เริ่มต้นปีใหม่ กับชีวิตใหม่
วันนี้วันที่ 1 มกราคม 2556 เข้าไปอ่านบล๊อกของตัวเอง เขียนครั้งสุดท้ายเมื่อเดือน สิงหาคม 2554
1 ปีที่ผ่านมา มีอะไรเกิดขึ้นมากมาย หลังจากที่ตอบปฎิเสธงานขายเครื่องสำอางที่ห้างไป แล้วก็กลับมาเรียน เป็นนักเรียนจนๆ เหมือนเดิม อาศัยว่าสอบได้เกรดดีหน่อย เลยไปสมัครเป็นติวเตอร์ เสียเลย แต่เงินก็ไม่ได้หรูอะไร แถมได้ชั่วโมงน้อยมากๆ ด้วย แต่ก็ดีอย่างนึง ว่า ไม่ต้องออกไปทำงานดึกๆ ไม่ต้องขับรถรามากมาย แล้วก็ตั้งใจเรียนให้มากๆ เป็นพอ
แต่มันเป็นปัญหาของเราเองหละ เรียนไปกำลังไปได้สวยนะ แต่เกิดอาการจิตตกว่า อายุก็ไม่ใช้เด็กๆ ยี่สิบเอ็ด ยี่สิบสองนะ แต่ยังไม่มีงานทำ (แล้วก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะมี สมัครงานเป็นร้อยๆที่แต่ไม่มีที่ไหนเรียกเลย จนอ่อนใจ) เป็นนักเรียนต๊อกต๋อย เงินก็ไม่มี กลับบ้านไปเมืองไทย มีคนมาเยี่ยมบ้านเรา แต่แท้จริงแล้ว เหมือนเขามาอวดร่ำรวยให้เราดูมากกว่า (จริงๆเราไม่ควรคิดแบบนี้เลย จริงอยู่ที่บ้านเรามันไม่หรู แต่ถ้ามีคนมาติ มาท้วงของกินของใช้ประตูหน้าต่างบ้านเรา บางทีมันรู้สึกว่า ไม่มาเยี่ยมเรา ยังจะดีเสียกว่า) รู้สึกสงสารแม่จับใจ อุตส่าห์ส่งให้เรียนสูงๆ ไปอยู่เมืองนอกแทนที่จะหางานการทำดีๆ ยังไปเรียนต่ออีก แล้วนี่อีกเมื่อไหร่จะจบ มองดูลุงป้าน้าอา ก็มีแต่ชาวนาชาวไร่ แต่ก่อนคงหวังพึ่งเราได้บ้าง แต่ต่อจากนี้ คงไม่รู้อีกเมื่อไหร่...
มีแต่สามีกับแม่ ที่ให้กำลังใจ ไม่กดดัน ให้ออกไปหาเงิน มีแต่บอกให้ทำหน้าที่ตัวเองตอนนี้ให้ดีที่สุด ญาติพี่น้องคนอื่นๆ ท่านก็ไม่กดดัน แต่เราคิดเอาเองว่า หากเราพอมีเงินบ้าง อยากกินเปรี้ยวกินหวาน คงพอได้ซื้อแบ่งกันกิน สิ่งของจำเป็นต่อพ่อแม่ เราคงมีปัญญาช่วยท่านได้บ้าง หากเราพอมีเงินบ้าง แต่ในใจคิดว่า หากยังอยู่เมืองไทย คงกำลังสอนที่มหาวิทยาลัยสักแห่ง ถึงเงินจะน้อย ก็คงยังพอมีเลี้ยงตัวเองได้อยู่ คงมีตำแหน่งการงาน ให้พ่อแม่ได้ภูมิใจ แต่ได้ตัดใจมาถึงขนาดนี้แล้ว จะมานั่งเสียดาย ก็คงเสียเวลาทำอย่างอื่น เลยตัดใจไม่คิดอะไรทั้งนั้น คิดเสียว่า ลองเชื่อแม่ กับสามีอีกสักครั้ง ไว้เรามีดีกรีจากทางนี้ อะไรๆ มันก็คงจะดีขึ้น
จนกระทั่งมีพี่คนไทย เขาส่งตำแหน่งงานมาให้ เป็นงานที่อยากทำมากๆ เขาเรียกไปสัมภาษณ์ แล้วก็ได้เลย
