Group Blog
 
 
มกราคม 2553
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
9 มกราคม 2553
 
All Blogs
 

แป๊ะตำปึง





แป๊ะตำปึง




ต้นยาแปะตำปึง เดิมเป็นยามาจากประเทศจีน ลักษณะของใบยาจะหนานุ่มคล้ายกำมะหยี่ รสชาติคล้ายชมพู่เพชรที่ยังไม่แก่ สรรพคุณของใบยาได้แก่ จะฟอกเลือด ปรับระดับเลือดให้ดีขึ้น น้ำเหลืองจะดีขึ้น รักษาแผลภายใน-ภายนอก ชะล้างสารพิษภายในร่างการยออกทางปัสสาวะ อุจจาระและทางตา ทำให้กินข้าวได้ นอนหลับ อาการปวดต่าง ๆ ก็จะหาย ระบบหายใจจะดีขึ้น ไม่เหนื่อยหอบ ขับลมแน่นในช่องท้อง โรคที่ใบยาแปะตำปึงรักษาหายมาแล้วได้แก่ เบาหวาน ความดันสูง-ต่ำ หืดหอบ-ภูมิแพ้ มะเร็งทุกชนิด ริดสีดวงทวารหนัก งูสวัด เก๊าท์ ขบนิ่ม สเก็ดเงิน แผลฝีหนองทั่วไป โรคหัวใจ โลหิตจาง เนื้องอกต่าง ๆ ในใต ปวดเหงือก ปวดฟัน-แผลอักเสบ ปวดท้องประจำเดือน คลอเรสเตอรอล ไขมันในเส้นเลือด ไทรอยด์ ปวดเส้น ปวดหลัง โรคกระเพาะ ดวงตาเป็นต้อ ดวงตาอักเสบ ดวงตาขุ่นมัว โรคผิวหนังทั่วไป

วิธีรับประทานใบยาสด ควรรับประทานวันละ 1 ครั้ง ประมาณ 2, 3 หรือ 5 ใบ เวลาที่ควรรับประทานใบยาที่ดีที่สุด คือ ตี 5-6 โมงเช้า เพราะเป็นเวลาที่ลำไส้เริ่มทำงาน ท้องยังว่างอยู่จะได้ผลเร็ว ถ้าบางท่านที่ปวดเหงือก-ปวดฟัน เจ็บตาและลำคออักเสบ ควรรับประทานใบยาในเวลากลางคืน (แปรงฟันให้เรียบร้อย) ค่อยรับประทานใบยาเคี้ยวและอมทิ้งไว้สักระยะเวลาหนึ่งแล้วค่อยกลืน ผลที่ได้รับคือ ตื่นเช้าอาการปวดจะค่อยหายไป จะขับถ่ายโล่งสบาย จะมีขึ้ตาออกมาเยอะหน่อย เพราะใบยาจะขับสารพิษออกทางตา ถ้าใครปวดท้องเป็นโรคกระเพาะให้รับประทานใบยาเดี๋ยวนั้นสักพักหนึ่งอาการปวดของโรคกระเพาะจะหายไป ยังช่วยขับลมแก๊สที่แน่นในท้องด้วย ยังสามารถนำใบยาไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นได้อีกนอกเหนือจากรับประทานใบยาสด ได้แก่

1. นำใบยามาเป็นอาหารเช่น แกงจืด (15-20 ใบ/ 1 ท่าน)

2. นำมาพอกตาสำหรับคนที่ดวงตาเป็นต้อ ดวงตาอักเสบ ตามัว นำใบยาประมาณ 7-8 ใบมาขยี้หรือใช้ครกตำก็ได้ บีบน้ำใส่ที่ดวงตา แบ่งใบยาเป็น 2 ส่วน พอกไว้ 20-30 นาที ค่อยล้างหน้า ผลที่ได้คือดวงตาจะสว่างขึ้น แผลต่าง ๆ จะหายไปรวมทั้งต้อด้วย ถ้าท่านใดเป็นมากควารทำสักระยะหนึ่ง ท่านที่เป็นริดสีดวงทวารหนักควรทานใบยาสดและนำใบยามาขยี้หรือตำให้ได้พอเหมาะยัดใส่ที่ทวารหนักจะทำให้แผลหายเร็ว ติ่งที่โผล่จะยุบ เลือดที่เคยไหลออกก็จะหยุด ถ้าใบยาแก่และเหลือง นำมาล้างผึ่งให้แห้ง นำมาปั่นหรือตำก็ได้บีบน้ำยาใส่ถ้วย นำไปนึ่งให้สุกปล่อยให้เย็นแล้วใส่ขวดเก็บไว้ในตู้เย็น เก็บไว้ใช้ได้นาน ถ้าเป็นงูสวัดและแผลต่าง ๆ ใช้ยาทาหรือนำใบยาสดมาตำพอกก็ได้ หรือตากแห้งแทนใบชาก็ได้

อาหารแสลงที่ควรระวัง เช่น เนื้อ กุ้ง ปู ปลาหมึก ปลาร้า ปลาทู หูฉลาม กะปิ ข้าวเหนียว หน่อไม้ แตงกวา หัวผักกาด เผือก สาเก เครื่องดองของเมา น้ำชา กาแฟ (ถ้าสุขภาพไม่แข็งแรงควรงด) ต้นยาเมื่อปลูกได้ระยะหนึ่งประมาณปีกว่า ต้นแม่ก็จะตาย ควรตัดปักชำใหม่ เมื่อโตเต็มที่แล้วจะมีช่อดอกสีเหลืองไม่มีฝักและเมล็ด ต้องปักชำเท่านั้น ต้นยาชอบน้ำและอากาศดี ชอบแสงแดดพอควร และดินร่วน สิ่งที่ควรระวังคือ เพลี้ยแป้งชอบเกาะลำต้นและใบ ถ้ามีเพลี้ยแป้งก็จะมีมดแดงจะทำให้ต้นยาเหี่ยวแห้งและตาย ต้องระวังสัตว์บางชนิดชอบกิน

ทุกท่านที่เจ็บป่วยเมื่อรับประทานยาแล้วก็ควรไปพบแพทย์และตรวจรักษาตามปกติ และทานยาตามแพทย์สั่ง ส่วนใบยานั้นควรเป็นใบยาเสริมให้เจ็บป่วยหายเร็วขึ้นเท่านั้น สตรีมีครรภ์ห้ามรับประทานใบยา

สำหรับผู้ที่ทานผักเป็นประจำ เช่น ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ หรือภาคใต้ จะทานเป็นผักแกล้มก้ได้ครับ เช่นทานกับลาบ จิ้มนำ้พริก







 

Create Date : 09 มกราคม 2553
1 comments
Last Update : 28 มกราคม 2553 17:39:33 น.
Counter : 1270 Pageviews.

 

ดีหลายครับ

 

โดย: เบื่องหลัง IP: 118.173.12.241 18 มกราคม 2553 9:16:41 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


banpeenuy
Location :
สุราษฏร์ธานี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]





Color Codes ป้ามด






Google


จัดการสีตัวอักษร
Color Codes ป้ามด








Friends' blogs
[Add banpeenuy's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.