วัคซีน HPV ลดความเสี่ยง จากมะเร็งปากมดลูก
HPV (Human papillomavirus) เป็นไวรัสที่ไม่มี envellope มีสารพันธุกรรมแบบ DNA ที่เป็นวงกลม สายคู่ ก่อการติดเชื้อทางเดินบุด้วยเยื่อเมือก anogenital tract เช่นปากมดลูก, ช่องคลอด, อวัยวะเพศชาย และรอบทวารหนัก ติดต่อโดยผ่านทางเพศสัมพันธ์
ไวรัส HPV อาจจะแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือ กลุ่มที่ทำให้เกิดรอยโรคผิวหนังและกลุ่มที่ทำให้เกิดรอยโรคที่ทวารหนักและอวัยวะสืบพันธุ์ กลุ่มหลังนี้มีไวรัส HPV ประมาณ 30 ชนิด ซึ่งแบ่งย่อยออกเป็น 3 กลุ่มตามศักยภาพในการก่อให้เกิดมะเร็ง ได้แก่
HPV ชนิดความเสี่ยงต่ำ ไม่ทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูก ส่วนใหญ่จะพบในหูดหงอนไก่แบบงอกจากผิวเยื่อบุ และรอยโรคภายเยื่อบุสเควมัสขั้นต่ำ พบได้น้อยมากในรอยโรคภายในเยื่อบุสเควมัสขั้นสูง โดยไม่พบ HPV ชนิดอื่นร่วมด้วยและไม่พบในมะเร็งระยะลุกลามเลย - HPV ชนิดความเสี่ยงปานกลาง ไม่ค่อยพบในหูดหงอนไก่แบบงอกจากผิวเยื่อบุแต่จะพบในหูดหงอนไก่แบบเรียบ รอยโรคภายในเยื่อบุสเควมัสขั้นต่ำ รอยโรคภายในเยื่อบุสเควมัสขั้นสูง และมะเร็งระยะลุกลาม
- HPV ชนิดความเสี่ยงปานกลาง
และชนิดความเสี่ยงสูง จัดว่าเป็นไวรัสที่ก่อมะเร็ง หรือสัมพันธ์กับการเกิดมะเร็ง เพราะเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดรอยโรคภายในเยื่อบุสเควมัสขั้นสูงและมะเร็งระยะลุกลาม บางท่านจึงจัดให้ไวรัส HPVชนิดความเสี่ยงปานกลางอยู่ในกลุ่มความเสี่ยงสูงเหมือนกัน ไวรัส
กลุ่มที่มีความเสี่ยงต่อโรค
เชื้อ HPV ไม่ได้เป็นปัจจัยเดียวที่ทำให้เป็นมะเร็งปากมดลูก ยังมีปัจจัยอื่นๆ ร่วมด้วยที่ทำให้การติดเชื้อไวรัส HPV คืบหน้าหรือดำเนินโรคต่อไปจนเป็นมะเร็งปากมดลูก ปัจจัยร่วมเหล่านี้กล่าวได้ว่าเป็นปัจจัยเสี่ยงของการเป็นมะเร็งปากมดลูก หรือทำให้เป็นมะเร็งปากมดลูกได้สูงขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับสตรีที่ไม่มีปัจจัยเสี่ยง ดังต่อไปนี้
- ปัจจัยเสี่ยงทางนรีเวชวิทยา
(gynecologic risk factors) การมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุน้อย ถ้าอายุน้อยกว่า 18 ปี จะมีความเสี่ยงสูงขึ้น 1.3 เท่า - การมีคู่นอนหลายคน ความเสี่ยงจะสูงขึ้น 2.5 เท่า และ 7 เท่า ถ้ามีคู่นอน 2 และ 3 คน ตามลำดับ
- การตั้งครรภ์หรือมีลูกหลายคน
มีประวัติเคยเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ไม่เคยได้รับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกมาก่อนเลย การรับประทานยาคุมกำเนิดเป็นระยะเวลานาน ๆความเสี่ยงสูงขึ้น 1.5 เท่าและ 2 เท่า ถ้าใช้ยาคุมกำเนิดนานกว่า 5 ปี และ 10 ปี
