คนสวยช่วยเปิด'โลกทัศน์'ให้น้อง : ริด้า มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2012
คำพูดที่ว่า "ไม่มีใครแก่เกินเรียน และความรู้ก็ขวนขวายได้อย่างไม่สิ้นสุด..." ยังคงใช้ได้ดีทุกยุคสมัย และนั่นก็เป็นแรงขับให้สาวหิวความรู้พ่วงดีกรีผู้หญิงที่สวยที่สุดในประเทศไทยจากเวทีมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ 2012 "ริด้า" ณัฐพิมล นาฏยลักษณ์ หรือ ฟาริด้า วัลเลอร์ ไม่หยุดตักตวงสรรพวิชาใส่ตัว และไม่เพียงแค่นั้นยังยินดีแบ่งปันสู่คนรอบข้างเมื่อมีโอกาส โดยเฉพาะกับน้องๆ ผู้พิการทางสายตาที่ได้ชื่อว่า "ขาดโอกาส" มากกว่าคนทั่วไป ในวันว่างจากภารกิจสำคัญอย่างเรื่องเรียนที่คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และบทบาทนางงามใหม่ทั้งเดินสายขอบคุณสื่อมวลชน อีกทั้งเข้าคอร์สพัฒนาบุคลิกภาพเพื่อเตรียมตัวไปประกวดมิสยูนิเวิร์สปลายปีนี้ จึงไม่ค่อยเห็นเฟรชชี่วัย 18 ปีเตร็ดเตร่เช็กเทรนด์แฟชั่นตามห้างหรูอย่างสาวรุ่นราวคราวเดียวกัน เธอเลือกมุ่งไปยังมูลนิธิช่วยคนตาบอดแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชินูปถัมภ์ เพื่อช่วยสอนน้องๆ ผู้พิการทางสายตาซึ่งเรียนอยู่ที่นี่ ทำการบ้าน และประดิษฐ์สื่อการเรียนการสอน
"จริงๆ ริด้าอยากทำมานานแล้วแต่ยังไม่มีโอกาส เพราะอยู่ที่กระบี่ก็เรียนอย่างเดียว ก่อนหน้านี้ไม่ทราบว่ามูลนิธินี้ทำอะไรบ้าง อาจเพราะเป็นเด็กต่างจังหวัดด้วย ก็เลยอยากลองดู ตั้งใจมาอ่านหนังสือและสอนทำการบ้านค่ะ ในฐานะที่เป็นคนชอบเรียนรู้อยู่แล้ว คิดว่า ยังมีน้องๆ อีกหลายคนขาดโอกาสทางการศึกษา ริด้าเองก็อยากให้ทุกคนได้รับการศึกษาที่ดี เพราะเยาวชนของชาติคือกำลังสำคัญที่จะช่วยพัฒนาชาติต่อไป ซึ่งการที่ได้ไปพูดคุยกับน้องๆ ก็หวังว่าจะสามารถทำให้พวกเขาเห็นภาพและจินตนาการได้ว่าสิ่งที่ริด้าเห็นหรือโลกของเราสวยงามอย่างไร แม้จะมองไม่เห็นก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีสิทธิ์จินตนาการค่ะ" สาวปักษ์ใต้ลูกครึ่งไทย-ออสเตรีย ลูกสาวคนเดียว คุณพ่อมิคาเอล วัลเล่อร์ และ คุณแม่สุพรรณ วรรณปัด เจ้าของธุรกิจร้านอาหารเก๋ๆ ที่กระบี่ เผยความตั้งใจดีๆ
ก่อนหน้านี้ในการประกวดมิสยูนิเวิร์สฯ รอบสื่อมวลชน กองประกวดก็ได้มอบรายได้จากการขายบัตรทั้งหมดให้แก่มูลนิธิช่วยคนตาบอดแห่งประเทศไทยฯ ด้วยเหตุผลเล็กๆ แต่ยิ่งใหญ่ในความรู้สึกว่าเป็นความเอื้ออาทรที่มอบให้แก่ผู้ที่ไม่มีโอกาสมองเห็นเช่นคนปกติ จึงเป็นความตั้งใจต่อเนื่องของริด้าเองที่อยากมาสัมผัสชีวิตของน้องๆ อย่างลึกซึ้ง พร้อมกับออกตัวว่าคงไม่เกี่ยวกับเรื่องนางงามต้องรักเด็กตามคำพูดที่มักได้ยินบ่อยๆ แต่เมื่อเป็นบุคคลสาธารณะแล้วก็ต้องทำตัวให้เป็นประโยชน์ต่อสังคมไม่ว่าเรื่องใดก็ตาม
"ไม่จำเป็นว่านางงามต้องรักเด็ก เรารักทุกๆ อย่างได้ แล้วก็ต้องเป็นแบบอย่างที่ดีด้วย ซึ่งการที่ได้เป็นคนมีชื่อเสียงก็เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่เราจะมีโอกาสทำประโยชน์ได้มาก จะว่าไปแล้วริด้าคนเดียวคงสร้างความแตกต่างได้ไม่เยอะ เป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคน เพราะอย่างน้อยเราก็เกิดบนผืนแผ่นดินไทยด้วยกัน ถ้าไม่รักกันแล้วเราจะไปรักใคร" นางงามจิตอาสา กล่าวพร้อมรอยยิ้มจริงใจ
