<<
ตุลาคม 2553
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
9 ตุลาคม 2553
 
 
Easy Finance Talk "ทองคำ การลงทุนแบบอมตะนิรันดร์กาล"

เสาร์ 25 กันยายน 2553



การมีสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาอยู่ใกล้ๆ บ้านนี่ก็ดีไปอย่าง เพราะแต่ละคณะมักจัดกิจกรรม โครงการเผยแผ่ความรู้ต่างๆ เปิดให้บุคคลภายนอกที่สนใจเข้าร่วมรับฟัง ซึ่งแน่นอนว่าถ้าเป็นความรู้ดีๆ และ “ฟรี” แถมยังใกล้บ้านอีกด้วยแล้ว ถ้าไม่ติดธุระอะไรที่ไหน นู๋เมี่ยงก็คงไม่พลาดแน่นอน

โครงการ Easy Finance Talk จัดขึ้นประจำทุกเสาร์สิ้นเดือน หัวข้อสำหรับเดือนกันยายนนี้เกี่ยวกับการลงทุนในทองคำ วิทยากรที่มาบรรยายในวันนั้นคือคุณภาคภูมิ ภาคย์วิศาล จากบริษัทหลักทรัพย์โกลเบล็กซ์ ภายในห้องสมุดมารวย มหาวิทยาลัยสยาม ด้วยบรรยายกาศสบายๆ มีการเลี้ยงกาแฟ ของหวานให้กับผู้เข้าร่วมเสวนาในวันนั้น



ที่นู๋เมี่ยงเขียนเล่าถึงการบรรยายในวันนั้นในบล็อกนี้ สำหรับผู้รู้ guru เซียนทุกท่าน ผู้ลงทุนในทองคำอยู่แล้ว อาจมองว่าจะเขียนถึงไปทำไม ความรู้พื้นๆ ถ้าอย่างนั้นก็ขอให้อ่านข้ามๆ ไป แต่ที่นู๋เมี่ยงหยิบขึ้นมาเขียนสรุปการบรรยายที่ได้รับฟังมาในวันนั้น ถือว่าตัวเองได้ทบทวนความเข้าใจในเอกสารนำเสนอและคำบรรยายของวิทยากรวันนั้นอีกครั้งค่ะ หากผู้อ่าน ผู้รู้มีข้อแนะนำประการใด นู๋เมี่ยงยินดีรับฟังค่ะ

เอกสารประกอบการนำเสนอมีอยู่หลายหน้าด้วยกัน นู๋เมี่ยงขอคัดออกมา ดังนี้ค่ะ



รูปแบบของการลงทุนในทองคำ หลักๆ คือ
1) ในรูปแบบของทองรูปพรรณ เช่น เครื่องประดับต่างๆ สร้อยคอ กำไล แหวน ต่างหู ซึ่งมีค่ากำเหน็จ (ค่าแรงช่างในการออกแบบลวดลาย ค่าทำชิ้นเครื่องประดับ)
2) ในรูปของทองคำแท่ง แผ่นทองคำ ซึ่งไม่ต้องเสียค่ากำเหน็จในการซื้อขาย (ก็มันเป็นก้อน เป็นแท่ง ไม่มีลวดลายอะไรเลยนี่นะ)
ประเทศไทยซื้อ-ขายทองคำแท่ง ที่ความบริสุทธิ์อยู่ที่ 96.5% และน้ำหนักแท่งละ 5 บาท ถ้าน้ำหนักทองคำต่ำกว่า 5 บาท เช่นทองคำแท่งหนัก 1 บาท 2 บาท จะต้องเสียค่าบล็อกพิเศษ
ส่วนทองคำแท่งที่ได้รับการยอมรับในตลาดโลกมีความบริสุทธิ์ที่ 99.99%

นอกจากการลงทุนในทองรูปพรรณและทองคำแท่งแล้ว ยังมีการลงทุนทองคำในลักษณะอื่นๆ อีกเช่น เหรียญทองคำ (bullion coin) ลงทุนในกองทุนที่ลงในทองคำ (gold fund) ตั๋วทองคำ (gold certificate) สัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้า (gold futures) เป็นต้น

มาดูข้อแตกต่างระหว่างทองคำแท่ง 96.50% กับ 99.99% กัน


คลิ๊กที่ภาพเพื่อดูภาพใหญ่ค่ะ
หมายเหตุ
*ทองคำแท่งบริสุทธิ์ 96.5% ใช้หน่วยวัดน้ำหนักเป็น “บาท” โดย 1 บาท = 15.244 กรัม
** ทองคำแท่งบริสุทธิ์ 99.99% ใช้หน่วยวัดน้ำหนักเป็น “กิโลกรัม” โดย 1 กิโล = 32.1508 ออนซ์ และ 1 ออนซ์ = 31.1035 กรัม



