|
"เวเนซุเอล่ามหาอำนาจขาอ่อนโลก"
โดย
คุณตี๋
หากจะพูดถึงเวทีการประกวดนางงามระดับชาติที่ผู้คนทั่วโลกต่างจับตามองมากที่สุด คงหนีไม่พ้นการประกวด Miss Venezuela เพราะที่นี่คือเวทีแห่งเกียรติยศและศักดิ์ศรี บนที่แห่งนี้ได้นี้เปลี่ยนให้หญิงสาวบ้านนอกธรรมดากลายเป็นวีรสตรีที่เป็นความหวังของคนทั้งชาติและพลิกชีวิตของเธอคนนั้นจากหน้ามือเป็นหลังมือมานักต่อนัก จึงไม่แปลกใจเลยว่าความฝันสูงสุดของเด็กสาวเวเนฯทุกคนคือการได้มีโอกาสซักครั้งในชีวิตให้ได้มายืนอยู่บนเวทีอันทรงเกียรติแห่ง นี้
บันทึกบทที่1
Miss Venezuela 1952 จากรัฐBOLIVAR Sofia Silva
การประกวด Miss Venezuela มีประวัติยาวนานมาถึง53ปีเริ่มต้นในปี1952 จัดขึ้นโดยความคิดริเริ่มของสายการบิน PANAMERICAN AIRWAYS ซึ่งหน้าที่หลักของเวทีนี้ก็คือค้นหาสุดยอดเพชรที่รอการเจียระไน หาตัวแทนจากทั่วทุกสารทิศเพื่อเป็นตัวแทนของประเทศเข้าร่วมประกวด Miss Universe ที่จัดขึ้นที่ลองบีช มลรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา
ในปี1955สายการบิน PANAMERICAN ก็มอบสิทธิการประกวดให้กับReynaldo Espinoza Hernandez แต่ด้วยเหตุผลทางการเมืองและขาดผู้สนับสนุน การประกวดจึงถูกระงับไปตั้งแต่ปี1954-1959
ปี1962ซินญอร์ Hernandez ก็มอบสิทธิการประกวดอีกครั้งให้กับ Ignacio Font Coll ซึ่งเขาก็ได้นำการประกวดเข้าสู่ยุคใหม่ด้วยการถ่ายทอดสดการประกวดทางทีวีไปทั่วประเทศเป็นครั้งแรก และปีนั้นเขาก็จัดตั้งคณะกรรมการความงามแห่งเวเนซุเอล่า (Venezuelan Committee of Beauty)ขึ้น 8ปีถัดมาเอเยนซี่โฆษณาที่มีชื่ว่าOPPAถือกำเนิดก่อนกลายมาเป็น Miss Venezuela Organizationในเวลาต่อมา
ปี1979ถือเป็นก้าวกระโดดยิ่งใหญ่ขององค์กรเมื่อMaritza Sayalero กลายมาเป็นนางงามจักวาลคนแรกของประเทศ เกิดกระแสคลั่งนางงามระบาดไปทั่วประเทศ การประกวดมิสเวเนซุเอล่าก้าวขึ้นมาเป็นรายการที่มีผู้ชมมากที่สุดของประเทศนับตั้งแต่วันนั้นกล่าวคือมีเรตติ้งสูงถึง 80% สปอนเซอร์หลักของกองการประกวดMiss Venezuela ประกอบไปด้วยPepsi, Colgate-Palmolive, Ebel และLux ซึ่งกองประกวดแทบจะไม่ต้องวิ่งไปหาสปอนเซอร์เลยเพราะทุกรายต่างอยากจองเวลาในการโฆษณาด้วยกันทั้งนั้น
การประกวดมิสเวเนซุเอล่าไม่เพียงฉายแต่อยู่ในประเทศแต่ยังถ่ายทอดสดไปทั่วทั้งทวีปอเมริกาใต้โดยสถานีVenevisionเจ้าของกองการประกวด พร้อมทั้งมีเวอร์ชั่นที่ตัดต่อแล้วฉายไปยังสหรัฐอเมริกาและเม็กซิโกโดยเน็ตเวิร์กของ Univision อีกด้วย.