- ปัจจัยเสี่ยงทางฝ่ายชาย
(male factors หรือ high-risk husband) สตรีที่มีสามีเป็นมะเร็งอวัยวะเพศ (penile cancer) สตรีที่แต่งงานกับชายที่เคยมีภรรยาเป็นมะเร็งปากมดลูก ผู้ชายที่เคยเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ผู้ชายที่มีประสบการณ์ทางเพศตั้งแต่อายุน้อย - ผู้ชายที่มีคู่นอนหลายคน
- ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ (nongynecologic
risk factors) สตรีที่มีเศรษฐฐานะทางสังคมต่ำมีความเสี่ยงสูงขึ้นประมาณ 5 เท่า - การสูบบุหรี่
มีความเสี่ยงสูงขึ้น 2 เท่า ขึ้นกับปริมาณและระยะเวลาที่สูบ - ภาวะภูมิต้านทานต่ำ
ในประเทศไทยปัจจัยเสี่ยงหนึ่งที่สำคัญคือ การติดเชื้อไวรัสเอดส์ หรือ HIV นอกจากนั้นเป็นสตรีที่ได้รับยากดภูมิคุ้มกันเป็นเวลานานๆ
เนื่องจากระยะเวลาดำเนินโรคตั้งแต่ติดเชื้อ HPV จนกระทั่งเป็นมะเร็งปากมดลูกระยะลุกลามใช้เวลานาน 5-15 ปี ในช่วงนี้เซลล์ที่ปากมดลูกจะมีการเปลี่ยนแปลงรุนแรงขึ้นตามลำดับ ขึ้นกับความรุนแรงของการติดเชื้อ ชนิดของไวรัส HPV และภูมิต้านทานของผู้ป่วย ไวรัส HPV ที่เป็นสาเหตุสำคัญของมะเร็งปากมดลูกในประเทศไทยคือ HPV type 16 และHPV type 18 ด้วยระยะเวลาการดำเนินโรคกว่าจะเป็นมะเร็งปากมดลูกเนิ่นนานนี่เอง สตรีที่มีความเสี่ยงได้รับการตรวจคัดกรองเป็นระยะๆ ก็จะสามารถตรวจพบความผิดปกติของเซลล์ได ้ตั้งแต่ระยะแรกเริ่ม ซึ่งสามารถรักษาให้หายขาดได้ เป็นการตัดตอนไม่ให้โรคคืบหน้าเป็นมะเร็งปากมดลูกระยะลุกลาม
ควรเริ่มตรวจคัดกรองเมื่อไรและบ่อยแค่ไหน ?
ผู้หญิงที่มีอายุ 25 ปีขึ้นไป มีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งปากมดลูก ควรจะเริ่มมารับการตรวจคัดกรองหลังจากมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกไปแล้วอย่างน้อย 3-5 ปี โดยพิจารณาจากระยะเวลาเฉลี่ยที่ปากมดลูกเริ่มเปลี่ยนแปลงจากเซลล์ปกติจนเป็น carcinoma in situ จะใช้เวลาประมาณ 4.5 ปี หลังจากที่สัมผัสไวรัส HPV สำหรับความถี่ห่างในการตรวจนั้น อย่างน้อยก็ควรจะตรวจทุก 5 ปี เนื่องจากระยะเวลาจาก CIS คืบหน้าไปเป็นมะเร็งระยะลุกลามจะใช้เวลาประมาณ 5-10 ปี ความถี่ในการตรวจระยะแรกควรตรวจปีละครั้ง ถ้าได้ผลลบซึ่งหมายความว่าผลปกติ 3 ปีติดต่อกันก็อาจจะตรวจทุกๆ 3 ปีได้ แต่การตรวจทุกๆปีก็ยังมีข้อดีในการช่วยค้นหามะเร็งของมดลูก รังไข่ รวมถึงการตรวจหามะเร็งของเต้านมด้วย ดังนั้นจึงควรปรึกษาแพทย์ของท่านด้วย
แพคเกจวัคซีน HPV
Create Date : 21 มกราคม 2553 |
Last Update : 21 มกราคม 2553 14:09:32 น. |
|
2 comments
|
Counter : 717 Pageviews. |
|
|