ทำไมจึงควรลงทุนในทองคำแท่ง? เพราะทองคำเป็นเครื่องมือการออมอย่างหนึ่ง มีสภาพคล่อง สามารถซื้อ-ขายทำกำไรได้ เป็นที่ยอมรับใช้ในงานประเพณี ธรรมเนียมต่างๆ เช่นงานสมรส การให้ของขวัญ เป็นแหล่งลงทุนที่ปลอดภัย (safe haven) (เพราะทองคำนั้นชอบวิกฤติ เช่นสภาวะสงคราม) และเป็นเครื่องมือกระจายความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุน ป้องกันความเสี่ยงต่อเงินเฟ้อ รวมถึงการอ่อนตัวของค่าเงิน US dollar

จากสถิติผลตอบแทนการลงทุนในทองคำทำให้เห็นว่าตั้งแต่ปี 2001 เป็นต้นมาราคาทองคำมีแต่จะสูงขึ้น และคุณภาคภูมิมองว่าอย่างน้อย 1- 4 ปีข้างหน้านี้ ราคาทองคำยังคงเป็นขาขึ้นอีก (เมื่อคุณภาคภูมิได้บรรยายเกี่ยวกับปัจจัยที่มีผลต่อราคาทองคำในตลาดโลก)



มาดูที่อุปสงค์ อุปทานในทองคำกันบ้างว่าเขาต้องการทองคำไปทำอะไร และทองคำหาได้จากไหน (เสียดายภาพนี้ถ่ายมาไม่ชัด)


- อุปสงค์ – อุปทานในทองคำ (Demand & Supply) -


Demand
1. ภาคอุตสาหกรรมเครื่องประดับ (69%) มี seasonal ส่วนใหญ่มาจากเอเชีย เช่น อินเดีย จีน และตะวันออกกลาง

2. ภาคการลงทุน (19%) มีทองคำแท่ง เหรียญทองคำ Gold ETF ฯลฯ

3. ภาคอุตสาหกรรมและการแพทย์ (12%) เช่น เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ นาโนเทคโนโลยี (ใช้ในการเร่งปฎิกิริยาในอุปกรณ์พลังงานไฟฟ้า ใช้ในกระบวนการทางเคมี ใช้ในการควบคุมมลพิษ)

Supply
1. การผลิตจากเหมืองทองคำ (61%)
เหมืองแร่ที่ใหญ่ที่สุดอยู่ที่แอฟริกา รองมาเป็นสหรัฐ และจีน ปัจจุบันประเทศเดิมๆ ที่ผลิตทอง (เช่น แอฟริกาใต้ อเมริกา ออสเตรเลีย แคนาดา) มีการค้นพบแหล่งทองคำใหม่น้อยมาก บวกกับต้นทุนการสำรวจสูงขึ้น และบวกกับต้องใช้ระยะเวลานานกว่า 10 ปีในการเริ่มต้นธุรกิจ ในขณะที่ประเทศใหม่ๆ (เช่น จีน) เริ่มมีการทำเหมืองทอง และหาทองได้ง่าย ทำให้ supply ทองคำของโลกยัง balance อยู่

2. ทองคำหมุนเวียนหรือเศษทองเก่า (recycle of scrape) (25%) มีบทบาทสำคัญในกลไกราคา ทำให้ราคาทองคำมีเสถียรภาพขึ้น อุปทานเศษทองจะเพิ่มสูงขึ้นในช่วงที่เศรษฐกิจอยู่ในภาวะซบเซา หรือหลังจากช่วงที่ราคาทองคำปรับเพิ่มขึ้น

3. การขายทองคำของธนาคารกลางประเทศต่างๆ (14%)
ผู้ถือทองคำรายใหญ่คือ ธนาคารกลางของอเมริกาและประเทศในแถบยุโรป มี central bank gold agreement (CBGA) กำหนดห้ามขายทองเกิน 400 ตันต่อปี (ถึง 26 กันยายน 2014)

แล้วอะไรล่ะที่ทำให้ราคาทองคำขึ้น-ลงอยู่ตลอดเวลา? ตารางนี้ได้สรุปประเด็นสำคัญว่ามีปัจจัยอะไรบ้างที่มีผลต่อราคาทองคำในตลาดโลก