โดยปกติแล้วการประกวดคืนตัดสินจะจัดกันในเดือนกันยายนและกินเวลายาวนานกว่า4ชั่วโมง แต่ที่น่าทึ่งยิ่งกว่าคือกิจกรรมการประกวดรอบแรกกลับใช้เวลายาวนานกว่า3เดือนเต็ม เพื่อหาสาวงามที่เหมาะสมกับตำแหน่งต่างๆไม่ว่าจะเป็นตำแหน่ง Colgate's Mejor Sonrisa pageant ซึ่งตัดสินจากสาวงามที่มีรอยยิ้มงดงามที่สุด และรางวัลที่สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าตำแหน่งสูงสุดเลยคือรางวัลRostro Ebel ที่สาวงามจะพาเหรดกันมาในเสื้อผ้าชั่นสูงเพื่อจะให้กรรมการตัดสินว่าใครเป็นผู้มีใบหน้าที่งดงามที่สุดไปครอบครองให้อุ่นใจ
ผู้ชายคนนี้ชื่อ Osmel Sousa
Osmel Sousa ชื่อนี้คือชื่อเจ้าของตำนานนักปั้นมือทองที่ทำให้เวเนซุเอล่าเป็นประเทศมหาอำนาจในวงการขาอ่อนโลก ตำนานของเขาเริ่มต้นในปี1963 เด็กหนุ่มอดีตจิตกรนักวาดรูป ยอมทิ้งอาชีพตัวเองเพื่อเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรการประกวดมิสเวเนซุเอล่า เพราะด้วยเป็นศิลปินทำให้กองการประกวดเห็นว่าเขาเหมาะที่จะเป็นดีไซน์ออกแบบชุดราตรีให้แก่ผู้เขาประกวด ณ เวลานั้นเขาได้เริ่มทดลองให้คำแนะนำดีๆและช่วยแก้ไขจุดบกพร่องแก่สาวงามที่เขาชื่นชอบและพวกเธอเหล่านั้นก็มักได้รับตำแหน่งในเวลาต่อมา นี่เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาได้คิดว่า เขาเองก็มีศักยภาพในการพัฒนาปละฝึกสอนนางงามเหมือนกัน
หลังจากผู้ที่พาการประกวดมิสเวเนซุเอล่าเข้าสู่ยุคใหม่อย่างIgnacio Font Coll เสียชีวิตลงในปี1981 องค์กรCisneros เข้าเทคโอเวอร์กองการประกวด Miss Venezuela อีกครั้งและได้แต่งตั้งให้ Osmel Souse เข้าเป็นประธานกองการประกวดทันที
จากวันนั้นจนถึงวันนี้เขาทำให้สาวงามจากเวเนซุเอล่าช่วยกันกวาดรางวัลรวมกันจากเวทีนานาชาติมากกว่า70ตำแหน่งเข้าไปแล้วตลอด2ทศวรรษที่ผ่านมาเขากล่าวว่าจะล้างมือในอ่างทองคำทันทีหากว่านางงามจากเวเนซุเอล่าชนะบนเวทีนางงามจักวาล2ปีติดต่อกันได้เป็นผลสำเร็จ ซึ่งตลอด54ปีก่อนหน้านี้ไม่เคยมีชาติไหนบนโลกเลยที่ทำได้สำเร็จมาก่อน
เข้าสู่การประกวด
เวเนซุเอล่าขึ้นชื่อได้ว่าเป็นประเทศที่มีความหลากหลายทางชาติพันธุ์มากที่สุดประเทศหนึ่งในโลก และแต่ละชาติพันธุ์ก็จะมีสาวงามของตัวเอง ซึ่งแต่ละปีเด็กสาวเหล่านี้นับพันๆคนจะแห่แหนกันมาสมัครเพื่อตำแหน่งอันทรงเกียรติกันอย่างล้นหลาม โดยอาจจะเข้าร่วมประกวดในระดับท้องถิ่นก่อน แต่ละรัฐจะเลือกตัวแทนโดยมาก3-6คนโดยรัฐที่มีการประกวดใหญ่ๆก็มีอย่างรัฐZulia, TachiraและCarabobo(ยกเว้นการประกวด Miss Centroccidentalที่จะได้ตัวแทน6-7คนจากเขตมิสเวสต์ของเวนซุเอล่า) ส่วนรัฐที่เป็นตัวเก็งมาตลอดก็คือรัฐ Miranda, Nueva Esparta, Distrito Capital และ Carabobo
