แชร์ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับบ้าน เลือกแบบ เลือกสถาปนิกออกแบบ เลือกช่าง เลือกวัสดุ จนถึงการดูแลรักษา ซ่อมแซมปรับปรุง พ่วงด้วยประสบการณ์การเดินทาง ออกท่องเที่ยว
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2556
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
27 พฤษภาคม 2556
 
All Blogs
 
ติดฟิลม์กันร้อนให้คอนโดฯ เลือกแบบไหนดี?

ใครกำลังคิดจะติดฟิล์มกันร้อนที่บ้านหรือที่คอนโดฯ  อยากให้อ่าน ได้ความรู้ฟิล์มกันร้อนด้วย 

อ่านฉบับเต็มได้ที่นี่ //community.akanek.com/th/node/3371

เรื่องติดฟิล์มกันความร้อนที่กระจกหน้าต่าง กลายเป็นเรื่องปรกติไปแล้วสำหรับคนอยู่คอนโดฯ (อารมณ์คงคล้ายๆ ซื้อบ้านแล้วยังต้องซื้อกันสาดติดเพิ่ม) ส่วนหนึ่งก็มาจากการออกแบบห้องที่เดี๋ยวนี้จะเน้นเปิดวิวให้เห็นทัศนีภาพสวยๆ กว้างๆ (ไหนๆ ก็ได้อยู่บนที่สูงแล้วนิ) แต่คนที่ซื้อห้องที่อยู่ฝั่งทิศใต้หรือทิศตะวันตกก็รับแจกพอต รับแดดยามบ่ายกันเต็มๆ สุดท้ายแล้ว ผ้าม่านก็เอาไม่อยู่ต้องหันไปพึ่งฟิล์มกันความร้อนแทน

ก่อนหน้านี้ก็มีแฟนของเอกเขนกมาเล่าให้ฟังว่ากำลังเลือกฟิล์มกันร้อนติดคอนโดฯ ทำการบ้านเองแล้วแต่ข้อมูลเยอะเหลือเกิน อยากให้เราช่วยแนะนำให้หน่อย... เอาล่ะซิ AKANEK เองก็ไม่เคยมีประสบการณ์เสียด้วยซิ จะมีก็แต่เลือกฟิล์มติดรถยนต์ ตัวเลือกก็ไมได้มากมายอะไร จะเลือกยี่ห้อไหนก็จิ้มๆ เอา จะให้แสงเข้ามามากเข้าน้อย 40 60 หรือ 80 ก็เลือกเอาตามใจชอบ  แต่พอเป็นฟิล์มกันร้อนสำหรับบ้านหรือคอนโดฯ แล้ว ก็เล่นเอางงไปเหมือนกัน  วันก่อนที่ไปเดินในงานสถาปนิกผ่านบูธฟิล์มกรองแสงก็เลยถือโอกาสแวะเข้าไปขอความรู้เรื่องฟิล์มกันร้อนมาฝากกัน



 ความร้อนมาจากไหน? 

จะเลือกฟิล์มกันความร้อนที่ให้ประสิทธิภาพการลดความร้อนได้ดี ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องความร้อนที่มากับแสงแดดกันก่อน  ในแสงแดดที่เรารู้จักกัน ประกอบด้วย 3 ส่วนรวมกัน คือ แสงสว่าง รังสีอินฟาเรด และรังสีอัลตราไวโอเลต (UV)

ส่วนที่เป็นแสงสว่าง  ก็ตามชื่อเลย เป็นส่วนที่ให้ความสว่าง ทำให้เรามองเห็นสิ่งต่างๆ และทำให้เกิดการสะสมความร้อนได้  เวลาที่แสงสว่างมากเกินไป ก็จะทำให้แสงจ้าจนเรามองไม่เห็นได้

ส่วนที่เป็นรังสีอินฟาเรด  รังสีอินฟาเรดคือองค์ประกอบหลักของแสงแดดที่เป็นตัวทำให้เกิดความร้อน   ทำให้รู้สึกร้อนแสบผิวเวลาที่โดนแดดนานๆ

และสุดท้ายส่วนที่เป็น รังสีอัลตราไวโอเลต (UV)  UV ในแสงแดดไม่ช่วยให้เรามองเห็น ไม่ทำให้เราร้อน  แต่เป็นรังสีที่ทุกคนเลี่ยง เพราะเป็นตัวที่ทำให้เราเกิด กระ ฝ้า ผิวคล้ำ มีริ้วรอย หรือเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งผิวหนังได้ ถ้าแสง UV ส่องที่จุดไหนในคอนโดนานๆ ผนัง เฟอร์นิเจอร์ ผ้าม่าน หรืออะไรก็แล้วแต่  จะสีซีดหรือเปลี่ยนสี ถ้าเป็นเฟอร์นิเจอร์หนังหรือพลาสติก ก็กรอบ แตก หรือเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าก็จะอายุการใช้งานสั้นลง