คลิ๊กที่ภาพเพื่อดูภาพใหญ่ค่ะ

ปัจจัยที่มีผลต่อราคาทองคำในประเทศไทย



ประเทศไทยไม่ได้ผลิตทองคำเอง ต้องสั่งซื้อนำเข้าจากต่างประเทศ ใช้เงินสกุล US$ เป็นตัวกลางแลกสินค้า เมื่อได้ทองคำบริสุทธิ์ 99.99% มาแล้ว ก็ต้องแปลง/ หลอมเป็นทองคำน้ำหนักแท่งละ 5 บาทที่ความบริสุทธิ์ 96.5% และในทางกลับกัน เวลาขายส่งออกทองคำก็ต้องหลอมกลับคืนให้ได้ความบริสุทธิ์ที่ 99.99% ตามเดิม (ถึงตรงนี้ นู๋เมี่ยงเข้าใจถูกต้องไหมคะ)

ฉะนั้น ราคาทองคำโลก (US$) และค่าเงินบาท (THB/US$) จึงส่งผลต่อราคาทองคำในบ้านเรา เพราะตามค่าสูตรการแปลงราคาทองคำโดยสมาคมค้าทองคำของไทย จะมี 2 ค่านี้ที่เป็นค่าตัวแปรในการคำนวณ ดังนี้คือ

[(spot gold + premium) x 32.148 x THB x 0.965] / 65.6


Spot gold (ค่าตัวแปร) = ราคาทองคำในตลาดโลกที่แสดงเป็น US$ ต่อออนซ์
Premium (ค่าคงที่) = ต้นทุนในการนำทองคำออกขาย (เช่นค่าขนส่ง ค่าประกัน ต้นทุนดอกเบี้ย ค่าแปรรูป เป็นต้น) โดยค่าพรีเมียมจะกำหนดที่ประมาณ 1 US$ ต่อออนซ์
THB (ค่าตัวแปร) = ค่าเงินสกุลบาทต่อ 1 US$
32.148 (ค่าคงที่) = น้ำหนักเป็นกรัมของทองคำ 1 ออนซ์ (ความบริสุทธิ์ 96.5%)
65.6 (ค่าคงที่) = จำนวนน้ำหนักบาทที่แปลงมาจากทองคำหนัก 1 กิโลกรัม

ราคาทองคำในประเทศไทย สมาคมค้าทองคำจะเป็นผู้ประกาศราคาวันจันทร์ถึงเสาร์ ราคาซื้อ-ขายขยับขั้นละ 50 บาท ราคาซื้อกับราคาขายห่างกัน 100 บาท


- ตารางเวลาซื้อ-ขายทองคำในแต่ละวันไม่มีการหยุดนิ่ง -


คนที่ไม่ได้จบด้านตัวเลข การคำนวณ สูตรราคาข้างต้นคงลึกเกินไปกว่าที่พนักงานกินเงินเดือนอย่างนู๋เมี่ยงที่เพิ่งเริ่มสนใจการออมในรูปทองคำจะลงไปทำความเข้าใจ เอาเป็นว่า การมาฟังเสวนาครั้งนี้เป็นการปูพื้น ให้นู๋เมี่ยงรู้ที่มา-ที่ไป กลไกตลาดทองคำ ถือคติว่า “รู้ไว้ ใช่ใส่บ่าแบกหาม” ค่ะ

แย่จริง ไปๆ มาๆ นู๋เมี่ยงเขียนเล่าเหมือนกับว่างานเสวนาวันนั้นไม่ใช่สไตล์ easy talk ไปเสียแล้ว ในวันนั้นผู้ร่วมเสวนาทั้งหมดมีทั้งนักศึกษาปริญญาตรี ปริญญาโท คณาจารย์ ประชาชนภายนอก มีประสบการณ์การลงทุนมาก-น้อยคละเคล้ากันไป เอาเป็นว่าวันนั้นนู๋เมี่ยงได้นั่งฟังเพลินๆ ท่ามกลางบรรยากาศดีๆ ทำความเข้าใจนึกภาพตามไปด้วย เป็นการต่อยอดความรู้ใหม่เพิ่มเติม ชิวๆ ดี