เราทำงานอย่างเพลิดเพลินมากได้ช่วงนึง เงินไม่มาก แต่เราก็ได้ชื่อว่าทำงาน แต่เราก็กำลังเรียนเทอมสุดท้ายพอดี ช่วงนี้ทำงานดึกทุกวัน เข้าเรียนเช้ามากๆ ทุกวัน เดือนแรกของการเปิดเรียน เราป่วย แต่ก็อดทนทำ จนเดือนที่ 2 ไม่ไหว ขอลาออก เราเสียใจและผิดหวังในตัวเองมากๆ แต่เราก็ต้องการเรียนให้จบเหมือนกัน ถึงแม้ว่า โอกาสที่จะได้งาน มันริบหรี่มาก...ช่วงเดียวกันนี้ ทางมหาวิทยาลัย ก็ให้ นักศึกษาที่เป็นรุ่น ซีเนียร์ ที่กำลังจะจบปีการศึกษานี้ ส่งเรสุเม่ไปให้ ดีพาร์ทเม้นแชร์ ตรวจทาน เพราะเขาจะเอาลง เรสุเม่ บุ๊ค ของรุ่น เราก็ทำส่งไป ไม่ได้คิดอะไร ไม่ได้คิดว่าจะได้อะไรจากมันหรอกนะ เขาบอกให้ทำอะไร ก็ทำ ส่วนตัวเวลานั้นขอตั้งใจเรียนให้จบอย่างเดียว งานหาไม่ได้ก็คงไม่เป็นไร เพราะหลังจากไปสอบใบ ซีพีเอ ผ่านแล้ว เราคงหางานง่ายขึ้น ทำใจไว้แล้ว เดี๋ยวเรียนจบไปสมัครงานร้านขายโดนัท ร้านขายของชำ พลางๆ รอสอบซีพีเอ ก็ได้(วะ)
ต่อมา ทางมหาวิทยาลัย มีจัด เนทเวิกกิ้ง อีเว้น เราก็ไป อย่างว่าหละ เขาบอกให้ทำอะไรก็ทำ เจอผู้หญิงคนเอเชีย อายุท่าทางน้อยกว่าเรา เป็นตัวแทนจากบริษัททำบัญชียักษ์ใหญ่ เขาทำงานเป็น ออดิท สต๊าฟ เราเห็นเขาท่าทางใจดี เลยเข้าไปคุย เด็กคนนั้นก็ท่าทางชอบเรามาก เขาก็ขอดูเรสุเม่เรา (จริงๆ เขาก็ขอจากทุกคนหละ เราเลยไม่หวังอะไร) 2 วิคต่อมา เขาส่งเมล์มา บอกให้เราเข้าไปสัมภาษณ์ เราดีใจมากๆ ตั้งตารอวันสัมภาษณ์แบบใจจดจ่อ
พอเราไปสัมภาษณ์ เขาก็ให้ทำแบบทดสอบก่อน ก็บัญชีง่ายๆ ค่ะ ทำได้ แต่เขามีคำถามต่อเราว่า ทำไมถึงอยากทำ พับบลิก แอคเค้าติ้ง ในใจคิดว่า ตายหละ ไม่รู้มาก่อนว่าเขาจะถามแบบนี้ เราก็คิดแต่ว่า ทำบัญชี ต้องทำกับบริษัท ตอบข้อนี้ไม่ได้ค่ะ เดาๆ มั่วๆไป แต่ผลข้อสอบทำบัญชี คงดี เลยได้เข้าสัมภาษณ์กับ ผู้จัดการ ขั้นตอนนี้จะรวบรัดนะคะ เราคิดว่าเราทำดีหละ เสียหน่อยตรงที่ตอบไม่ได้ว่า ทำไมอยากทำ พลับบลิก แอคเค้าติ้ง เค้าบอกให้รอ 2-3 วิคนะ เพราะเขาสัมภาษณ์คนเยอะ
2 วิค ต่อมา เราก็ได้รับโทรจากบริษัท ทำบัญชี อีกที่นึง ให้เข้าไปสัมภาษณ์ ในใจคิดว่า ไปเอาข้อมูลเรามาจากไหนน๊อ แต่ก็ตอบตกลงไปค่ะ
