ช่วงนี้ AKANEK ทำเรื่องวัสดุปูพื้นเยอะ ไม่ว่าจะเป็นพื้นไม้จริง พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ ที่จะพูดทางเลือกในการปูพื้นอยู่ 2-3 แบบ แต่ละแบบราคาก็ต่างกันไป ทำให้สงสัยว่าแต่ละแบบดียังงัย ก็เลยไปทำการบ้านมาให้คนที่กำลังจะปูพื้นว่า วิธีไหนเป็นอย่างไร ควรเลือกใช้วิธีปูแบบไหน ในสถานการณ์แบบไหน
คนที่มาให้ความรู้เป็นคนที่อยู่ในวงการปูพื้นไม้มานาน รับงานโครงการระดับกลางเป็นส่วนมาก ไม่ค่อยรับลูกค้าทางอินเตอร์เน็ตเพราะบอกว่าจะดูแต่ราคาอย่างเดียว (อืม ใครที่ดูแต่ราคาอย่างเดียว รู้ไว้ด้วยจ้า ^^) บวกกับข้อมูลที่เราเคยได้จากเซลส์ของเบลล์ฟลอร์ เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครบรส
พี่เขาเล่าให้ฟังถึงวิธีการปูพื้นไม้แบบต่างๆ ให้กับคนที่สนใจหรือคนที่กำลังจะมีโปรเจคปูพื้นไม้ จะได้รู้ว่าผู้รับเหมาเขาพูดถึงอะไร ควรมั๊ยที่เราจะเสียเงินมากขึ้น
มารู้จักวิธีการปูพื้นไม้ที่ช่างเขาทำกัน ทั่วไปแล้ว แบ่งเป็น 5 แบบ คือ
- ปูลอย ช่างจะปูไม้โดยที่ไม่มีส่วนใดของไม้ยึดหรือติดกับพื้นปูนเลย ไม่ใช้กาว ไม่ใช้ตะปู อาศัยระบบรางลิ้น รางเดือยของตัวไม้เอง
- ปูกาว ช่างจะปูไม้ทับลงไปบนพื้น ใช้กาวเป็นตัวยึดระหว่างไม้กับพื้น
- ปูรองไม้อัด ช่างจะปูไม้อัดแผ่นทากาวลาเท็กซ์ แล้วยึดด้วยตะปูคอนกรีตกับพื้น ก่อนที่จะปูไม้ทับลงไปแล้วใช้ตะปูลม/ตะปูเกลียวยิงยึด
- ปูตงลอย ช่างต้องวางตงไม้กับพื้นก่อนปูไม้ลงไปแล้วใช้ตะปูเกลียวยิงยึด หรือเสริมด้วยกาว
- ปูตงฝัง วิธีนี้จะซับซ้อนหลายขั้นตอนมากขึ้น ต้องวางตงไม้ลงในพื้นคอนกรีตก่อนเทคอนกรีตในช่องระหว่างตงไม้แต่ละชิ้น แล้วปูไม้ทับ ยึดไม้กับตงด้วยตะปูเกลียว หรือเสริมด้วยกาว
แค่เกริ่นก็ยาวแล้ว ถ้าลงรายละเอียดกันแล้วล่ะก็สาธยายกันอีกยาว กลัวว่าจะสับสนกันก่อนจะอ่านจบ เพราะฉะนั้น เราจะแบ่งบทความชุดเรื่องปูพื้นไม้ ออกเป็น 5 ตอน ค่อยๆ รู้จักไปแต่ละวิธี เริ่มกันที่วิธีปูพื้นไม้แบบปูลอย
ปูลอย