สำหรับผู้ฟังที่เป็นนักลงทุนในทองคำแท่งอยู่แล้ว ทาง บล.โกลเบล็กซ์ ได้วิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน (fundamental) และเชิงเทคนิค (technical) พร้อมสรุปกลยุทธ์ราคาทองคำใน ไตรมาส 4 ปี 2510 องว่า ตลาดทองคำยังคงเป็นขาขึ้น จึงควรซื้อทองคำเพื่อเล่นรอบสั้น / ถือครองยาวไปขายช่วงปลายปีนี้ หรือตรุษจีนปีหน้า

โครงการออมทอง


นู๋เมี่ยงอ่านหนังสือ “ออมไว้ในหุ้น” ของคุณนวพร ได้มีการพูดถึงวิธีการออมหุ้นโดยวิธีซื้อหุ้นเฉลี่ยไปเรื่อยๆ อย่างสม่ำเสมอเป็นประจำทุกเดือน (Dollar Cost Averaging) แต่ตัวนู๋เมี่ยงเองกลับอยากมีทองเก็บกะเขาไว้แทน แต่ไม่ใช่ทองคำกระดาษนะ ประเภทตัวเลขค่าดัชนีทองคำ หรือซื้อ-ขายเก็ง (เกร็ง) กำไรส่วนต่างค่าทอง เพราะด้วยอุปนิสัยตัวเอง ไม่ชอบ cut loss บวกกับอาชีพพนักงานประจำนู๋เมี่ยง และ ไม่เหมาะกับการเก็งกำไร นั่งเฝ้าหน้าจอตลอดได้ อยากได้ทองคำจริงๆ มากกว่า

พอดี บล.โกลเบล็กซ์พูดถึงโครงการออมทองขึ้น นู๋เมี่ยงเลยหูผึ่งขึ้นมา รายละเอียดพอสรุปคร่าวๆ ดังนี้ คือ ทางบริษัทฯ จะตัดบัญชีเงินฝาก (ATS) ทุกวันทำการที่ 2 ของเดือนๆ ละ 10,000 บาทเป็นระยะเวลาติดต่อกันอย่างน้อย 12 เดือน แล้วบริษัทฯ จะนำเงินของเราเข้าไปซื้อทองคำบริสุทธิ์ 96.5% ในราคาที่ดีที่สุด ส่วนทองคำเมื่อสะสมได้น้ำหนักครบ 5 บาทแล้ว ก็สามารถฝากไว้ที่บริษัทฯ ได้โดยไม่คิดค่าธรรมเนียมฝากเก็บ เหนาะๆ ปีนึงผ่านไป นู๋เมี่ยงก็น่าจะมีทองไว้เชยชมกะเขาได้สักแท่งล่ะนะ

แต่เดี๋ยวก่อน stop .... อย่าเพ่อด่วนตัดสินใจ นู๋เมี่ยงต้องกลับมาวางแผนการเงินของตัวเองที่บ้าน อ่านรายละเอียด และจดคำถามไว้โทรถามเจ้าหน้าที่อีกครั้งให้แน่ใจ เพราะนู๋เมี่ยงก็ต้องคำนึงถึงสภาวะการว่างงานของตนเองในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ (งานโปรเจคจะหมดแล้ว) กับสัญญาโครงการออมทองที่จะต้องผูกมัดตัวเองนานถึง 1 ปี
......

ช่วงสุดท้ายของการเสวนาในวันนี้เป็นประเด็นกำลังฮอตฮิตของนักลงทุน และนักเก็งกำไร นั่นคือ Gold Futures



หัวข้อนี้นู๋เมี่ยงเคยเข้าฟังการบรรยายจากสถาบันพัฒนาความรู้ตลาดทุนมาก่อน TSI จำไม่ได้ว่าน่าจะเป็นช่วงแรกๆ ที่ตลาดหลักทรัพย์เริ่มเปิดขาย Gold Futures และเกี่ยวกับตราสารอนุพันธ์ (Derivatives) อยู่หลายครั้ง แล้วก็บอกกับตัวเองว่า นู๋เมี่ยงขอดูอยู่ห่างๆ ก่อนดีกว่า เอาให้รู้กลไก ระบบกติกาของมัน เพราะใจ(สิสำคัญ)ไม่ถึงพอ ทำใจไม่ได้หากเห็นเงินวางหลักประกันของเราลดลงๆ อยู่ตลอดเวลา (real time tracking) หรือหดลงเมื่อสิ้นสุดวัน (mark to the market) .... ก็ไม่ชอบ cut loss นี่นา สรุป... นี่ไม่ใช่แนวของนู๋เมี่ยง
*หมายเหตุ แต่นู๋เมี่ยงก็ซื้อกองทุนที่สามารถลงทุนใน Futures ได้เพื่อป้องกันความเสี่ยงไว้ในระดับหนึ่งเหมือนกันนะ