เพราะแสงมีองค์ประกอบหลายส่วนอย่างนี้นี่เอง  ฟิลม์ติดอาคารจึงต้องมีคุณสมบัติตอบโจทย์องค์ประกอบของแสงทั้งสามชนิดนี้ คือ หนึ่งต้องให้แสงสว่างเข้ามาได้มากตามที่เราต้องการ สอง บล๊อกความร้อนและรังสียูวีไม่ให้เข้าห้องให้ได้มากที่สุดโดยที่ไม่ลดแสงสว่าง (เดี๋ยวนี้ฟิลม์ทุกยี่ห้อ ทุกเจ้าเคลมว่าป้องกันรังสียูวีได้ 99% กันทุกคน)



 เลือกฟิล์มตามคุณสมบัติที่ต้องการ 

ส่วนใหญ่แล้ว เวลาเลือกฟิล์มกันร้อนติดอาคารบ้านเรือนกัน เราก็จะมองแค่ว่าจะกันความร้อนได้แค่ไหน  แสงจะส่องเข้ามาได้มากน้อยแค่ไหน  แต่ไหนๆ ก็จะเสียเงินติดฟิลม์กันแล้ว ผู้ผลิตฟิลม์ยี่ห้อต่างๆ ก็ใจดี แถมคุณสมบัติอื่นๆ บนตัวฟิลม์มาให้อีกเยอะ จนทำให้เจ้าของบ้าน เจ้าของคอนโดงงว่า ตัวเลขสารพัดตัวเลขที่เห็นแปลว่าอะไร  มาดูกันว่าฟิลม์ติดอาคารที่ขายกัน มีคุณสมบัติอะไรกันบ้าง    