หรือถ้าจะให้ง่ายกว่านั้นก็มุ่งตรงไปที่สำนักงานใหญ่ของกองการประกวดในกรุงคารากัสเลยก็ได้ แต่คุณต้องมั่นใจว่าต้องมีคุณสมบัติตรงตามความต้องการของกองการประกวดคือมีความสูงไม่ต่ำกว่า170เซนติเมตร แต่อยากบอกให้ทราบว่าผู้ชนะจากเวทีนี้มีความสูงโดยเฉลี่ย180เซนติเมตรและที่เตี้ยที่สุดคือ175เซนติเมตร(นางงามที่สูงที่สุดในประวัติศาสตร์คือ Minorka Mercado เธอมีความสูงถึง186เซนติเมตร) สาวงามที่ต้องการเดินตามความฝันของตัวเองจะเริ่มสั่งสมประสบการณ์จากเวทีต่างๆทั่วประเทศมาเป็นเวลายาวนานกว่า5-6ปี เดินสายประกวดมาแล้วไม่ต่ำกว่า26-32เวทีและต้องเคยคว้ามาแล้วอย่างน้อย หนึ่งตำแหน่ง ซึ่งประสบการณ์ต่างๆเหล่านี้ทำให้พวกเธอแข่งแกร่งยิ่งขึ้นบนเวทีมิสเวเนซุเอล่า
แต่ก็มีเรื่องให้ชวนงง คือรัฐใหญ่ๆเนี่ยจะคัดตัวแทนกันมาสมัครมากกี่คนก็ได้แต่บนเวทีจะมีตัวแทนที่เจ๋งและดีที่สุดที่จะได้สวมสายสะพายของรัฐนั้นๆบนเวทีได้เพียงแค่คนเดียวเท่านั้น แล้วครั้นจะทิ้งให้สาวงามที่มาด้วยกันพร้อมๆกันอีก3-4คนตกรอบไปก็จะดู เปล่าประโยชน์ไปเสียหน่อย ผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในวงการนางงามของเวเนซุเอล่าอย่าง Osmel Sousa ประธานกองการประกวดซึ่งจะคอยนั่งบังคับบัญชาและเป็นหนึ่งในคณะกรรมการสรรหา เขามีวิธีคิดของเขาอยู่ในหัวเรียบร้อยแล้ว โดยเขาจะเป็นคนจัดการหารัฐให้สาวๆเองตามใจของตัวเอง โดยจะจับนางงามถัวเฉลี่ยให้รัฐต่างๆ เช่นในปี2004 เกิดเหตุการณ์ที่ไม่มีสาวงามคนไหนเหมาะสมกับเป็นตัวแทนรัฐ Vargasเลย คุณออสเมลก็เลยเลือกสาวเมืองกรุง จาก Caracasให้สวมสายสะพาย Miss Vargas ทั้งๆที่เจ้าตัวก็ไม่เคยไปเยือนVargasมาก่อนเลย ในชีวิต เขาเป็นคนที่ชอบให้โอกาสคนการกระทำเช่นนี้ก็เพื่อให้สาวงาม ทุกคน ได้มีโอกาสพัฒนาตนเองและศักยภาพให้เขาได้เห็นในคืนวันตัดสิน
แต่คำว่า ทุกคน ในที่นี้ ไม่ได้หมายความว่าทุกคนตรงๆตัวซะทีเดียว คุณออสเมลออกกฎว่าถึงแม้เขาเป็นคนที่ชอบให้โอกาสคนแต่หากคนไหนพัฒนาการแย่ มาตรฐานไม่ผ่าน เขาก็ไม่อยากจะเสียเงินเสียเวลากับพวกเธอ กองการประกวดมีสิทธิที่จะถอนสิทธิการเข้าร่วมการแข่งขันได้ตลอดเวลา ปีๆหนึ่งมีคนถูกคัดออกไป26ถึง32คนจากผู้เข้ารอบ60คน นั่นเป็นเหตุผลที่สาวงามต้องActiveอยู่ตลอดเวลา ไม่อย่างนั้นโดนส่งกลับบ้านทันที แต่ไม่ได้ความว่าคนที่ตกรอบจะไม่ประสบความสำเร็จในอนาคตหากคุณจำ Mariangel Ruiz ที่ได้รองอันดับหนึ่งนางงามจักรวาลปี2003ได้เธอเองก็ยังเคยตกรอบ120คนสุดท้ายในปี 1998ซะด้วยซ้ำ
เมื่อผ่านเข้ารอบ
เมื่อสาวงามเข้ารอบมาได้แล้วสิ่งแรกที่เธอต้องเตรียมใจคือ ต่อไปนี้อีกครึ่งปีเธอจะต้องอยู่กับกองประกวดในโรงเรียนสอนนางงามเป็นเวลาครึ่งปี ซึ่งโรงเรียนจะจับเธอมาฝึกวิธีการใช้คำพูด ออกกำลังกายด้วยการเข้ายิมเล่นเวทและคาร์ดิโอ หากว่าผอมไปก็ต้องไปเพิ่มน้ำหนักให้ได้(ในปี1986 Osmel Sousa สั่งให้Maite Delgado เพิ่มน้ำหนักอย่างเร่งด่วนถึง6กิโลกรัมถ้าหากยังต้องการจะเข้าร่วมประกวดในคืนตัดสิน เธอต้องเข้าโปรแกรมสุดโหดด้วยการกินหกมื้อต่อวัน เพราะ Osmelเห็นว่าเธอผอมเกินไปกว่าจะเป็นนางงามได้) การพรีเซนต์ตัวเอง การเดินแบบ การโพสท่าถ่ายรูปและทักษะทุกๆอย่างที่จำเป็นต่อการประกวดบนเวทีเป็นเวลา3ชั่วโมงต่อวัน
เวรุซก้า รามิเรซ มิสเวเนซุเอล่าปี1997กล่าวว่าเธอเคยผ่านประสบการณ์การฝึกโหดสุดโหดตั้งแต่ 7โมงเช้าถึงเที่ยงคืนครึ่งเลยทีเดียว หลายคนสงสัยว่าทำไมต้องฝึกหนักกันด้วย อย่าลืมว่าคืนวันตัดสินนางงามต้องประกวดกันเป็นเวลา4ชั่วโมง การซ้อมในส่วนของนางงามอย่างเดียวก็กินเวลาไปกว่าหนึ่งอาทิตย์เต็มๆ พวกเธอต้องเต้นกับเพลงที่เยอะแยะจนแทบจะจำท่าเต้นไม่หวาดไม่ไหว ไหนจะต้องจำตำแหน่งการโพส มุมกล้อง ไหนจะต้องตอบคำถามอีก คืนนั้นนางงามมีทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในสมองจนหัวทบระเบิด หากพวกเธอเตรียมตัวดีก็จะสามารถควบคุมสถานการณ์ทุกๆอย่างได้ เข้าสุภาษิตว่าเริ่มต้นดีมีชัยไปกว่าครึ่ง
โรงเรียนสอนนางงามของเวเนซุเอล่าแห่งนี้มีชื่อเสียงสุดขีดในยุคทศววรษ90 เพราะขึ้นชื่อจากการมีหลักสูตรที่เข้มข้นและเอาใจใส่นางงามเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านเครื่องแต่งกาย ผู้เข้ารอบสุดท้ายทุกคนจะได้ใส่ชุดราตรีที่ออกแบบโดยท๊อปดีไซน์เนอร์ของประเทศรวมมูลค่ากว่า8000เหรียญสหรัฐแล้วไม่ใช่ว่าท๊อปดีไซน์เนอร์คนไหนก็ได้จะได้ตัดเย็บชุดราตรีให้กับพวกเธอ เหล่าดีไซน์เนอร์ต้องแข่งขันกันพรีเซนต์ไอเดีย และส่งพอร์ทโฟลิโอให้คณะกรรมการได้คัดเลือกล่วงหน้าหนึ่งเดือน โดยส่วนมากจะเป็นการแข่งขันกันระหว่างสองดีไซน์เนอร์ยักษ์ใหญ่Durant & Diego และ Jose Maria Almeida และกองประกวดออกกฎมาด้วยว่าห้ามไม่ให้ดีไซน์เนอร์เหล่านี้ใช้แพทเทิร์นเดิมเข้าแข่งขันในปีต่อไปด้วย
ในการประกวดนางงามจักรวาลที่นิโคเซีย ไซปรัสปี2000 ออสเมลสั่งซื้อเครื่องแต่งกายรวมมูลค่ากว่าห้าแสนเหรียญสหรัฐ(กว่า20ล้านบาท!!!)เพื่อให้คุณหมอฟันแสนสวย Claudia Moreno สวมใส่ ในการประกวดครั้งนั้นคลอเดียเตรียมกระเป๋าไปทั้งหมด12ใบที่ประกอบไปด้วยเสื้อผ้าที่ใช้ในช่วงการประกวดกว่าหนึ่งร้อยชุด,รองเท้า24คู่,ชุดว่ายน้ำทูพีซหนึ่งโหล,ชุดราตรียาวอีก4ชุด ชุดแต่งกายประจำชาติออสเมลก็สั่งตัดเย็บด้วยมือทั้งหมด