เป็นเทคนิคการปูพื้นไม้ที่ง่ายที่สุด ถูกที่สุด แล้วก็แน่นหนาแข็งแรงน้อยที่สุด (ในบางสถานการณ์ วิธีปูลอยก็เหมาะสมที่สุด) ตัวพื้นไม้จะไม่มีส่วนไหนยึดหรือติดกับพื้นปูนเลย ไม่ใช้กาว ไม่ใช้ตะปู อาศัยระบบ click system ที่ทำเป็นรางลิ้น รางเดือยของตัวไม้เอง ประกอบไม้แต่ละแผ่นเข้าด้วยกัน ส่วนใหญ่จะใช้กับพื้นลามิเนต พื้นไม้เอ็นจิเนียร์ หรือพวกพื้นไม้ทำสีสำเร็จ
ด้วยความที่ธรรมชาติของไม้ เมื่อมีความชื้นตัวพื้นไม้อาจจะโก่งได้ พื้นไม้บางเจ้าก็เลยแก้ปัญหาไม้เบียดกันจนโก่งตัวด้วยการลบเหลี่ยมมุมไม้แต่ละแผ่นออก เรียกกันว่า การทำร่อง V
ร่อง V ที่ว่านี้ บริษัทหรือโรงงานผลิตไม้ เขาจะลบเหลี่ยมมุมไม้ด้านบนออกเล็กน้อย (เล็กจนแทบมองไม่เห็น) เพื่อให้ไม้แต่ละแผ่นมีพื้นที่ว่างเล็กๆ เผื่อไว้ถ้าไม้มีการยืดหดตัว จะได้ไม่เบียดกันจนโก่งขึ้นมาเป็นตะเข็บ
วิธีการปู
ช่างจะเริ่มจากปูแผ่นโฟมหรือแผ่นยางหนาประมาณ 10มม. รองพื้นก่อน 1 ชั้นเป็นการปรับระดับพื้นให้ได้ระนาบเสมอกัน ตัวโฟมหรือแผ่นยางที่ว่านี้ยังช่วยดูดซับเสียง แล้วก็ช่วยป้องกันความชื้นจากพื้นปูนไม่ให้ขึ้นมาถึงพื้นไม้ได้อีกด้วย จากนั้นก็นำไม้แต่ละชิ้นมาปูประกอบเข้าด้วยกัน
แล้วโอกาสไหน ควรใช้วิธีปูลอย
พื้นไม้ที่เลือกใช้วิธีปูลอย ส่วนใหญ่จะใช้กับพื้นที่มีโอกาสรื้อ เปลี่ยนใหม่ เช่น ตามห้างร้าน หรือออฟฟิศสำนักงานเช่า หรือพื้นที่เช่าตามอาคารต่างๆ ก็เพราะว่าเทคนิคปูลอยจะประหยัดค่าใช้จ่ายมากที่สุด ไม่ต้องใช้กาว ไม่ใช้ตะปู มีแค่แผ่นโฟมหรือแผ่นยางหนาประมาณ 10มม. ปูรองพื้นก่อนที่จะปูไม้ทับลงไป เวลารื้อ ไม้เสียหายน้อยมาก ไม่ต้องมานั่งเลาะกาว ไม้ที่เลาะมา ก็ยังสามารถนำไปใช้ประโยชน์ต่อไดอีก
ข้อดี
- ปูเสร็จไว เข้าอยู่ได้เลย
- ค่าปูหรือค่าติดตั้งถูก
- ถอด รื้อ ประกอบใหม่ง่าย ไม้ไม่เสียหาย
ข้อเสีย
- เวลาเดินจะรู้สึกยวบๆ ไม่แน่น ไม่มั่นคง
- ถ้าวัสดุปูรองบางเกินไป เวลาเดินจะได้ยินเสียงกร๊อบแกร๊บ
เรื่องปูลอยก็ขอจบกันเท่านี้ หากใครเคยมีประสบการณ์การปูลอย หรือช่างหรือผู้รับเหมาที่มีความรู้เรื่องปูลอย ก็แชร์ประสบการณ์กันได้ค่ะ
คราวหน้าเรามาดูวิธีปูพื้นแบบปูกาวกันต่อค่ะ