เมื่อทุกอย่างพร้อมภารกิจอันเต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะจึงเริ่มขึ้น โดยมีเจ้าหน้าที่มูลนิธิคนขยันอย่าง เรณู เดือนดาว หรือที่เด็กๆ เรียกขานอย่างเป็นเองว่า "คุณแม่" มาเป็นพี่เลี้ยงช่วยแนะนำวิธีการถ่ายทอดความรู้ให้น้องๆ ซึ่งคุณแม่เล่าว่า ทุกเสาร์-อาทิตย์เด็กๆ จะทำการบ้าน ส่วนวันธรรมดาจะเรียนหนังสือ ดังนั้นช่วงเย็นๆ ราวบ่าย 3 โมงเป็นต้นไป จะมีหนุ่มสาวออฟฟิศ หรือนักเรียน นักศึกษา แวะมาช่วยอ่านหนังสือ สอนทำการบ้าน ช่วยคิด ช่วยติว ส่วนเด็กๆ จะฟังแล้วเขียนเป็นอักษรเบรลล์ ซึ่งหากไม่มีใครแวะเวียนมาเด็กๆ ก็สามารถทำเองได้ แต่บางครั้งอาจจะติดขัดบ้าง
พลันที่ถอดมงกุฎ ริด้าก็สวมบทคุณครูคนสวยช่วยสอนน้องๆ ทำการบ้านภาษาอังกฤษทันที โดยอ่านพร้อมสะกดคำศัพท์เรื่องเกี่ยวกับการท่องเที่ยวให้ "น้องแป้ง" กฤติยาภรณ์ เกตุกำพล นักเรียนชั้น ม.2 ฟัง ขณะที่น้องแป้งจะจดคำศัพท์เป็นอักษรเบรลล์ลงในสมุดของตัวเองอย่างคล่องแคล่ว พร้อมกับบอกว่าเสร็จแล้วก็จะเขียนชื่อพี่ริด้าเป็นอักษรเบรลล์มอบกลับไปเป็นที่ระลึกด้วย ทำเอาริด้าถึงกับซึ้งจนน้ำตาซึมทีเดียว
หลังจากภารกิจแรกสำเร็จ คนสวยจิตอาสาก็ไม่ปล่อยให้มือว่าง ต่อด้วยการทำสื่อการเรียนการสอนจากกระดาษปฏิทินทั้งแบบแข็งและอ่อนที่ไม่ใช้แล้วซึ่งมีคุณแม่คนเดิมสอนให้ตัดกระดาษเป็นรูปทรงเรขาคณิตต่างๆ สำหรับให้น้องๆ ไว้เรียนรู้ความแตกต่างของขนาดกระดาษตั้งแต่ใหญ่ไปหาเล็ก อีกทั้งฝึกให้รู้จักรูปทรงต่างๆ ผ่านการใช้มือสัมผัส นอกจากนี้ริด้ายังได้ประดิษฐ์เครื่องดนตรีง่ายๆ จากกระป๋องน้ำอัดลมโดยการกรอกน้ำใส่ลงไปแล้วเขย่าหรือทาบกับหูเพื่อฟังเสียงการไหลกลิ้งของน้ำช่วยฝึกประสาทสัมผัสการได้ยินและความเพลิดเพลิน เป็นสื่อการเรียนรู้เล็กๆ ทว่ามีคุณค่ามหาศาลสำหรับน้องๆ ซึ่งหากใครสนใจอยากจะช่วยอีกแรงก็สามารถทำเองที่บ้านแล้วนำมามอบให้มูลนิธิได้อีกด้วย
"น้องๆ น่ารักมาก วันนี้ช่วยอ่านภาษาอังกฤษให้ฟัง น้องเขียนเก่งมาก อึ้งเลย รู้สึกภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยเหลือสังคม ไม่เหนื่อยค่ะ คนอื่นทำได้เราก็ต้องทำได้ แต่ตอนแรกก็เกร็งนิดหน่อยว่าต้องทำอะไร พอค่อยๆ สร้างความคุ้นเคยกับน้องๆ ก็ผ่านไปได้ด้วยดี ได้ยินมาว่าวันหยุดเป็นช่วงที่น้องๆ มีการบ้านเยอะ ก็อยากให้ทุกคนใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์เหมือนกัน ไม่ว่าจะออกกำลังกาย อ่านหนังสือ หรือใช้เวลาอยู่กับครอบครัว ดีกว่าไปทำอะไรที่ไม่ดี ยุ่งเกี่ยวกับอบายมุขหรือสิ่งเสพติดต่างๆ ถ้ามีโอกาสจะมาอีกแน่นอนค่ะ" มิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์คนล่าสุด เชิญชวนให้ใช้ทุกวินาทีอย่างมีสาระ
ชั่วโมงนี้ แม้ภารกิจทั้งงานราษฎร์งานหลวงจะยุ่งเหยิงเพียงไร สิ่งหนึ่งที่สาวนัยน์ตาคมรายนี้ไม่คิดละเลยนั่นคือการเรียน โดยพยายามจัดสรรเวลาไม่ให้คาบเกี่ยวกันเพื่อจะได้ทำแต่ละอย่างได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย และก่อนที่จะบินไปทำหน้าที่ตัวแทนสาวไทยบนเวทีมิสยูนิเวิร์ส 2012 เจ้าตัวก็อ้อนขอกำลังใจพร้อมรับปากว่าจะทำให้ดีที่สุด...
...................................... (คนสวยช่วยเปิด'โลกทัศน์' ให้น้อง : คอลัมน์ขอเวลานอก : โดย...เรื่อง : ชาญยุทธ ปะวะขัง/ภาพ : วุฒินันท์ ดะนุชนาม )
Create Date : 16 มิถุนายน 2555 |
|
3 comments |
Last Update : 16 มิถุนายน 2555 10:02:08 น. |
Counter : 4028 Pageviews. |
|
|
|