โบรกแนะเก็งกำไร 12 หุ้นดีดแรง ดัชนีฟื้นตัวต่อ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช้านี้ ณ เวลา 9.55 น. ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 30.74 บาทต่อเหรียญสหรัฐ และตลาดหุ้นเอเชียมีทั้งปรับตัวอยู่ในแดนบวกและลบ นักวิเคราะห์คาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้น เนื่องจากได้รับปัจจัยหนุนจากจีนและกรีซ เน้นเก็งกำไร 12 หุ้นเด่น ได้แก่ BWG, SAT, TUF, PTTEP, STEC,PTT, INTUCH, BIGC, STA, KBS, KTB BAY บล.ฟิลลิประบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้แนวโน้มตลาดวันนี้ : ฟื้นตัวจากเรื่องกรีซ และจีน กลยุทธ์การลงทุน :Trading Buy คาดตลาดหุ้นไทยวันนี้ยังปรับขึ้นต่อท่ามกลางความคาดหวังเรื่องกรีซจากการประชุมรมว.คลังยูโรโซนในวันนี้ รวมถึงการที่ทางการจีนประกาศปรับลดอัตราการกันสำรองธพ. ลง 0.50% สู่ระดับ 20.50% โดยมีผลบังคับ ณ วันที่ 24 ก.พ. ได้ช่วยผลักดันบรรยากาศลงทุนของตลาดหุ้นในภูมิภาคให้ฟื้นตัวทางบวก ขณะที่ค่าเงินยูโรดีดตัวรอรับข่าวเรื่องกรีซ และดอลลาร์สหรัฐอ่อนตัวลงในทางตรงข้าม ส่งผลให้บาทแข็งค่ามาที่ 30.75 บาท/ดอลลาร์ ในเช้านี้ (7.45 น.) อีกทั้งแรงซื้อในปริมาณมากกว่า 5.9 พันล้านบาทของต่างชาติเมื่อวันศุกร์จะช่วยหนุนการฟื้นตัวของดัชนีเข้าหาจุดสูงสุดในรอบก่อนแถว 1148 ได้ การจัดพอร์ตระยะสั้น* - หุ้น 50-75% : เงินสด 50-25% ถือต่อในพอร์ต : BWG, SAT, TUF, PTTEP, STEC หุ้นที่ปรับเข้า :1. PTT งบออกมาตามคาด ปันผลดีกว่าคาด 7 บาท XD 5 มี.ค. FV 396 บาท กรอบเทรดระยะสั้น มองต้าน 350-355 รับ 340-338 Cut loss 333 บาท กลยุทธ์การลงทุน : ระยะสั้นเน้นเทรดดิ้งตามโมเมนตัมเชิงบวกของตลาด แนวต้าน : 1135-1148 แนวรับ : 1121-1114 KGI ประเมินหุ้นไทยวันจันทร์ปรับขึ้นต่อ จิตวิทยาในตลาดโลกยังเป็นบวกค่อนข้างมาก เนื่องจากนักลงทุนคาดหมายว่าในคืนวันนี้ที่ประชุมกลุ่มยุโรปจะทำการอนุมัติเงินช่วยเหลือกรีซมูลค่า 1.3 แสนล้านยูโรและอนุมัติแผนแลกเปลี่ยนพันธบัตรและการลดหนี้ด้วย นอกจากนี้ข่าวจีนประกาศลดสัดส่วนเงินสำรองภาคธนาคารลง 0.5% (มีผลวันที่ 24 ก.พ.) จะส่งผลดีต่อราคาหุ้นกลุ่มถ่านหิน และกลุ่มน้ำมันในทางอ้อมด้วย ท่ามกลางราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นตามข่าวเรื่องยุโรปและความตึงเครียดในตะวันออกกลางอยู่แล้วสำหรับฝั่งสหรัฐฯ นั้น ตัวเลขเงินเฟ้อผู้บริโภค (CPI) เดือน ม.ค. ออกมามีรูปแบบเดียวกับเงินเฟ้อผู้ผลิต (PPI) เมื่อวันพฤหัสฯ กล่าวคือตัวเลขเงินเฟ้อรวมต่ำกว่าที่ตลาดคาด แต่เงินเฟ้อที่ไม่รวมอาหารและพลังงาน (Core) กลับสูงกว่าที่คาด อย่างไรก็ดีภาพรวมเงินเฟ้อไม่เป็นปัญหาต่อสหรัฐฯ ในขณะนี้และแนวทางนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายมาก จะดำรงอยู่ต่อไป กลยุทธ์: เนื่องจากเรามองว่าจิตวิทยาของตลาดทุนโลกในระยะสั้นขึ้นสูงสุดแล้ว (กรีซผ่านแผนทุกอย่างในวันนี้ จีนประกาศลด RRR แล้ว) และกว่าที่จะมีข่าวดีเพิ่มเติมอีกน่าจะเป็นวันที่ 29 ก.