สัญญา Futures (สัญญาว่าจะซื้อ/ สัญญาว่าจะขาย) ในความเข้าใจของนู๋เมี่ยงเป็นแค่เพียงการจับคู่เล่นของคนสองคนที่มีความคิดเห็นสวนทางกัน เมื่อคนหนึ่งมองว่าสินทรัพย์อ้างอิง (เช่น SET 50 หรือหุ้น A เป็นต้น) ว่าในอนาคตราคาจะสูงขึ้น (เส้นกราฟกระดิกหัวขึ้น) ก็ทำสัญญาว่าจะซื้อด้วยการ Long ส่วนผู้เล่นอีกคนมีความเห็นต่างออกไปมองว่าราคาสินทรัพย์อ้างอิงจะต่ำลง (เส้นกราฟผงกหัวลง) ก็ทำสัญญาว่าจะขายด้วยการ short จะว่าไปผู้เล่นทั้งสองคนไม่มีสินทรัพย์ที่แท้จริงอยู่ในมือเลย หากใครคาดการณ์ถูก เงินของอีกฝ่ายก็ไหลเข้าสู่กระเป๋าของอีกฝ่าย คนหนึ่งได้เงิน อีกคนก็ต้องเสียเงิน เหมือนเล่นแทงหัว-ก้อย เขาถึงบอกว่านี่แหละคือ “Zero Sum Game” ขนานแท้

เอ... แล้ว broker ล่ะ เป็นเสือนอนกินรึเปล่าน้า.... เพราะไม่ว่าฝ่ายไหนได้ ฝ่ายไหนเสีย ทั้งสองฝ่ายก็ต้องเสียค่าต๋งผ่านโบรกเกอร์ทั้งตอนเปิดและปิดสถานะไปไม่น้อยเหมือนกันนี่นะ....



เวลา 2 ชั่วโมงตั้งแต่ 9 โมงครึ่งถึง 11 โมงครึ่ง (กาแฟลาเต้ของนู๋เมี่ยงหมดแก้วพอดี) วิทยากรได้บรรยายเรื่องการลงทุนในทองคำได้สาระครอบคลุมทุกด้าน ปิดท้ายมีการตั้งคำถามสนุกๆ เล่นกับผู้เข้าร่วมเสวนา มีของกำนัลเล็กๆ น้อยๆ คอยกระตุ้นให้ยกมือขึ้นตอบกับพรึบ (นู๋เมี่ยงก็แย่งตอบเอาของรางวัลกะเขาเหมือนกัน)


- ทีมงานเจ้าหน้าที่การตลาดจากบล. โกลเบล็กซ์ -


สุดท้ายนี้นู๋เมี่ยงขอขอบคุณผู้จัดโครงการ Easy Finance Talk ทุกหน่วยงาน องค์กรที่เปิดกว้างให้ประชาชนผู้สนใจการออม การลงทุนเข้ามารับฟังการเสวนาในครั้งนี้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าโครงการนี้จะได้รับการตอบรับที่ดีในครั้งต่อๆ ไปค่ะ



เขียนเมื่อ 3 ตุลาคม 2553




Create Date : 09 ตุลาคม 2553
Last Update : 9 ตุลาคม 2553 11:31:15 น. 2 comments
Counter : 3219 Pageviews.

 
หวัดดีจ้า นู๋เมี่ยง ช่วงนี้ยุ่งๆ ไม่ได้แวะมาหานานเลย


วันนี้เลยเอาเค้กน้อยๆ มาฝากด้วยความคิดถึงจ้า


ไม่ได้อัพบล็อคหรอกนะ ..แค่คิดถึงจึงแวะมาจ้า




โดย: Nongpurch วันที่: 16 ตุลาคม 2553 เวลา:6:25:24 น.  

 
ขออณุญาตเอาไปเก็บไว้ 2 รูปครับ ถ้าไม่ O รบกวนหลังด้วยครับ
ขอบคุณครับ

https://www.bloggang.com/viewblog.php?id=disk-play&date=05-11-2010&group=6&gblog=2


โดย: น้ำเค็ม วันที่: 5 พฤศจิกายน 2553 เวลา:16:26:45 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 

มามะ.. เมี่ยงเองค่ะ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




[Add มามะ.. เมี่ยงเองค่ะ's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com
pantip.com pantipmarket.com pantown.com