แอบกระซิบให้นิดหนึ่งว่าชุดที่ใช้ของคลอเดียทั้งหมดมีราคาที่แพงมากๆนั่นก็เป็นเพราะชุดของเธอทุกชุดเป็นของดีไซน์ชื่อก้องโลกไม่ว่าจะเป็น Escada,Carolina Herrera(ดีไซน์เนอร์คู่บุญของเรเน่ เซลเวเกอร์ ชุดที่เรเน่ใส่ไปงานประกาศรางวัลออสการ์,ลูกโลกทองคำ,ชุดแต่งงาน ทุกชุดเธอเป็นคนออกแบบ-ขอแทรกว่าในปีที่เรเนเข้าชิงออสการ์ครั้งแรกจากบริดเจท์โจนส์ไดอารีเธอเดินไปหาแคโรลิน่า พร้อมกล่าวว่าจะเป็นไรมั้ยถ้าคุณจะออกแบบให้ฉันคนเดียวเท่านั้น แคโรลิน่ากล่าวว่าได้แต่เธอก็ต้องใส่แต่ชุดของฉันคนเดียวตลอดไปเท่านั้นเหมือนกัน ทั้งคู่ยอมรับข้อเสนอนั้นและเรเน่ก็ไม่เคยเปลี่ยนดีไซเนอร์อีกเลยหลังจากนั้น)และ หากใครที่ได้ติดตามแฟชั่นมาโดยตลอดก็คงจำได้ว่าชุดราตรีที่คลอดียใส่ในการตัดสินนั้นก็เป็นชุดราตรีที่สั่งตรงจากคอเลคชั่นล่าสุดของGianfranco ferreเลยทีเดียว
เมื่อชื่อเสียงของโรงเรียนนี้เลื่องลือออกไป ทั้งColombia, Philippines, Brazilต่างส่งสาวงามของตนมาฝึกกับทีมงานของคุณออสเมลและทุกคนก็ล้วนประสบความสำเร็จกันทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็น Mirium Quiambao รองนางงามจักรวาลอันดับ1ปี1999 และ อมิเลีย เวก้านางงามจักรวาลปี2003 แต่นั่นก็ทำให้ทีมผู้บริหารของสถานีโทรทัศน์ Venevision ไม่พอใจอย่างมากที่สาวงามประเทศอื่นที่มาฝึกที่โรงเรียนแห่งนี้ทำผลงานได้ดีกว่าประเทศของตัวเองจึงสั่งยกเลิกไม่ให้คุณออสเมลรับสาวงามต่างชาติเข้ามาฝึกในเวเนซุเอล่าอีกต่อไป
และเมื่อเวเนซุเอล่าเลิกสอนประเทศที่เคยมาฝึกก็อาศัยครูพักลักจำ ต่างเริ่มเปิดหลักสูตรมีโรงเรียนสอนนางงามเป็นของตัวเองขึ้นมาแข่งขันกับเวเนซุเอล่าทันทีและก็มีทีท่าว่าจะไปได้ดีกว่าประเทศต้นตำหรับเองเสียด้วย ยกตัวอย่างปีนี้เจ้าของกองการประกวดมิสแคนาดายูนิเวอร์สเชื้อสายนิคารากัว Denis Davila เลือกที่จะพานาตาลี เกลโบวาไปเข้าคอร์สในโคลอมเบียและให้ดีไซน์เนอร์ที่นั่นMiguel de la Torre ออกแบบชุดแต่งกายที่จะเข้าร่วมการประกวดทั้งหมดให้นาตาลีด้วย(น่าแปลกใจที่โคลอมเบียเองกลับตกรอบอย่างไม่น่าเชื่อ ไม่แน่โคลอมเบียอาจจะทบทวนบทบาทตัวเองและเลิกสอนให้นางงามชาติอื่นอย่างเวเนซุเอล่าก็เป็นได้) ส่วนเรนาต้าต้องบินไปฝึกพัฒนาศักยภาพที่เปอร์โตริโก้ด้วยกันกับซินเธีย โอลาวาเรียตามคำบัญชาของMagali Febles สุดท้ายทั้งสามคนก็ได้ตำแหน่งที่สูงกว่า โมนิก้า สเปียร์ มิสเวเนซุเอล่าประเทศออริจินัลกันทั้งนั้น
| Create Date : 29 กรกฎาคม 2548 |
|
2 comments |
| Last Update : 16 สิงหาคม 2548 16:39:30 น. |
| Counter : 3227 Pageviews. |
|
 |
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 63 คน [
พร้อมความสวย
ชอบๆๆครับ