สัมภาษณ์ก็ผ่านไปด้วยดีนะ เขาก็ถามว่า ทำไมใช้ชื่อนี้ (ชื่อเล่น) ก็พูดให้ฟังว่ามาจากเมืองไทย เรียกว่าบอกเขาทุกเรื่อง เพราะท่าทางเขาคงอยากรู้ หน้าไทย ชื่อไทย (ฝรั่งไม่รู้หรอก ไทย ไม่ไทย แต่สามีเราคนฝรั่งไง เลยดูแปลกสำหรับเขามั้ง) แต่นามสกุลฝรั่ง สรุป ก็ดีหละ ดูท่าทางเขาชอบเรา แถมไปเรียกพาร์ทเนอร์อีกคนมาสัมภาษณ์ด้วย แต่เรารู้จักคู่แข่งเราไง เลยไม่หวังอะไรมาก กลับมาบ้านก็เขียนจดหมาย ไปขอบคุณเขา รอ2-3 วิค ก็ ฟอลโลอัพเหมือนเคยหละ...เงียบ
พอดีที่มหาลัยมีเพื่อนฝรั่งคนนึง สาวคนนี้น่ารักมาก เขาก็ถามๆ เรานะ ไปสัมภาษณ์เป็นไง น่าจะได้ไหม เราก็บอกไป ว่า รอนานแล้ว ไม่ติดต่อกลับมาสักที่ เพื่อนเลยว่า งั้นเขาจะช่วยเราหา เพราะเขาเองก็ได้งานเป็นหลักแล้ว (คือบริษัทที่ใหญ่ที่สุดมาจองตัวไว้ค่ะ เริ่ดไหมคะ) เราเลยเอาเรสุเม่ให้เพือนไป
ไม่นาน บริษัทที่เพื่อนแนะนำก็ติดต่อมา เป็นบริษัทเล็กๆ ทำภาษีอย่างเดียว ไปสัมภาษณ์แล้วเขาก็ตกลงรับเลย แต่เขายังไม่ส่งออฟเฟอร์มานะคะ ในใจเรา รู้สึกขอบคุณเขามากเลยที่เขาให้โอกาส
พอดีกับที่บริษัทยักษ์ใหญ่ติดต่อกลับมา ว่า ไม่จ้างเราค่ะ...ก็ไม่ผิดหวังนะ แต่เสียดายนิดๆ โอกาสที่จะก้าวหน้า คงเยอะ แต่ก็ดีใจ อย่างน้อยก็มีที่ทำภาษีไว้รองท้องหละ ไว้จะทำอะไรยังไงต่อไป ค่อยๆ คิด ค่อยๆ ทำไปก็แล้วกัน
พอดีสอบไฟนอลจบลง เราก็เตรียมพักผ่อนเต็มที่นะ จะได้ลุยงาน แต่วันศุกร์ก่อนวันคริสมาสต์ เราเปิดโทรศัพท์ ก็มีว๊อยเมล์ เราเลยเปิดฟัง มันมาจากบริษัทที่ไปสัมภาษณ์ไว้ ถามเราว่ายังสนใจตำแหน่งสตาฟ ออดิทเตอร์ ที่สัมภาษณ์ไว้ไหม แล้ว บอกให้เราโทรกลับค่ะ
ขอจบดื้อๆ แบบนี้หละ เราผ่านขั้นตอนการเจรจามากมาย กว่าจะมาถึงวันนี้ คิดว่าตัดสินใจไม่ผิด ตอนนี้มีความสุขและภูมิใจในตัวเองมากๆค่ะ
ขอสวัสดีปีใหม่ ทุกๆท่าน ขอให้มีความสุข สมความปรารถนา และขอให้มีกำลังใจ ต่อสู้เพื่อให้ถึงจุดหมาย ต่อไปค่ะ
Create Date : 02 มกราคม 2556 |
|
4 comments |
Last Update : 2 มกราคม 2556 1:21:33 น. |
Counter : 1387 Pageviews. |
|
|
|
สวัสดีปีใหม่ด้วย อวยชัย
มีสุขหมดทุกข์ภัย หลุดพ้น
เจริญรุ่งร่างฤทัย ร้ายดับ ลับแฮ
เอมอิ่มอมรล้น รักษ์นี้ มีให้กัน
งานเงินเจริญรุ่งรุ้ง เรืองรอง
ยศเพิ่มเติมเพชรทอง ส่งให้
บริวารเพื่อน ลูก น้อง นั้นอยู่ สุขเอย
ปกติดั่งได้ ดกด้วย ผลทวี
ต้นกล้า อาราดิน