พ. ซึ่ง ธ.กลางยุโรปจะเปิดการกู้เงินดอกเบี้ยต่ำ 3 ปี (LTRO) เราแนะนำให้หาจังหวะหุ้นบวกวันนี้ ขายพอร์ตที่เหลือ 50%และให้ซื้อหุ้นเสี่ยงต่ำหรือหุ้นที่มีเงินปันผลหนุน เช่น INTUCH*, TUF* (ไม่ได้วิเคราะห์พื้นฐาน) และBIGC* (ไม่ได้วิเคราะห์พื้นฐาน) บล.กสิกรไทยระบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ ตลาดหุ้นยุโรปและสหรัฐฯ ปิดบวกจากความคาดหวังเชิงบวกต่อการแก้ปัญหาหนี้กรีซ ปัจจัยที่ต้องติดตามได้แก่รมว.คลังยูโรมีกำหนดจะพิจารณาอนุมัติแผนความช่วยเหลือในวันนี้ (20 ก.พ.) ด้านปัจจัยในประเทศที่ต้องติดตามคือการตีความ พ.ร.ก. 2 ฉบับว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ในวันที่ 22 ก.พ.นี้ ส่วนประเด็นที่ไทยถูกขึ้นบัญชีดำ เป็นประเทศที่ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานระหว่างประเทศว่าด้วยการสกัดการฟอกเงิน ของ FATF และทางปปง.จะมีแถลงข่าวเวลา 15.00 วันนี้ ไม่มีผลกระทบต่อตลาดหุ้นอย่างมีนัยสำคัญประเด็นการแก้ปัญหาหนี้ยุโรปยังมีแนวโน้มเป็นบวกต่อตลาดทุนและสินทรัพย์เสี่ยง แม้สหรัฐฯปฏิเสธที่จะสนับสนุนเงินช่วยเหลือเพิ่มเติมแก่ยุโรป แต่จีนและญี่ปุ่นประกาศพร้อมสนับสนุนการเพิ่มเงินทุนให้ยุโรปในการรับมือปัญหาหนี้ นอกจากนี้ธนาคารกลางของจีนยังได้ประกาศลดอัตราการกันสำรองเงินสำหรับธนาคารพาณิชย์ลงอีก 0.50% เพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นปัจจัยบวกระยะสั้นต่อเงินทุนไหลเข้าในภูมิภาคเอเชียและตลาดเกิดใหม่ รวมทั้งเป็นบวกกับราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ดังนั้นเรายังโฟกัสการลงทุนในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับเพิ่มขึ้น รวมถึง Big cap ที่ยัง laggard ตลาดรวม กลยุทธ์การลงทุน: การฟื้นตัวของสินค้าโภคภัณฑ์ยังมีแนวโน้มต่อเนื่อง ทำให้เรายังเน้นการเข้าเก็งกำไรในหุ้นพลังงาน และหุ้นที่ยังปรับตัวน้อยกว่าที่ปรับตัวลดลงมามาก วันนี้แนะนำ PTT STA KBS KTB BAY สำหรับหุ้นอื่นที่ยังปรับห่างจาก High รอบที่แล้วของ SET Index และเหมาะในเชิงเก็งกำไร ได้แก่ IVL, TCAP, MINT, KK, BANPU สำหรับนักลงทุนที่ต้องการทยอยลงทุนในหุ้นดีอาจเลือกทยอยสะสม BIGC ESSO MAKRO MINT สำหรับนักลงทุนระยะกลางที่ลดพอร์ตทำกำไรไปแล้ว ให้ Wait and See หากจะซื้อกลับขอให้เป็นส่วนน้อย ส่วนพอร์ตที่ยังมีอยู่เน้น switch พอร์ตมาหาหุ้นปันผล การปรับขึ้นในระดับใกล้ 1150 จุด อาจพิจารณาทยอยลดพอร์ตลงบางส่วนอีกครั้ง Create Date : 21 กุมภาพันธ์ 2555 Last Update : 21 กุมภาพันธ์ 2555 0:12:09 น. 0 comments Counter : 455 Pageviews. Share Tweet ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend Comment :   *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet