|
แรงกดดันทางการเมือง--ดร.ยศ สันตสมบัติ--จุดประกาย กรุงเทพธุรกิจ
แรงกดดันทางการเมือง
11 พฤษภาคม 2549 18:17 น. ๐ ยศ สันตสมบัติ
การที่ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยให้การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 เมษายน ที่ผ่านมาไม่ชอบด้วยกฎหมาย นับเป็นการผ่าทางตันให้กับวิกฤตการณ์ทางการเมืองที่สังคมไทยกำลังเผชิญหน้าอยู่ในเวลานี้
ก้าวต่อไปของการคลี่คลายปัญหาตามครรลองของระบอบประชาธิปไตย คือการจัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไปขึ้นเพื่อให้ประเทศไทยมีรัฐสภาเป็นเวทีทางการเมือง และกลไกในการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ เพื่อไม่ให้สภาวะสุญญากาศทางการเมืองดำรงอยู่ต่อเนื่องยาวนานจนส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจและการลงทุนย่ำแย่ลงไปอีก
วันนี้ สภาวะวิกฤติทางการเมืองเริ่มคลี่คลายลง หากแต่สงครามทิฐิระหว่างกลุ่มพันธมิตร พรรคไทยรักไทย และคณะกรรมการการเลือกตั้ง ยังคงทำให้แรงกดดันทางการเมืองดำรงอยู่ในระดับรุนแรง
คณะกรรมการการเลือกตั้งหรือ กกต.นั้นอยู่ในสภาวะง่อนแง่นเต็มทีเพราะข้อหาขาดความชอบธรรมในหลายประเด็นด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการอิงแอบแนบชิดเอียงเข้าข้างรัฐบาลเมื่อคราวกำหนดวันเลือกตั้ง 2 เมษายน ที่ผ่านมา ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าให้ประโยชน์แก่พรรครัฐบาล จนฝ่ายค้านบอยคอตการเลือกตั้ง ที่สำคัญคือคำวินิจฉัยของศาลที่ให้การเลือกตั้ง 2 เมษายน เป็นโมฆะเพราะไม่ชอบด้วยกฎหมาย เท่ากับเป็นการตำหนิ วิพากษ์วิจารณ์และลดความชอบธรรมของ กกต. ลงไปอีก
ทิฐิของ กกต.ที่ไม่ยอมรับความเห็นของหลายฝ่ายที่วิพากษ์วิจารณ์การทำงานของตน รวมทั้งการยืนยันไม่ยอมลาออก ส่งผลให้แรงกดดันทางการเมืองยังอยู่ในระดับรุนแรง เพราะหลายคนไม่เชื่อในความสัตย์ซื่อยุติธรรมของ กกต. และมองว่า กกต.ชุดนี้ขาดความชอบธรรมที่จะอยู่ในตำแหน่งหน้าที่ต่อไปอีก
ทิฐิของพรรคไทยรักไทยที่ยังคงใช้กลไกของอำนาจรัฐกล่าวโทษแกนนำกลุ่มพันธมิตรในข้อหาหนักหลายข้อ เกี่ยวกับการชุมนุมประท้วงต่อต้านระบอบทักษิณในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา รวมทั้งทิฐิของพรรคไทยรักไทยที่ยังคงยืนยันให้คุณทักษิณเป็นส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับที่หนึ่ง หรือว่าที่นายกรัฐมนตรีหากพรรคไทยรักไทยชนะการเลือกตั้งคราวหน้า ทั้งๆ ที่คุณทักษิณเองได้ประกาศเว้นวรรคทางการเมืองไปแล้ว
ท่าทีของลูกน้องคนสนิทในพรรคไทยรักไทยได้สร้างแรงกดดันและความไม่พอใจแก่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งหลายล้านคน ที่ออกไปแสดงพลังด้วยการประกาศ 'ไม่เลือกใคร' และประกาศเจตนารมณ์ว่าไม่ยอมรับพฤติกรรมและความชอบธรรมของผู้นำรัฐบาลอีกต่อไป การยืนยันว่าทักษิณจะกลับมา อาจเกิดจากความกังวลใจของแกนนำพรรคไทยรักไทยว่า หากปราศจากหัวหน้าพรรค โอกาสที่จะชนะการเลือกตั้งกลับเข้ามายึดกุมอำนาจบริหารประเทศชาติต่อไปย่อมลดลง และโอกาสที่พรรคจะแยกออกเป็นเสี่ยงๆ ก็เพิ่มขึ้น
แต่ในขณะเดียวกัน การยืนยันว่าทักษิณจะกลับมา เป็นอีกเงื่อนไขหนึ่งที่สร้างแรงกดดันทางการเมืองให้ยังคงอยู่ในระดับสูงต่อไป และทำให้แกนนำกลุ่มพันธมิตรออกมาให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ประกาศจุดยืนเรียกร้องให้คุณทักษิณออกจากเวทีการเมืองอย่างถาวร
ทิฐิของกลุ่มพันธมิตรที่ประกาศจุดยืนขับไล่นายกฯทักษิณตลอดกาล เป็นอีกเงื่อนไขหนึ่งที่ทำให้บรรยากาศทางการเมืองยังคงตึงเครียดต่อไป
จุดยืนดังกล่าวนับว่ามีข้อบกพร่องสำคัญอย่างน้อย 2 ประการด้วยกัน
ประการแรก จุดยืนขับไล่นายกฯทักษิณตลอดกาล ทำให้ท่าทีของกลุ่มพันธมิตรเป็นการต่อต้านตัวบุคคลจนเกินไป แทนที่จะเป็นการต่อต้านเผด็จการรัฐสภา และผลประโยชน์ทับซ้อนของนักการเมืองที่อาสาเข้ามาบริหารบ้านเมือง
เราไม่มีหลักประกันเลยว่าหากคุณทักษิณส่งทายาททางการเมืองมาดำรงตำแหน่งแทนแล้ว ผลประโยชน์ทับซ้อนจะหมดไป ในทางตรงกันข้าม ผลประโยชน์ทับซ้อนแอบแฝงอาจตรวจสอบได้ยากขึ้นและเป็นอันตรายต่อบ้านเมืองยิ่งกว่าเดิม
ประการที่สอง คุณทักษิณในฐานะประชาชนคนไทยคนหนึ่ง และในฐานะนักการเมืองที่มีประชาชนหลายล้านคนมอบความไว้วางใจและลงคะแนนเสียงให้เข้ามาบริหารประเทศ ย่อมมีสิทธิที่จะลงแข่งขันทางการเมือง ตราบใดที่สิทธินั้นยังไม่ถูกเพิกถอนโดยคำสั่งศาล ดังเช่น นักการเมืองหลายคนเคยถูกเพิกถอนสิทธิมาก่อน
การต่อต้านตัวบุคคลทำให้หลักการของการสร้างระบบตรวจสอบอำนาจรัฐ และการปฏิรูปทางการเมืองถูกลดทอนความสำคัญลงไป
ด้วยเหตุนี้เอง ทิฐิของกลุ่มพันธมิตรจึงเป็นอุปสรรคต่อการเดินหน้าพัฒนาระบบการเมืองไทย
นับเนื่องแต่กึ่งพุทธกาลเป็นต้นมา การเจริญเติบโตของระบอบประชาธิปไตยไทยไม่เคยเกิดขึ้นจากน้ำมือของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) หรือสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.)
พูดแบบฟันธงให้เข้าใจง่ายสำหรับนักการเมืองที่คิดซับซ้อนไม่เป็นก็คือ นักการเมืองในระบบ มีส่วนเกี่ยวข้องกับการพัฒนาระบบการเมืองไทยน้อยมาก พัฒนาการทางการเมืองครั้งสำคัญๆ ล้วนแล้วแต่เกิดจากการต่อสู้ของประชาชน ไม่ว่าจะในเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 และ 6 ตุลาคม 2519 ไปจนถึงพฤษภาคม 2535
ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเหล่านี้ ประชาชนคนไทยต่อสู้ขับเคี่ยวกับเผด็จการเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยมาอย่างยืดเยื้อยาวนาน พวกเขาเหล่านั้นโหยหาเสรีภาพทางการเมือง และฝันเห็นสังคมที่ดีขึ้น ความฝันเหล่านี้คืออาหารหล่อเลี้ยงดวงวิญญาณอันเหนื่อยล้าและบอบช้ำของวีรชนคนไทย ซึ่งพลีเลือดเนื้อสร้างระบอบประชาธิปไตยให้นักการเมืองมานั่งเถลิงอำนาจตีฝีปากด่าทอกันอยู่ในวันนี้
เราได้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่มาเมื่อ 9 ปีก่อน ก็ด้วยธงเขียวที่โบกไสวไปทั้งบ้านทั้งเมืองตลอด 9 ปีที่ผ่านมาเช่นเดียวกัน ขบวนการปฏิรูปการเมืองที่ดำเนินต่อเนื่องมาจากรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ก็ต้องผ่านมรสุมแห่งอุปสรรคขวากหนามและความลุ่มดอนมาโดยตลอด นักการเมืองพยายามกีดกันและแทรกแซงการจัดตั้งองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญด้วยการยื้อกฎหมาย ไปจนถึงความพยายามที่จะเอาพรรคพวกของตนเข้าไปอยู่ในองค์กรเหล่านั้น
ภาพปรากฏของประชาธิปไตยไทยในปัจจุบันจึงมีลักษณะของพัฒนาการที่คู่ขนานกัน
ด้านหนึ่งเป็นความพยายามของภาคประชาชน ที่จะพัฒนาระบอบการเมืองให้เจริญก้าวหน้าขึ้นภายในกรอบและเจตนารมณ์แห่งรัฐธรรมนูญ ในขณะที่อีกด้านหนึ่ง นักการเมืองอาชีพ ไม่ว่าจะสังกัดพรรคใดก็ตาม ก็ยังคงความเป็น 'นักเลือกตั้ง' อย่างหนา แบบเดียวกับที่เป็นมาเมื่อ 20 ปีก่อน
นักการเมืองเหล่านี้ยังคงมองรัฐสภาเป็นเวทีการเมืองที่ชอบธรรมเพียงประการเดียว แต่กลับมองการเมืองภาคประชาชนด้วยสายตาหวาดระแวง
ประชาธิปไตย ตามความเข้าใจและการตีความของนักการเมืองเหล่านี้ จึงเป็นเพียงวิธีการอ้างความชอบธรรมจากการเลือกตั้งมาทำหน้าที่ผู้แทน อีกทั้งการอ้างคนหมู่มากมายึดอำนาจการปกครองไปจากประชาชน
สงครามทิฐิที่กำลังดำเนินไปในสังคมไทยเวลานี้ เกิดจากความต้องการเอาชนะ โดยแต่ละฝ่ายไม่เคยมองว่า ประเด็นพื้นฐานในขณะนี้อยู่ที่ว่า ทำอย่างไรเราจึงจะผลักดันให้การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในเวลาอันใกล้นี้มีความบริสุทธิ์ยุติธรรมมากขึ้นกว่าที่ผ่านมา มีกลุ่มและองค์กรอิสระต่างๆ เข้ามาทำหน้าที่ตรวจสอบการเลือกตั้งและคานอำนาจซึ่งกันและกัน เพื่อให้เราได้รัฐสภาชุดใหม่ และกระบวนการปฏิรูปทางการเมืองสามารถดำเนินต่อไป
ในเวลานี้ สงครามทิฐิเป็นอุปสรรคที่แท้จริงต่อความพยายามในการปฏิรูปการเมืองและสร้างกติกาทางการเมืองแบบใหม่ขึ้นในสังคมไทย
..........................................
วิจารณ์
การที่อาจารย์ยศใช้คำว่า "ทิฐิ" ก็มีส่วนถูกส่วนหนึ่งนะครับ แต่บทวิเคราะห์อันนี้อยากให้มองปัญหาให้ลึกไปกว่านั้นอีกว่า "ทำไมที่ผ่านมาการเมืองภาคประชาชนจึงไม่มีความคืบหน้าเท่าที่ควร ปัญหามันอยู่ที่ตรงไหน และจะทำกันอย่างไรต่อไป" เพราะการเมืองในระบบยังไปไม่ถึงไหน การที่มีกกต.และระบบจัดการเลือกตั้งที่ดี ก็อาจจะเป็นหลักประกันอันหนึ่งที่จะทำให้การเลือกตั้งมีความบริสุทธิ์ยุติธรรม แต่ถ้าตราบใดที่คะแนนจัดตั้งในชนบทหรือการซื้อเสียงด้วยนโยบายที่พรรคการเมืองกระทำกันอยู่ก็คงไม่ทำให้การซื้อเสียงหมดไปโดยสิ้นเชิง
อะไรคือวิถีทางที่ควรจะเป็นไปในโลกของความเป็นจริงในการพัฒนาการเมืองไทยในโอกาสต่อไป ก็คงหนีไม่พ้นการทำให้การเมืองภาคประชาชนเข้มแข็ง นั่นคือสามารถตรวจสอบการทำงานของนักการเมืองในระบบได้อย่างต่อเนื่อง...
|
|
|
|
|
|
ลิ้งค์ บล็อกที่แล้ว คลิกที่นี่ครับ
เพื่อนท่านใดสนใจจะเข้าร่วมกิจกรรมกับเด็กชาวเขาเผ่ากระเหรี่ยงที่จังหวัดกาญจนบุรี ลองไปอ่านรายละเอียดทั้งหมดตามลิ้งนี้ครับ
ลิ้งค์ บล็อกคุณลำน้ำ C คลิก
Create Date : 15 พฤษภาคม 2549 |
Last Update : 15 พฤษภาคม 2549 14:55:55 น. |
|
13 comments
|
Counter : 695 Pageviews. |
|
|
|
โดย: โสมรัศมี วันที่: 15 พฤษภาคม 2549 เวลา:13:53:17 น. |
|
|
|
โดย: กุมภีน วันที่: 15 พฤษภาคม 2549 เวลา:15:12:00 น. |
|
|
|
โดย: run to me วันที่: 15 พฤษภาคม 2549 เวลา:17:57:21 น. |
|
|
|
โดย: ชายคา วันที่: 15 พฤษภาคม 2549 เวลา:19:35:15 น. |
|
|
|
โดย: คนเดินดินฯ วันที่: 15 พฤษภาคม 2549 เวลา:22:53:39 น. |
|
|
|
โดย: กระจ้อน วันที่: 16 พฤษภาคม 2549 เวลา:7:54:18 น. |
|
|
|
โดย: หนี่หนีหนี้ (แพรวขวัญ ) วันที่: 16 พฤษภาคม 2549 เวลา:8:12:42 น. |
|
|
|
โดย: ประกายดาว วันที่: 16 พฤษภาคม 2549 เวลา:11:11:20 น. |
|
|
|
โดย: คนเดินดินฯ วันที่: 16 พฤษภาคม 2549 เวลา:12:38:09 น. |
|
|
|
โดย: คนเดินดินฯ วันที่: 16 พฤษภาคม 2549 เวลา:12:42:59 น. |
|
|
|
โดย: คนเดินดินฯ วันที่: 16 พฤษภาคม 2549 เวลา:12:50:11 น. |
|
|
|
โดย: run to me วันที่: 16 พฤษภาคม 2549 เวลา:16:18:08 น. |
|
|
|
|
|
|
|
หากเป็นการช่วยให้สถานการณ์วุ่นวาย หรือปัยหาของบ้านเมืองผ่านไปได้ไวไว
ใครช่วยได้ ก็ช่วยๆกันไปเถอะครับ อย่าทิฐิ กันเลย