเป็นยังไงก็ตามมีตามเกิดนะคะ เพราะอย่างที่บอกเราก็ทำเต็มที่ที่สุดแล้ว ส่วนเรื่องกระแสดรามาที่มีคนเข้ามาติอันนี้ตาลยังไม่ทราบเลย แต่ตาลก็ขอเสพสิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิตค่ะ บอกขอบคุณทุกกำลังใจ ร่ำไห้ขอบคุณแม่ที่อดทนเลี้ยงตนมาถึงทุกวันนี้ ไม่มีแม่ก็ไม่มีตาล ก็สำหรับคนที่ท้อถอยหรือหมดกำลังใจ ไม่มีเป้าหมายในชีวิต หรือไม่ว่าฐานะจะเป็นยังไง รวยหรือจนก็อยากให้เห็นคุณค่าของตัวเองค่ะ เห็นคุณค่าของความเป็นคน รักตัวเองให้มากๆ แล้วก็มุ่งมั่นอดทน ตาลเชื่อว่าการที่เราตั้งใจทำอะไรสักอย่างหนึ่งตาลเชื่อว่าจะมีสิ่งดีๆ กลับมาในชีวิตเราเสมอค่ะ ตาลก็ขอขอบคุณทุกๆ คนเลยนะคะ (ยกมือไหว้) ที่มารับในวันนี้ และขอบคุณตั้งแต่วันแรกที่ร่วมเชียร์ ร่วมโหวตและให้กำลังใจตาลมา ตั้งแต่วันแรกที่ตาลได้รับตำแหน่ง ตอนแรกๆ บอกเลยว่ากดดันมาก เพราะกระแสที่เข้ามาโจมตีหนักมาก ทุกคนไม่ว่าจะเป็นคำติ คำชม หรือกำลังใจก็แล้วแต่เป็นเหมือนแรงผลักดันให้ตาลได้ปรับปรุงตัวเอง ได้เปลี่ยนตัวเองจากเด็กกะโปโลคนหนึ่ง เป็นผู้หญิงที่ไม่เคยทำอะไรในวงการ ไม่เคยรู้อะไรเลย ได้มาถึงทุกวันนี้ก็ขอบคุณมากค่ะ ขอบคุณจากใจจริงๆ ที่ส่งกำลังใจให้ตาลทำหน้าที่ในครั้งนี้ มันเป็นอะไรที่อธิบายยากมากค่ะ มันเป็นความรู้สึกที่ตื้นตันบอกไม่ถูก มันเป็นครั้งหนึ่งในชีวิตตาลที่ได้ทำหน้าที่ตรงนี้ ดีใจมากค่ะที่เราได้ชื่อประเทศไทยของเราไปประกาศบนโลกค่ะ (น้ำตาซึม) ก็อยากจะบอกแม่ค่ะ ว่าถ้าไม่มีแม่ก็ไม่มีตาลในวันนี้ (ร้องไห้) กราบขอบพระคุณแม่มากที่อดทนเลี้ยงดูตาลมาจนถึงทุกวันนี้ค่ะ (เสียงสั่น)
|