  1. กันความร้อนไม่ให้เข้ามาในห้องได้  ทำให้ห้องเย็นลง แอร์จะได้ทำงานน้อยลง แล้วก็จะประหยัดไฟมากขึ้น  ตัวเลขที่วัดค่านี้คือ ค่าลดความร้อนจากแสงแดด (Total Solar Energy Rejected) ตัวเลขยิ่งสูง แปลว่าความร้อนจะเข้ามาได้น้อย  ตัวเลขที่คู่กับตัวนี้คือค่าส่งผ่านพลังงานแสงอาทิตย์  (Solar Transmittance) ที่วัดว่ารังสีเนียร์อิฟาเรดผ่านเข้ามาได้มากเท่าไหร่  ค่านี้ตัวเลขนี้ ยิ่งต่ำยิ่งดี 
  2. กันรังสียูวีที่นอกจากจะทำให้ผิวเราแก่ก่อนวัยแล้ว ยังเป็นตัวที่ทำให้เฟอร์นิเจอร์ ผ้าม่านของเราสีซีดเร็วก่อนเวลาอันควร  แต่โชคดีหน่อยว่า เดี๋ยวนี้ ฟิล์มเกือบทุกยี่ห้อเขาสามารถป้องกันรังสียูวีได้ถึง 99% - 99.9% ได้เหมือนกันหมดแล้ว ตัวนี้ก็ดูที่ค่า % การส่องผ่าน UV (Utraviolet Transmittance)  
  3. บางคนชอบกระจกใสๆ มองเป็นวิวทิวทัศน์ภายนอกที่ให้สีสันตามธรรมชาติ  สี ภาพไม่ผิดเพี้ยน บิดเบี้ยว คุณสมบัตินี้พิเศษเพราะยิ่งให้สีสันตามธรรมชาติเท่าไหร่ ก็แปลว่ากระจกจะต้องใสเท่านั้น มีการใส่สีลงไปในเนื้อฟิลม์น้อยถึงน้อยที่สุด  แต่สิ่งซึ่งจะตามมาคือการกันความร้อนก็จะลดลง  ตัวนี้จะเรียกว่าเป็นตัวสำคัญในการกำหนดความพิเศษของฟิลม์ก็ว่าได้ ฟิลม์รุ่นไหน ยี่ห้อไหน ที่ให้สีเหมือนธรรมชาติมากที่สุด ในขณะที่กันความร้อนเข้ามาได้มากที่สุด และลดแสงจ้าได้มาก  คุณสมบัตินี้ไม่มีค่าวัด ทราบได้ด้วยสายตาของเราเอง  อยากรู้ว่าสีของกระจกมีผลอย่างไรกับสิ่งที่เรามองเห็น ก็เข้าไปเล่นดูกันได้ที่  ตัวอย่างฟิลม์ติดกระจกสีต่างๆ
  4. ลดแสงจ้า  แสงที่สว่างมากไปก็จะทำให้แสบตา  ฟิล์มที่มีคุณสมบัตินี้ได้ดูได้จากค่าการส่องผ่าน ( Visible Light Transmittance) ต่ำๆ  ฟิล์มที่ลดความจ้าได้มาก  มักจะทำให้ห้องมืดลง  เจ้าของห้องก็คงต้องเลือกหาความเหมาะสมที่ลงตัว
  5. ให้ความเป็นส่วนตัว กระจกใสให้ความเป็นส่วนตัวน้อย ยิ่งตอนกลางคืนยิ่งเห็นชัด  ตัวฟิลม์ก็เลยต้องเพิ่มคุณสมบัติให้ตัวนี้เข้ามาให้คนมองเข้ามาไม่ได้ง่ายๆ  วิธีที่ใช้กันส่วนใหญ่ก็คือการผสมหรือเคลือบโลหะลงบนเนื้อฟิลม์ที่นอกจากจะช่วยให้ เกิดเงาสะท้อนทำให้คนมองเข้ามาได้ไม่ดีแล้ว ยังเป็นตัวสะท้อนความร้อนอย่างดีอีกด้วย  ฟิล์มที่เคลือบโลหะสูงๆ  ช่วยพรางสายตาได้ดีกว่าจะกระจกใส  ถ้าชอบความเป็นส่วนตัว ไม่อยากให้ใครเห็นภายในห้องในบ้านของเรา ก็ต้องเลือกฟิล์มเคลือบโลหะหรือฟิล์มปรอทที่ทำให้กระจกใสมีคุณสมบัติคล้ายกระจกเงา และจะมีสีต่างๆ ขึ้นอยู่กับโลหะที่ใช้ เช่นอลูมิเนียม สเตนเลส เป็นต้น
  6. บางคน (หมายถึงเจ้าของตึก) อาจจะชอบให้ตึกของตัวเองดูสวยงามเมื่อมองจากภายนอก และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมโดยรอบ เช่น กระจกไม่สะท้อนแสงจนนกบินมาชนกระจก หรือแสงสะท้อนแว๊บๆ  เข้าบ้านคนอื่นหรือเข้าตาคนที่ขับรถผ่านไปผ่านมา  หรือกระจกเงาว๊าบจนนกบินมาชนกระจกทุกวัน (ไม่ได้พูดเล่นนะคะ  นกชนกระจกตายปีหนึ่งนับพันตัวทั่วโลก)
  7. บางคนต้องการความปลอดภัยมากขึ้น  ถึงแม้กระจกที่ติดตั้งในคอนโดส่วนใหญ่จะเป็นกระจกนิรภัยอยู่แล้ว  เจ้าของห้องก็ยังสามารถเพิ่มความอุ่นใจอีกหนึ่งชั้นด้วยฟิลม์ที่จะพยุงกระจกที่แตกไม่มีเศษกระจายออกมา หล่นลงไปสร้างความเสียหายคนหรือทรัพย์สินที่อยู่ข้างล่าง ฟิล์มทั่วๆ ก็จะมีคุณสมบัตินี้อยู่แล้ว
  8. บางคนเน้นเรื่องคุณภาพของฟิล์ม  ติดตั้งแล้วใช้ได้นานแค่ไหน จะบวมพอง เป็นฟองอากาศหรือเปล่า เป็นรอยขีดข่วนง่ายหรือไม่ ปัญหาพวกนี้ ถ้าเป็นฟิล์มเกรดดีๆ ก็มีการป้องกันหมดทุกเจ้าอยู่แล้ว 

จะเห็นว่าฟิลม์ให้คุณสมบัติต่างๆ ตามความต้องการของเราได้มากมายขนาดนี้ ข้อมูลทางด้านเทคนิคก็ย่อมเยอะเป็นธรรมดา  และก็ต้องยอมรับว่าคุณสมบัติแต่ละอย่างของฟิล์ม  ได้อย่าง เสียอย่าง  อยู่ที่ว่าเจ้าของห้องจะเลือกเก็บอะไรไว้ และยอมปล่อยอะไรบ้าง


อันนี้ยกมาแค่บางส่วนเท่านั้น บทความค่อนข้างยาว เข้าไปอ่านฉบับเต็มได้ที่นี่  //community.akanek.com/th/node/3371




Create Date : 27 พฤษภาคม 2556
Last Update : 27 พฤษภาคม 2556 10:29:48 น. 0 comments
Counter : 2631 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

แบม แลบดำ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




แชร์กัน แบ่งปันความรู้ที่ตัวเองได้รับมาฟรีๆ ต้องรู้จักแบ่งปัน ส่งต่อ

Friends' blogs
[Add แบม แลบดำ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.